Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-06-04 13:04:24

เพาะเห็ด

“ตกลงที่เราจ่ายให้เขาทุกวันคืออะไร”

“วางขายได้ไม่เก็บค่าเช่าที่แล้วทำไมเขาเก็บข้าวันละ 5 อีแปะทุกวันล่ะ”

“ใช่ ข้าก็ถูกเขาเก็บเงิน”

“ข้าด้วย”

“ใช่ ๆ เอาเงินเราคืนมา”

“ใช่ คืนเงินให้เราเดี๋ยวนี้นะ”

เสียงของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเริ่มหนาหู ลุงขายถังหูลู่เกิดกลัวขึ้นมาว่าความจะแตกจึงรีบยกแผงแบกขึ้นบ่าเดินฝ่าฝูงชนหนีไป ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่ยังคลางแคลงสงสัยวิ่งตามลุงผู้นั้นเพื่อขอเงินคืนชุลมุนวุ่นวาย เมื่อทุกอย่างสงบลงเจียอีจึงรีบกล่าวขอบคุณเฟิ้งหรั่น

“ข้าขอบคุณท่านมากพี่สาว”

“ไม่ต้องขอบคุณ ที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนกลางก็จริง ตอนนี้ทางการให้วางขายโดยไม่คิดค่าเช่า แต่ข้าได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่าอีกไม่นานทางการจะเริ่มเก็บค่าเช่าแล้ว”

“อย่างนี้นี่เอง”

“อื้ม”

เฟิ้งหรั่นมองดูเห็ดหูหนูตากแห้งในตะกร้า ระยะนี้เห็ดหูหนูแห้งที่นางรับไว้ขายที่ร้านเป็นสินค้าขายดี คนที่เคยหามาส่งให้ประจำเริ่มหัวใสอยากโก่งราคา บางวันอ้างเหตุผลว่าหามาได้ไม่พอขายต่อ บางวันก็อ้างว่าเห็ดหูหนูนั้นหายากกว่าเดิม แต่อันที่จริงเพียงแค่อยากขอขึ้นราคาก็เพียงเท่านั้น การค้าขายย่อมหวังผลกำไรเป็นธรรมดา หากเฟิ้งหรั่นรับสินค้าที่มีราคาต้นทุนสูงเกินไปมาขายนางก็มองไม่เห็นเม็ดเงินผลกำไร

“เห็ดหูหนู เจ้าเอาเห็ดหูหนูมาขายหรือ”

“เจ้าค่ะ บ้านของข้าอยู่ติดกับป่า ท่านยายกับท่านแม่ขึ้นไปหาของป่าได้เห็ดหูหนูกลับมาเยอะทีเดียว ข้ากับน้องก็เลยเอามาช่วยขาย”

“เช่นนั้นข้าเหมาเห็ดหูหนูนี่หมดเลยก็แล้วกัน ทั้งหมดนี้เท่าไร”

“ทั้งหมดนี้ 3 ชั่งเจ้าค่ะ ชั่งละ 5 อีแปะ รวมทั้งสิ้น 15 อีแปะเจ้าค่ะ”

“ได้ เช่นนั้นเจ้าสองพี่น้องถือไปส่งข้าที่ร้านขายของแห้ง มาสิ ตามข้ามา”

เฟิ้งหรั่นเดินนำหน้าไปสองพี่น้องก็เดินตาม จนมาถึงหน้าร้านขายของแห้งขนาดใหญ่ ข้างในนั้นมีคนงานสองคนกำลังช่วยกันขายของอย่างขยันขันแข็ง ภายในร้านมีสินค้ามากมายวางเรียงรายในตะกร้านับสามสิบตะกร้า อาทิเช่น เห็ดหอมแห้ง เห็ดหูหนูแห้ง ธัญพืชประเภทถั่ว โสมจีน เยื่อไผ่ เก๋ากี้ เม็ดบัว พุทราจีน ดอกเก๊กฮวย กระเจี๊ยบแห้ง และอื่น ๆ อีกมากมายจนนับไม่ถ้วน มีให้เลือกสรรละลานตาไปหมด จนกระทั่งเจียอีได้สะดุดตาเข้ากับเม็ดบัวจำนวนหนึ่งที่ถูกแยกออกมาต่างหากประมาณหนึ่งชั่งเห็นจะได้

“พี่สาว เม็ดบัวนี่ข้าขอซื้อต่อได้หรือไม่”

“เม็ดบัว ตรงนั้นนะหรือ”

