Share

Chapter 2 ดันเจี้ยนแห่งรากเหง้า(1)

last update Last Updated: 2025-04-21 16:33:32

"เฟลอร์! ลูกกล้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน!?"

เสียงสูงบาดเเก้วหูของหญิงสาวผมเทาดังขึ้น เธอคือแม่ของเฟลอร์ หัวหน้าตระกูลไฮปาเตียส อเดลีน ฟอน ไฮปาเตียส

มันทำให้เฟลอร์คิดถึงเรื่องราวที่คุณครูสอนการเมืองเล่าให้เธอฟัง

แม่ของเธอเป็น1ใน3อัครเสนาบดีของอาณาจักรวัลทอร์เรีย ซึ่งแบ่งเป็น3เขตการดูแล

แบ่งเป็น เขตตะวันออก เขตตะวันตก และเขตเมืองหลวง

แม่ของเธอดูแลเขตเมืองหลวง

ในอดีตว่ากันว่า เธอเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเคาท์ไฮปาเตียสที่กำลังล่มสลาย จนเธอได้เข้าร่วมสงครามระหว่างอาณาจักรไกเซอร์รีสและอาณาจักรวัลทอร์เรีย

และได้ทำผลงานอันยิ่งใหญ่

นั้นคือการนำกองทัพจนสามารถเอาชนะอาณาจักรไกเซอร์รีสได้ และได้การปรบรางวัลเป็นความมั่งคั่งอันมหาศาลและเกียรติยศอันล้นเหลือ

จากตระกูลเคาท์ที่ใกล้ล่มสลาย แปรเปลี่ยนเป็นตระกูลดยุคอันทรงเกียรติภายในพริบตาเดียว

ในวันฟ้าใสวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังกลับเมืองหลวงจากภารกิจ เธอได้พบรักกับลูกชายคนสุดท้องของบารอน

เธอหลงในสเน่ห์และความหล่อเหลาของ ซิลเวสเตร ฟอน ซามูเอลจนโงหัวไม่ขึ้น 

ซิลเวสเตร ฟอน ซามูเอล ชายหนุ่มผู้งดงามราวภาพวาด มีรอยยิ้มอ่อนโยนและวาจานุ่มนวลยิ่งกว่าใคร ท่ามกลางเหล่าทหารหยาบกระด้างและชีวิตที่เต็มไปด้วยเลือดและดินปืน เขาคือแสงอาทิตย์เพียงหนึ่งเดียวที่สาดส่องหัวใจของอเดลีน

เธอรักเขา รักเสียจนพร้อมจะแลกทุกสิ่ง แม้กระทั่งชื่อเสียงหรือสายตาของราชสภา

ดังนั้น เมื่อราชินีแอกเนสทรงประทานอนุญาต องค์ราชินีได้แต่งตั้งซิลเวสเตรให้เป็นสามีของดยุคอเดลีน ฟอน ไฮปาเตียส ตามกฎหมาย

พวกเขาได้จัดงานแต่งงานอย่างหรูหราและอลังการ อวดความร่ำรวยและมั่งคั่งของไฮปาเตียส

หลังจากคืนแต่งงานนั้นไม่กี่เดือน ออโรร่าก็กำเนิดขึ้น และในอีกสองปีถัดมา เฟลอร์ก็ได้ลืมตาดูโลก

แล้วหลังจากนั้นเธอก็ถูก-

"เฟลอร์! ตอบแม่! ลูกรู้ไหมว่าลูกพึ่งเอาตัวเองไปยุ่งกับปัญหาอะไร!?"

หญิงสาวผมเทาตะโกนขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธที่ควบคุมไม่ได้

"ถ้าลูกแข็งแกร่งเหมือนพี่สาวลูก แม่คงไม่เป็นห่วงขนาดนี้ ดันเจี้ยงแห่งรากเหง้าไม่ใช่ที่ที่ลูกจะอยู่รอดได้!"

