ログインกาลเวลานั้นช่างเป็นสิ่งที่บิดเบี้ยวอย่างถึงที่สุด ไป๋เสวี่ยหรงหรือแท้จริงแล้ว หลานเสวี่ยอิง ผู้ที่เคยถูกลอบวางยาพิษจนจบชีวิตไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วในเวลานั้น เธอและฉินเยว่หานต่างมีอายุเพียง 20 ปี
หลังจากที่ชีวิตของนางดับหายไปกับความมืดมิดดวงจิตของนางมิได้แตกสลาย แต่วนเวียนไปอยู่ในห้วงจิตสำนึกที่ไร้ที่สิ้นสุด
15 ปีแห่งความมืดมน…15 ปีที่ไม่มีร่าง ไม่มีเสียง ไม่มีวันคืน
จนกระทั่ง…นางได้รับโอกาสใหม่ ร่างของทารกน้อยที่ต้องชะตากับนางและบัดนี้…ไป๋เสวี่ยหรง ผู้ที่แท้จริงคือหลานเสวี่ยอิงมีอายุได้ 15 ปี ขณะที่ฉินเยว่หาน ผู้ที่เคยเป็นเพื่อนรักของนาง… มีอายุ 50 ปีแล้ว!
30 ปีที่ผ่านมา ฉินเยว่หานก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกยุทธภพนางได้รับฉายาว่า "เซียนน้ำแข็งผู้บรรลุระดับสูงสุด" ผู้คนต่างเคารพยำเกรง ไม่มีผู้ใดกล้าตั้งคำถามต่อตัวตนของนางหากฉินเยว่หานได้รับรู้ว่าหลานเสวี่ยอิงมิได้ตายไปตลอดกาล…แต่นางกลับมาเกิดใหม่… ในร่างของเด็กสาววัย 15 ปี! นางจะรู้สึกเช่นไร? ฉินเยว่หาน ภายนอกนางคือเทพเซียนผู้สูงส่งแต่ภายในใจของนางยังคงถูกเงาของอดีตหลอกหลอน เพราะถึงแม้ว่านางจะก้าวขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของยุทธภพแต่นางรู้ดีว่านางมิใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ในอดีต มีผู้หนึ่งที่แข็งแกร่งกว่านาง…
หากหลานเสวี่ยอิงยังคงอยู่…หากหลานเสวี่ยอิงยังมิได้ตายไปในวันนั้น…
ตัวตนของฉินเยว่หานในวันนี้ อาจไม่มีโอกาสได้อยู่บนจุดสูงสุด! นางหลอกตัวเองมาโดยตลอดว่า เพื่อนรักที่นางหักหลังได้ตายไปแล้ว แต่หากนางต้องรับรู้ความจริงว่า หลานเสวี่ยอิงกลับมา… ในร่างของเด็กสาว?
"มันเป็นไปไม่ได้!"
"นางตายไปแล้ว นางต้องตายไปแล้ว!"
แต่ลึกลงไปในจิตใจของฉินเยว่หาน นางรู้ดีว่า... ผู้ที่สามารถสังหารจักรพรรดิแมงมุมอสูรด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวผู้ที่ใช้วิชาเยือกแข็งได้เหนือกว่าผู้ใด ผู้ที่แม้แต่นางเองยังมิอาจเทียบได้… มีเพียงคนเดียวที่สามารถทำได้
และชื่อนั้น… คือหลานเสวี่ยอิง! หากฉินเยว่หานได้รู้ความจริง…ว่าเพื่อนรักที่นางเคยหักหลังกลับมามีชีวิตอีกครั้งว่านางอายุเพียง 15 ปี แต่กลับสามารถทำสิ่งที่แม้แต่ "เซียนน้ำแข็ง" อย่างนางยังมิอาจทำได้หัวใจของฉินเยว่หานจะหวาดกลัวเพียงใด!? ตั้งแต่ที่นางเห็นบาดแผลของจักรพรรดิแมงมุมอสูร…ตั้งแต่ที่นางได้รับรู้ถึงพลังอันลี้ลับนั้น…นางก็ไม่สามารถสงบใจได้อีกต่อไปและที่สำคัญ…พลังนั้น เป็นพลังที่นางคุ้นเคยอย่างยิ่ง หมู่บ้านจิ่วอัน เป็นเพียง
หมู่บ้านธรรมดาไร้ซึ่งชื่อเสียงใดๆ ในยุทธภพแต่บัดนี้ นางเริ่มสงสัยว่า…ตัวตนของผู้ที่สังหารจักรพรรดิแมงมุมอสูร อาจอยู่ที่นั่น!หากนางเดินทางไปยังหมู่บ้านจิ่วอัน…นางอาจได้พบกับเบาะแสเมื่อความคิดของ ฉินเยว่หาน ตัดสินใจแน่วแน่ นางมิอาจรอช้าได้อีกร่างของนางพลันเลือนหายไปจากลานประมูลในทันที! นางเคลื่อนที่เหนือท้องฟ้า ร่างขาวบริสุทธิ์ของนางแหวกผ่านม่านเมฆ ความเร็วของนางเหนือกว่าผู้ฝึกตนระดับสูงทั่วไปหลายเท่า
ฟิ้ววววว
เพียงพริบตาเดียวปลายเท้าของนางก็แตะพื้นดินของหมู่บ้านจิ่วอัน! นางเบิกตากว้าง ดวงตาฉายแววไม่อยากเชื่อ!