เฟิ้งหรั่นชี้นิ้วไปยังตะกร้าใบหนึ่งที่ถูกแยกออกมาวางที่พื้น นางขมวดคิ้วเป็นเส้นตรงด้วยความสงสัย เพราะเม็ดบัวนี้นางได้ให้คนงานแยกออกมาเนื่องจากอาทิตย์ก่อนเกิดพายุกระหน่ำอย่างหนัก ฝนสาดเข้ามาในร้านรวดเร็วจนเก็บเข้ามาไม่ทัน พอวันต่อมาตั้งใจจะเอาเม็ดบัวออกตากแดดทว่าท้องฟ้ามืดครึ้มไม่มีแดด จึงทำให้เม็ดบัวเหล่านี้เน่าเสียขึ้นรา

“เม็ดบัวขึ้นราเหล่านี้ข้าก็ตั้งใจจะเอาไปทิ้งอยู่แล้ว ข้าไม่ขายหรอกถ้าเจ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะ”

นางบอกอย่างใจดี แล้วยกตะกร้าขึ้นมาเทเม็ดบัวทั้งหมดเปลี่ยนถ่ายใส่ตะกร้าของเจียอี จากนั้นยื่นเงินให้จำนวน 15 อีแปะ

“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่สาว”

“อื้ม จริงสิ เจ้าสองคนมีชื่อว่าอย่างไร ข้าชื่อเฟิ้งหรั่น”

“พี่เฟิ้งหรั่น ข้าชื่อเจียอี นี่น้องชายข้าชื่อว่าอาฉีเจ้าค่ะ”

“เจียอี อาฉี ถ้าพวกเจ้ามีเห็ดหูหนูแห้งอีกก็นำมาส่งที่ร้านข้าได้เลย ข้ารับซื้อประจำ”

“จริงหรือเจ้าคะ”

เจียอียิ้มกว้าง เฟิ้งหรั่นยืนยันคำพูดโดยการพยักหน้ายิ้มตอบ

“เช่นนั้นหากข้าได้เห็ดหูหนูแห้งมาอีกข้าจะมาส่งให้พี่เฟิ้งหรั่นนะเจ้าคะ ข้ากับน้องขอลาเจ้าค่ะ”

เจียอีและอาฉีคารวะเถ้าแก่เนี้ยคนสวยอย่างจริงใจ สองพี่น้องเดินผ่านร้านขายขนม เจียอีแอบเห็นน้องชายกลืนน้ำลายลงคอแต่ไม่กล้าเอ่ยปากขอซื้อ ดังนั้นนางจึงเดินย้อนกลับมาหน้าร้านขนมอีกรอบ อาฉีหลบอยู่ด้านหลังนางอย่างอาย ๆ ก่อนหน้านี้ลู่เสียนเคยบอกว่าชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวไม่เหมือนแต่ก่อน เมื่อเห็นเจียอีกำลังจะควักเงินซื้อขนมให้อาฉีจึงรู้สึกละอายใจ

“เจ้าอยากกินขนมกุ้ยฮวานี่ไม่ใช่หรือ ทำไมเอาแต่หลบหลังพี่ล่ะ”

“ท่านพี่ข้าไม่อยากกิน”

“เจ้าไม่อยากกิน?”

“ขอรับ เราไปกันเถอะขอรับ”

ว่าแล้วเด็กน้อยก็จูงมือพี่สาวออกมาจากหน้าร้าน เจียอีมองน้องชายด้วยความสงสัย

“ทำไมเจ้าถึงไม่เอาขนม ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็อยากกินไม่ใช่หรือ”

“ข้าไม่อยากกินแล้วขอรับ นี่เพิ่งจะเป็นเงินก้อนแรกที่เราเพิ่งจะหาได้หลังจากที่ออกมาจากบ้านหลิน ข้าอยากให้ท่านแม่ภูมิใจ ขนมข้าไม่กินก็ได้ ข้าอดทนได้ขอรับ”

“โธ่ อาฉี เจ้าช่างเป็นเด็กรู้ความยิ่งนัก”

เจียอีก้มลงไปโอบกอดน้องชาย เขาเป็นเหมือนกระจกบานหนึ่งที่ได้ฉายสะท้อนเงาของนางในยุคปัจจุบัน ก่อนหน้านั้นเจียอีเสพติดการสั่งสินค้าออนไลน์จนไม่มีแม้กระทั่งเงินสำรองก้นถุง ผิดกับอันฉีลิบลับถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กน้อยวัย 8 หนาว แต่ความคิดของอันฉีนั้นลึกซึ้งมากกว่านางมากมายนัก เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เจียอีตระหนักได้ถึงคุณค่าของเงินตราจนน้ำตาซึม