เฟลอร์ได้แต่มองลงไปที่พื้น ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ก่อนที่เสียงอ่อนโยนจะดังขึ้นมา

"เอาน่า อเดลีน ลูกสาวเจ้าเป็นคนที่ทำอะไรก็จะคิดก่อนเสมอ ข้ามั่นใจว่านางพร้อมรับผลกระทบที่ตามมา"

หญิงสาวผมบลอนด์แวววาวเดินลงมาจากบันได มองน้องสาวของเธอและหลานสาวของเธอชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมา

"แต่เซียร์ร่า!-"

"ไม่เอาสิอเดลีน ข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นห่วงเฟลอร์ แต่เจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งของราชวงศ์ได้"

สตรีผมสีบลอนด์ประกายเดินเข้ามาจับมือของหญิงสาวตาสีม่วงอเมทิสต์อย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันหน้าไปทางน้องสาวของเธอ

"อีกอย่าง ถ้าใช้โอกาสนี้ฝึกฝนวิชาดาบและเวทมนตร์ข้าว่ามันก็ดีไม่ใช่หรือ?" เซียร์ร่ายิ้มบาง ๆ "เฟลอร์จะได้ออกจากกรอบแคบ ๆ ที่เจ้าวางไว้ให้เสียที"

เซียร์ร่าพูดพลางคลี่ยิ้มบาง สีหน้าไม่ได้เยาะเย้ย หากแต่สงบนิ่งและอบอุ่นจนเฟลอร์รู้สึกถึงความอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

อเดลีนกัดริมฝีปากอย่างข่มอารมณ์ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่กล่าวอะไรอีก

เฟลอร์เหลือบมองอยู่แวบหนึ่งก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังพื้นดังเดิม

“แม่ของเจ้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า” เซียร์ร่าหันมากระซิบเบาๆ ขณะกุมมือเฟลอร์แน่นขึ้นเล็กน้อย “และข้าก็เชื่อในตัวเจ้า”

“...ขอบคุณค่ะ ป้าเซียร์ร่า”

เฟลอร์ตอบเสียงแผ่ว แม้เธอจะยังรู้สึกเหมือนก้อนหินกดทับอยู่ในอก แต่คำพูดของเซียร์ร่าก็เหมือนสายลมเย็นที่พัดผ่าน ก่อให้เกิดความหวั่นไหวภายในใจ

ถึงแม้เธอจะไม่เชื่อมัน100%ก็เถอะ

รุ่งเช้าในวันถัดมา

ใต้ผืนฟ้าสีเทาอ่อน ดันเจี้ยนแห่งรากเหง้าปรากฏตรงหน้าเฟลอร์

มันดูเหมือนต้นไม้ขนาดยักษ์ที่โค่นล้มลงและกลายเป็นซากไม้กลวงที่ติดอยู่กับภูเขาลูกใหญ่ แต่ภายในกลับมีแสงสลัวเรืองรองออกมาจากรากไม้ที่พันกันเป็นเส้นใยเรืองแสง

กลิ่นไอดินชื้นปนกลิ่นสนิมและกลิ่นหญ้าป่าโชยแตะปลายจมูก เฟลอร์ก้าวเข้าไปในดันเจี้ยนพร้อมกับกำดาบเวทย์ในมือของเธอแน่น ด้วยฝีเท้าที่หนักแน่นแต่หัวใจที่สั่นระรัว

ควันสีดำลอยเอื่อยออกมาจากบ่อน้ำเสียกลางห้องหิน เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังสะท้อนในดันเจี้ยนร้างที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่างมานานหลายปี

