เพาะเห็ด
“ตกลงที่เราจ่ายให้เขาทุกวันคืออะไร”
“วางขายได้ไม่เก็บค่าเช่าที่แล้วทำไมเขาเก็บข้าวันละ 5 อีแปะทุกวันล่ะ”
“ใช่ ข้าก็ถูกเขาเก็บเงิน”
“ข้าด้วย”
“ใช่ ๆ เอาเงินเราคืนมา”
“ใช่ คืนเงินให้เราเดี๋ยวนี้นะ”
เสียงของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเริ่มหนาหู ลุงขายถังหูลู่เกิดกลัวขึ้นมาว่าความจะแตกจึงรีบยกแผงแบกขึ้นบ่าเดินฝ่าฝูงชนหนีไป ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่ยังคลางแคลงสงสัยวิ่งตามลุงผู้นั้นเพื่อขอเงินคืนชุลมุนวุ่นวาย เมื่อทุกอย่างสงบลงเจียอีจึงรีบกล่าวขอบคุณเฟิ้งหรั่น
“ข้าขอบคุณท่านมากพี่สาว”
“ไม่ต้องขอบคุณ ที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนกลางก็จริง ตอนนี้ทางการให้วางขายโดยไม่คิดค่าเช่า แต่ข้าได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่าอีกไม่นานทางการจะเริ่มเก็บค่าเช่าแล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง”
“อื้ม”
เฟิ้งหรั่นมองดูเห็ดหูหนูตากแห้งในตะกร้า ระยะนี้เห็ดหูหนูแห้งที่นางรับไว้ขายที่ร้านเป็นสินค้าขายดี คนที่เคยหามาส่งให้ประจำเริ่มหัวใสอยากโก่งราคา บางวันอ้างเหตุผลว่าหามาได้ไม่พอขายต่อ บางวันก็อ้างว่าเห็ดหูหนูนั้นหายากกว่าเดิม แต่อันที่จริงเพียงแค่อยากขอขึ้นราคาก็เพียงเท่านั้น การค้าขายย่อมหวังผลกำไรเป็นธรรมดา หากเฟิ้งหรั่นรับสินค้าที่มีราคาต้นทุนสูงเกินไปมาขายนางก็มองไม่เห็นเม็ดเงินผลกำไร
“เห็ดหูหนู เจ้าเอาเห็ดหูหนูมาขายหรือ”
“เจ้าค่ะ บ้านของข้าอยู่ติดกับป่า ท่านยายกับท่านแม่ขึ้นไปหาของป่าได้เห็ดหูหนูกลับมาเยอะทีเดียว ข้ากับน้องก็เลยเอามาช่วยขาย”
“เช่นนั้นข้าเหมาเห็ดหูหนูนี่หมดเลยก็แล้วกัน ทั้งหมดนี้เท่าไร”
“ทั้งหมดนี้ 3 ชั่งเจ้าค่ะ ชั่งละ 5 อีแปะ รวมทั้งสิ้น 15 อีแปะเจ้าค่ะ”
“ได้ เช่นนั้นเจ้าสองพี่น้องถือไปส่งข้าที่ร้านขายของแห้ง มาสิ ตามข้ามา”
เฟิ้งหรั่นเดินนำหน้าไปสองพี่น้องก็เดินตาม จนมาถึงหน้าร้านขายของแห้งขนาดใหญ่ ข้างในนั้นมีคนงานสองคนกำลังช่วยกันขายของอย่างขยันขันแข็ง ภายในร้านมีสินค้ามากมายวางเรียงรายในตะกร้านับสามสิบตะกร้า อาทิเช่น เห็ดหอมแห้ง เห็ดหูหนูแห้ง ธัญพืชประเภทถั่ว โสมจีน เยื่อไผ่ เก๋ากี้ เม็ดบัว พุทราจีน ดอกเก๊กฮวย กระเจี๊ยบแห้ง และอื่น ๆ อีกมากมายจนนับไม่ถ้วน มีให้เลือกสรรละลานตาไปหมด จนกระทั่งเจียอีได้สะดุดตาเข้ากับเม็ดบัวจำนวนหนึ่งที่ถูกแยกออกมาต่างหากประมาณหนึ่งชั่งเห็นจะได้
“พี่สาว เม็ดบัวนี่ข้าขอซื้อต่อได้หรือไม่”
“เม็ดบัว ตรงนั้นนะหรือ”
เฟิ้งหรั่นชี้นิ้วไปยังตะกร้าใบหนึ่งที่ถูกแยกออกมาวางที่พื้น นางขมวดคิ้วเป็นเส้นตรงด้วยความสงสัย เพราะเม็ดบัวนี้นางได้ให้คนงานแยกออกมาเนื่องจากอาทิตย์ก่อนเกิดพายุกระหน่ำอย่างหนัก ฝนสาดเข้ามาในร้านรวดเร็วจนเก็บเข้ามาไม่ทัน พอวันต่อมาตั้งใจจะเอาเม็ดบัวออกตากแดดทว่าท้องฟ้ามืดครึ้มไม่มีแดด จึงทำให้เม็ดบัวเหล่านี้เน่าเสียขึ้นรา
“เม็ดบัวขึ้นราเหล่านี้ข้าก็ตั้งใจจะเอาไปทิ้งอยู่แล้ว ข้าไม่ขายหรอกถ้าเจ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะ”
