วันสุดท้ายของแฟชั่นวีคที่จัดขึ้นในประเทศไทย นางแบบชั้นนำหลายสิบชีวิตมารวมกันอยู่ที่เวทีนี้เช่นเดียวกับดีไซน์เนอร์นับสิบคนที่ต่างก็มีชื่อเสียงและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล...
เมื่อต้องเริ่มนาทีทำงาน เมลิสาก็จะวางทุกเรื่องราวเอาไว้ได้ก่อนเสมอ... ครั้งนี้ก็เช่นกัน เสร็จจากงานเดินแบบสามวันนี้เธอตั้งใจจะหลบไปพักผ่อนต่างประเทศสักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะจัดการคิวงานให้ลงตัวได้หรือยัง...
ผู้ช่วยผู้กำกับเวทีร้องเรียกนางแบบคิวต่อไป เมลิสาเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเฉิดฉายสมกับที่เป็นนางแบบค่าตัวราคาแพง แน่นอนว่าชุดฟินาเล่ของวันนี้ก็เป็นเธอที่เป็นคนสวมใส่... เมลิสาเปลี่ยนชุดและออกไปเดินโชว์เสื้อผ้าอยู่อีกหลายชุดจนกระทั่งถึงชุดสุดท้าย เสียงปรบมือกึกก้องให้กับดีไซน์เนอร์คนเก่งโดยมีเมลิสาที่สวมใส่ชุดของเขายืนโพสท่าอยู่ชิดใกล้...แสงไฟแฟลชวูบวาบไปหมด...
เมลิสามองไปรอบๆ ด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วก็ประสานสายตาเข้ากับเขา...
เลออง...!
เขานั่งอยู่แถวหน้าของวีไอพี พยักหน้าทักทายเธอเล็กน้อย เมลิสาสูดลมหายใจลึก...พยายามตั้งสติให้อยู่กับงาน รอจนเดินกลับเข้าหลังเวทีไปเธอจึงรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและออกมาข้างนอก แต่แทบไม่ต้องมองหาเขาเพราะเลอองมารอท่าอยู่หน้าห้องแต่งตัวแล้ว...
"คุณดูดีมากนะครับตอนอยู่บนเวทีนั่น การเดินของคุณทำให้เสื้อผ้าดูดีขึ้นมากทีเดียว"
"มันเป็นหน้าที่ของนางแบบค่ะ..."
เมลิสาตอบ แววตายังตื่นที่ได้พบเขาโดยไม่คิดฝัน
"เสร็จจากงานนี้แล้ว คุณคงจะเหนื่อยมาก..."
"ก็...ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ มันเป็นงานของเม เมชินแล้ว...ว่าแต่คุณเลอองมาดูแฟชั่นโดยเฉพาะเลยหรือคะ สองวันแรกเมไม่เห็นคุณเลย"
"ผมเพิ่งหาเวลาว่างได้น่ะครับ วันนี้เป็นวันสุดท้าย คิดว่ายังไงก็ต้องหาเวลามาให้ได้..."
เลอองตอบ เมลิสาอยากถามว่าทำไม...แต่ไม่กล้าพอ แต่เลอองก็อ่านใจเธอออกตามเคย
"ผมมาเพราะอยากจะมาเชิญคุณเมลิสาด้วยตัวเอง..."
"เชิญเม...?"
"ใช่ครับ ผมกำลังจะไปทำธุระที่บูดาเปสต์สองสามวัน ไม่ว่าคุณเมพอมีเวลาว่างไปเที่ยวกับผมหรือเปล่า..."
เมลิสาแทบจะกลั้นเสียงกรี๊ดไว้ไม่ทัน...
"ไม่ปฏิเสธก็เป็นอันว่าตกลงนะครับ"
"ตกลงค่ะ ตกลง"
* * * * *เลอองสั่งจองห้องที่วิวดีที่สุดเท่าที่โรงแรมห้าดาวแห่งนี้จะจัดสรรให้ได้ และเขาก็สมใจเมื่อได้ห้องที่หันหน้าเข้าสู่ชายหาดขาวสะอาด กว้าง สะดวกสบายและเป็นส่วนตัว
เป็นส่วนตัว...คือสิ่งที่เขาและเธอต้องการที่สุดยามนี้
“คุณสวยจนผมตะลึงรู้ไหม...เมลิสา”
เลอองเอ่ยขึ้นพลางชูแก้วไวน์ขึ้นเล็กน้อยให้เธอ หลังดินเนอร์ที่แสนโรแมนติกในห้องส่วนตัว เขาพาเธอมานั่งชมวิวทะเลอยู่บนระเบียง เมลิสาอิงแอบแนบชิดอยู่กับร่างสูงใหญ่ของเขาที่เอนหลังในท่าผ่อนคลาย...
การเดินทางมาด้วยกันตามลำพังในครั้งนี้ เพียงแค่สบตาทั้งคู่ก็รู้ว่าต้องการอะไร ความเป็นพิธีรีตองระหว่างลูกค้ากับนางแบบถูกโยนทิ้งไปเหลือเพียงหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ต่างก็ดึงดูดในกันและกันอย่างถึงที่สุด
“แต่ก็คงสวยสู้หลายคนที่คุณเคยรู้จักไม่ได้”
“ผมไม่เคยคิดเปรียบเทียบใครกับใคร แต่ถ้าต้องให้เลือกจริงๆ คุณก็รู้ว่าผมเลือกคุณ...”
