Home / รักโบราณ / จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ / บทที่7 แผนรบแคว้นเหนือ

Share

บทที่7 แผนรบแคว้นเหนือ

Author: Piggy-lonely
last update Last Updated: 2025-12-20 02:19:07

ในตำหนักขององค์ชายตะวัน—เยี่ยนหมิงบรรยากาศยามค่ำคืนกลับตึงเครียดยิ่งกว่ากลางวัน ถ้วยชาถูกวางทิ้งไว้จนเย็นชืด เยี่ยนหมิงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองออกไปยังความมืดด้านนอก ดวงตาแข็งกร้าวฉายแววหงุดหงิดอย่างปิดไม่มิด

“ทุกอย่างเหมือนจะไม่เป็นใจเสียจริง…”

ตั้งแต่ข่าวลือเรื่องหลิงอันยังมีชีวิตอยู่แพร่ออกมา ตั้งแต่เยี่ยนหยางเริ่มปรากฏตัวต่อหน้าขุนนางอย่างเปิดเผยตั้งแต่เสด็จพ่อเอ่ยถึง “ศึก” และ “ผลงาน” เป็นเงื่อนไขเลือกคู่ แผนที่เคยคิดว่าคุมได้…กลับเริ่มหลุดมือทีละน้อย

“ฝ่าบาทเริ่มมองเยี่ยนหยางต่างไป” เยี่ยนหมิงกำหมัดแน่น “หากปล่อยไว้อย่างนี้…ข้าจะเสียทุกอย่าง”

เงาร่างของเขาถูกแสงโคมสะท้อนยาวเหยียด ราวกับลางร้ายที่กำลังคืบคลานแต่ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร—คืนนี้ยังไม่มีคำตอบ

---

ขณะเดียวกัน ที่ ตำหนักหลงเยว่

แสงโคมในห้องหนังสือยังสว่างอยู่แม้ยามดึก เยี่ยนหยาง นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ เต็มไปด้วยแผนที่ เส้นทางเดินทัพ และบันทึกการศึกจากอดีต เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ศึกยังมาไม่ถึง…แต่เขารู้ดีว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการรบเพื่อแผ่นดิน หากเป็นการรบเพื่อ “อนาคต” เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นหน้าประตู

“องค์ชาย…ยังไม่นอนหรือเจ้าคะ”

เยี่ยนหยางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็น หลิงอัน ยืนอยู่ในชุดนอนเรียบง่าย ผมยาวปล่อยสยาย ดวงตาฉายแววเป็นห่วง

“ข้ารบกวนเจ้าหรือไม่” นางถามเบา ๆ

“ไม่เลย” น้ำเสียงเขาอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว “เข้ามาเถิด”

หลิงอันก้าวเข้าไปใกล้ สายตาเธอเหลือบมองแผนที่บนโต๊ะอย่างเคยชินภาพเช่นนี้…ชวนให้หัวใจเธอสั่นไหว

—ชาติก่อน

เธออ่านนิยายสงคราม นิยายการเมืองมากมายรู้ดีว่าเส้นทางแบบใดคือกับดักรู้ว่าศึกใด “ชนะด้วยแผน” ไม่ใช่ด้วยกำลัง

“องค์ชายกำลังคิดเรื่องศึกใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“อืม” เขาพยักหน้า “เส้นทางนี้ดูเหมือนปลอดภัย แต่ข้ากลับรู้สึกไม่สบายใจ”

หลิงอันลังเลเพียงครู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปชี้จุดหนึ่งบนแผนที่

“ถ้าเป็นหม่อมฉัน…จะไม่เลือกเส้นนี้ค่ะ”

เยี่ยนหยางชะงักดวงตาคมหันมามองนางอย่างประเมิน

“เพราะเหตุใด”

“เพราะเส้นทางนี้เหมาะแก่การซุ่มโจมตี แม้ดูโล่ง แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ก่อน…” นางเว้นคำเล็กน้อย “จะกลายเป็นกับดักทันที”

