Share

8

Author: Clear Clouds
last update Last Updated: 2025-09-03 20:30:20

จิงซิงอี้เห็นว่าป้าซ่งมีรูปร่างท้วม ยิ่งทำให้เข่าเสื่อมและเสียรูปมากกว่าปกติ เขาจึงอธิบายอาการให้หญิงสูงวัยฟังว่า

“โรคที่ป้าเป็น คือ ข้อเข่าเสื่อมนะครับ เกิดขึ้นได้จากอายุที่มากขึ้นทำให้เสื่อม แล้วก็น้ำหนักที่มากกว่าปกติ บางคนก็เกิดจากการทำงานหนัก ยกของหนักมานาน”

ป้าซ่งรีบตอบว่า “ใช่เลยจ้ะ ป้าทำไร่ทำสวนมาตั้งแต่สาวๆ บางทีก็ต้องแบกปุ๋ย แบกผักผลไม้ไปขาย ช่วงนี้ป้าปวดเข่ามาก มันตึงไปหมด พอนั่งๆนอนๆ น้ำหนักก็เลยขึ้นอย่างที่หมอเห็นนี่ละจ้ะ”

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยนั้น ลุงซ่งฮ่าวเทียน ก็ถือขวดใส่นมแพะ 3 ขวดเดินเข้าบ้านมาถามว่า

“เท่านี้พอมั้ยหมอจิง”

เมื่อเห็นป้าซ่ง เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า

“อายี่ ออกมาทำไม จะเอาอะไรเหรอ”

ป้าซ่งรีบตอบว่า

“ไม่มีอะไร ฉันเห็นว่าหมอจิงมา เลยเดินออกมาทัก”

จิงซิงอี้สังเกตเห็นว่า ป้าซ่งไม่อยากพูดถึงอาการของตนต่อหน้าสามี เขาจึงหันไปพูดกับซ่งฮ่าวเทียนว่า

“เท่านี้ก็พอครับ พรุ่งนี้สัก 5 โมงเย็นจะแวะมาซื้ออีกนะครับ ขอบคุณครับลุงซ่ง”

จากนั้นเขาก็จ่ายเงินให้ไป 50 หยวน ก่อนที่จะเดินออกไป เขาพูดกับป้าซ่งว่า

“โรคนี้ใช้เวลารักษานานก็จริง แต่ถ้ารักษา อาการจะดีขึ้นจนเดินได้เกือบเหมือนปกติ”

ระหว่างปั่นจักรยานกลับบ้าน เขาสงสัยว่าเหตุใดป้าซ่งจึงไม่อยากพูดเรื่องการรักษาต่อหน้าสามี  เขารู้ดีว่า ไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อถือการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน และสองสามีภรรยาคู่นี้อาจเคยมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาเอานมแช่ตู้เย็นเอาไว้ จากนั้นก็ใช้โทรศัพท์สั่งซื้ออาหารสำหรับสุนัข จากร้านขายอาหารสัตว์ในหมู่บ้านใกล้ๆ ซึ่งจะมาส่งให้ในตอนเย็น

จากนั้นเขาก็เตรียมทำอาหารให้สุนัขจิ้งจอก โดยจะทำเก็บเอาไว้ให้พวกมันกินได้ 2-3 วัน เขาเตรียมไข่ไก่ เนื้อไก่และหมู และเดินไปสวนหลังบ้านเพื่อเก็บผักบางอย่าง แอปเปิ้ลและสาลี่จากสวนหลังบ้าน เพื่อให้ทั้งคนและสุนัขจิ้งจอก เพราะพวกมันก็ต้องกินผักผลไม้เช่นเดียวกับคนด้วย

ในระหว่างที่เขาเตรียมอาหารสุนัขจิ้งจอก ก็มีเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเขา เมื่อเปิดอ่าน   ก็พบว่ามาจากเย่เฉิน เพื่อนสนิทที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์เดียวกัน เขาส่งข้อความมาชวนจิงซิงอี้ไปเป็นแพทย์อาสา เพื่อตรวจคนไข้ฟรีตามชุมชนกับอาจารย์ที่เคยสอนพวกเขาในมหาวิทยาลัย

