“สวัสดีครับ” ปีเตอร์กล่าวทักทายกลับด้วยน้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกทุกอย่าง เมื่อได้ยินเสียงของหนูนาเป็นที่เข้าใจ เขาเลยต้องทักทายพ่อเขากลับอย่างจำยอม
“หนูนีน่าเป็นอย่างไรบ้าง?” อีธานยิ้มอย่างอ่อนโยน และหันไปทางหญิงสาวถามไถ่อย่างเป็นห่วงจากใจจริง แต่น้ำเสียงก็ยังแฝงไว้ถึงบุคคลิกที่มีอำนาจ หนูนายิ้มอย่างอ่อนโยนและบอกว่าเธอดีขึ้นมากเลย
“คุณพ่อไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นนะคะ...นีน่าสบายมากคะ...” หนูนาพูดต่อแฝงความนัยให้คนฟังสบายใจ อีธานเข้าใจโดยทันที และนั้นเป็นการบอกให้รู้ว่าเธอไม่โกรธหรือติดใจกับการกระทำของแมรี่เลย อีธานมองดวงตาที่ไม่มีการสนองตอบกลับนั้นอย่างซึ้งใจ
“ขอบใจมาก...” อีธานกล่าวขอบใจหนูนาก่อนจะขอตัวกลับ หนูนากล่าวลาพร้อมทำความเคารพเช่นเดิม และตลอดเวลาที่อีธานมาเยี่ยมหนูนาประมาณยี่สิบนาทีปีเตอร์ไม่มีคำพูดใดๆ เลย เพ
ทีมที่ถูกจัดให้เดินทางไปประเทศไทยคือ โคล ฌอว์น และมาเรียที่เดินทางกลับมาพร้อมกับฌอว์น โดยที่มาเรียต้องปลอมตัวมา เพื่อไม่ให้เป็นที่เห็นของสมาชิกแก๊งของพ่อเธอและแน่นอนแผนนี้ อีธาน เบนเน็ต รู้เป็นอย่างดีและอีกคนในสมาชิกแก๊งที่รู้ก็คือ ดอม มือขวาของอีธานนั้นเอง เพราะดอมเป็นผู้อารักขาเด็กชายอลัน ซาวันเดอร์ ไปประเทศไทย และสมาชิกที่ติดตามไปอีกกว่าสิบคนจะเป็นคนของฌอว์นที่จะปะปนไปกับเครื่องบินที่จะบินไปประเทศไทยในวันนี้ เพราะเครื่องบินเที่ยวพิเศษถูกจองกว่าครึ่งลำเพื่อทีมอารักขาทุกคนโดยทันที แผนการณ์นี้ถูกเตรียมไว้ทันที เมื่อหนูนารู้ตัวว่าท้องและทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเมื่อเด็กในท้องของหนูนาเป็นผู้ชาย เพราะเขาจะต้องเกิดมาเป็น อลัน เบนเน็ต ไม่ใช่ อลัน ซาวันเดอร์ แต่หนูนาไม่สามารถที่จะให้ลูกของตัวเองต้องเข้าไปเติบโตในแก๊งที่ยังคงเป็นสีเทา เพราะเธอไม่ต้องการให้ลูกของเธอต้องแปดเปื้อนกับสิ่งเหล่านี้ เพราะจนถึงตอนนี้ปีเตอร์เองก็เป็นเพียงทายาทเพราะอีธาน ยังคงรับตำแหน่งต่อไป เพราะอีธานเองก็คิดเหมือนหนูน
ปีเตอร์ หยุดยืนอยู่หน้าห้องโดยที่ยังไม่ผลักประตูเข้าไป เพราะว่าตอนนี้เขาเองก็รู้สึกอ่อนแอและเจ็บปวดเช่นกัน ปีเตอร์ได้รับแจ้งจากมาเซลหลังจากที่เขาทำการแสดงจบ ว่าลูกชายเขาหายตัวไปจากโรงพยาบาลในขณะที่เขากำลังวาดลวดลายทั้งร้องทั้งเต้นบนเวทีแสดงคอนเสิร์ตให้เหล่าแฟนเพลง มาเซลต้องรอให้เขาแสดงจบก็กว่าชั่วโมงแล้วที่ลูกเขาถูกลักพาตัวไป มาเซลได้ประสานงานกับทีมค้นหากันโดยตลอด ข่าวที่ลูกชายของเขาได้หายไปล่วงรู้ไปยังสมาชิกแก๊งมาเฟียแล้ว อีธาน เบนเน็ต ได้จัดทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อติดตามหาหลานชายของตนเองทั่วทุกรัฐในอเมริกา ปีเตอร์ต้องเดินทางกลับจากลานคอนเสิร์ตด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกส่งไปรอรับเขาทันที ปีเตอร์สูดหายใจยาวๆเข้าออกก่อน และเขาค่อยๆเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูและค่อยๆผลักเข้าไป พร้อมกับสมาชิกในวงที่ต่างก็เดินตามเขาเข้ามา หลังจากที่ไรอัลกับพอลได้พยุงตัวมาเซล ส่งให้กับการ์ดที่ยืนมองไม่ห่าง ต่างเข้ามาช่วยเพื่อพามาเซลไปทำแผล เหล่าสมาชิกต่างมองกลับมาที่