นางบอกอย่างใจดี แล้วยกตะกร้าขึ้นมาเทเม็ดบัวทั้งหมดเปลี่ยนถ่ายใส่ตะกร้าของเจียอี จากนั้นยื่นเงินให้จำนวน 15 อีแปะ
“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่สาว”
“อื้ม จริงสิ เจ้าสองคนมีชื่อว่าอย่างไร ข้าชื่อเฟิ้งหรั่น”
“พี่เฟิ้งหรั่น ข้าชื่อเจียอี นี่น้องชายข้าชื่อว่าอาฉีเจ้าค่ะ”
“เจียอี อาฉี ถ้าพวกเจ้ามีเห็ดหูหนูแห้งอีกก็นำมาส่งที่ร้านข้าได้เลย ข้ารับซื้อประจำ”
“จริงหรือเจ้าคะ”
เจียอียิ้มกว้าง เฟิ้งหรั่นยืนยันคำพูดโดยการพยักหน้ายิ้มตอบ
“เช่นนั้นหากข้าได้เห็ดหูหนูแห้งมาอีกข้าจะมาส่งให้พี่เฟิ้งหรั่นนะเจ้าคะ ข้ากับน้องขอลาเจ้าค่ะ”
เจียอีและอาฉีคารวะเถ้าแก่เนี้ยคนสวยอย่างจริงใจ สองพี่น้องเดินผ่านร้านขายขนม เจียอีแอบเห็นน้องชายกลืนน้ำลายลงคอแต่ไม่กล้าเอ่ยปากขอซื้อ ดังนั้นนางจึงเดินย้อนกลับมาหน้าร้านขนมอีกรอบ อาฉีหลบอยู่ด้านหลังนางอย่างอาย ๆ ก่อนหน้านี้ลู่เสียนเคยบอกว่าชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวไม่เหมือนแต่ก่อน เมื่อเห็นเจียอีกำลังจะควักเงินซื้อขนมให้อาฉีจึงรู้สึกละอายใจ
“เจ้าอยากกินขนมกุ้ยฮวานี่ไม่ใช่หรือ ทำไมเอาแต่หลบหลังพี่ล่ะ”
“ท่านพี่ข้าไม่อยากกิน”
“เจ้าไม่อยากกิน?”
“ขอรับ เราไปกันเถอะขอรับ”
ว่าแล้วเด็กน้อยก็จูงมือพี่สาวออกมาจากหน้าร้าน เจียอีมองน้องชายด้วยความสงสัย
“ทำไมเจ้าถึงไม่เอาขนม ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็อยากกินไม่ใช่หรือ”
“ข้าไม่อยากกินแล้วขอรับ นี่เพิ่งจะเป็นเงินก้อนแรกที่เราเพิ่งจะหาได้หลังจากที่ออกมาจากบ้านหลิน ข้าอยากให้ท่านแม่ภูมิใจ ขนมข้าไม่กินก็ได้ ข้าอดทนได้ขอรับ”
“โธ่ อาฉี เจ้าช่างเป็นเด็กรู้ความยิ่งนัก”
เจียอีก้มลงไปโอบกอดน้องชาย เขาเป็นเหมือนกระจกบานหนึ่งที่ได้ฉายสะท้อนเงาของนางในยุคปัจจุบัน ก่อนหน้านั้นเจียอีเสพติดการสั่งสินค้าออนไลน์จนไม่มีแม้กระทั่งเงินสำรองก้นถุง ผิดกับอันฉีลิบลับถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กน้อยวัย 8 หนาว แต่ความคิดของอันฉีนั้นลึกซึ้งมากกว่านางมากมายนัก เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เจียอีตระหนักได้ถึงคุณค่าของเงินตราจนน้ำตาซึม
“อาฉี พี่สาวเจ้าคนนี้สัญญาว่าจะหาเงินให้ได้มาก ๆ เมื่อไรก็ตามที่อาฉีอยากจะกินขนม อาฉีจะต้องได้กินโดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด พี่สัญญา”
“ขอรับ”
สองพี่น้องกอดกันท่ามกลางคนที่เดินสัญจรไปมา แต่ไม่มีผู้ใดสนใจว่าพวกนางกำลังทำสิ่งใด ทุกคนต่างสนใจแต่เรื่องของตัวเองกันทั้งนั้น เมื่อเดินออกมานอกเขตตลาดอาฉีก็ได้ร้องเพลงให้เจียอีฟังระหว่างทาง ตลอดเส้นทางที่มีแต่หลุมบ่อถูกเติมเต็มด้วยเสียงหัวเราะของสองพี่น้อง เจียอียิ้มแย้มอย่างมีความสุข ไม่คิดมาก่อนว่าในโลกที่อินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีเครื่องใช้อำนวยความสะดวก จะทำให้นางอิ่มเอมใจได้อย่างล้นหลาม
“ท่านพี่ ข้าอยากฟังท่านร้องเพลงบ้าง”
“ร้องเพลง ได้ ได้สิ...เปาบุ้นจิ้นชอบกินไข่เต่า ส่วนจั่นเจาชอบอมโอเล่ เซเลอร์มูนตาเหล่ตกส้วมตาย...”