ชายหนุ่มคิดสักพักก่อนจะพิมพ์ตอบตกลง เขาเองก็อยากจะพบอาจารย์ที่เขาเคารพนับถือ และยังได้ไปฝึกประสบการณ์ในการรักษาโรคด้วย

คลินิกของเขาเพิ่งเปิดมาไม่กี่วัน ยังไม่มีคนป่วยมารักษามากนัก ทำให้เขาคิดถึงการโปรโมทร้าน และการทำธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องไปด้วย 

เมื่อเตรียมอาหารให้สุนัขจิ้งจอกเสร็จ     เขาก็เริ่มวางแผนการโปรโมทคลินิก ด้วยการอาสาตรวจโรคฟรีในวันเสาร์ช่วงเย็น ที่หมู่บ้านข้างๆ และแจกถุงหอมสมุนไพรที่มีชื่อคลินิกและเบอร์ติดต่อเอาไว้ เขาเชื่อว่า การแจกของฟรีจะทำให้คนอยากเข้ามาตรวจโรคด้วย 

แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดคิด เมื่อได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กเห่าเรียก เขาจึงรีบเดินออกไปดู และเห็นแม่สุนัขจิ้งจอกที่ย้ายมานอนบนผ้าห่มที่พื้นมุมห้อง พยายามจะลุกขึ้นมา โดยมีเจ้าตัวเล็กเดินวนเวียนส่งเสียงเห่า และคอยเลียหน้าเลียตาแม่ของมันอยู่ 

จิงซิงอี้ค่อยๆ เดินเข้าไปเพื่อไม่ให้มันตกใจ มันมองมาที่จิงซิงอี้อย่างระแวดระวัง เขาถามมันว่า   “ฟื้นแล้วหรือ เจ็บตรงไหนบ้าง”

        เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ควรเข้าไปใกล้และสัมผัสตัวมัน เขาจึงเดินกลับไปที่ห้องครัว เทน้ำใส่ถ้วย และตักไก่ต้มใส่ผักและยกถ้วยกลับมา แม่สุนัขจิ้งจอกขยับจมูกเมื่อได้กลิ่นอาหาร จิงซิงอี้วางถ้วยน้ำและอาหารไว้ด้านหน้า และถอยออกมานั่งมองห่างๆ

        แม่จิ้งจอกขยับตัวเข้าไปใกล้ถ้วยอาหาร มันมองเขาเหมือนชั่งใจ ชายหนุ่มยิ้มให้มัน และพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “กินซะ จะได้มีแรง”

        เหมือนจะเข้าใจ แม่สุนัขจิ้งจอกก้มหน้าก้มตากินอาหารในถ้วยจนหมด และหันไปเลียกินน้ำในถ้วยต่อ ในขณะที่เจ้าตัวเล็กเดินไปเดินมา และนอนลงข้างแม่เพื่อที่จะดูดนม จิงซิงอี้บอกมันว่า

        “เจ้าหนู แม่ยังบาดเจ็บอยู่ จะเอานมที่ไหนมาให้  กินนมแพะไปก่อนนะ”

        จากนั้น เขาก็เดินกลับไปอุ่นนมแพะและยกถ้วยนมมา เขาเรียกจนเจ้าตัวเล็กยอมเดินมาใกล้ มันดมถ้วยนมและเลียกินอย่างหิวโหย

ในระหว่างนั้น จิงซิงอี้เช็คอายุของเจ้าตัวเล็กจากอินเทอร์เน็ต และพบว่ามันน่าจะมีอายุประมาณ 1-2 เดือน กินได้ทั้งนมและอาหารสุนัขแบบอ่อน เขาจึงสั่งอาหารลูกสุนัขเพิ่มเติมจากร้านที่สั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้

เขาปล่อยพวกมันเอาไว้ในห้อง โดยเปิดประตูเอาไว้เล็กน้อย เพื่อให้พวกมันเดินเข้าออกได้ และไปหาจิงเซียวที่ห้องยาสมุนไพร

เขาบอกชายชราว่า แม่สุนัขจิ้งจอกฟื้นแล้วและกำลังกินอาหาร พรุ่งนี้เขาจะตรวจเช็คแผลของมันอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้น จิงซิงอี้ก็ช่วยจิงเซียวเตรียมยาสมุนไพรหรือการเผาจี้อสมุนไพรจีน