ความเงียบปกคลุมเยี่ยนหยางมองนางนิ่ง…นานกว่าปกติ

“เจ้า…รู้เรื่องการศึกมากกว่าที่ควรจะรู้”

น้ำเสียงเขาไม่แข็ง แต่แฝงความสงสัย

หลิงอันยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบอย่างสุขุม

“หม่อมฉันเป็นบุตรขุนนาง แม้ยศไม่สูง แต่ก็เคยอ่านตำรามาบ้างเจ้าค่ะ ได้ยินผู้ใหญ่สนทนากันเสมอ”

คำตอบนั้น “พอรับได้” แต่ดวงตาของเยี่ยนหยางกลับจับจ้องนางราวกับจะมองทะลุถึงใจ

เขาเอื้อมมือไปดึงนางให้นั่งลงข้างๆ อย่างเป็นธรรมชาติ

“ไม่ว่าเจ้าจะรู้จากที่ใด…ข้าดีใจที่เจ้าคิดเพื่อข้า”

หลิงอันใจเต้นแรงใกล้เกินไป…ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

“องค์ชายไม่กลัวหรือเจ้าคะ” นางถามเสียงแผ่ว “ว่าหม่อมฉันจะคิดผิด”

“หากเป็นเจ้า…” เขายิ้มอ่อน “ข้ายอมเสี่ยง”

คำพูดนั้นทำให้นางเผลอก้มหน้าแต่เยี่ยนหยางกลับเอื้อมมือมาแตะปลายนิ้วเธอเบา ๆ

“ไปพักเถิด” เขาพูดอย่างอ่อนโยน “ข้าจะไม่โหมงานคืนนี้แล้ว”

หลิงอันพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นแต่ก่อนออกจากห้อง—เธอหันกลับมา

“องค์ชาย…”

“อืม?”

“ไม่ว่าจะเป็นศึกหรือวังหลัง…หม่อมฉันจะอยู่ข้างท่าน”

เยี่ยนหยางมองตามแผ่นหลังนั้นหัวใจอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนใต้แสงโคมยามดึกแผนการศึกยังไม่เสร็จแต่ในใจเขา—มีคำตอบหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นทุกที

ยามเช้า หมอกบางยังคลออยู่เหนือหลังคาตำหนักหลงเยว่ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากหน้าประตู ก่อนขันทีคนสนิทของเยี่ยนหยางจะโค้งคำนับต่ำ

“ทูลองค์ชาย มีสารจากวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

เยี่ยนหยางเงยหน้าจากโต๊ะ เขารับแผ่นสารมาเปิดอ่านเพียงครู่เดียว แววตาที่เคยสงบนิ่งกลับเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด หลิงอันซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล สังเกตสีหน้าเขาได้ทันที

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”

เยี่ยนหยางวางสารลงช้า ๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ

“จักรพรรดิ…และมเหสี”

คำว่า มเหสี ถูกเน้นเสียงอย่างจงใจ “ส่งสารไปยังตระกูลขุนนางที่มีบุตรสาว ให้เตรียมส่งเข้าวัง เพื่อคัดเลือกชายาให้ข้าและเยี่ยนหมิง”

หลิงอันนิ่งไปชั่วครู่ หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“แล้ว…มีตระกูลใดบ้างเจ้าคะ”

“หลายตระกูล” เขาตอบ ก่อนเงยตามองนางตรง ๆ “หนึ่งในนั้น คือตระกูลของเพื่อนสนิทเจ้า”

คำพูดนั้นทำให้หลิงอันมือเย็นวาบนางรู้ดี…รู้ดีเกินไปว่าเพื่อนผู้นั้นคิดอะไรอยู่

“เดิมที” เยี่ยนหยางพูดต่อ น้ำเสียงต่ำลง “ตามแผนของวังหลัง คนที่ควรถูกส่งมาเป็นชายาของข้า…ไม่ใช่เจ้า”

หลิงอันเงยหน้าขึ้นทันที

“หมายความว่า…ท่านรู้...”

