“ช้าง...หยุดก่อน”
เสียงตะโกนเรียกของวนาลีที่ดังมาจากในบ้านไม่อาจหยุดฝีเท้าของคชาภัทรได้ เด็กชายทำเพียงส่งเสียงหัวเราะชอบใจและวิ่งตื๋อออกไปเท่านั้น
“นายช้าง หยุด!”
แต่เสียงนี้ต่างหากที่ทำให้ดิสเบรกที่ฝ่าเท้าของเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าส้มหยุด
“นายจะไปไหน”
“ไปดูพี่แทนจับปลาที่ท้ายสวน” คชาภัทรตอบเสียงอ่อยพร้อมใบหน้าที่จืดจ๋อย
“ไม่ได้!” อลิสราพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “เรามีนัดไปเล่นกับจิ๊ดริด” เด็กหญิงรักษาคำพูดของเธอเสมอ
“ไม่ได้นัดด้วยนี่” น้ำเสียงของคชาภัทรยิ่งเบาลงไปอีก ดวงตาหลุบต่ำไม่กล้าสบตาพี่สาว
“คำพูดฉันก็เหมือนคำพูดของนาย” บังเอิญอลิสราหูดีเสียด้วย
“แต่ช้างนัดกับพี่แทนไว้แล้ว”
“จิ๊ดริดต้องสำคัญที่สุด”
พูดจบ ฝ่ายพี่สาวก็เหนี่ยวคอเสื้อน้องชายพร้อมกับก้าวเท้าออกจากประตูรั้วไปอย่างห้าวหาญโดยไม่ปล่อยให้คชาภัทรพูดเถียงได้เลยสักคำ
วนาลีถึงกับหัวเราะร่วนเมื่อเห็นบทสรุปของเรื่อง
คชาภัทรมีความซุกซนจนเลื่องชื่อ ยิ่งได้มาอยู่บ้านสวนแบบนี้ กิจกรรมยิงนกตกปลา ผจญภัยตามร่องสวนกับบรรดาเพื่อนผู้ชายมีอยู่ไม่เว้นวัน จะกลับมาให้เห็นหน้าก็ย่ำค่ำทุกวัน ผู้ใหญ่ต่างพากันบ่นปากเปียกปากแฉะแต่คชาภัทรก็ทำเพียงยิ้มระรื่นให้กับทั้งสามเท่านั้น
จะมีเพียงแค่พี่สาวของเขานี่แหละที่สามารถหยุดเด็กชายจนหัวทิ่มได้
อลิสรามีความเป็นผู้นำและมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมตามประสาลูกคนโต บวกกับบุคลิกที่ฉลาดหลักแหลม ชอบตามติดพ่อกับแม่ไปดูงานในสวนอยู่เป็นนิจ วนาลีและจุลพงศ์ถึงกับหมายมั่นปั้นมือฝากอนาคตของสวนผลไม้แห่งนี้ไว้กับลูกสาวคนโตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อรับรู้ถึงความยำเกรงที่น้องชายมีต่อเธอ อลิสราจึงไม่พลาดที่จะกำราบเขาทุกครั้งที่มีโอกาส เพียงแค่เธอเหลือบตามองหรือปรายตาดุใส่ คชาภัทรเป็นต้องสะดุ้งโหยง แข้งขาอ่อน ยอมนั่งหน้าหงออยู่นิ่ง ๆ ทุกครั้ง สร้างความประหลาดใจและขบขันให้กับพ่อและแม่เป็นอย่างยิ่ง
‘ไม่แปลกหรอก ตามธรรมชาติช้างกลัวผึ้งอยู่แล้ว แล้วนี่ก็ไม่ใช่ผึ้งธรรมดา เป็นนางพญาผึ้งเสียด้วย’ ยี่สุ่นพูดถึงความหมายชื่อของอลิสราด้วยความชอบใจ
เมื่อโดนพี่สาวลากคอเสื้ออออกจากบ้านแล้ว คชาภัทรก็ต้องทนหูแฉะฟังพี่สาวบ่นตลอดทาง
“ลูกผู้ชายคำสัญญาต้องสำคัญที่สุด” อลิสราเอ่ยประโยคที่จำมาจากละครโทรทัศน์เมื่อวานนี้
เขาไม่ได้สัญญา คชาภัทรเถียง แน่นอนว่าเป็นการเถียงในใจ
“นี่ออกมาช้ากว่าเวลานัดตั้งหลายนาที ไม่รู้น้องจะทำอะไรอยู่”
“ก็นอนอ้วนเหมือนเดิม” คราวนี้มาเป็นเสียง
อลิสราใช้ฝ่ามือตบเพียะไปที่กลางหลังของน้องชาย “น้องแค่อวบ” เธอแก้ตัวแทนน้องสาวสุดที่รัก
ไม่ทันที่คชาภัทรจะพูดเถียง สายตาพลันจ้องไปที่ร่างหนึ่งซึ่งกำลังนอนบนเสื่อใต้ต้นไม้ใหญ่ภายในบริเวณบ้านของสายเสียก่อน
“โอ๊ะ! อึ่งไข่”
“เผือก” อลิสราคล้อยตามอย่างหาได้ยาก
เพียะ!