ทุกวันนี้จิงเซียวไม่ค่อยได้รักษาคนไข้แล้ว เพราะเขาเริ่มเดินทางไม่สะดวก ประกอบกับอายุที่มากขึ้น ทำให้เขาอยากทำในสิ่งที่ชอบมากกว่า ช่วงหลังมานี้ เขาจึงใช้เวลากับการเก็บรวบรวมสมุนไพรจากหลากหลายแหล่งเพื่อนำมาเป็นยา ทั้งใช้กับคนไข้และขาย

สำหรับจิงซิงอี้ ช่วงที่ใกล้จะเรียนจบ เขาแทบจะไม่มีเวลาว่างทำสมุนไพรเอง จึงพักการขายไประยะหนึ่ง แต่ในตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะทำธุรกิจสมุนไพรของตนเอง โดยมีจิงเซียวคอยให้คำแนะนำ 

โดยปกติแล้วจิงเซียวและจิงซิงอี้จะสั่งซื้อยามาจากเจ้าประจำ พวกเขาจะการทำยาสมุนไพรเอง เฉพาะที่เก็บมาจากป่าและบนภูเขา โดยเฉพาะสมุนไพรหายากที่ไม่มีวางขายทั่วไป

ตอนนี้ จิงซิงอี้กำลังจะทำถุงหอมสมุนไพรเพื่อแจก มีส่วนผสมหลักคล้ายกับของคนอื่น แต่เขาเพิ่มสมุนไพรพิเศษที่จัดเตรียมเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลข้างเคียงบางอย่างของสมุนไพร

สูตรเหล่านี้ ได้มาจากสูตรยาสมุนไพรของจิงเซียวที่มีความพิเศษ ซึ่งมีเพียงจิงซิงอี้คนเดียวที่ได้รับการถ่ายทอด ถึงแม้หมอจีนหลายคนจะอ้อนวอนขอให้จิงเซียวช่วยสอนมานานนับสิบปี แต่ชายชราก็ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี

จิงซิงอี้หั่นสมุนไพรหลักๆตามสูตรถุงหอมปกติ เตรียมใส่กระด้งนำไปตากแดด เขาเพิ่มขิง ตะไคร้ พริกไทยและผิวส้มกับมะนาวลงไปด้วย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยหรือยูจีนอล เพราะช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงจากเย็นไปสู่ร้อนชื้น ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นหวัดคัดจมูก และปวดหัว

สำหรับถุงหอมที่ใส่นั้น เขาเลือกผ้ามีลวดลายปักแบบจีน และติดชื่อคลินิกและวิธีติดต่อเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เขายังคิดจะใช้ถุงผ้าแบบอื่นๆ และถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อนด้วย ซึ่งแบบหลังเป็นสมุนไพรสำหรับวางในบ้านและในรถ เพื่อช่วยขับไล่แมลงและกำจัดกลิ่นอับ

หลังจากตากสมุนไพรเสร็จแล้ว เขาใช้คอมพิวเตอร์ค้นหาข้อมูลสมุนไพร และตำรับยาต่างๆ  เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง

ตลอดช่วงบ่ายคล้อยจนถึงตอนเย็น สองตาหลานใช้เวลาด้วยกันไปกับการจัดเตรียมสมุนไพร ทั้งการนำไปรักษาคนไข้ และเตรียมทำถุงหอมสมุนไพร ทั้งสูตรเก่าและสูตรใหม่ 

จิงซิงอี้ขอให้จิงเซียวช่วยหาข้อมูลบริษัทที่ปลูกสมุนไพร เพราะเขาต้องการจะปลูกสมุนไพรบางส่วนเอง จิงเซียวเห็นด้วย เพราะตอนนี้ชายหนุ่มเรียนจบแล้ว สามารถทุ่มเทเวลาในการรักษาคนและทำธุรกิจได้เต็มที่

สำหรับสถานที่ปลูกนั้น เขาตั้งใจจะไปปรึกษาคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อดูว่าเขาจะสามารถใช้พื้นที่หลังบ้านที่เป็นรอยต่อกับภูเขา และพื้นที่บนภูเขาบางส่วนได้หรือไม่ และต้องทำอย่างไรบ้าง

