Share

8

Author: Clear Clouds
last update Last Updated: 2025-09-03 20:30:20

จิงซิงอี้เห็นว่าป้าซ่งมีรูปร่างท้วม ยิ่งทำให้เข่าเสื่อมและเสียรูปมากกว่าปกติ เขาจึงอธิบายอาการให้หญิงสูงวัยฟังว่า

“โรคที่ป้าเป็น คือ ข้อเข่าเสื่อมนะครับ เกิดขึ้นได้จากอายุที่มากขึ้นทำให้เสื่อม แล้วก็น้ำหนักที่มากกว่าปกติ บางคนก็เกิดจากการทำงานหนัก ยกของหนักมานาน”

ป้าซ่งรีบตอบว่า “ใช่เลยจ้ะ ป้าทำไร่ทำสวนมาตั้งแต่สาวๆ บางทีก็ต้องแบกปุ๋ย แบกผักผลไม้ไปขาย ช่วงนี้ป้าปวดเข่ามาก มันตึงไปหมด พอนั่งๆนอนๆ น้ำหนักก็เลยขึ้นอย่างที่หมอเห็นนี่ละจ้ะ”

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยนั้น ลุงซ่งฮ่าวเทียน ก็ถือขวดใส่นมแพะ 3 ขวดเดินเข้าบ้านมาถามว่า

“เท่านี้พอมั้ยหมอจิง”

เมื่อเห็นป้าซ่ง เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า

“อายี่ ออกมาทำไม จะเอาอะไรเหรอ”

ป้าซ่งรีบตอบว่า

“ไม่มีอะไร ฉันเห็นว่าหมอจิงมา เลยเดินออกมาทัก”

จิงซิงอี้สังเกตเห็นว่า ป้าซ่งไม่อยากพูดถึงอาการของตนต่อหน้าสามี เขาจึงหันไปพูดกับซ่งฮ่าวเทียนว่า

“เท่านี้ก็พอครับ พรุ่งนี้สัก 5 โมงเย็นจะแวะมาซื้ออีกนะครับ ขอบคุณครับลุงซ่ง”

จากนั้นเขาก็จ่ายเงินให้ไป 50 หยวน ก่อนที่จะเดินออกไป เขาพูดกับป้าซ่งว่า

“โรคนี้ใช้เวลารักษานานก็จริง แต่ถ้ารักษา อาการจะดีขึ้นจนเดินได้เกือบเหมือนปกติ”

ระหว่างปั่นจักรยานกลับบ้าน เขาสงสัยว่าเหตุใดป้าซ่งจึงไม่อยากพูดเรื่องการรักษาต่อหน้าสามี  เขารู้ดีว่า ไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อถือการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน และสองสามีภรรยาคู่นี้อาจเคยมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาเอานมแช่ตู้เย็นเอาไว้ จากนั้นก็ใช้โทรศัพท์สั่งซื้ออาหารสำหรับสุนัข จากร้านขายอาหารสัตว์ในหมู่บ้านใกล้ๆ ซึ่งจะมาส่งให้ในตอนเย็น

จากนั้นเขาก็เตรียมทำอาหารให้สุนัขจิ้งจอก โดยจะทำเก็บเอาไว้ให้พวกมันกินได้ 2-3 วัน เขาเตรียมไข่ไก่ เนื้อไก่และหมู และเดินไปสวนหลังบ้านเพื่อเก็บผักบางอย่าง แอปเปิ้ลและสาลี่จากสวนหลังบ้าน เพื่อให้ทั้งคนและสุนัขจิ้งจอก เพราะพวกมันก็ต้องกินผักผลไม้เช่นเดียวกับคนด้วย

ในระหว่างที่เขาเตรียมอาหารสุนัขจิ้งจอก ก็มีเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเขา เมื่อเปิดอ่าน   ก็พบว่ามาจากเย่เฉิน เพื่อนสนิทที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์เดียวกัน เขาส่งข้อความมาชวนจิงซิงอี้ไปเป็นแพทย์อาสา เพื่อตรวจคนไข้ฟรีตามชุมชนกับอาจารย์ที่เคยสอนพวกเขาในมหาวิทยาลัย