เสียงลมหายใจของเฟลอร์สะท้อนก้องในโถงหินอันเงียบงัน

แสงจากคริสตัลเวทมนตร์ในมือเธอส่องสะท้อนผนังสีดำขลับของดันเจี้ยน

เธอรู้ว่าถ้าเธอเดินเข้าไป เธออาจจะไม่มีวันได้กลับมาอีก

ไม่มีใครอยู่ข้างเธอ ไม่มีอัศวิน ไม่มีพี่สาว ไม่มีคนที่เธอเคยรัก

มีเพียงเธอกับคำตัดสินของโชคชะตา

“ดันเจี้ยนแห่งรากเหง้า…สถานที่ต้องห้ามของจักรวรรดิ” เธอกระซิบกับตัวเอง ดวงตาสีม่วงวาวระยับด้วยความดื้อดึง

"แลกกับการได้ต่อยหน้าผู้ชายเฮงซวยนั้น ก็ถือว่าคุ้มแล้วล่ะนะ ประสบการณ์ซักครั้งในชีวิต"

เสียงของเฟลอร์ยังคงก้องอยู่ในหัว ขณะที่เธอก้าวลงบันไดหินที่ทอดยาวลงสู่ความมืด กลิ่นอับชื้นและกลิ่นสนิมของเลือดเก่าทำให้รู้ว่าที่นี่คือดันเจี้ยนของจริง

เธอโยนแสงเวทลูกเล็กๆ ขึ้นฟ้า มันลอยตามเหนือศีรษะ ส่งแสงสีฟ้าจางๆ เผยให้เห็นผนังที่เต็มไปด้วยรอยข่วนของสัตว์ประหลาด

"3เดือน หลังจากที่ข้าได้ออกไปก็จะเป็นเทศกาลล่าสัตว์ประหลาดระหว่างอาณาจักรวัลทอร์เรีย อาณาจักรไกเซอรีส และอาณาจักรบริคาลอสพอดี"

"จะลอง...ลงแข่งดีไหมนะ?"

"..."

"คิดถึงแม่มารีกับพี่ฟินจัง"

 ดันเจี้ยนชั้นที่1 

กลิ่นอับของเชื้อราผสมกับลมเย็นที่ลอดผ่านช่องหินเก่าๆ ทำให้ขนลุกซู่ทั้งตัว พื้นหินเปียกลื่น เสียงหยดน้ำกระทบผิวน้ำดัง ติ๋ง...ติ๋ง... ดังชัดเจนท่ามกลางความเงียบ

"น่ากลัวเป็นบ้า..." เธอกระซิบกับตัวเอง ขณะก้าวเท้าอย่างระวังไปตามทางเดินแคบๆ

เงาดำวูบไหวจากเพดานด้านบนทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น เธอกำดาบในมือแน่น

“นี่แค่ชั้นแรกเองนะ...แล้วข้างล่างมันจะขนาดไหนวะเนี่ย”

เสียงข่วนเบาๆ ดังมาจากกำแพงด้านขวา ตามด้วยเสียงคล้ายเสียงหายใจหอบจากบางสิ่งที่ยังไม่เผยตัว เธอเม้มปากแน่น

เสียงข่วนจากกำแพงเมื่อครู่กลายเป็นเสียงคำรามต่ำๆ ก่อนที่เงาดำจะพุ่งออกมาจากเงามืด มันคือ 'วอร์เกรย์' สัตว์ประหลาดหน้าตาเหมือนหมาป่าผสมแมลงสาบ มีฟันแหลมคมเรียงกันแน่นจนมองแล้วขนลุก

"โอ้ย...ข้าไม่น่าพูดแช่งเลย!" เฟลอร์สบถ พร้อมกับตั้งท่าใช้ดาบ

เธอพุ่งเข้าไปก่อนด้วยแรงฮึด ฟาดดาบไปเต็มแรง เสียงโลหะปะทะเกราะแข็งดัง เคร๊ง! มันสะดุ้ง แต่ก็ไม่ได้ถอย

เฟลอร์ไม่ยอมแพ้ กระโดดขึ้นแล้วเตะยอดหน้าสัตว์ประหลาด

"นี่แน่ะ! มาทำตัวน่ากลัวใส่ใครห๋า!?"