จิงเซียวให้เสรีภาพกับจิงซิงอี้ในการทำสิ่งที่ชอบ ซึ่งแตกต่างจากลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่ถูกอบรมสั่งสอนและควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ลูกศิษย์สองคนแรกของเขา คือ ลั่วเยี่ยนและซุนเฉิงต่างก็เข้าใจดี   เพราะจิงซิงอี้มีอายุห่างจากพวกเขามาก ทำให้พวกเขาเอ็นดูชายหนุ่มเหมือนกับลูกหลานของตนเอง

นอกจากนี้ จิงซิงอี้ยังนิสัยดี อ่อนน้อม และฉลาดเฉลียวเกินวัย พวกเขาเรียนวิชาจากจิงเซียว และออกเดินทางไปด้วยกันหลายครั้ง ตั้งแต่จิงซิงอี้ยังเป็นเด็ก จึงมีความสนิทสนมกันมาก การที่จิงเซียวรักและเอ็นดูชายหนุ่มมาก จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับศิษย์พี่คนอื่นๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   101

    ลั่วเป่ยตกใจมาก เขารีบบอกจิงซิงอี้ว่า เขาจะไปดูลูกชายก่อน จิงซิงอี้พูดขึ้นมาว่า จะขอไปดูอาการด้วย ชายหนุ่มพยักหน้าและรีบเดินขึ้นรถลากไปด้วยกันระหว่างทางกลับบ้าน ลั่วเป่ยสอบถามอาการของลูกชาย จากหญิงรับใช้ซึ่งเป็นคนสนิทของภรรยา นางเล่าด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า“วันนี้คุณชายน้อยไม่อยากกินข้าวเลยเจ้าค่ะ บอกว่าเหนื่อยมาก จากนั้นฮูหยินก็บอกให้คุณชายพักผ่อน แล้วก็ตามท่านหมอชิวมารักษา แต่พอรักษาได้สักพัก อาการของคุณชายน้อยก็แย่ลงอีก”“แย่ยังไง รีบบอกมา!” ลั่วเป่ยเร่งให้นางตอบ“คุณชายน้อยบอกว่าเจ็บหน้าอกมาก แล้วก็ปวดเนื้อตัวเจ้าค่ะ!”จิงซิงอี้ที่ฟังอาการก็นิ่วหน้าด้วยความสงสัย เขาถามสาวใช้ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่า หมอรักษาคุณชายอย่างไรบ้าง”สาวใช้ตอบแบบไม่แน่ใจว่า “ฝังเข็มแล้วก็ให้ดื่มยาเจ้าเจ้าค่ะ แต่ก็ไม่ดีขึ้น”ลั่วเป่ยพยายามควบคุมความกลัว เมื่อไปถึงหน้าบ้าน พวกเขารีบลงจากรถ และเดินไปที่ห้องนอนของคุณชายน้อยที่อยู่ตึกด้านซ้ายมือ หน้าห้องมีคนรับใช้ทั้งยืนรอและเดินเข้าอ

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   100

    เขาจุ่มเข็มลงในน้ำร้อนเพื่อทำความสะอาด และอธิบายให้ทุกคนในห้องฟังว่า “ข้าจะเริ่มต้นฝังเข็มเพื่อปิดกั้นการไหลเวียนของสารพิษในร่างกาย”จากนั้นก็ฝังเข็มที่จุดเหรินเหมินบริเวณท้องน้อย เพื่อช่วยควบคุมการไหลเวียนของเลือดและชี่ในร่างกายส่วนล่าง จากนั้นจุดชี่ไห่ ที่อยู่ใต้หัวเข่า เพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด“ข้าจะกักสารพิษเอาไว้ที่จุดเดียวเพื่อไม่ให้แพร่กระจาย จนกว่าเราจะขับมันออกไปได้ และช่วยให้อาการทรงตัวไม่แย่ไปกว่านี้”จิงซิงอี้หันไปหาหมอที่ยืนข้าง “ข้าขอให้ท่านช่วยจับตัวเขาพลิกให้หน่อยขอรับ”จากนั้นก็ฝังเข็มที่จุดเฟิ่งฉือ เพื่อช่วยลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการปวดเขาใช้เวลาในการฝังเข็มอยู่นานกว่า 20 นาที ทุกคนเห็นว่า คนไข้เริ่มหายใจลึกและยาวขึ้น อาการสั่นสะท้านจากความเจ็บปวดลดน้อยลง และสีหน้าที่หมองคล้ำของเขาเริ่มดีขึ้นจิงซิงอี้หยุดฝังเข็ม หันไปบอกหลิวป๋อว่า “ข้าจะสั่งยาสมุนไพรให้ มีโสมจีน ตังเซียม เห็ดหลินจือ ชะเอมเทศ ตัง และเกา