“อาฉี พี่สาวเจ้าคนนี้สัญญาว่าจะหาเงินให้ได้มาก ๆ เมื่อไรก็ตามที่อาฉีอยากจะกินขนม อาฉีจะต้องได้กินโดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด พี่สัญญา”

“ขอรับ”

สองพี่น้องกอดกันท่ามกลางคนที่เดินสัญจรไปมา แต่ไม่มีผู้ใดสนใจว่าพวกนางกำลังทำสิ่งใด ทุกคนต่างสนใจแต่เรื่องของตัวเองกันทั้งนั้น เมื่อเดินออกมานอกเขตตลาดอาฉีก็ได้ร้องเพลงให้เจียอีฟังระหว่างทาง ตลอดเส้นทางที่มีแต่หลุมบ่อถูกเติมเต็มด้วยเสียงหัวเราะของสองพี่น้อง เจียอียิ้มแย้มอย่างมีความสุข ไม่คิดมาก่อนว่าในโลกที่อินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีเครื่องใช้อำนวยความสะดวก จะทำให้นางอิ่มเอมใจได้อย่างล้นหลาม

“ท่านพี่ ข้าอยากฟังท่านร้องเพลงบ้าง”

“ร้องเพลง ได้ ได้สิ...เปาบุ้นจิ้นชอบกินไข่เต่า ส่วนจั่นเจาชอบอมโอเล่ เซเลอร์มูนตาเหล่ตกส้วมตาย...”

“ข้า...ข้าว่าพอก่อนเถิดขอรับ!”

“ข้ายังมีอีกหลายบทเพลงนะถ้าเจ้ายังอยากจะฟังอีก”

“ไม่ ไม่แล้วขอรับ เพลงของท่านพี่ประหลาดเกินไป ข้าไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนเลย”

“ฮ่า ๆ”

พอมาถึงบ้าน เจียอีก็มอบเงินที่ขายเห็ดหูหนูได้ให้ลู่เสียน ลู่เสียนรับไว้แล้วยิ้มออกมาอย่างตื้นตันใจ เงิน 15 อีแปะไม่ได้มากมายอะไรเลย แต่ยามนี้มันกลับมีค่ามากมายเทียบได้กับทองคำหนึ่งชั่ง ในระหว่างที่กำลังนับเงินอยู่นั้นลู่เสียนเหลือบไปเห็นเม็ดบัวในตะกร้าที่ลูกสาวนำกลับมาด้วยนางจึงถาม

“เม็ดบัวเน่าเสียแล้วเจ้าเอามาทำไมหรือ”

“ข้าเอามาเพาะเห็ดฟางเจ้าค่ะ เอ่อ ข้าหมายถึงปลูกเห็ดฟางเจ้าค่ะ”

“ปลูกเห็ดฟาง เจ้ารู้วิธีปลูกเห็ดฟางได้อย่างไร”

“เอ่อ”

ในยุคนี้ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จะมีแค่พืชบางชนิดเท่านั้นที่ผู้คนเริ่มทยอยเพาะปลูกบ้างแล้ว ส่วนมากเป็นจำพวกข้าวชนิดต่าง ๆ หรือผักสวนครัว ส่วนเห็ดก็ออกไปเก็บเอาจากในป่า ไม่เคยมีผู้ใดกล่าวถึงการเพาะเห็ดให้ได้ยิน แล้วเจียอีเจ้าของร่างก็ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับด้านนี้เลย เจียอีจากยุคปัจจุบันก็ยังไม่ได้หาเหตุผลมารองรับความสงสัยนี้ จึงได้แต่แต่งเรื่องพูดโกหกไปก่อน

“ข้าได้ยินคนในตลาดพูดคุยกันเจ้าค่ะ เล่ากันว่าเม็ดบัวนี่สามารถนำมาปลูกเห็ดฟางได้ ข้าเห็นว่าที่หลังบ้านเรามีกองฟางพอดี ข้าก็เลยขอเม็ดบัวมาจากร้านขายอาหารแห้ง เถ้าแก่เนี้ยของที่นั่นใจดีมากเลยนะเจ้าคะ นางบอกว่าหากเราได้เห็ดหูหนูมาอีกก็นำไปขายส่งให้ร้านนางได้เลย”

“ดีจริง เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไรกับเม็ดบัวนี่ต่อไป”