“ข้า...ข้าว่าพอก่อนเถิดขอรับ!”
“ข้ายังมีอีกหลายบทเพลงนะถ้าเจ้ายังอยากจะฟังอีก”
“ไม่ ไม่แล้วขอรับ เพลงของท่านพี่ประหลาดเกินไป ข้าไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนเลย”
“ฮ่า ๆ”
พอมาถึงบ้าน เจียอีก็มอบเงินที่ขายเห็ดหูหนูได้ให้ลู่เสียน ลู่เสียนรับไว้แล้วยิ้มออกมาอย่างตื้นตันใจ เงิน 15 อีแปะไม่ได้มากมายอะไรเลย แต่ยามนี้มันกลับมีค่ามากมายเทียบได้กับทองคำหนึ่งชั่ง ในระหว่างที่กำลังนับเงินอยู่นั้นลู่เสียนเหลือบไปเห็นเม็ดบัวในตะกร้าที่ลูกสาวนำกลับมาด้วยนางจึงถาม
“เม็ดบัวเน่าเสียแล้วเจ้าเอามาทำไมหรือ”
“ข้าเอามาเพาะเห็ดฟางเจ้าค่ะ เอ่อ ข้าหมายถึงปลูกเห็ดฟางเจ้าค่ะ”
“ปลูกเห็ดฟาง เจ้ารู้วิธีปลูกเห็ดฟางได้อย่างไร”
“เอ่อ”
ในยุคนี้ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จะมีแค่พืชบางชนิดเท่านั้นที่ผู้คนเริ่มทยอยเพาะปลูกบ้างแล้ว ส่วนมากเป็นจำพวกข้าวชนิดต่าง ๆ หรือผักสวนครัว ส่วนเห็ดก็ออกไปเก็บเอาจากในป่า ไม่เคยมีผู้ใดกล่าวถึงการเพาะเห็ดให้ได้ยิน แล้วเจียอีเจ้าของร่างก็ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับด้านนี้เลย เจียอีจากยุคปัจจุบันก็ยังไม่ได้หาเหตุผลมารองรับความสงสัยนี้ จึงได้แต่แต่งเรื่องพูดโกหกไปก่อน
“ข้าได้ยินคนในตลาดพูดคุยกันเจ้าค่ะ เล่ากันว่าเม็ดบัวนี่สามารถนำมาปลูกเห็ดฟางได้ ข้าเห็นว่าที่หลังบ้านเรามีกองฟางพอดี ข้าก็เลยขอเม็ดบัวมาจากร้านขายอาหารแห้ง เถ้าแก่เนี้ยของที่นั่นใจดีมากเลยนะเจ้าคะ นางบอกว่าหากเราได้เห็ดหูหนูมาอีกก็นำไปขายส่งให้ร้านนางได้เลย”
“ดีจริง เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไรกับเม็ดบัวนี่ต่อไป”
“ข้าต้องการให้ท่านแม่ช่วยเจ้าค่ะ”
“ได้สิ”
สามแม่ลูกช่วยกันเตรียมแปลงดิน จากนั้นนำฟางไปแช่น้ำทิ้งเอาไว้หนึ่งคืน เช้าวันต่อมาก็นำฟางที่แช่น้ำแล้วมาวางกระจายให้ทั่ว โรยเชื้อราที่เกิดจากเม็ดบัวเน่าเสียลงไป โรยทั่วแล้วก็นำฟางมาคลุมทับอีกชั้น รดน้ำให้ชุ่ม หาผ้าหนา ๆ มาคลุม วันต่อมาก็รดน้ำหนึ่งครั้งต่อวัน ใช้เวลา 15-20 วันจึงจะเก็บผลผลิตได้
ตอนเย็นหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ทุกคนก็นั่งล้อมวงเตรียมกินมื้อค่ำ กับข้าววันนี้เป็นผัดผักกับต้มผัก แม้ว่าเจียอียังไม่คุ้นชินกับอาหารเรียบง่าย นางก็พยายามปรับตัวคีบอาหารที่ลู่เสียนทำเข้าปากทานอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ทำตัวยุ่งยากให้เป็นปัญหา คนอื่นกินได้นางก็ต้องกินได้เช่นเดียวกัน
“พรุ่งนี้ท่านแม่จะเข้าไปหาของป่าอีกไหมเจ้าคะ ข้าอยากติดตามท่านแม่ไปด้วย”
“ไปสิ ดีเหมือนกันมีเจ้าไปเป็นเพื่อนท่านยายจะได้พักอยู่บ้าน ท่านยายแก่มากแล้วเดินเหินไม่ค่อยสะดวก”