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   99

    ลั่วเป่ยถอนหายใจ “ลูกชายของพี่อายุ 11 ปี ไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เกิด เวลาทำอะไรที่ต้องออกแรง จะเหนื่อยง่าย หายใจหอบ ซีดเซียว เวลาอากาศเปลี่ยนก็ป่วย เวลาป่วยที ก็ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นได้ ยิ่งช่วงสองสามปีนี้อาการยิ่งหนักมากขึ้นไปอีก”ในระหว่างนั้น เด็กเสิร์ฟก็นำอาหารมาวางบนโต๊ะ ทั้งสองคนลงมือกินและคุยกันต่อ “พี่หาหมอมารักษาหลายคนก็ไม่ดีขึ้น ได้แค่ทรงๆ จนช่วงนี้ยิ่งแย่มากขึ้น มันน่าเจ็บใจไหม ที่พี่ขายสมุนไพร แต่ก็ไม่มีสมุนไพรไหนช่วยลูกได้เลย!”จิงซิงอี้ถามด้วยความสนใจว่า “ใครเป็นคนแนะนำให้ใช้โสมในการรักษาหรือ”“เป็นหมอที่เพื่อนของพี่แนะนำมา เขาเชี่ยวชาญโรคเด็ก และบอกว่าหยวนชี่พร่อง ซึ่งมักเกิดกับเด็ก เขาจึงสั่งยาและอาหารเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะโสมที่ให้เอามาตุ๋นไก่ทำเป็นยา จะต้องเป็นโสมที่มีคุณภาพสูงจริงๆ”เมื่อจิงซิงอี้ถามต่อว่า “หลังจากรักษากับหมอคนนี้แล้ว อาการดีขึ้นไหม”ชายหนุ่มตอบว่า “ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังออกแรงหนักมากไม่ได้ จนเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา อากาศเปลี่ยนแปลงม

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   98

    เฉินอี้เซิงเฉลยอาการป่วยของคนไข้ชายว่า มีอะไรบ้างและควรจะรักษาอย่างไร เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า“คนไข้รักษาอาการมานานแล้ว ช่วงนี้มีอาการหนักขึ้น เพราะอากาศหนาวมีส่วนอย่างมาก แต่สิ่งที่จิงซิงอี้วิเคราะห์น่าสนใจมากเช่นกัน โดยเฉพาะกรรมพันธุ์และความเครียด ที่ทำให้อาการเป็นมากขึ้น การซักถามอย่างใส่ใจถึงชีวิตประจำวัน จึงเป็นหัวใจสำคัญ ที่ทำให้เราเห็นสาเหตุของโรคด้วย ที่สำคัญ การรักษาในองค์รวม ที่ต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจไปด้วย จึงจะช่วยให้โรคแบบนี้ดีขึ้นได้ในภาพรวมได้”หลังจากจบบทเรียนในวันนั้น เฉินอี้เซิงปล่อยให้ทุกคนกลับบ้านได้ จิงซิงอี้เก็บของ และเดินออกมานอกห้องพร้อมกับลั่วเป่ยและจี่หลิว คนที่ไม่พอใจเขาก็เริ่มเงียบไปบางคนเข้ามาทักทายและบอกว่า ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นหมอเด็กอัจริยะ แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะของชายที่มีปัญหากับเขา หรือเค่อหลุน ที่เดินผ่านจิงซิงอี้และพูดว่า “ก็แค่เดาจนถูกนั่นละ!”ทั้งลั่วเป่ยและจี่หลิวขมวดคิ้ว ลั่วเป่ยจึงพูดออกมาว่า “คนอะไร หาเรื่องแม้กระทั่งกับเด็กไม่กี่ขวบ!”จิงซิงอี้มองตามเค่อห

