All Chapters of จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค: Chapter 1 - Chapter 10

10 Chapters

1

เสียงรถเบรคเอี๊ยดดังลั่น ทำให้เด็กหนุ่มอายุประมาณ 16-17 ปี ที่กำลังปั่นจักรยานอยู่บนถนนสะดุ้งเฮือก หันขวับไปมองตามเสียงเบรคด้านหลังด้วยความตกใจรถคันใหญ่หรูหราคันหนึ่งพุ่งพรวดลงไปด้านข้าง และเกือบจะตกลงไปในสวนผักข้างทาง โชคดีที่รถถูกเนินดินขวางเอาไว้ จึงไม่ตกลงไปทั้งคัน หญิงวัยกลางคนแต่งกายดีคนหนึ่ง ตะเกียกตะกายออกมาจากประตูฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าอย่างยากลำบาก ศีรษะของเธอมีรอยเลือดเล็กน้อยที่เกิดจากการกระแทกกับกระจก เธอหันไปมองรอบๆ และร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนก“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้มาช่วยทีค่ะ สามีของฉันหมดสติอยู่ในรถค่ะ!”เมื่อหันมาเห็นเด็กหนุ่มที่ทิ้งจักรยานเอาไว้ข้างทาง และวิ่งตรงมาทางนี้ เธอจึงละล่ำละลักพูดด้วยความดีใจว่า“พ่อหนุ่มจ๊ะ ช่วยสามีพี่ด้วย เขาติดอยู่ในรถจ้ะ!”เด็กหนุ่มค่อยๆ เดินลงไปข้างถนนเพื่อเปิดประตูฝั่งคนขับ โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อคเอาไว้ เขาและหญิงวัยกลางคนจึงช่วยกันเปิดประตู ปลดเข็มขัดนิรภัย และดึงชายวัยกลางคนที่มีน้ำหนักตัวมากและรูปร่างสูงใหญ่ออกมาอย่างทุลักทุเลทั้งสองออกแรงลากดึง กว่าจะนำเขาออกมานอนราบบนพื้นถนนได้ เด็กหนุ่มซึ่งหอบด้วยความ
last updateLast Updated : 2025-08-27
Read more

2

ถึงแม้ว่าหยวนชุนจะยังดูอ่อนแรง แต่สีหน้าและแววตาเริ่มมีประกายสดใสมากขึ้น เขาหันไปมองรอบๆ และเมื่อเห็นเหยาหลิงที่ยืนเช็ดน้ำตาด้วยความดีใจอยู่ข้างเตียง จึงถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เกิดอะไรขึ้น” ระหว่างที่เหยาหลิงอธิบายเรื่องราวให้สามีฟัง จิงซิงอี้คอยสังเกตสีหน้าและอาการของหยวนซุนจิงซิงอี้บอกให้เขายกมือข้างขวาขึ้น หยวนซุนพยายามทำตาม แต่พบว่าเขายกแขนขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอาการชาของร่างกายด้านขวายังคงมีอยู่ จิงซิงอี้จึงอธิบายให้ทั้งคู่ฟังว่า“คนไข้เป็นโรคหลอดเลือดในสมองคั่ง ที่มีสาเหตุมาจากหลายอย่าง ทั้งการใช้ชีวิต อาหารการกิน อายุที่มากขึ้น อารมณ์ต่างๆ และการเคลื่อนที่ของชี่ยังเสียสมดุลติดขัด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่คล่อง  จึงทำให้มีอาการแขนขาชาหรือกล้ามเนื้อแขนขาเกร็ง เวียนศีรษะ  ตาลายและสุดท้ายคือหมดสติ ถ้ารักษาไม่ทัน ก็มีโอกาสเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ได้เช่นกันครับ”เมื่อได้ยิน ทั้งสองหน้าซีดเผือดทันที เพราะมันไม่ใช่แค่อาการจากการทำงานหนักและความเครียด ตามที่หมอจากโรงพยาบาลในเมืองบอก เหยาหลิงรีบถ
last updateLast Updated : 2025-08-28
Read more