“หมายความว่า” เขามองนางไม่กะพริบตา “ข้ารู้ตั้งแต่แรกตระกูลนั้นควรเป็นฝ่ายส่งบุตรสาวมา แต่สุดท้ายกลับเปลี่ยนเป็นเจ้า”

ความเงียบปกคลุมระหว่างทั้งสองหลิงอันเข้าใจในวินาทีนั้น—ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญแต่เป็น การแทนที่

“องค์ชาย…คิดว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไป” นางถามเสียงเบา

เยี่ยนหยางยื่นมือมาวางทับหลังมือของนางบนโต๊ะ การกระทำเรียบง่าย แต่หนักแน่น

“ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอะไร ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าโดนดึงเข้าไปเป็นหมากอีก”

หลิงอันสบตาเขา ใจเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม

“แต่ถ้ามีงานเลือกคู่จริง ๆ …องค์ชายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้”

“ใช่” เขายอมรับตรง ๆ “แต่การเลือก…อยู่ที่ข้า”

นิ้วหัวแม่มือของเยี่ยนหยางขยับลูบหลังมือนางแผ่วเบา ราวกับปลอบใจโดยไม่ต้องใช้คำพูดหลิงอันหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย นางรีบก้มหน้าหลบสายตา

“องค์ชายไม่กลัวหรือเจ้าคะ”

“กลัวอะไร”

“กลัวว่าหม่อมฉัน…จะกลายเป็นจุดอ่อน”

เยี่ยนหยางยิ้มบาง ๆ เป็นรอยยิ้มที่หลิงอันไม่ค่อยได้เห็น

“ข้าไม่เคยคิดว่าจุดอ่อนคือสิ่งที่ต้องตัดทิ้ง”

เขาโน้มตัวเข้าใกล้อีกนิด เสียงต่ำลงจนมีเพียงนางได้ยิน

“บางครั้ง จุดอ่อน…คือเหตุผลที่ทำให้เราชนะ”

หลิงอันหัวใจสั่นไหว นางไม่รู้ตัวเลยว่าเยี่ยนหยางมองนางด้วยสายตาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดไม่ใช่แค่ชายาที่ถูกส่งมาแต่เป็น คนที่เขาเลือกจะปกป้อง

นอกตำหนัก แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดลงบนสวนดอกเหมยอย่างเงียบงันขณะที่ในวังหลัง—กระแสเลือกคู่เริ่มขยับและชื่อของ “หลิงอัน” ก็กำลังจะถูกพูดถึงอีกครั้ง…ในฐานะผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่

ท้องพระโรงยามสายเงียบสงัด เสียงฝีเท้าขันทีสะท้อนบนพื้นหินอ่อนเมื่อองค์ชายทั้งสองก้าวเข้าไปพร้อมกัน

เยี่ยนหยางอยู่ด้านซ้าย สีหน้าเรียบนิ่ง สุขุมดังเดิม

ส่วนเยี่ยนหมิงยืนอยู่ด้านขวา แววตาฉาบด้วยความไม่พอใจและตึงเครียดที่ปิดไม่มิด จักรพรรดิประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร สายพระเนตรกวาดมองบุตรชายทั้งสอง ก่อนจะตรัสเสียงหนัก

“เรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ เพราะอยากฟังความคืบหน้าเรื่องการวางแผนศึกกับแคว้นเหนือ”

เยี่ยนหมิงเป็นฝ่ายก้าวออกมาก่อน เขาคำนับแล้วเริ่มกราบทูล แต่คำพูดกลับติดขัด รายละเอียดคลุมเครือ แผนการยังไม่เป็นรูปเป็นร่างนัก

จักรพรรดิขมวดพระขนง สีพระพักตร์เคร่งเครียดขึ้นทุกขณะ

“พอแล้ว” เสียงตรัสตัดบทอย่างไม่พอพระทัย

“ช่วงหลังเจ้าดูจะวอกแวกมากเกินไป แผนรบเช่นนี้ หากออกศึกจริงจะเอาชีวิตทหารไปทิ้งเปล่า ๆ”