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   97

    ในวันจันทร์แรกของการไปเรียน จิงซิงอี้ตื่นแต่เช้า เขาสะพายเป้หนังสีน้ำตาลที่มีข้าวของจำเป็นใส่หลัง เป้นี้เขาออกแบบเป็นพิเศษให้มีช่องเก็บของ ใส่ขวดน้ำที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ขนม ผ้าเช็ดหน้า อุปกรณ์การแพทย์ขนาดเล็ก เขาแวะกินอาหารเช้าง่ายๆ ข้างทาง จากนั้นเดินไปที่บ้านของเฉินอี้เซิง ถึงอากาศจะเย็นในช่วงเช้า เพราะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็เหงื่อตกเพราะต้องเดินมาเองเมื่อมาถึงทางเข้าบ้าน เขาพบชายหลากหลายวัยเดินเข้าประตูไปอย่างคุ้นเคย จิงซิงอี้เดินตามเข้าไปเงียบๆ บางคนหันมามองเขาด้วยความสงสัย จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 28-29 ปี เรียกให้เขาหยุดและถามว่า “เจ้าหนู! หยุดก่อน! เจ้าเป็นใคร หลงทางกับพ่อหรือเปล่า”กลุ่มคนที่น่าจะเป็นลูกศิษย์ของเฉินอี้เซิงพากันหันมามอง จิงซิงอี้หยุดเดิน หันไปตอบนิ่งๆว่า “ข้าไม่ได้พลัดหลงกับใคร ข้าเป็นลูกศิษย์นอกสำนักของอาจารย์เฉินอี้เซิง”ทุกคนที่ได้ยินต่างขมวดคิ้ว พวกเขามองจิงซิงอี้ด้วยความสงสัย บางคนไม่เชื่อ และถามเขาด้วยความไม่พอใจว่า“เป็นเรื่องจริงหรือ!”“เจ้าอย่ามาเป็นเด็กเลี้

  • จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค   96

    เมื่อรู้ว่าจิงซิงอี้ผ่านการทดสอบ โม่หยวนหลิงและซัววีเว่ย จึงช่วยกันหาที่พักให้เด็กชาย แต่ก็ยังอดเป็นห่วงจิงซิงอี้ไม่ได้“เจ้าอยู่คนเดียวได้จริงหรือ พี่รู้ว่าเจ้าเก่ง ทำอะไรก็ได้ แต่ที่นี่เมืองหลวง ไม่มีใครมาช่วยเหลือเจ้า พี่เป็นห่วงมากนะ!” โม่หยวนหลิงพูดด้วยความกังวลใจจิงซิงอี้ต้องปลอบใจว่า “พี่หลิง ข้าอยู่ตัวคนเดียวได้จริงๆ แต่ตอนนี้ต้องหาที่พักก่อน” ทั้งสองคนเสนอให้เขาไปพักอยู่บ้านเฉินอี้เซิง อย่างน้อยยังมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยเด็กชายหัวเราะ การไปอยู่แบบนั้น ต้องทำงานแลกที่พักและอาหาร เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องทุ่มเทและลำบากถึงขนาดนั้น เขามีความรู้อยู่แล้ว แค่ต้องการความรู้ด้านพิษอื่นๆ ที่จะช่วยเหลือจิงเซียวได้นอกจากนี้ เขาไม่อยากระมัดระวังตัวตลอดเวลา เขาจึงเลือกอยู่คนเดียว เพื่อให้มีเวลาศึกษาหาความรู้ โดยไม่ต้องปิดบังตัวตนเมื่อเห็นโม่หยวนหลิงและซัววีเว่ยยังไม่คลายกังวล เขาจึงตัดสินใจพูดตรงๆ ว่า“พี่หลิง พี่เว่ย ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นห่วงข้ามาก แต่ข้าขอพูดตรงๆก็แล้วกัน ข้ามีความรู้ทางการแพทย์อยู่แล้ว อาจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status