แต่ดูเหมือนวอร์เกรย์จะเริ่มเอาจริง ร่างกายมันสั่นสะท้านก่อนจะดีดตัวขึ้น โครม! เฟลอร์กระเด็นชนผนัง

"แค่ก...โอ๊ยยย...แฮ่กๆๆ..."

เธอพยายามลุกขึ้น แต่มันยังไม่หยุด มันพุ่งมาอีกครั้งด้วยความเร็วที่น่ากลัว

"ไม่ไหวแล้วว้อย!!"

เฟลอร์หมุนตัวกลับ หันหลังให้สัตว์ประหลาดทันที ก่อนจะตะโกนสุดเสียงขณะวิ่งหนี

"ไว้เจอกันใหม่นะเจ้าหมาหัวเห็ด!!! ข้าขอถอนตัวไปตั้งหลักก่อนจ้าาา!!!"

เสียงฝีเท้าของเธอกระแทกพื้นหินดัง ปั่กๆๆๆ ไปพร้อมกับเสียงหอบเหนื่อย ส่วนวอร์เกรย์ก็ดูเหมือนจะยืนงงอยู่กับความรวดเร็วในการ ..."ล่าถอย"ของเธอ...

เธอล่ะไม่อยากจะคิดสภาพตัวเองถ้าเธอยังฝืนสู้ต่อไปเลย!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]   Chapter 2 ดันเจี้ยนแห่งรากเหง้า(1)

    "เฟลอร์! ลูกกล้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน!?"เสียงสูงบาดเเก้วหูของหญิงสาวผมเทาดังขึ้น เธอคือแม่ของเฟลอร์ หัวหน้าตระกูลไฮปาเตียส อเดลีน ฟอน ไฮปาเตียสมันทำให้เฟลอร์คิดถึงเรื่องราวที่คุณครูสอนการเมืองเล่าให้เธอฟังแม่ของเธอเป็น1ใน3อัครเสนาบดีของอาณาจักรวัลทอร์เรีย ซึ่งแบ่งเป็น3เขตการดูแลแบ่งเป็น เขตตะวันออก เขตตะวันตก และเขตเมืองหลวงแม่ของเธอดูแลเขตเมืองหลวงในอดีตว่ากันว่า เธอเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเคาท์ไฮปาเตียสที่กำลังล่มสลาย จนเธอได้เข้าร่วมสงครามระหว่างอาณาจักรไกเซอร์รีสและอาณาจักรวัลทอร์เรียและได้ทำผลงานอันยิ่งใหญ่นั้นคือการนำกองทัพจนสามารถเอาชนะอาณาจักรไกเซอร์รีสได้ และได้การปรบรางวัลเป็นความมั่งคั่งอันมหาศาลและเกียรติยศอันล้นเหลือจากตระกูลเคาท์ที่ใกล้ล่มสลาย แปรเปลี่ยนเป็นตระกูลดยุคอันทรงเกียรติภายในพริบตาเดียวในวันฟ้าใสวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังกลับเมืองหลวงจากภารกิจ เธอได้พบรักกับลูกชายคนสุดท้องของบารอนเธอหลงในสเน่ห์และความหล่อเหลาของ ซิลเวสเตร ฟอน ซามูเอลจนโงหัวไม่ขึ้น ซิลเวสเตร ฟอน ซามูเอล ชายหนุ่มผู้งดงามราวภาพวาด มีรอยยิ้มอ่อนโยนและวาจานุ่มนวลยิ่งกว่าใคร ท่ามกลางเหล่าทหารหย

  • จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]   Chapter 1 บทลงโทษ

    ตึง!"เฟลอร์! ข้าไม่เคยบอกเจ้าแล้วหรืออย่างไร?"หญิงสาวผมสีเงินตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความงุนงงขณะที่กำลังเลื่อนสายตาขึ้นไปมองบุรุษที่ผลักเธอจนล้มลงกับพื้น"..เดลรอย? นายหมายความว่ายังไง-"ชายคนนั้นมองเธอด้วยสายตาเฉียบคม เย็นชา ดั่งว่ากำลังสั่งเธอให้หุปปากของเธอไป'เรียกองค์ชายด้วยคำไร้มารยาทอีกแล้ว''ตระกูลไฮปาเตียสไม่สั่งสอนมารยาทให้ลูกสาวคนที่สองเลยหรือ''เธอเคยอาศัยอยู่ในสลัมนี้ คงติดเป็นนิสัยป่าเถื่อนจนแก้ไม่หายแล้วสินะ'เสียงซุบซิบรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นหนามพิษ เธอกวาดสายตาไปรอบๆขุนนางในงานเลี้ยงเธอไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นดั่งกับเสียงซุบซิบรอบตัวเงียบลง หูของเธออื้อ ไม่ต้องการฟังคำครหารอบตัว สายตากลับไปมุ่งตรงยังสองคนตรงหน้ามงกุฎราชกุมาร เดลรอย เดอ โยเซฟา วัลธอร์ยืนอยู่ข้างกับ...ออโรร่า ฟอน ไฮปาเตียส พี่สาวของเธอพวกเขาเป็นเหมือนดั่งกับคู่พระคู่นาง ดั่งกับตัวเอกของนิยายรักโรแมนติกที่ทั้งสองจะได้ครองรักกันตลอดไปหลังจากกำจัดตัวร้ายลงและเธอ เฟลอร์ ฟอน ไฮปาเตียส ไม่เคยเป็นอะไรไปมากกว่า...ตัวร้ายในเรื่องนั้น"ข้าไม่สามารถตอบรับความรู้สึกที่เจ้ามีต่อข้าได้" เสียงรอบตัวยิ่งดัง

  • จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]   ปฐมบท นิทานก่อนนอน

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในอาณาจักรที่ชื่อว่า วัลทอร์เรียภายในนั้น มีตระกูลหนึ่งนามว่า ไฮปาเตียสตระกูลขุนนางผู้มั่งคั่ง สูงศักดิ์ และเปี่ยมไปด้วยเกียรติยศ ในวันที่ท้องฟ้าสว่างไสว ราวกับมีบิดาแห่งแสงส่องยิ้มมาให้ เสียงระฆังดังขึ้นทั่วเมือง ราวกับเป็นการประกาศว่า 'ปาฏิหาริย์ได้ถือกำเนิดแล้ว'เด็กหญิงคนหนึ่งลืมตาดูโลก เธอมีเส้นผมสีเงินจาง ราวกับเสี้ยวจันทร์บนฟากฟ้า ดวงตาสีม่วงอ่อนล้ำลึก ประหนึ่งเก็บดวงดาวเอาไว้จากทั้งจักรวาล“ลูกสาวของพ่อ จะต้องเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก” เสียงหัวเราะของพ่อดังระงมราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ แม่อุ้มเธอไว้แนบอก แนบหัวใจ กล่อมเธอด้วยมือที่อ่อนโยนกว่าดอกไม้แรกแย้ม พร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นยิ่งกว่าแสงตะวันยามเช้า ส่วนพี่สาวของเธอ... หญิงสาวผู้สมบูรณ์แบบ ผมทองราวแสงอรุณ ยืนมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน และไกลเกินเอื้อมในเวลาเดียวกันแต่แล้ว... ในค่ำคืนที่ทุกคนหลับใหลไปพร้อมกับความสุข เด็กสาวผมสีเงินก็หายไปเงียบเชียบ... ไร้เสียงกรีดร้อง... ไร้ร่องรอยให้ติดตาม... ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปจากโลกนี้ได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ว่าใครลักพาเธ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status