เยี่ยนหมิงหน้าซีด ริมฝีปากเม้มแน่น แต่ไม่กล้าโต้แย้ง

จักรพรรดิหันพระเนตรไปทางเยี่ยนหยาง

“แล้วเจ้าเล่า มีความเห็นอย่างไร”

เยี่ยนหยางก้าวออกมาอย่างสงบ คุกเข่าคำนับ ก่อนกราบทูลด้วยน้ำเสียงมั่นคง เขาอธิบายภาพรวมของเส้นทางลำเลียง เสบียง จุดตั้งค่าย และการรับมือศัตรูอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ชัดเจนและรัดกุม

จักรพรรดิฟังเงียบ ๆ ก่อนจะพยักพระพักตร์ช้า ๆ

“อย่างน้อย…เจ้าก็ยังไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

คำตรัสนั้นเหมือนมีดบาง ๆ กรีดลงกลางใจเยี่ยนหมิง เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

“กลับไปปรับแผนให้ดีกว่านี้” จักรพรรดิตรัสสั่งเสียงเย็น

“หากใครทำผลงานไม่ได้ ก็อย่าหวังจะได้สิทธิ์เลือกก่อน”

สิ้นรับสั่ง ทั้งสององค์ชายคำนับแล้วถอยออกจากท้องพระโรง

---

เมื่อกลับถึงตำหนักหลงเยว่ เยี่ยนหยางเพิ่งจะถอดเสื้อคลุมออก ก็เห็นหลิงอันยืนรออยู่ด้านใน สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล

“เข้าเฝ้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” นางถามเสียงเบา

เยี่ยนหยางมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ

“ยังไม่ถึงขั้นเลวร้าย แต่จากนี้…คงไม่อาจประมาทได้”

หลิงอันพยักหน้า นางเดินเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว “หม่อมฉันคิดว่าองค์ชายทำได้ดีแล้วนะเจ้าคะ”

คำพูดเรียบง่ายนั้นทำให้เยี่ยนหยางชะงัก เขามองนางด้วยสายตานิ่งลึก ราวกับพยายามจดจำความรู้สึกนี้เอาไว้

“หลิงอัน” เขาเอ่ยเสียงต่ำ “หากวันหนึ่งข้าต้องออกศึกจริง…เจ้าจะกลัวหรือไม่”

นางส่ายหน้าเบา ๆ แต่ดวงตากลับจริงจัง

“กลัวเจ้าค่ะ…แต่หม่อมฉันเชื่อในองค์ชาย”

เยี่ยนหยางยื่นมือออกมา ลูบศีรษะนางอย่างแผ่วเบา การกระทำนั้นอ่อนโยนเกินกว่าจะเป็นของผู้ที่คนทั้งวังกล่าวขานว่าเย็นชา

“ข้าจะกลับมา” เขาพูดชัดเจน “ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะกลับมาหาเจ้า”

หลิงอันยิ้ม ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย แต่หัวใจกลับอุ่นอย่างประหลาด ภายนอกตำหนัก ท้องฟ้าเริ่มครึ้มราวกับลางบอกเหตุ ขณะเดียวกัน ในเงามืดของวังหลวง แผนการบางอย่างก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง—ทั้งเรื่องศึก…และเรื่องการเลือกคู่ ที่จะเปลี่ยนชะตาของทุกคนไปตลอดกาล