"นี่มัน... เป็นไปไม่ได้!" เบื้องหน้าของนางกำแพงปราการโปร่งแสงที่ปกคลุมหมู่บ้านนี้ไว้…มิใช่เพียงข่ายอาคมธรรมดามิใช่พลังป้องกันทั่วไปของหมู่บ้านเล็กๆ แต่มันเป็นสิ่งที่ "นางรู้จักดีที่สุด!" ไอเยือกแข็งที่แข็งแกร่งสุดขั้ว แผ่กระจายออกมาจากข่ายอาคมเบื้องหน้ามันเป็นไอเย็นที่แตกต่างจากพลังของนางเองมันคือไอเย็นของ "หลานเสวี่ยอิง"
"ทำไม… ทำไมถึงมีสิ่งนี้อยู่ที่นี่!?"
"นี่คือข่ายอาคมของหลานเสวี่ยอิงไม่ผิดแน่!"
สีหน้าของฉินเยว่หาน เปลี่ยนเป็นความสับสนอย่างรุนแรงเธอจำมันได้ดี...เพราะในอดีต มันคือข่ายอาคมที่ปกป้องตัวของหลานเสวี่ยอิงมันคือปราการณ์ที่เธอไม่อาจทำลายได้ แม้ว่าจะพยายามเพียงใดแต่หลานเสวี่ยอิง... ตายไปแล้วเมื่อ 30 ปีก่อน!
"นี่มัน... เป็นไปไม่ได้!" มือของนางสั่นเล็กน้อยขณะสัมผัสกับม่านพลังที่เย็นเฉียบ
"ข้าฆ่านางไปแล้ว! ข้าเห็นกับตาว่านางสิ้นชีพไปต่อหน้าข้า!"
"ทำไมข่ายอาคมของนางยังคงอยู่!?" เงาที่นางพยายามฝังกลบ กำลังฟื้นคืนความจริงหนึ่ง
เริ่มแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของนาง…"หรือว่า... นางยังไม่ตาย?"
เงาจันทร์สาดแสงสีเงินอ่อนโยนลงมายังหมู่บ้านจิ่วอัน ความเงียบสงบของรัตติกาลปกคลุมทั่วบริเวณ แต่ในยามนี้… ไม่มีสิ่งใดสงบอีกต่อไปบนฟากฟ้า ฉินเยว่หาน ลอยตัวอยู่เหนือหมู่บ้าน แววตาของนางฉายประกายเยือกเย็น มือเรียวของนางสะบัดเล็กน้อย พลังอันลึกล้ำปะทุออกมาจากร่าง "เปิดประสาทสัมผัส!" ลมเย็นยะเยือกกระจายออกไปทั่วหมู่บ้านพลังระดับสูงสุดของนางแผ่ขยายออกไปเพื่อค้นหาความจริง
หากมีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่... นางจะต้องสัมผัสได้! หากมีตัวตนที่สามารถสังหารจักรพรรดิแมงมุมอสูร... นางจะต้องหาพบ!
ภายในบ้านหลังเล็กไป๋เสวี่ยหรงนางที่ควรจะหลับใหลในยามค่ำคืน ลืมตาขึ้นช้าๆริมฝีปากของนางค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา "หึ... จมูกดีเสียจริง"นางนอนเอนกายอยู่บนฟูกนุ่ม แต่แววตาของนางกลับเปล่งประกายราวกับพญาอสูร
"ฉินเยว่หานอย่างงั้นหรือ?"
"นางเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อค้นหาตัวข้า?" ความเงียบงันที่เต็มไปด้วยแรงกดดันไป๋เสวี่ยหรงมิได้มีความหวาดกลัว มิได้รู้สึกตื่นตระหนก มิได้มีความคิดจะลุกขึ้นมาตอบโต้ เพราะถึงอย่างไร… ตัวตนของนางก็เป็นเพียงอดีต
ในตอนนี้ นางคือไป๋เสวี่ยหรง… มิใช่หลานเสวี่ยอิงอีกต่อไป! ตัวตนที่ไม่มีวันถูกค้นพบ
นางหลับตาลงอีกครั้ง ราวกับว่ามิได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
"หากนางต้องการค้นหาข้า...""นางก็คงต้องผิดหวัง"
เบื้องบนฟากฟ้า ฉินเยว่หานยังคงลอยตัวอยู่ แต่ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
"ไม่มี… ไม่มีตัวตนที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่?" พลังที่นางปล่อยออกไป มิอาจสัมผัสสิ่งใด แต่แล้ว... เหตุใดจิตของนางจึงยังรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล?
เงาที่ถูกซ่อนไว้ กำลังหัวเราะเยาะนางไป๋เสวี่ยหรง ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดแต่มิใช่เพราะนางอ่อนแอแต่เป็นเพราะนางต้องการเห็นฉินเยว่หานจมอยู่กับความสงสัยและหวาดกลัวไปตลอดกาล!
ในช่วงเวลาที่ ไป๋เสวี่ยหรง พำนักอยู่ในสำนักหุบเขาเทพยุทธน้ำแข็ง นางมิได้เพียงมาเพื่อพักผ่อนหรือชำระความแค้นเท่านั้น แต่ยังถือโอกาสรังสรรค์สิ่งล้ำค่าไว้ให้สำนักแห่งนี้ตำราทักษะวิชาเยือกแข็งเล่มใหม่ที่นางบรรจงเขียนด้วยมือของนางเองทักษะที่ถูกจารึกลงในตำรานั้นมีความลึกซึ้งอย่างหาใดเปรียบได้ มันมิใช่เพียงศาสตร์แห่งการต่อสู้ แต่ยังเป็นผลรวมของประสบการณ์ ความเจ็บปวด และสัจธรรมที่นางสะสมมาตลอด ย่อมเป็นสิ่งที่เจ้าสำนักคนก่อนอย่าง ฉินเยว่หาน มิอาจเทียบชั้นได้แม้เพียงเศษเสี้ยว"สำหรับสำนักหุบเขาเทพยุทธน้ำแข็งแห่งนี้ ข้าจะเป็นผู้วางรากฐาน... แต่ปล่อยให้มันเติบโตด้วยพลังของพวกเจ้าเอง" ไป๋เสวี่ยหรงกล่าวอย่างแผ่วเบา ขณะส่งมอบตำราให้กับ จิ่วเยว่ซิน ศิษย์ผู้ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด"จิ่วเยว่ซิน... ต่อไปนี้เจ้าจงดูแลสำนักของข้าให้ดี" น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่งในโลกแห่งยุทธ์"ท่านอาจารย์... ตัวท่านจะไปแล้วจริงๆ เหรอ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยอาลัย แม้เวลาที่รู้จักกันจะไม่นาน แต่ไป๋เสวี่ยหรงคือผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตของนาง จากหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความสับสน สู่ผู้ครอบครอง
ใต้ท้องฟ้าสีเทาเงิน ผืนหิมะที่ปกคลุมผาแห่งการสิ้นสุดยังคงหล่นโปรยราวกับร่วมไว้อาลัยให้กับจุดจบของตำนานหนึ่ง... และมิตรภาพที่ไม่มีวันหวนกลับไป๋เสวี่ยหรงยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางเศษน้ำแข็งที่ยังคงล่องลอย ร่างบางของนางไม่ขยับเขยื้อน ราวกับกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งอีกหนึ่งชิ้นในสถานที่แห่งนี้ สายตาที่ทอดยาวออกไปเบื้องหน้าช่างว่างเปล่า แต่ภายในเบื้องลึกของแววตานั้นคือกระแสความรู้สึกมากมายที่ถาโถมย้อนกลับมาทุกเสียงหัวเราะ ทุกหยาดน้ำตา ทุกคำสัตย์ที่เคยให้กันในวัยเยาว์"ข้าไม่อยากให้เรื่องของเรามันจบลงเช่นนี้เลย... เพื่อนรักของข้า"เสียงของนางเบาราวสายลม ละมุนราวบทกลอนส่งท้าย ดั่งคำอำลาที่ไม่มีผู้รับฟังแม้ศัตรูจะสิ้นสูญ แม้การล้างแค้นจะสัมฤทธิ์ แต่นางไม่ได้รู้สึกถึงชัยชนะ หากมีเพียงความว่างเปล่าอันแหลมคมทิ่มแทงอยู่ในอกลึก เพียงลมหายใจเดียวต่อมา ไป๋เสวี่ยหรงก็ปิดเปลือกตาลงอย่างแผ่วเบา เสี้ยวความทรงจำของฉินเยว่หานในหัวใจของนางค่อย ๆ เลือนลางลง ราวกับว่าไม่เคยมีสตรีนางนั้นอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน ไม่เคยมีเสียงหัวเราะร่วมกัน ไม่เคยมีมือที่เคยจับไว้ในยามทุกข์เมื่อดวงตางามคู่นั้นลืมขึ้นอีกครั้ง ก็ไม่มีแม้แต่เ
ในยามนี้ ทั่วทั้งสำนักเงียบงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน...เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสแห่งหุบเขาเทพยุทธน้ำแข็ง ต่างยืนตัวแข็งทื่อลมหายใจสะดุด ใบหน้าซีดเผือด มือไม้เย็นเฉียบไม่มีผู้ใดกล้าเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า...มันเหนือความเข้าใจและเกินกว่าจินตนาการ นางเซียนเยือกแข็งเจ้าสำนักผู้เป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งสวรรค์ของพวกเขาบัดนี้กลับมีผู้กล้าสตรีนิรนามผู้มีใบหน้าอ่อนวัย ยืนหยัดต่อกรกับนางอย่างไม่หวั่นไหวและไม่ใช่แค่ท้าทาย... แต่กลับสามารถต้านรับแรงกดดันของเจ้าสำนักได้อย่างไม่ขาดตก"นางผู้นั้นเป็นใคร?""เหตุใดพลังของนางถึง...ไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้?"เสียงกระซิบของเหล่าศิษย์เริ่มดังขึ้นประปรายด้วยความตื่นตระหนกแม้แต่ผู้อาวุโสระดับสูงบางคนก็เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นกลางหน้าผาก ทั้งที่อากาศยังเย็นยะเยือกรัศมีพลังเยือกแข็งของหญิงสาวปริศนาแผ่กระจายออกไปอย่างมั่นคงเยียบเย็น... ลึกซึ้ง... แน่นิ่งดั่งมหาสมุทรใต้ธารน้ำแข็งหากพลังของฉินเยว่หานคือห่าหิมะที่โหมกระหน่ำพลังของหญิงสาวผู้นั้น...กลับคล้ายหิมะที่หลับใหลมานับพันปี รอเพียงปริบตาเดียวก็พร้อมแช่แข็งโลกทั้งใบศิษย์ตาต่ำพวกเขามองไ
ภายใต้ใบหน้าอันงดงามดุจนางเซียนของฉินเยว่หาน ซึ่งมักจะสงบนิ่งไม่ไหวติงต่อสิ่งใด ในยามนี้กลับฉายแววตื่นตะลึงอย่างปิดไม่มิดไม่ใช่เพราะพลังอันมหาศาลของหญิงสาวเบื้องหน้า แต่เป็นเพราะคลื่นพลังนั้นช่างคุ้นเคย… คุ้นจนเกินจะหลอกตัวเองได้"เป็นไปไม่ได้... มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?"นางพึมพำซ้ำไปมา ราวกับพยายามสลัดความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าให้หลุดออกจากจิตใจ หญิงสาวปริศนา ผู้มีใบหน้าเยาว์วัยราวเด็กสาวเพิ่งแตกเนื้อสาวกลับยืนประจันหน้ากับนางอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาคู่นั้นคมดั่งกระบี่น้ำแข็ง จ้องลึกเข้ามาในหัวใจของผู้เคยเป็นเพื่อนรัก"เป็นอย่างไรบ้าง ฉินเยว่หาน... เจ้าดูแก่ขึ้นมากเลยนะ"เสียงหวานนุ่มดังขึ้นราวกับสายลม คำทักทายธรรมดา