ชายหนุ่มคิดสักพักก่อนจะพิมพ์ตอบตกลง เขาเองก็อยากจะพบอาจารย์ที่เขาเคารพนับถือ และยังได้ไปฝึกประสบการณ์ในการรักษาโรคด้วย

คลินิกของเขาเพิ่งเปิดมาไม่กี่วัน ยังไม่มีคนป่วยมารักษามากนัก ทำให้เขาคิดถึงการโปรโมทร้าน และการทำธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องไปด้วย 

เมื่อเตรียมอาหารให้สุนัขจิ้งจอกเสร็จ     เขาก็เริ่มวางแผนการโปรโมทคลินิก ด้วยการอาสาตรวจโรคฟรีในวันเสาร์ช่วงเย็น ที่หมู่บ้านข้างๆ และแจกถุงหอมสมุนไพรที่มีชื่อคลินิกและเบอร์ติดต่อเอาไว้ เขาเชื่อว่า การแจกของฟรีจะทำให้คนอยากเข้ามาตรวจโรคด้วย 

แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดคิด เมื่อได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กเห่าเรียก เขาจึงรีบเดินออกไปดู และเห็นแม่สุนัขจิ้งจอกที่ย้ายมานอนบนผ้าห่มที่พื้นมุมห้อง พยายามจะลุกขึ้นมา โดยมีเจ้าตัวเล็กเดินวนเวียนส่งเสียงเห่า และคอยเลียหน้าเลียตาแม่ของมันอยู่ 

จิงซิงอี้ค่อยๆ เดินเข้าไปเพื่อไม่ให้มันตกใจ มันมองมาที่จิงซิงอี้อย่างระแวดระวัง เขาถามมันว่า   “ฟื้นแล้วหรือ เจ็บตรงไหนบ้าง”

        เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ควรเข้าไปใกล้และสัมผัสตัวมัน เขาจึงเดินกลับไปที่ห้องครัว เทน้ำใส่ถ้วย และตักไก่ต้มใส่ผักและยกถ้วยกลับมา แม่สุนัขจิ้งจอกขยับจมูกเมื่อได้กลิ่นอาหาร จิงซิงอี้วางถ้วยน้ำและอาหารไว้ด้านหน้า และถอยออกมานั่งมองห่างๆ

        แม่จิ้งจอกขยับตัวเข้าไปใกล้ถ้วยอาหาร มันมองเขาเหมือนชั่งใจ ชายหนุ่มยิ้มให้มัน และพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “กินซะ จะได้มีแรง”

        เหมือนจะเข้าใจ แม่สุนัขจิ้งจอกก้มหน้าก้มตากินอาหารในถ้วยจนหมด และหันไปเลียกินน้ำในถ้วยต่อ ในขณะที่เจ้าตัวเล็กเดินไปเดินมา และนอนลงข้างแม่เพื่อที่จะดูดนม จิงซิงอี้บอกมันว่า

        “เจ้าหนู แม่ยังบาดเจ็บอยู่ จะเอานมที่ไหนมาให้  กินนมแพะไปก่อนนะ”

        จากนั้น เขาก็เดินกลับไปอุ่นนมแพะและยกถ้วยนมมา เขาเรียกจนเจ้าตัวเล็กยอมเดินมาใกล้ มันดมถ้วยนมและเลียกินอย่างหิวโหย

ในระหว่างนั้น จิงซิงอี้เช็คอายุของเจ้าตัวเล็กจากอินเทอร์เน็ต และพบว่ามันน่าจะมีอายุประมาณ 1-2 เดือน กินได้ทั้งนมและอาหารสุนัขแบบอ่อน เขาจึงสั่งอาหารลูกสุนัขเพิ่มเติมจากร้านที่สั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้

เขาปล่อยพวกมันเอาไว้ในห้อง โดยเปิดประตูเอาไว้เล็กน้อย เพื่อให้พวกมันเดินเข้าออกได้ และไปหาจิงเซียวที่ห้องยาสมุนไพร