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่7 แผนรบแคว้นเหนือ

    ในตำหนักขององค์ชายตะวัน—เยี่ยนหมิงบรรยากาศยามค่ำคืนกลับตึงเครียดยิ่งกว่ากลางวัน ถ้วยชาถูกวางทิ้งไว้จนเย็นชืด เยี่ยนหมิงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองออกไปยังความมืดด้านนอก ดวงตาแข็งกร้าวฉายแววหงุดหงิดอย่างปิดไม่มิด“ทุกอย่างเหมือนจะไม่เป็นใจเสียจริง…”ตั้งแต่ข่าวลือเรื่องหลิงอันยังมีชีวิตอยู่แพร่ออกมา ตั้งแต่เยี่ยนหยางเริ่มปรากฏตัวต่อหน้าขุนนางอย่างเปิดเผยตั้งแต่เสด็จพ่อเอ่ยถึง “ศึก” และ “ผลงาน” เป็นเงื่อนไขเลือกคู่ แผนที่เคยคิดว่าคุมได้…กลับเริ่มหลุดมือทีละน้อย“ฝ่าบาทเริ่มมองเยี่ยนหยางต่างไป” เยี่ยนหมิงกำหมัดแน่น “หากปล่อยไว้อย่างนี้…ข้าจะเสียทุกอย่าง”เงาร่างของเขาถูกแสงโคมสะท้อนยาวเหยียด ราวกับลางร้ายที่กำลังคืบคลานแต่ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร—คืนนี้ยังไม่มีคำตอบ---ขณะเดียวกัน ที่ ตำหนักหลงเยว่แสงโคมในห้องหนังสือยังสว่างอยู่แม้ยามดึก เยี่ยนหยาง นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ เต็มไปด้วยแผนที่ เส้นทางเดินทัพ และบันทึกการศึกจากอดีต เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ศึกยังมาไม่ถึง…แต่เขารู้ดีว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการรบเพื่อแผ่นดิน หากเป็นการรบเพื่อ “อนาคต” เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นหน้าประตู“

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่6 ข้าจะรอ

    ข่าวลือเรื่ององค์ชายจันทราเดินเคียงหลิงอันในสวนดอกเหมยยังไม่ทันจาง เช้าวันถัดมา องค์ชายเยี่ยนหมิง ก็เสด็จเข้าเฝ้าในตำหนักบรรทมของจักรพรรดิ ภายในห้องเงียบสงัด กลิ่นกำยานอ่อนลอยคลุ้ง จักรพรรดิประทับอยู่หลังโต๊ะทรงงาน ทอดพระเนตรเอกสารโดยไม่เงยพระพักตร์ “เสด็จพ่อ” เยี่ยนหมิงคุกเข่าลง น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงความเร่งร้อน “หม่อมฉันใคร่ขอกราบทูลเรื่องงานเลือกคู่พระชายา” ปลายพู่กันหยุดชะงักเพียงชั่วอึดใจจักรพรรดิจึงเงยพระพักตร์ขึ้น “เหตุใดจู่ ๆ เจ้าจึงเร่งร้อน” เยี่ยนหมิงสูดลมหายใจ “หม่อมฉันพบสตรีผู้หนึ่ง เห็นว่าเหมาะสมยิ่ง อยากขอพระราชทานโอกาสเลือกนาง” “ผู้ใด” “…หลิงอันพ่ะย่ะค่ะ” บรรยากาศในห้องเย็นวูบลงในพริบตาจักรพรรดิทอดพระเนตรโอรสตรงหน้าอย่างพินิจ “ไม่ได้” คำตอบนั้นชัดเจน ไม่เปิดช่องให้ต่อรองเยี่ยนหมิงชะงัก “เหตุใดพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นเพียงบุตรีตระกูลขุนนาง มิได้มีข้อห้าม—” “เพราะนางถูกกำหนดไว้แล้ว” จักรพรรดิรับสั่งเสียงเรียบ “และงานเลือกคู่จะยังไม่จัดในเวลานี้” เยี่ยนหมิงกำมือแน่น “แล้วจะจัดเมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ” “หลังจากเจ้าและเยี่ยนหยางออกศึก” พระสุรเสียงทรงหนักแน่น “ผู้ใด