“หนูนา...โอ้วว...” ปีเตอร์ร้องบอกพร้อมกับขยับสะโพกกระแทกแรงขึ้นเมื่อเขาถูกตอดรัดมากขึ้น และเขาก็ใกล้ที่จะถึงจุดปลดปล่อย และอีกเพียงไม่กี่ครั้งเสียงร้องครางจากหนูนาและปีเตอร์ก็ดังเมื่อปีเตอร์เป็นผู้สร้างสวรรค์บนดิน ณ ที่แห่งนี้ให้กับเธอและตัวเขาเองอีกครั้ง ปีเตอร์ดึงหนูนาลงมานั่งบนตักเขา เมื่อเขาปลดปล่อยธารน้ำใส่ภายในตัวของหนูนา โดยที่จุดประสานยังคงตราตรึงอยู่ในตัวเธอ ปีเตอร์นั่งนิ่งๆปล่อยให้หนูนาได้พักหายใจ เขารอจนเธอระบบการหายใจเข้าสู่ปกติและค่อยๆถอดแก่นกายออกมา และเขาเอื้อมมือดึงกระดาษทิชชู่เช็ดทำความสะอาดให้หนูนา และช่วยแต่งตัวให้เธอจนเรียบร้อยและหันมาจัดการตัวเองจนทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็จูงมือหนูนาเดินออกจากห้องหนังสือเพื่อไปยังห้องอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยตามเวลาดินเนอร์ “อิ่มจัง...ถ้ากินแบบนี้ทุกมื้อมีหวังหนูนากลายเป็นหมูแน่ๆ” หนูนาเดินเอามือข้างที่ว่างลูบท้อง หลังจากที่ทั้งเธอและปีเตอร์ทานดินเนอร์เสร็
“ผมต้องการให้หนูนาเซ็นเอกสารในซองนี้” ปีเตอร์พูดพร้อมกับเอื้อมหยิบซองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาและส่งให้หนูนา ซึ่งเธอก็รับมาพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจและเธอก็ดึงเอกสารที่อยู่ข้างในขึ้น “นี้มัน!...” หนูนาพูดออกมาทันทีเมื่อเห็นหัวกระดาษ นี้เป็นเอกสารการครอบครองทรัพย์สินร่วมกันและในเอกสารก็มีชื่อจริงของสามีและชื่อเธอ “เซ็น...” ปีเตอร์พูดพร้อมกับส่งปากกาให้หนูนา ส่วนมืออีกข้างก็กอดรัดเอว หนูนาไว้อย่างไม่ต้องการให้หนูนาลุกออกจากเขาไปได้จนกว่าเขาจะอนุญาต “ไม่เซ็น...” หนูนากล่าวปฎิเสธทันทีเมื่อพลิกดูใบต่อไป “ผมบอกแล้วนะ...ถ้ารู้แล้ว...ห้ามดื้อ...ห้ามขัด...ต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง” ปีเตอร์รั้งเอวหนูนาไว้แน่น เพราะหน
ปีเตอร์และหนูนาวางดอกไม้หน้าป้ายหินที่สลักชื่อว่า “บาบาร่า ซาวันเดอร์ ลูก-แม่ ผู้เป็นที่รักยิ่ง” และอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงลมอุ่นๆที่พัดเข้าหาพวกเขาทั้งสองคน ปีเตอร์และหนูนาต่างหันมามองกันพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเข้ากัน “พีทคะหนูนาอยากไปที่ “ฐานทัพ” ค่ะ” หนูนาพูดด้วยรอยยิ้ม ปีเตอร์พยักหน้าและอดคิดไม่ได้ออีกครั้ง ว่าคิดถูกจริงๆที่กลับมาบ้าน เพราะหนูนากลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง “ว้าว!...” หนูนาร้องออกมา เมื่อเดินใกล้ถึงบ้านต้นไม้ ที่ปีเตอร์มักจะเรียกว่า “ฐานทัพ”แต่สายตาเธอมองเห็นคือบริเวณโดยรอบมีดอกกุหลาบขาวปลูกไว้อย่างสวยงาม และบรรไดทางขึ้นที่เปลี่ยนไป เพราะก่อนหน้านี้เป็นบรรไดที่ต้องปีนขึ้นไปทีละคน แต่ตอนนี้ที่เธอเห็นเป็นบันไดที่ขึ้นลงสะดวกเหมือนภายในบ้าน “ผมให้คนทำบันไดใหม่...หนูนาจะได้
“นีน่า...ทำไมช่วงนี้คุณดูไม่มีความสุขเลย...ระบายกับเพื่อนคนนี้ได้นะ” หนูนายิ้มให้กับโคล และบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง “แค่เหนื่อยๆ นะคะ...นีน่าคงยังไม่ชินกับการเดินทางแบบนี้นะคะ” หนูนาคิดว่าคงน่าจะฟังดูเป็นเหตุผลที่ดี เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เธอร่วมเดินทางออกทัวร์คอนเสิร์ตกับปีเตอร์ “อืม!...มีอะไรให้ผมช่วย...ตรงไหนที่ไม่ไหว...อย่าลืมนะว่ายังมีเพื่อนคนนี้อยู่” โคลอือออไปกับนีน่า ถึงแม้เขาจะดูออกว่าสิ่งที่ทำให้หญิงสาวดูไม่มีความสุขมันจะไม่ใช่เรื่องงานก็ตาม “ขอบคุณค่ะ...เฮ้ย!...การแสดงใกล้จบแล้ว...ไปทำงานกันดีกว่า” หนูนาพูดพร้อมรอยยิ้ม และต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง “จงอยู่กับความเป็นจริง” ปีเตอร์หันไปมองหนูนา เมื่อเข