“เจ้าค่ะ”
เจียอีรีบรับคำอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าพรุ่งนี้พี่สาวจะติดตามแม่ไปหาของป่าอันฉีก็รีบขอตามไปด้วยอีกคน
“ท่านแม่ ข้าขอไปหาของป่าด้วยได้หรือไม่”
“เจ้าเองก็อยากไปด้วยหรือฉีเอ๋อร์”
“ขอรับ ข้าเองก็อยากไปกับท่านแม่และท่านพี่”
“ได้ เช่นนั้นไปด้วยกันสามคนเลย ดีไหม”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ”
รุ่งสางของวันใหม่ภายใต้ท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง ผืนพนาไพรแต่งแต้มไปด้วยใบไม้หลากสี เจียอีทอดสายตามองท้องฟ้าอันไร้ซึ่งขอบเขต มีวูบหนึ่งที่นางนึกถึงชีวิต ณ ขณะอยู่ในเมืองหลวงของยุคปัจจุบัน แม้ว่าในเวลาเดียวกันนี้ของทุกวันนางจะตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ร่างกายกลับไม่รู้สึกว่าได้รับความบริสุทธิ์เลยแม้แต่น้อย เพราะทุกพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากรถยนต์ อีกทั้งโรงงานอุตสาหกรรมก็มากมาย แม้ว่านางจะเป็นลูกหลานเกษตรกร แต่เพราะต้องทำงานหาเลี้ยงชีพจึงจำเป็นต้องผลักดันตนเองเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ ในที่สุดเจียอีก็ค้นพบข้อดีอีกหนึ่งอย่างของการทะลุมิติมา นั่นคือสิ่งแวดล้อมรอบกายของนางเป็นทิวทัศน์งดงามที่แสนวิเศษยิ่งนัก สวยงามมากกว่าบ้านของนางที่ชนบทในโลกปัจจุบันเสียอีก
“เจียเอ๋อร์มาดูนี่สิ เจ้ายืนเหม่ออะไรอยู่”
“เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
เจียอีวิ่งไปตามเสียงร้องเรียกของลู่เสียนที่ดังอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ข้างต้นไม้ใหญ่คือตอไม้ที่ถูกตัดโค่นไปเหลือความสูงระดับเข่า ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นมีเห็ดหลินจือแดงมากถึงสามดอกเกิดอยู่บนตอไม้นั้น เห็ดหลินจือถือว่าเป็นราชาสมุนไพรที่หมอนำไปใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคหลายชนิด อีกทั้งยังช่วยบำรุงร่างกายทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง วิธีทานก็จะนำไปตากจนแห้งจากนั้นต้มกับน้ำแล้วดื่ม รสชาติขมเฝื่อนทานยากแต่ผู้คนก็นิยมเป็นอย่างมาก
“เห็ดหลินจือนี่เจ้าคะ”
“ใช่ เราพบของดีแล้ว แม่ว่าจะเก็บไปให้ท่านตา ท่านตามีความรู้เรื่องสมุนไพร หมู่นี้สุขภาพท่านยายไม่ค่อยจะดี”
“ดีเลยเจ้าค่ะ”
เก็บเห็ดหลินจือใส่ตะกร้าแล้วเจียอีก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาของนางเบิกโตด้วยความดีใจ ชี้นิ้วไปทางนั้นพลางเรียกน้องชายให้มาดู นั่นทำให้ลู่เสียนมองตามเส้นทางที่มือของเจียอีกำลังชี้ไปด้วยอีกคน
“อาฉี มานี่เร็ว”