“ข้าต้องการให้ท่านแม่ช่วยเจ้าค่ะ”

“ได้สิ”

สามแม่ลูกช่วยกันเตรียมแปลงดิน จากนั้นนำฟางไปแช่น้ำทิ้งเอาไว้หนึ่งคืน เช้าวันต่อมาก็นำฟางที่แช่น้ำแล้วมาวางกระจายให้ทั่ว โรยเชื้อราที่เกิดจากเม็ดบัวเน่าเสียลงไป โรยทั่วแล้วก็นำฟางมาคลุมทับอีกชั้น รดน้ำให้ชุ่ม หาผ้าหนา ๆ มาคลุม วันต่อมาก็รดน้ำหนึ่งครั้งต่อวัน ใช้เวลา 15-20 วันจึงจะเก็บผลผลิตได้

ตอนเย็นหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ทุกคนก็นั่งล้อมวงเตรียมกินมื้อค่ำ กับข้าววันนี้เป็นผัดผักกับต้มผัก แม้ว่าเจียอียังไม่คุ้นชินกับอาหารเรียบง่าย นางก็พยายามปรับตัวคีบอาหารที่ลู่เสียนทำเข้าปากทานอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ทำตัวยุ่งยากให้เป็นปัญหา คนอื่นกินได้นางก็ต้องกินได้เช่นเดียวกัน

“พรุ่งนี้ท่านแม่จะเข้าไปหาของป่าอีกไหมเจ้าคะ ข้าอยากติดตามท่านแม่ไปด้วย”

“ไปสิ ดีเหมือนกันมีเจ้าไปเป็นเพื่อนท่านยายจะได้พักอยู่บ้าน ท่านยายแก่มากแล้วเดินเหินไม่ค่อยสะดวก”

“เจ้าค่ะ”

เจียอีรีบรับคำอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าพรุ่งนี้พี่สาวจะติดตามแม่ไปหาของป่าอันฉีก็รีบขอตามไปด้วยอีกคน

“ท่านแม่ ข้าขอไปหาของป่าด้วยได้หรือไม่”

“เจ้าเองก็อยากไปด้วยหรือฉีเอ๋อร์”

“ขอรับ ข้าเองก็อยากไปกับท่านแม่และท่านพี่”

“ได้ เช่นนั้นไปด้วยกันสามคนเลย ดีไหม”

“เจ้าค่ะ/ขอรับ”

รุ่งสางของวันใหม่ภายใต้ท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง ผืนพนาไพรแต่งแต้มไปด้วยใบไม้หลากสี เจียอีทอดสายตามองท้องฟ้าอันไร้ซึ่งขอบเขต มีวูบหนึ่งที่นางนึกถึงชีวิต ณ ขณะอยู่ในเมืองหลวงของยุคปัจจุบัน แม้ว่าในเวลาเดียวกันนี้ของทุกวันนางจะตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ร่างกายกลับไม่รู้สึกว่าได้รับความบริสุทธิ์เลยแม้แต่น้อย เพราะทุกพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากรถยนต์ อีกทั้งโรงงานอุตสาหกรรมก็มากมาย แม้ว่านางจะเป็นลูกหลานเกษตรกร แต่เพราะต้องทำงานหาเลี้ยงชีพจึงจำเป็นต้องผลักดันตนเองเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ ในที่สุดเจียอีก็ค้นพบข้อดีอีกหนึ่งอย่างของการทะลุมิติมา นั่นคือสิ่งแวดล้อมรอบกายของนางเป็นทิวทัศน์งดงามที่แสนวิเศษยิ่งนัก สวยงามมากกว่าบ้านของนางที่ชนบทในโลกปัจจุบันเสียอีก

“เจียเอ๋อร์มาดูนี่สิ เจ้ายืนเหม่ออะไรอยู่”

“เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

เจียอีวิ่งไปตามเสียงร้องเรียกของลู่เสียนที่ดังอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ข้างต้นไม้ใหญ่คือตอไม้ที่ถูกตัดโค่นไปเหลือความสูงระดับเข่า ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นมีเห็ดหลินจือแดงมากถึงสามดอกเกิดอยู่บนตอไม้นั้น เห็ดหลินจือถือว่าเป็นราชาสมุนไพรที่หมอนำไปใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคหลายชนิด อีกทั้งยังช่วยบำรุงร่างกายทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง วิธีทานก็จะนำไปตากจนแห้งจากนั้นต้มกับน้ำแล้วดื่ม รสชาติขมเฝื่อนทานยากแต่ผู้คนก็นิยมเป็นอย่างมาก