3

หมู่บ้านเจียวจูแห่งนี้ ตั้งอยู่นอกเมืองหางโจว ด้านหน้าของหมู่บ้านเป็นถนนเส้นเล็กตัดผ่านเข้าไปยังถนนใหญ่เพื่อไปในเมือง ด้านหลังติดกับภูเขาชาวบ้านทำสวนผักผลไม้และทำนาบางพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บเอาไว้กินเอง และขายบางส่วนคนหนุ่มสาวเกือบทั้งหมดออกไปทำงานในเมือง หลายคนย้ายครอบครัวไปอยู่ในเมืองใหญ่ถาวรเพื่อทำงาน และให้ลูกหลานได้เรียนในโรงเรียนที่ดีกว่า และจะกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงวันหยุดยาวชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จึงเป็นผู้สูงอายุกับเด็ก พวกเขาทำการเกษตรเท่าที่จะมีแรง และมีหนุ่มสาวไม่กี่คนที่ยังอาศัยอยู่ที่นี่และยังคงทำการเกษตรต่อไป เช่น เสี่ยวหลง เด็กหนุ่มที่พาคู่สามีภรรยาไปรักษากับจิงซิงอี้ นอกจากนี้ ถนนที่นี่ยังมีสภาพไม่ดี เป็นหลุมบ่อและเป็นโคลนในช่วงฤดูฝน ทำให้ไม่สามารถเดินทางและส่งพืชผักไปค้าขายในตลาดขนาดใหญ่ได้สะดวก เศรษฐกิจของคนในหมู่บ้านจึงไม่ดีนัก ลูกหลานจึงย้ายไปทำงานในเมืองใหญ่เป็นหลัก ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากพื้นที่ชนบทส่วนใหญ่ของประเทศเช้าวันหนึ่ง ในระหว่างกลุ่มลุงป้ากำลังจับกลุ่มคุยกันเพื่อฆ่าเวลาอยู่นั้น พวกเขาก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร
last updateLast Updated : 2025-08-29
Read more

4

ตลอดทั้งอาทิตย์ จิงซิงอี้วุ่นวายกับการตกแต่งคลินิก การสั่งอุปกรณ์และยาที่ใช้รักษา รวมไปถึงการติดต่อขอใบอนุญาตเพื่อเปิดคลินิกตัวเขาเองสามารถสอบผ่านได้ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนจีน ทั้งข้อเขียนและการปฏิบัติ รวมไปถึงการฝังเข็ม  รมยา การนวดทุยหนา ครอบแก้ว และยังได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านสมุนไพรจีน การใช้ตำรับยาจีน และการนวดจากจิงเซียวในช่วงสองปีสุดท้ายของการเรียนในมหาวิทยาลัย เขาฝึกงานที่โรงพยาบาลในปักกิ่ง และเรียนแพทย์แผนจีนเพิ่มเติม เพราะต้องการจะบูรณาการรักษาแพทย์แผนจีนเข้ากับการแพทย์แผนปัจจุบันที่จริงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเรียนหลักสูตรแพทย์แผนจีนในมหาวิทยาลัยก็ได้ เพราะเขาเรียนรู้จากจิงเซียว ซึ่งเป็นหมอจีนฝีมือดีมาตั้งแต่เด็ก แต่เขารู้ว่าการมีปริญญาและใบอนุญาต จะทำให้การทำงานของเขาง่ายกว่าและได้รับความเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และจิงเซียวยังต้องการให้เขามีความรู้ทั้งสองด้านด้วยการจะเปิดคลินิกแพทย์แผนจีนที่ประเทศนี้ ตามระเบียบของกระทรวงกำหนดเอาไว้ว่า จะต้องลงทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแลแพทย์แผนจีนทั้งในระดับท้องถิ่น และในระดับเ
last updateLast Updated : 2025-08-30
Read more

5

จิงซิงอี้ซึ่งกำลังคัดแยกสมุนไพร ก็ตอบตรงๆ ว่า  “ยังไม่มีชื่อเลยครับ”จิงเซียวยิ้ม และมองหลานชายที่ก้มหน้าก้มตาเลือกสมุนไพร ก่อนจะพูดว่า“คลินิกฉางซาน”จิงซิงอี้เงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความตกใจ จิงเซียวย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นว่า“ได้เวลาที่คลินิกฉางซานจะต้องมีผู้สืบทอดแล้ว!”จากนั้น ชายชราก็พูดต่อว่า “ตาเชื่อมั่นในฝีมือของเจ้านะ ตาไม่อยากให้ความรู้ที่สั่งสมมาจากบรรพบุรุษของเรา ต้องจบไปในรุ่นของตา”ขอบตาของจิงซิงอี้ร้อนผ่าว เขารู้ว่าจิงเซียวมีความฝันที่อยากจะเปิดสำนักแพทย์ของตนเองมานานแล้ว แต่เขายังไม่มีโอกาสสักที ถึงเขาจะมีลูกศิษย์อยู่ 3 คน แต่เป็นครั้งแรกที่จิงเซียวมอบชื่อสำนักแพทย์ฉางซานให้เขาสืบทอด จิงซิงอี้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า“ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะสืบทอดคลินิกฉางซานเองครับ!”ชุนเฉิงซึ่งยืนฟังอยู่หน้าประตูยิ้มนิดๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานและเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสามคนช่วยกันคัดแยกสมุนไพร และสนทนาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศอบอุ่น
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