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่5 ความอิจฉาริษยา

    บนโต๊ะอาหารไม้หอมภายในตำหนักหลงเยว่ มีเพียงเสียงช้อนกระทบถ้วยเบาๆ กับเสียงลมยามค่ำที่พัดผ่านม่านหน้าต่าง หลิงอันนั่งกินข้าวอย่างสำรวมท่วงท่าเรียบร้อยตามแบบสตรีในวังแต่ไม่ถึงกับเกร็ง—เป็นความสบายที่ไม่ต้องเสแสร้ง ตรงข้ามกันองค์ชายเยี่ยนหยาง… กลับไม่ได้แตะตะเกียบมานานแล้วสายตาของเขาหยุดอยู่ที่นาง ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ถูกปากแต่เพราะภาพตรงหน้ามันทับซ้อนกับความทรงจำที่เขาไม่อาจควบคุมได้ ในอดีต—ในชีวิตของ เฟิงเหยาหญิงสาวคนหนึ่งเคยนั่งตรงนี้ยิ้มให้เขาแบบเดียวกัน เรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอย่ามัวแต่มอง ข้าวจะเย็นเสียก่อน” “….” เยี่ยนหยางหลุบตาลงช้าๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางโดยไม่รู้ตัวหลิงอันชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท…?” “อาหารไม่ถูกพระโอษฐ์หรือเจ้าคะ” คำถามนั้นดึงเขากลับสู่ปัจจุบัน “ไม่” เสียงขององค์ชายต่ำ นุ่มกว่าที่เคย “เพียงแต่…” เขาหยุดคำพูดราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ “…เจ้ากินแล้ว ดู…สบายใจดี” หลิงอันชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ “เพราะที่นี่คือ ตำหนักของหม่อมฉันแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ” “หม่อมฉันคิดว่า…การกินข้าวอย่างสงบ คือความสุขเล็ก ๆ ที่ควรรักษาไว้” คำต

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่4 สายตาที่คุ้นเคย

    แสงอรุณอ่อนสาดลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในตำหนักหลงเยว่ หลิงอันลืมตาขึ้นช้า ๆ ราวกับไม่คุ้นชินกับความเงียบสงบเช่นนี้ ในอดีต…เวลานี้เธอคงต้องลุกขึ้นก่อนฟ้าสาง เตรียมรับคำดูแคลน คำสั่ง และการกลั่นแกล้งแต่ในชาตินี้—ไม่มีเสียงใดเร่งเร้า ไม่มีใครตะโกน มีเพียงกลิ่นชาหอมจาง ๆ และเสียงฝีเท้าเบาที่คุ้นเคย “ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านในหลิงอันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมอง องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ข้างโต๊ะชา ชุดสีเข้มเรียบง่าย แต่สะอาดเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาตามเคย ทว่าดวงตากลับอ่อนลงอย่างที่เธอเริ่มคุ้น “เพคะ” หลิงอันตอบ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “หม่อมฉันตื่นสายหรือไม่” เยี่ยนหยางส่ายหน้า “ยังไม่ถึงยามเช้า ข้าเพียง… คิดว่าเจ้าคงไม่ชินกับที่นี่” คำว่า ไม่ชิน ทำให้หลิงอันยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ไม่ใช่ของหญิงสาวอ่อนแอในนิยายแต่เป็นรอยยิ้มของคนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมามากเกินพอ “หม่อมฉันชินกับที่ใดก็ตาม… หากไม่ต้องระวังว่าจะมีใครผลักตกบันไดอีก” คำพูดนั้นหลุดออกมาโดยไม่ทันคิดบรรยากาศในตำหนักเงียบลงฉับพลัน เยี่ยนหยางชะงักมือที่ยกถ้วยชาค้างกลางอากาศสายตาคมเข้มจับจ้องนางนิ่ง—ไม่ใช่ด้วยความไม่พอใจ แต่เป็น

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่3 ความฝันขององค์ชายจันทรา

    ตำหนักหลงเยว่ในยามค่ำสงัดเงียบมีเพียงเสียงลมพัดต้องผ้าม่าน หลิงอันนั่งอยู่ในห้องรองรับอันกว้างใหญ่ รอองค์ชายเยี่ยนหยางตามมารยาทของชายาใหม่ แม้เขาไม่เคยสั่งให้นางรอเลยก็ตาม ในนิยาย… องค์ชายเยี่ยนหยางไม่สนใจแม้แต่มองหน้าชายาแรกพบด้วยซ้ำ…แต่วันนี้ เขากลับช่วยข้าจากการล้ม… แม้สีพระพักตร์จะยังเย็นชาเหมือนเดิมก็ตาม ขณะที่ความคิดสับสนวนเวียนอยู่ เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินหินหน้าตำหนัก เงาร่างสูงในชุดองค์ชายสีดำทองก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม ประตูเปิดออก องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ตรงนั้น—คิ้วเข้ม ดวงตาเย็นสงบ แต่แววลึกในดวงตานั้น… แปลกประหลาด คล้ายจับจ้องนางคล้าย… คุ้นเคยเสียอย่างนั้น หลิงอันรีบลุกขึ้นคุกเข่า “ถวายพระพรเพคะ พระองค์กลับมาแล้ว” เยี่ยนหยางเดินตรงเข้ามาโดยไม่สั่งให้นางลุกขึ้นเสียก่อน แต่กลับหยุดยืนตรงหน้า มองนางอย่างพิจารณา แทบจะนานเกินมารยาทขององค์ชายผู้สุขุม “เจ้า…” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแผ่วลง “หน้าตาคล้ายคนคนหนึ่ง” หลิงอันเงยหน้าขึ้น “คล้ายผู้ใดเพคะ?” เยี่ยนหยางส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับไม่อาจระบุได้ “ไม่รู้… แต่มันทำให้ข้าไม่อยากเมินเฉยใส่เจ้าอย่างที่ตั้งใจไว้” เขาพูดด้วยน้ำเส

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่2 นางเป็นใครกันแน่

    สายลมนิ่งสงบของเช้าวันถัดมา ไม่ต่างจากความนิ่งเงียบภายในตำหนักรองที่หลิงอันต้องย้ายเข้ามาอยู่ชั่วคราวหลังอภิเษก หลิงอันในชุดชายาฉบับเรียบง่าย—ผ้าไหมสีอ่อนปักลายเมฆบาง—ยืนเงียบอยู่ริมบานหน้าต่าง มองบรรยากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยต้นเหมยกำลังเริ่มผลิบาน ทว่าในใจกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเมื่อวานหลายเท่า เมื่อคืน…หลังถูกพาตัวกลับจวน องค์ชายเยี่ยนหยางไม่ได้ตรัสอะไรอีก นอกจากให้คนพาหล่อนกลับตำหนักรอง เหมือนต้องการเว้นระยะห่าง เหมือนกำลังคิด…หรือกำลังระแวง… หลิงอันไม่แน่ใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน—สายตาของเขาในวินาทีนั้นมันคุ้นเคยจนน่ากลัว เหมือนเขากำลังจ้อง “นาง” ตัวตนของหล่อนก่อนมาอยู่ในจวนใหม่… ก่อนหล่อนจะลบตนเองออกจากสายตาเขาไปเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่านางคือใคร หรืออาจ…ยังไม่แน่ใจเท่านั้น --- ช่วงสาย องค์ชายเยี่ยนหยางเสด็จออกจากตำหนักเพื่อไปศาลาว่าราชการฝ่ายทหาร เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักรองรีบวิ่งวุ่นขึ้น เพราะก่อนเสด็จพระองค์ทรงรับสั่งให้คนเตรียมสิ่งหนึ่ง “พระชายาเพคะ องค์ชายทรงมีรับสั่งให้เข้ารับพระบัญชาในสวนด้านในเพคะ”นางกำนัลคนสนิทรายงานด้วยท่าทีเกรงตัว หลิงอันสะดุ้งเล็กน้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status