กลับกลายเป็นคมมีดกรีดลงกลางใจของฉินเยว่หานอย่างแผ่วเบาแต่รุนแรง ใบหน้าเยือกเย็นของนางเริ่มสั่นไหว มือขาวกำแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือคลื่นพลังลมปราณที่แผ่ออกมา ไม่ผิดแน่…เป็นพลังของ หลานเสวี่ยอิง ผู้ที่นางเคยคิดว่าได้ส่งลงนรกไปแล้วด้วยมือของตนเองสองเท้าที่เคยมั่นคงของฉินเยว่หาน บัดนี้กลับเหมือนเหยียบอยู่บนผืนหิมะบางที่พร้อมจะถล่มลงทุกเมื่อสายตาของนางจ้องลึกเข้าไปในดวงหน้าของหญิง
ทุกท่วงท่า ทุกการเคลื่อนไหวของจิ่วเยว่ซินล้วนแล้วเฉียบคมไร้ปรานี พลังลมปราณที่แผ่ออกมาแต่ละระลอกนั้นแฝงไว้ด้วยเจตนาแห่งการสังหารอย่างชัดเจน การโจมตีทุกครั้งมิใช่เพียงเพื่อทดสอบฝีมือ หากแต่เป็นการประลองเพื่อปลิดชีพโดยแท้ หากฉินเยว่หานพลั้งเผลอแม้เพียงครึ่งก้าว ก็อาจต้องสูญสิ้นชีวิตยิ่งเวลาผ่านไป รูม่านตาของฉินเยว่หานก็ค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้น แววตาที่เคยสงบนิ่งเริ่มสะท้อนแววหวั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ การเคลื่อนไหวของจิ่วเยว่ซินเริ่มทับซ้อนกับภาพจำบางอย่างในอดีต ภาพของสตรีผู้หนึ่ง... สตรีที่นางพยายามลบเลือนจากห้วงความคิดมานานหลายสิบปีหลานเสวี่ยอิงนามนั้นแม้จะถูกกลบฝังในก้นบึ้งของสำนึก แต่มันก็ผุดขึ้นมาราวกับต้องมนต์สะกด ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังความรู้สึกคุ้นเคยนี้ได้อีกต่อไปแต่ก่อนที่ฉินเยว่หานจะถลำลึกไปในห้วงคิด ทักษะของจิ่วเยว่ซินก็พลันจู่โจมเข้ามาอีกระลอก ความคุ้นชินในเคล็ดวิชาเยือกแข็งที่นางเคยสอนกลับถูกแก้ทางอย่างแนบเนียนทีละชั้น ทักษะที่นางเคยภาคภูมิใจกำลังถูกลบล้างด้วยปลายนิ้วของศิษย์สาวผู้เป็นความภาคภูมิใจของนางเอง“นี่ข้า... กำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยศิษย์ของตนเองอย่างนั้นหรือ?”
ใต้แสงสลัวของตำหนักน้ำแข็ง ดวงตาของจิ่วเยว่ซินฉายแววอ่อนโยนเช่นเคย รอยยิ้มยังคงงดงาม ทว่าภายในนั้นคือความเยียบเย็นที่แม้หิมะพันปียังมิอาจเทียบเคียงได้ นางยืนอยู่เบื้องหน้าอาจารย์ผู้เลี้ยงดูและหล่อหลอมตนมาแต่เล็กผู้หญิงที่นางเคยบูชาเทียบเท่าฟ้าดิน และในเวลาเดียวกันคือผู้ที่ล้างผลาญครอบครัวของนางทั้งตระกูลนางรู้ดีว่าภาพลักษณ์ภายนอกที่แสดงออกจะต้องไร้ที่ติทุกกระเบียดนิ้ว เพราะสายตาของฉินเยว่หานนั้นแหลมคมเกินกว่าที่ใครจะตบตาได้โดยง่าย แม้จะอ่อนโยนแต่ก็ซ่อนพิษลึก ราวกับกลีบเหมยบนผืนน้ำแข็ง หากเพียงเผลอสัมผัสอาจถูกหนาวสะท้านถึงวิญญาณ"จิ่วเยว่ซิน ข้ารู้สึกชอบแววตาของเจ้าในตอนนี้ยิ่งนัก"เสียงของฉินเยว่หานดังขึ้น เงียบงัน ทว่าเจือด้วยความพึงพอใจความพึงพอใจของผู้ที่คิดว่าตนสามารถหล่อหลอมชีวิตผู้อื่นตามอำเภอใจได้เสมอคำชมที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นนั้น กลับเป็นเหมือนมีดที่กรีดลงกลางหัวใจของจิ่วเยว่ซิน ช่างน่าขันยิ่งนัก… แม้แต่แววตาที่ผ่านความเกลียดชังและการทรยศมาแล้ว ยังถูกหล่อนชมด้วยรอยยิ้มหญิงสาวสูดลมหายใจแผ่วเบา ก่อนกล่าวเสียงนุ่ม"เจ้าค่ะอาจารย์"คำพูดของนางยังคงสุภาพและสงบ ราวกับไม่มีอะไรเ