“เห็ดหลินจือนี่เจ้าคะ”

“ใช่ เราพบของดีแล้ว แม่ว่าจะเก็บไปให้ท่านตา ท่านตามีความรู้เรื่องสมุนไพร หมู่นี้สุขภาพท่านยายไม่ค่อยจะดี”

“ดีเลยเจ้าค่ะ”

เก็บเห็ดหลินจือใส่ตะกร้าแล้วเจียอีก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาของนางเบิกโตด้วยความดีใจ ชี้นิ้วไปทางนั้นพลางเรียกน้องชายให้มาดู นั่นทำให้ลู่เสียนมองตามเส้นทางที่มือของเจียอีกำลังชี้ไปด้วยอีกคน

“อาฉี มานี่เร็ว”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 139

    เจียอียิ้มแห้งแล้ววางฝ่ามือลูบตรงท้องน้อย ลู่จิวเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ได้แต่เอียงคอมองด้วยความสงสัย "ห๋า!...อย่าบอกนะว่าเจ้า""อื้ม""จะ เจ้าหิว!""...เฮ้อ..."เหตุใดลู่จิวถึงไม่เปลี่ยนไปเลยนะ..."ข้ากำลังตั้งครรภ์ต่างหากเล่า""ตั้งครรภ์! จริงหรือเนี่ย""จริง"สิ้นเสียงยืนยันลู่จิวกระโดดโลดเต้นราวก

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 138

    "...ตั้งครรภ์!"แม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะตกใจเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจระคนตื่นเต้น เขาจำต้องทวนถามสาวใช้อีกครั้งเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง"จริงหรือ""เจ้าค่ะ คนท้องมักจะอยากกินของแปลก ๆ หากไม่ได้กินก็จะงอแงน้อยใจ ท่านแม่ทัพเชิญหมอมาตรวจดูดีกว่าเจ้าค่ะเพื่อความแม่นยำ""อืม เช

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 137

    บทส่งท้ายจากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพหลายเดือนผ่านไปที่ค่ายบูรพายังคงสงบสุขด้วยดี สาวใช้สองนางที่ประจำการอยู่เรือนรับรองเดินยกอาหารเข้ามาให้เจียอี หนึ่งในสองคนนั้นวางอาหารลงบนโต๊ะแล้วเดินไปเรียกเจียอีที่กำลังทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ที่เตียง"ฮูหยินเจ้าคะ ข้าได้ทำตามวิธีการที่ฮูหยินบอกทุกประกา

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 136

    "ไปอยู่ที่ค่ายบูรพาดูแลตัวเองดี ๆ นะ""ข้าจะดูแลตัวเองดี ๆ...เจ้าก็เช่นกัน""อื้ม" หลังจากร่ำลาเรียบร้อยแล้วลู่จิวก็หันมาสบตาจือเฉิน เขายกยิ้มให้นางเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าลู่จิวจะมาเพื่อรั้งเขาไว้หรือพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด...นางแค่มาลาสหายของนางเพียงเท่านั้นจือเฉินรู้สึกเหมือนหัวใจแหล

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 135

    ดินแดนบูรพา (จบ)ในระหว่างที่ลู่จิวและอู๋ห่างกำลังจะเดินทางถึงหน้าโรงเตี๊ยม จือเฉินได้ควบม้ามาขวางเอาไว้ จึงทำให้คนขับรถม้าต้องดึงบังเหียนหยุดกะทันหัน คนที่นั่งอยู่ในรถม้าไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างกายเสียหลักจากแรงบังคับหยุด ลู่จิวรีบประคองอู๋ห่างเอาไว้แล้วแหวกม่านเดินลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก พ

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 134

    "อื้อ...จริงสิ ข้าเห็นยามากมายในห้องท่านพ่อ ปกติท่านพ่อกินยาบำรุงเยอะขนาดนี้เลยหรือ""...คุณหนู ข้า...เอ่อ ข้าไม่รู้จะพูดดีไหม""พูดมา""คราวนั้นที่ข้าล่วงหน้ากลับมาก่อน พอข้ามาถึงก็พบเถ้าแก่หยวนนอนหมดสติอยู่ในห้องอ่านตำราของคุณชายจางหย่ง ดีที่เรียกหมอมาดูอาการทันเวลา ตั้งแต่นั้นมาเถ้าแก่ก็ป่วยบ่อย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status