เขาบอกชายชราว่า แม่สุนัขจิ้งจอกฟื้นแล้วและกำลังกินอาหาร พรุ่งนี้เขาจะตรวจเช็คแผลของมันอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้น จิงซิงอี้ก็ช่วยจิงเซียวเตรียมยาสมุนไพรหรือการเผาจี้อสมุนไพรจีน

ทุกวันนี้จิงเซียวไม่ค่อยได้รักษาคนไข้แล้ว เพราะเขาเริ่มเดินทางไม่สะดวก ประกอบกับอายุที่มากขึ้น ทำให้เขาอยากทำในสิ่งที่ชอบมากกว่า ช่วงหลังมานี้ เขาจึงใช้เวลากับการเก็บรวบรวมสมุนไพรจากหลากหลายแหล่งเพื่อนำมาเป็นยา ทั้งใช้กับคนไข้และขาย

สำหรับจิงซิงอี้ ช่วงที่ใกล้จะเรียนจบ เขาแทบจะไม่มีเวลาว่างทำสมุนไพรเอง จึงพักการขายไประยะหนึ่ง แต่ในตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะทำธุรกิจสมุนไพรของตนเอง โดยมีจิงเซียวคอยให้คำแนะนำ 

โดยปกติแล้วจิงเซียวและจิงซิงอี้จะสั่งซื้อยามาจากเจ้าประจำ พวกเขาจะการทำยาสมุนไพรเอง เฉพาะที่เก็บมาจากป่าและบนภูเขา โดยเฉพาะสมุนไพรหายากที่ไม่มีวางขายทั่วไป

ตอนนี้ จิงซิงอี้กำลังจะทำถุงหอมสมุนไพรเพื่อแจก มีส่วนผสมหลักคล้ายกับของคนอื่น แต่เขาเพิ่มสมุนไพรพิเศษที่จัดเตรียมเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลข้างเคียงบางอย่างของสมุนไพร

สูตรเหล่านี้ ได้มาจากสูตรยาสมุนไพรของจิงเซียวที่มีความพิเศษ ซึ่งมีเพียงจิงซิงอี้คนเดียวที่ได้รับการถ่ายทอด ถึงแม้หมอจีนหลายคนจะอ้อนวอนขอให้จิงเซียวช่วยสอนมานานนับสิบปี แต่ชายชราก็ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี

จิงซิงอี้หั่นสมุนไพรหลักๆตามสูตรถุงหอมปกติ เตรียมใส่กระด้งนำไปตากแดด เขาเพิ่มขิง ตะไคร้ พริกไทยและผิวส้มกับมะนาวลงไปด้วย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยหรือยูจีนอล เพราะช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงจากเย็นไปสู่ร้อนชื้น ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นหวัดคัดจมูก และปวดหัว

สำหรับถุงหอมที่ใส่นั้น เขาเลือกผ้ามีลวดลายปักแบบจีน และติดชื่อคลินิกและวิธีติดต่อเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เขายังคิดจะใช้ถุงผ้าแบบอื่นๆ และถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อนด้วย ซึ่งแบบหลังเป็นสมุนไพรสำหรับวางในบ้านและในรถ เพื่อช่วยขับไล่แมลงและกำจัดกลิ่นอับ

หลังจากตากสมุนไพรเสร็จแล้ว เขาใช้คอมพิวเตอร์ค้นหาข้อมูลสมุนไพร และตำรับยาต่างๆ  เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง

ตลอดช่วงบ่ายคล้อยจนถึงตอนเย็น สองตาหลานใช้เวลาด้วยกันไปกับการจัดเตรียมสมุนไพร ทั้งการนำไปรักษาคนไข้ และเตรียมทำถุงหอมสมุนไพร ทั้งสูตรเก่าและสูตรใหม่ 

จิงซิงอี้ขอให้จิงเซียวช่วยหาข้อมูลบริษัทที่ปลูกสมุนไพร เพราะเขาต้องการจะปลูกสมุนไพรบางส่วนเอง จิงเซียวเห็นด้วย เพราะตอนนี้ชายหนุ่มเรียนจบแล้ว สามารถทุ่มเทเวลาในการรักษาคนและทำธุรกิจได้เต็มที่