“นี่แน่ะ นายว่าน้องเป็นอึ่งได้ยังไง ถุยน้ำลายเดี๋ยวนี้” เหมือนรู้ตัว อลิสรารีบซัดฝ่ามือไปที่ต้นแขนน้องชายอีกหนึ่งที
ทีเมื่อกี้ยังเห็นด้วย คชาภัทรบ่นในใจพร้อมกับเกาตรงจุดที่โดนตีไปด้วยก่อนจะเงยหน้ามองอึ่งไข่...เอ๊ย...มองที่รักที่กำลังนอนตะแคงอยู่บนเสื่อ
ภาพที่สองพี่น้องเห็นอยู่เบื้องหน้าคือเด็กหญิงวัยไม่เต็มสี่ขวบที่ร่างกลมขึ้นทุกวัน เธอกำลังนอนตะแคงหันหลังให้สองพี่น้อง โดยขาซ้ายที่อยู่ด้านบนได้ยกขึ้นเกี่ยวไว้กับแคร่ไม้เตี้ย ๆ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้า ส่วนขาขวาที่อยู่ติดกับเสื่อนั้นเหยียดตรงแนบยาวไปกับพื้นเสื่อ แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าเท้าอ้วน ๆ ข้างขวานั้นกำลังกระดิกไปมาตีกับพื้นเสื่อเป็นจังหวะอย่างอารมณ์ดีไปด้วย
การนอนตะแคงในท่านี้ของเธอส่งผลให้กระโปรงตัวเล็กที่เด็กหญิงสวมอยู่ได้เลิกขึ้นไปจนถึงเอวกลม ๆ เปิดโชว์ให้เห็นถึงกางเกงชั้นในลายการ์ตูนที่สวมอยู่ แล้วภาพอึ่งไข่นอนถ่างขากลางถ้วยต้มแซ่บที่แม่ชอบกินก็ค่อย ๆ ทับซ้อนเข้ามาในสายตาของคชาภัทรอย่างช่วยไม่ได้
“ช้างกับผึ้งเองหรือ” สายเดินออกมาเมียงมอง
สองพี่น้องยกมือไหว้โดยไม่ต้องรอให้ใครทวงถาม แม้จะเจอหน้าสายเกือบทุกวันแต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยลืมที่จะทำแบบนี้เลยสักครั้ง สร้างความพึงใจให้กับสายเป็นอย่างยิ่ง ริมฝีปากเธอจึงมีรอยยิ้มน้อย ๆ อยู่เสมอยามเมื่อเห็นทั้งคู่
“เข้าไปเล่นกับน้องได้เลย น้องตื่นได้ครู่ใหญ่แล้วแต่ยังงัวเงียอยู่ อีกเดี๋ยวคงสดชื่นขึ้น”
ไม่ทันขาดคำที่รักก็เริ่มกระดุกกระดิกตัวมากขึ้นก่อนจะค่อย ๆ พลิกตัวนอนหงายพร้อมกะพริบตาถี่ ๆ อยู่หลายทีจนรู้สึกได้ว่ามีใครกำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ
ที่รักส่งยิ้มกว้างให้อย่างดีใจ “พี่ผึ้ง จ๊าง”
อลิสรายิ้มกว้าง ขณะที่คชาภัทรหน้าบึ้งขึ้นทันตา
เรียกไม่ชัดไม่ว่า แต่คำว่าพี่หายไปไหน?