6

จิงซิงอี้ขยับตัวตื่นตอนเช้ามืด เพราะได้ยินเสียงเปิดปิดประตูไม้หน้าบ้าน เขาลุกขึ้นและคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมทับ ถึงแม้ว่าช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้กับภูเขาจึงมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และในช่วงเช้าแบบนี้ ยิ่งหนาวเย็นมากกว่าปกติเขาล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทะมัดทะแมง คว้าโทรศัพท์และเป้ใส่ของ เดินออกมาจากห้องนอน และตรงไปที่ห้องครัวซึ่งอยู่ซ้ายสุดของห้องฝั่งตะวันตกเขาเริ่มต้นทำอาหารเช้า ด้วยการต้มข้าวกล้องผสมธัญพืชที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม จากนั้นก็จัดผักดองหลากชนิด ที่ใส่เกลือนิดหน่อยพอให้มีรสชาติลงไปในถ้วยเล็กๆ  พร้อมกับไข่เค็มดองเองจากไข่เป็ดที่เลี้ยงตามธรรมชาติ ทำให้ไข่แดงมีสีเข้มมันเยิ้มน่ากินเมื่อทำเสร็จแล้ว เขาเดินไปที่ห้องทำงานของจิงเซียว และเคาะประตูเรียกชายชรา ทั้งสองนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน และมีคุยกันบ้างนิดหน่อย ตอนนี้ ชุนเฉิงเดินทางกลับบ้านของเขาที่อยู่อีกเมืองหนึ่งไปแล้ว เพื่อกลับไปดูแลคลินิกและธุรกิจของตัวเองจิงซิงอี้บอกจิงเซียวว่า เขาได้รับออเดอร์ถุงหอมสมุนไพรจำนวนมาก เขาจึงคิดจะทำขายอย่างจริงจัง และจะขึ้นไปบนภูเขาห
last updateLast Updated : 2025-09-01
Read more

7

ระหว่างที่ถาม จิงซิงอี้กวาดสายตาไปรอบๆ ด้านอย่างระมัดระวัง เขากลัวแม่ของมันจะพุ่งออกมาจู่โจม ถึงเจ้าตัวเล็กจะทำตัวฟู และมีแววตาหวาดระแวง แต่ก็ยังจ้องตาเขาไม่หลบ จิงซิงอี้ค่อยๆ ถอยออกมานั่งที่เดิม ทั้งสองปรึกษากันว่าจะนั่งรอห่างๆ และดูว่าแม่จิ้งจอกจะมารับลูกหรือไม่ และค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เวลาผ่านไป 15 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีแม่จิ้งจอกเดินออกมา แต่แล้วลูกสุนัขจิ้งจอกก็ค่อยๆ โผล่หน้ามาออกมาจากหลังต้นไม้ และมองมาที่สองตาหลานในที่สุดจิงซิงอี้และจิงเซียวจึงลุกเดินไปหามันช้าๆ  จิงเซียวพูดกับมันด้วยเสียงมีเมตตาว่า“เจ้าอยากจะให้พวกเราทำอะไรให้ บอกมาสิเจ้าตัวเล็ก”ลูกสุนัขจิ้งจอกเอียงคอฟัง จากนั้นมันก็หันหลังเดินเข้าไปในป่าด้านหลัง มันเดินไปสองสามก้าว และหยุดหันมามองพวกเขาหลายครั้ง เหมือนจะบอกให้ทั้งสองเดินตาม จิงซิงอี้และจิงเซียวมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่าเจ้าตัวเล็กคงอยากจะให้พวกเขาเดินตามทั้งสองจึงเดินตามมัน ที่พามุดเข้าไปในป่าที่เริ่มรกทึบ พวกเขาต้องก้มตัวหลบเถาวัลย์และลุยเข้าไปในพุ่มไม้ที่ขวางทางเอาไว้หลายครั้ง&
last updateLast Updated : 2025-09-02
Read more

8

จิงซิงอี้เห็นว่าป้าซ่งมีรูปร่างท้วม ยิ่งทำให้เข่าเสื่อมและเสียรูปมากกว่าปกติ เขาจึงอธิบายอาการให้หญิงสูงวัยฟังว่า“โรคที่ป้าเป็น คือ ข้อเข่าเสื่อมนะครับ เกิดขึ้นได้จากอายุที่มากขึ้นทำให้เสื่อม แล้วก็น้ำหนักที่มากกว่าปกติ บางคนก็เกิดจากการทำงานหนัก ยกของหนักมานาน”ป้าซ่งรีบตอบว่า “ใช่เลยจ้ะ ป้าทำไร่ทำสวนมาตั้งแต่สาวๆ บางทีก็ต้องแบกปุ๋ย แบกผักผลไม้ไปขาย ช่วงนี้ป้าปวดเข่ามาก มันตึงไปหมด พอนั่งๆนอนๆ น้ำหนักก็เลยขึ้นอย่างที่หมอเห็นนี่ละจ้ะ”ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยนั้น ลุงซ่งฮ่าวเทียน ก็ถือขวดใส่นมแพะ 3 ขวดเดินเข้าบ้านมาถามว่า“เท่านี้พอมั้ยหมอจิง”เมื่อเห็นป้าซ่ง เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า“อายี่ ออกมาทำไม จะเอาอะไรเหรอ”ป้าซ่งรีบตอบว่า“ไม่มีอะไร ฉันเห็นว่าหมอจิงมา เลยเดินออกมาทัก”จิงซิงอี้สังเกตเห็นว่า ป้าซ่งไม่อยากพูดถึงอาการของตนต่อหน้าสามี เขาจึงหันไปพูดกับซ่งฮ่าวเทียนว่า“เท่านี้ก็พอครับ พรุ่งนี้สัก 5 โมงเย็นจะแวะมาซื้ออีกนะครับ ขอบคุณครับลุงซ
last updateLast Updated : 2025-09-03
Read more