สำหรับสถานที่ปลูกนั้น เขาตั้งใจจะไปปรึกษาคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อดูว่าเขาจะสามารถใช้พื้นที่หลังบ้านที่เป็นรอยต่อกับภูเขา และพื้นที่บนภูเขาบางส่วนได้หรือไม่ และต้องทำอย่างไรบ้าง

จิงเซียวให้เสรีภาพกับจิงซิงอี้ในการทำสิ่งที่ชอบ ซึ่งแตกต่างจากลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่ถูกอบรมสั่งสอนและควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ลูกศิษย์สองคนแรกของเขา คือ ลั่วเยี่ยนและซุนเฉิงต่างก็เข้าใจดี   เพราะจิงซิงอี้มีอายุห่างจากพวกเขามาก ทำให้พวกเขาเอ็นดูชายหนุ่มเหมือนกับลูกหลานของตนเอง

นอกจากนี้ จิงซิงอี้ยังนิสัยดี อ่อนน้อม และฉลาดเฉลียวเกินวัย พวกเขาเรียนวิชาจากจิงเซียว และออกเดินทางไปด้วยกันหลายครั้ง ตั้งแต่จิงซิงอี้ยังเป็นเด็ก จึงมีความสนิทสนมกันมาก การที่จิงเซียวรักและเอ็นดูชายหนุ่มมาก จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับศิษย์พี่คนอื่นๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   10

    เมื่อเดินไปถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลที่อยู่หน้าเคาเตอร์ต่างพากันมุงดูเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู แต่จิงซิงอี้ถอยไปหลบอยู่ข้างหลังลั่วเยี่ยน เขาไม่ได้กลัว แต่ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ใกล้ๆ“เดี๋ยวๆทุกคน ใจเย็นๆ เจ้าหนูกลัวแล้ว”ลั่วเยี่ยนเตือนสาวๆ และเล่าให้พวกเธอฟังว่าไปพบเด็กชายที่ไหน และขอให้พวกเธอช่วยประกาศหาพ่อแม่ในโรงพยาบาล และถ้าไม่พบ เขาจะโทรไปแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหาอีกทีในระหว่างที่ชายหนุ่มอธิบาย จิงซิงอี้ก็ยืนฟังเงียบๆด้วยความสนใจ แม้ว่าใครๆ จะพยายามถามชื่อและที่อยู่ เขากลับนิ่งทำหูทวนลมเหมือนไม่เข้าใจ จนลั่วเยี่ยนอดหัวเราะไม่ได้ชายหนุ่มจะต้องออกตรวจคนไข้ตอนเช้า เขาจึงคิดจะฝากให้เด็กชายอยู่กับเจ้าหน้าที่ แต่จิงซิงอี้ไม่ยอม เด็กน้อยวิ่งตามลั่วเยี่ยน ทำให้เขาต้องพาเด็กชายไปที่ห้องตรวจด้วยเขาย่อตัวลงสบตากับเด็กน้อยและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่รู้ว่านายต้องการอะไร แต่ฉันรู้ว่านายเข้าใจทุกสิ่งที่ฉันพูด ถ้านายไม่อยากไปไหน ก็อยู่กับฉันไปก่อน ถ้าเปลี่ยนใจอยากพูด ก็พูดมาก็แล้วกันนะเจ้าหนู”จากนั้นชายหนุ่มก็ลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู พวก