“พี่ช้าง” คชาภัทรเอ่ยเสียงขุ่น
“จ๊าง จ๊าง” ที่รักตอบกลับเสียงแจ๋ว
“พี่ช้าง” น้ำเสียงขุ่นขึ้นอีก
“จ๊าง” เด็กหญิงก็เริ่มขุ่นไม่แพ้กัน
“นายจะไปบังคับอะไรน้อง” ฝ่ายพี่สาวรีบเข้ามาห้ามทัพ
ดวงตาคมของคชาภัทรกับดวงตาเม็ดก๋วยจี๊ของที่รักสบกันดังเปรี๊ยะกลางอากาศอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่คชาภัทรจะค่อย ๆ ควักสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกง
หลังปลีกตัวออกมาจากโซนเด็กเล่นได้ พีรายุเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เขาเร่งฝีเท้าไปยังร้านเพชร สถานที่นัดหมายกับภรรยา ระหว่างนั้น ชายหนุ่มได้ยกกาแฟที่เริ่มเย็นชืดขึ้นดื่มด้วยภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีให้หลัง เขาได้เกิดอาการหน้ามืดจนเซถลาไปชนกับคนที่เดินอยู่บริเวณนั้น“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้ชายที่ถูกชนรีบประคองพาเขาไปนั่งพักตรงม้านั่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลพีรายุรีบโบกมือปฏิเสธพลางสูดหายใจเข้าลึก “น่าจะตาลายเพราะคนเยอะ ไม่เป็นอะไรมากครับแค่นั่งพักสักครู่ก็หาย ขอบคุณมากนะครับ”เมื่อเห็นว่าสีหน้าพีรายุค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดอีกครั้ง คน ๆ นั้นจึงวางใจและเดินจากไปพีรายุยังคงมีอาการมวนในท้องไม่หยุด เขานั่งหลับตานิ่งอยู่หลายนาที แล้วทันใดนั้นเอง“วรรณ!” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกวรรณารีออกมาเสียงดัง ดวงตาสอดส่ายไปมาโดยรอบอย่างสับสน ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมากดรับด้วยสีหน้าที่ยังไม่ดีขึ้น“สวัสดีครับ”“พีอยู่ไหนแล้วคะ จินนั่งรออยู่ที่ร้านเพชรนานแล้วนะ อย่าบอกนะคะว่าลืม จินไม่ยอมจริง ๆ ด้วย วันนี้ไ
“แม่จ๋า ไหนชุดโยคะ”“ไปหาซื้อชุดนักเรียนกับอุปกรณ์เรียนก่อน ส่วนชุดโยคะเอาไว้ทีหลัง” วันนี้วรรณารีพาที่รักมาหาซื้อชุดและอุปกรณ์การเรียน เนื่องจากเด็กหญิงจะเริ่มเข้าเรียนระดับชั้นอนุบาลในภาคการศึกษาหน้า ซึ่งนับแล้วเหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ก็จะเปิดเทอมแล้ววรรณารีพามาที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ เพราะที่นี่มีสวนสนุกขนาดใหญ่อยู่ด้านใน เธอตั้งใจจะพาลูกมาเล่นสนุกที่นี่เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจก่อนที่จะเปิดเทอม อลิสรา คชาภัทร และนับหนึ่งก็ตามมาด้วยส่วนเรื่องชุดโยคะนั้นเพราะที่รักต้องการเรียนเองเนื่องจากเห็นคชาภัทร อลิสรา