9

ตั้งแต่ยังหนุ่ม จิงเซียวมักออกเดินทางและหายไปหลายอาทิตย์ บางครั้งเขาเดินทางไปรักษาชาวบ้านตามที่ห่างไกล บางครั้งก็ไปเก็บสมุนไพรตามป่าเขาลำเนาไพร และได้รับเชิญจากผู้นำระดับประเทศ รวมไปถึงผู้มีชื่อเสียงและอำนาจขอให้ไปช่วยรักษาโรคเมื่ออายุมากขึ้น เขาจะเลือกรักษาเฉพาะคนที่เขารู้สึกถูกใจเท่านั้น ถึงแม้บางคนจะใช้ทั้งเงินและอำนาจมาข่มขู่ ชายชราก็ไม่เคยหวั่นไหว เพราะเขามีลูกศิษย์และคนไข้ที่มีชื่อเสียงคอยปกป้องอยู่เสมอนี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่จิงเซียวไม่เคยเปิดคลินิกรักษาที่หมู่บ้านเจียวจู เพราะเขาไม่ค่อยจะอยู่บ้านนั่นเองในระหว่างที่สองตาหลานง่วนอยู่กับการทำงานของตัวเอง จิงเซียวก็บอกกับจิงซิงอี้ว่า“เสี่ยวอี้ อีกสองวันตาจะไปปักกิ่งนะ มีนัดรักษาคนไข้”ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ชายชราก็พูดต่อว่า “เสี่ยวเยี่ยน  ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะมารับตาไป”เสี่ยวเยี่ยน  หรือลั่วเยี่ยน อายุ 48 ปี เป็นศิษย์คนแรกของจิงเซียว เขาเป็นเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่รักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันและแผนจีนในปักกิ่ง ตัวเขาจบแพทย์แผนปัจจุบันมา เมื่
last updateLast Updated : 2025-09-04
Read more

10

เมื่อเดินไปถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลที่อยู่หน้าเคาเตอร์ต่างพากันมุงดูเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู แต่จิงซิงอี้ถอยไปหลบอยู่ข้างหลังลั่วเยี่ยน เขาไม่ได้กลัว แต่ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ใกล้ๆ“เดี๋ยวๆทุกคน ใจเย็นๆ เจ้าหนูกลัวแล้ว”ลั่วเยี่ยนเตือนสาวๆ และเล่าให้พวกเธอฟังว่าไปพบเด็กชายที่ไหน และขอให้พวกเธอช่วยประกาศหาพ่อแม่ในโรงพยาบาล และถ้าไม่พบ เขาจะโทรไปแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหาอีกทีในระหว่างที่ชายหนุ่มอธิบาย จิงซิงอี้ก็ยืนฟังเงียบๆด้วยความสนใจ แม้ว่าใครๆ จะพยายามถามชื่อและที่อยู่ เขากลับนิ่งทำหูทวนลมเหมือนไม่เข้าใจ จนลั่วเยี่ยนอดหัวเราะไม่ได้ชายหนุ่มจะต้องออกตรวจคนไข้ตอนเช้า เขาจึงคิดจะฝากให้เด็กชายอยู่กับเจ้าหน้าที่ แต่จิงซิงอี้ไม่ยอม เด็กน้อยวิ่งตามลั่วเยี่ยน ทำให้เขาต้องพาเด็กชายไปที่ห้องตรวจด้วยเขาย่อตัวลงสบตากับเด็กน้อยและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่รู้ว่านายต้องการอะไร แต่ฉันรู้ว่านายเข้าใจทุกสิ่งที่ฉันพูด ถ้านายไม่อยากไปไหน ก็อยู่กับฉันไปก่อน ถ้าเปลี่ยนใจอยากพูด ก็พูดมาก็แล้วกันนะเจ้าหนู”จากนั้นชายหนุ่มก็ลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู  พวก
last updateLast Updated : 2025-09-05
Read more
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status