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   9

    ตั้งแต่ยังหนุ่ม จิงเซียวมักออกเดินทางและหายไปหลายอาทิตย์ บางครั้งเขาเดินทางไปรักษาชาวบ้านตามที่ห่างไกล บางครั้งก็ไปเก็บสมุนไพรตามป่าเขาลำเนาไพร และได้รับเชิญจากผู้นำระดับประเทศ รวมไปถึงผู้มีชื่อเสียงและอำนาจขอให้ไปช่วยรักษาโรคเมื่ออายุมากขึ้น เขาจะเลือกรักษาเฉพาะคนที่เขารู้สึกถูกใจเท่านั้น ถึงแม้บางคนจะใช้ทั้งเงินและอำนาจมาข่มขู่ ชายชราก็ไม่เคยหวั่นไหว เพราะเขามีลูกศิษย์และคนไข้ที่มีชื่อเสียงคอยปกป้องอยู่เสมอนี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่จิงเซียวไม่เคยเปิดคลินิกรักษาที่หมู่บ้านเจียวจู เพราะเขาไม่ค่อยจะอยู่บ้านนั่นเองในระหว่างที่สองตาหลานง่วนอยู่กับการทำงานของตัวเอง จิงเซียวก็บอกกับจิงซิงอี้ว่า“เสี่ยวอี้ อีกสองวันตาจะไปปักกิ่งนะ มีนัดรักษาคนไข้”ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ชายชราก็พูดต่อว่า “เสี่ยวเยี่ยน ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะมารับตาไป”เสี่ยวเยี่ยน หรือลั่วเยี่ยน อายุ 48 ปี เป็นศิษย์คนแรกของจิงเซียว เขาเป็นเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่รักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันและแผนจีนในปักกิ่ง ตัวเขาจบแพทย์แผนปัจจุบันมา เมื่

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   8

    จิงซิงอี้เห็นว่าป้าซ่งมีรูปร่างท้วม ยิ่งทำให้เข่าเสื่อมและเสียรูปมากกว่าปกติ เขาจึงอธิบายอาการให้หญิงสูงวัยฟังว่า“โรคที่ป้าเป็น คือ ข้อเข่าเสื่อมนะครับ เกิดขึ้นได้จากอายุที่มากขึ้นทำให้เสื่อม แล้วก็น้ำหนักที่มากกว่าปกติ บางคนก็เกิดจากการทำงานหนัก ยกของหนักมานาน”ป้าซ่งรีบตอบว่า “ใช่เลยจ้ะ ป้าทำไร่ทำสวนมาตั้งแต่สาวๆ บางทีก็ต้องแบกปุ๋ย แบกผักผลไม้ไปขาย ช่วงนี้ป้าปวดเข่ามาก มันตึงไปหมด พอนั่งๆนอนๆ น้ำหนักก็เลยขึ้นอย่างที่หมอเห็นนี่ละจ้ะ”ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยนั้น ลุงซ่งฮ่าวเทียน ก็ถือขวดใส่นมแพะ 3 ขวดเดินเข้าบ้านมาถามว่า“เท่านี้พอมั้ยหมอจิง”เมื่อเห็นป้าซ่ง เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า“อายี่ ออกมาทำไม จะเอาอะไรเหรอ”ป้าซ่งรีบตอบว่า“ไม่มีอะไร ฉันเห็นว่าหมอจิงมา เลยเดินออกมาทัก”จิงซิงอี้สังเกตเห็นว่า ป้าซ่งไม่อยากพูดถึงอาการของตนต่อหน้าสามี เขาจึงหันไปพูดกับซ่งฮ่าวเทียนว่า“เท่านี้ก็พอครับ พรุ่งนี้สัก 5 โมงเย็นจะแวะมาซื้ออีกนะครับ ขอบคุณครับลุงซ

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   7

    ระหว่างที่ถาม จิงซิงอี้กวาดสายตาไปรอบๆ ด้านอย่างระมัดระวัง เขากลัวแม่ของมันจะพุ่งออกมาจู่โจม ถึงเจ้าตัวเล็กจะทำตัวฟู และมีแววตาหวาดระแวง แต่ก็ยังจ้องตาเขาไม่หลบจิงซิงอี้ค่อยๆ ถอยออกมานั่งที่เดิม ทั้งสองปรึกษากันว่าจะนั่งรอห่างๆ และดูว่าแม่จิ้งจอกจะมารับลูกหรือไม่ และค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เวลาผ่านไป 15 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีแม่จิ้งจอกเดินออกมา แต่แล้วลูกสุนัขจิ้งจอกก็ค่อยๆ โผล่หน้ามาออกมาจากหลังต้นไม้ และมองมาที่สองตาหลานในที่สุดจิงซิงอี้และจิงเซียวจึงลุกเดินไปหามันช้าๆ จิงเซียวพูดกับมันด้วยเสียงมีเมตตาว่า“เจ้าอยากจะให้พวกเราทำอะไรให้ บอกมาสิเจ้าตัวเล็ก”ลูกสุนัขจิ้งจอกเอียงคอฟัง จากนั้นมันก็หันหลังเดินเข้าไปในป่าด้านหลัง มันเดินไปสองสามก้าว และหยุดหันมามองพวกเขาหลายครั้ง เหมือนจะบอกให้ทั้งสองเดินตาม จิงซิงอี้และจิงเซียวมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่าเจ้าตัวเล็กคงอยากจะให้พวกเขาเดินตามทั้งสองจึงเดินตามมัน ที่พามุดเข้าไปในป่าที่เริ่มรกทึบ พวกเขาต้องก้มตัวหลบเถาวัลย์และลุยเข้าไปในพุ่มไม้ที่ขวางทางเอาไว้หลายครั้ง&