และนับหนึ่งไปเรียนศิลปะการต่อสู้ทุกเสาร์อาทิตย์ที่ศูนย์กิจกรรมพิเศษใกล้บ้าน โดยคชาภัทรและนับหนึ่งเลือกเรียนมวยไทย ส่วนอลิสราเรียนเทควันโดเมื่อเห็นพี่ทั้งสามมีความสุขมากในการไปเรียนที่นั่น ที่รักก็อยากไปกับพี่ ๆ ด้วย แล้วไม่รู้เธอไปได้ยินมาจากไหนว่าการเรียนโยคะทำให้ผอมได้ เธอจึงมุ่งมั่นที่จะเรียนให้ได้ซึ่งวรรณารีเองก็ไม่ขัด สิ่งใดที่เป็นความปรารถนาของลูก เธอพร้อมที่จะสนับสนุนเสมอ“รีบไปซื้อแล้วก็กลับกันเลย ตอนเย็นจิ๊ดริดจะไปเรียน
“พี่ช้าง จิ๊ดริดผอมลงยัง” ที่รักร้องถามเมื่อเจอหน้าคชาภัทรสะดุดกึกและรีบกวาดตาสำรวจร่างป้อมที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยอัตโนมัติ ที่รักในวันนี้ใส่ชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนแขนกุด ทำให้เห็นแขนอวบขาวอมชมพูอย่างชัดเจน ประกอบกับใบหน้ากลมแป้นที่มีจุดเด่นตรงตาเรียวเล็ก แก้มแดงอมชมพูที่แสดงถึงความมีสุขภาพดีของเธอ ปลายนิ้วของเขาคันยิบขึ้นมาอีกครั้งด้วยอยากจิ้มแก้มนิ่ม ๆ เล่น แต่เมื่อนึกถึงแรงถีบของเธอที่เขาเจอมานับครั้งไม่ถ้วน คชาภัทรจำต้องสกัดความอยากของตัวเองลงอย่างยากเย็น“น้องถามทำไมไม่ตอบ” อลิสราหันมาเอ็ด “ตอบดี ๆ ล่ะ” แล้วก็กำชับเสียงเหี้ยมนับหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับเผยยิ้มออกมาคชาภัทรถอยห่างจากพี่สาวโดยสัญชาตญาณ เมื่อวานตอนค่ำเขาโดนสมาชิกในบ้านเล่นงานอยู่ไม่ใช่น้อย วันนี้ให้ตายอย่างไรก็จะไม่ทำอีกเด็ดขาดเด็กชายรุ่นพี่กวาดตาสำรวจร่างป้อมที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งและจ้องดูพุงที่กลมกว่าทุกวันก็ลอบถอนใจยาว“อืม ดูผอมลงนิดหน่อย” น้ำเสียงดูไม่เต็มปากนักที่รักลูบพุงตัวเองอย่างชอบใจ “วันนี้จิ๊ดริดกินข้าวน้อยกว่าทุกวัน”คชาภัทร
“จิ๊ดริดไม่สบายหรือลูก ทำไมเดินแบบนั้น” วรรณารีร้องถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นที่รักกำลังก้าวขาออกจากห้องนอนอย่างเชื่องช้าในเช้าวันต่อมา กว่าที่เธอจะก้าวเท้าสัมผัสพื้นแต่ละก้าวได้นั้นเล่นเอาคนเป็นแม่ยืนลุ้นจนใจหายใจคว่ำ“หนูไม่เป็นไข้” ที่รักบอกแม่เสียงเบา“ในเมื่อสบายดีแล้วทำไมหนูก้าวช้าแบบนั้น หรือว่าปวดขาปวดข้อตรงไหน”“หนูไม่ปวด”“งั้นก้าวขาเร็ว ๆ สิลูก ค่อย ๆ ย่างแบบนั้นเดี๋ยวเสียจังหวะหัวทิ่มได้นะ”“หนูจะเดินช้า ๆ”“ทำไมล่ะลูก”“จะได้ผอม” ที่รักตอบพร้อมกับค่อย ๆ ย่างเท้าซ้าย“ทำแบบนี้จะผอมได้ยังไง”“แม่ไม่ถามเดี๋ยวหนูอ้วน” ที่รักค่อย ๆ ย่างเท้าขวาต่อวรรณารียืนงงเป็นไก่ตาแตกที่รักซึ่งใช้เวลาสิบนาทีในการก้าวจากห้องนอนไปยังห้องครัวได้สำเร็จ เธอยกมือปาดเหงื่อที่แตกซ่กตรงหน้าผากด้วยสีหน้าสดชื่นแจ่มใสเป็นที่สุดแตกต่างจากสีหน้าของแม่และยายที่กำลังยืนมองดูเธออยู่แบบลิบลับ“ทำไมหนูเดินช้าล่ะลูก” วรรณารียังคงถามอย่างกังขา“หนูจะได้ไม่หิว”“ทำแบบนี้จะไม่หิวได้ยังไง” สายไม่เข
“จิ๊ดริด มาดูปลานี่เร็ว เยอะแยะเลย” อลิสราที่เนื้อตัวมอมแมมเพราะลงไปในคลองกับเขาด้วยได้เรียกหาที่รักทันทีที่ขึ้นจากน้ำที่รักก็ลุกไปหาทันทีที่พี่เรียก เปล่า...ไม่ใช่เธอเป็นเด็กดีอะไรหรอก เพียงแต่ละครภาคต่อที่ฟังอยู่มันจบตอนไปแล้วก็เท่านั้นเอง“เอาปลาขึ้นมาให้จิ๊ดริดดูเร็วเข้า ห้ามอุ๊บอิ๊บเอาไปซ่อนเด็ดขาด” อลิสราส่งเสียงเผด็จการให้กับทุกคนที่ช่วยจับปลาอยู่ในคลอง แม้แต่กับพ่อตัวเองก็ไม่เว้นนับหนึ่งกุลีกุจอลากกะละมังใบใหญ่มาตั้งเบื้องหน้าที่รัก และเดินไปแย่งถังใบเล็กที่ใช้ใส่ปลาจากมือแต่ละคนมาเทใส่กะละมังอย่างขมีขมัน เมื่อได้จากมือครบทุกคนแล้ว เขาก็ได้หันมายิ้มให้อลิสราอย่างเอาใจอลิสราใช้มือที่เปื้อนโคลนลูบศีรษะของนับหนึ่งอย่างอารมณ์ดี “ดีมาก” เธอเอ่ยชมสั้น ๆแม้คำชมจะสั้นแต่ก็ทำให้นับหนึ่งหน้าบานเป็นจานเชิงออกมา ขณะที่คชาภัทรได้แต่กลอกตามองบนจนตาแทบกลับ“ดิ้นดุ๊กดิ๊กเต็มเลย เอาไปปล่อยกัน มันจะได้ไม่ตาย” ที่รักตาเป็นประกายเมื่อเห็นปลาจำนวนมากทั้งน้อยใหญ่กำลังว่ายเบียดกันอยู่ในกะละมัง“เราเอามากิน เหนื่อยจับจะแ
“ทองแดงโลละสองร้อย ขวดใสโลละแปด กระดาษอ่อนโลห้าบาท กระดาษแข็งโลสามบาท”เสียงใสของเด็กหญิงวัยห้าขวบที่ยังพูดไม่ชัดนักเจื้อยแจ้วอยู่บริเวณหน้าร้านรับซื้อของเก่า เป็นภาพที่ชินตาสำหรับผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนี้เป็นอย่างดีไม่เพียงแค่ตะโกนบอกราคาเสียงใส ตัวเธอเองก็ไม่อยู่นิ่ง มือคอยขยับยกข้าวของที่มีลูกค้านำมาขาย จับแยกออกเป็นประเภทอย่างชำนาญเพื่อให้สะดวกต่อการชั่งน้ำหนักและคิดราคา แม้ข้าวของจะแลดูสกปรกในสายตาผู้คนทั่วไปแต่เด็กหญิงก็หารังเกียจไม่ ภาพนี้สร้างความรู้สึกเอื้อเอ็นดูให้กับลูกค้าที่เข้ามารับบริการเป็นอย่างยิ่ง“จิ๊ดริด อย่ายกของหนักนะลูก ให้ลุงหวินกับน้าโหน่งยกแทน” วรรณารีหันมาเตือนลูกสาวเป็นระยะ“จิ๊ดริดยกไหวจ้ะแม่จ๋า แม่ไม่ต้องห่วง” เด็กหญิงพูดตอบกลับไป“ไม่ได้นะลูก กระดูกหนูยังอ่อน ยกของหนักมากกระดูกจะเสียหายได้ แล้วหนูก็จะไม่สูงด้วยนะ”พอได้ยินคำว่าไม่สูง ที่รักรีบวางกองหนังสือที่มัดเรียงกันเป็นตั้งลงทันที ไม่ได้สิเรื่องความสวยความงามต้องมาที่หนึ่งที่รักจากแรกเกิด