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   6

    จิงซิงอี้ขยับตัวตื่นตอนเช้ามืด เพราะได้ยินเสียงเปิดปิดประตูไม้หน้าบ้าน เขาลุกขึ้นและคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมทับ ถึงแม้ว่าช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้กับภูเขาจึงมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และในช่วงเช้าแบบนี้ ยิ่งหนาวเย็นมากกว่าปกติเขาล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทะมัดทะแมง คว้าโทรศัพท์และเป้ใส่ของ เดินออกมาจากห้องนอน และตรงไปที่ห้องครัวซึ่งอยู่ซ้ายสุดของห้องฝั่งตะวันตกเขาเริ่มต้นทำอาหารเช้า ด้วยการต้มข้าวกล้องผสมธัญพืชที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม จากนั้นก็จัดผักดองหลากชนิด ที่ใส่เกลือนิดหน่อยพอให้มีรสชาติลงไปในถ้วยเล็กๆ พร้อมกับไข่เค็มดองเองจากไข่เป็ดที่เลี้ยงตามธรรมชาติ ทำให้ไข่แดงมีสีเข้มมันเยิ้มน่ากินเมื่อทำเสร็จแล้ว เขาเดินไปที่ห้องทำงานของจิงเซียว และเคาะประตูเรียกชายชรา ทั้งสองนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน และมีคุยกันบ้างนิดหน่อย ตอนนี้ ชุนเฉิงเดินทางกลับบ้านของเขาที่อยู่อีกเมืองหนึ่งไปแล้ว เพื่อกลับไปดูแลคลินิกและธุรกิจของตัวเองจิงซิงอี้บอกจิงเซียวว่า เขาได้รับออเดอร์ถุงหอมสมุนไพรจำนวนมาก เขาจึงคิดจะทำขายอย่างจริงจัง และจะขึ้นไปบนภูเขาห

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   5

    จิงซิงอี้ซึ่งกำลังคัดแยกสมุนไพร ก็ตอบตรงๆ ว่า “ยังไม่มีชื่อเลยครับ”จิงเซียวยิ้ม และมองหลานชายที่ก้มหน้าก้มตาเลือกสมุนไพร ก่อนจะพูดว่า“คลินิกฉางซาน”จิงซิงอี้เงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความตกใจ จิงเซียวย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นว่า“ได้เวลาที่คลินิกฉางซานจะต้องมีผู้สืบทอดแล้ว!”จากนั้น ชายชราก็พูดต่อว่า “ตาเชื่อมั่นในฝีมือของเจ้านะ ตาไม่อยากให้ความรู้ที่สั่งสมมาจากบรรพบุรุษของเรา ต้องจบไปในรุ่นของตา”ขอบตาของจิงซิงอี้ร้อนผ่าว เขารู้ว่าจิงเซียวมีความฝันที่อยากจะเปิดสำนักแพทย์ของตนเองมานานแล้ว แต่เขายังไม่มีโอกาสสักที ถึงเขาจะมีลูกศิษย์อยู่ 3 คน แต่เป็นครั้งแรกที่จิงเซียวมอบชื่อสำนักแพทย์ฉางซานให้เขาสืบทอด จิงซิงอี้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า“ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะสืบทอดคลินิกฉางซานเองครับ!”ชุนเฉิงซึ่งยืนฟังอยู่หน้าประตูยิ้มนิดๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานและเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสามคนช่วยกันคัดแยกสมุนไพร และสนทนาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศอบอุ่น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status