เลอองยกแขนโอบเธอไว้ มือลูบไล้หัวไหล่เปลือยที่นวลเนียน เมลิสาเบียดตัวใกล้เข้าไปอีก รู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายกำลังระอุทั้งที่อากาศก็เย็นสบาย...
“คุณเลือกเมแค่ในเรื่องงานเท่านั้นเองแหละค่ะ”
“เรื่องส่วนตัวผมก็เลือกคุณ ตอนนี้ผมมีคุณคนเดียว”
เมลิสารู้ว่าเลอองไม่ได้โกหก และทั้งคู่ก็คุยกันแล้วว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ต่างจะให้อิสระต่อกัน จะไม่มีการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
เมลิสาแทบไม่ได้ฟังที่เขาพูด เธอมัวแต่จ้องตาเขาและเผลอยกมือขึ้นลูบไล้ปลายคางสาก วินาทีถัดมาเธอก็โผเข้าหาเขา โน้มท้ายทอยเขาลงมารับจูบของเธออย่างหิวกระหาย ราวกับชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ เขารีบวางแก้วไวน์ลงอย่างไม่แยแสว่ามันจะหกหรือตกแตกและตวัดรัดร่างผอมบางของเธอให้แนบชิดสนิทกับเรือนร่างกำยำ
“คุณเลออง ช่างพรุ่งนี้เถอะค่ะ วันนี้เมมีคุณอยู่ด้วยก็พอแล้ว”
เมลิสากระซิบเสียงสั่นพร่า เลอองหัวเราะในลำคออย่างพึงใจ ก่อนจะผลักดันร่างของหญิงสาวตรงไปที่โซฟาตัวยาวกลางห้องโดยที่ลิ้นและฝ่ามือไม่หยุดพันตูกันแม้แต่น้อย
เมลิสาครางอย่างคนที่อัดอั้นมานานเมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวสอดเข้าใต้ชายกระโปรงที่บัดนี้ถูกดึงร่นมาสูงถึงหน้าขา มือร้อนตรงเข้าสำรวจดินแดนเร้นลับที่ปกปิดไว้เพียงชั้นในลูกไม้เบาบาง เมื่อแผ่นหลังกึ่งเปลือยสัมผัสกับความเย็นของโซฟา เมลิสาโน้มร่างชายหนุ่มให้ตามติดลงมาและสองขาเรียวยาวก็ยกตระหวัดเกี่ยวรัดเอวเขาไว้อย่างรู้งาน...
“เดี๋ยวนี้เลยได้ไหมคะ”
เมลิสาขอร้องแกมสั่ง เสียงกระท่อนกระแท่นด้วยแรงปรารถนา
“ใจร้อนจังเลยคนสวย”
“ได้โปรด เดี๋ยวนี้”
เธอแอ่นสะโพกหาเขาอย่างร้อนแรง เธอฝันถึงชายคนนี้มาหลายคืนหลายสัปดาห์ติดต่อกันจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน และนาทีนี้สิ่งแรกที่เธอต้องการคือให้เขาเติมเต็มเธอโดยเร็วเพื่อลบพิษปรารถนาที่แผดเผาเธออยู่
“ก็ได้ ถ้าคุณต้องการอย่างนั้นผมจะตามใจ”
เลอองกระซิบบอกเสียงแหบพร่าพอกัน เขาสอดมือลงไปปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงของตัวเอง เลื่อนมันลงต่ำเพียงเล็กน้อยเพื่อปลดปล่อยกล้ามเนื้อที่กำลังพองใหญ่ดุดัน นิ้วเรียวยาวสำรวจร่างกายของหญิงสาวและพบมันพร้อมอยู่แล้วสำหรับเขา
เมลิสากรีดร้องเสียงยาวเมื่อความกำยำร้อนผ่าวของเขาสอดลึกเข้าสู่กายเธอ แต่เธอยังไม่พอใจ แอ่นกายบดเบียดร่างแกร่งนั้นอย่างเรียกร้อง ชายหนุ่มเริ่มขยับกายสอดรับและรุกอย่างเนิบช้าในตอนแรกและทวีความรุนแรงมากขึ้นตามความต้องการของหญิงสาว เมลิสาจิกเล็บยาวลงบนสะโพกแข็งแรงของเขาราวกับไม่หนำใจกับแรงจังหวะที่เขาถาโถมเข้าใส่ แต่มีหรือที่ชายหนุ่มชำนาญรักอย่างเลอองจะยอมเสียเชิง เขาเพิ่มความหนักหน่วงและถี่กระชั้นจนนางแบบสาวหัวสั่นหัวคลอนและร่ำร้องแต่ชื่อของเขาออกมาด้วยน้ำเสียงขาดห้วงราวสัตว์ป่าที่เจ็บปวดกำลังร้องขอความเมตตาให้พรานหนุ่มปลดปล่อยออกจากความทรมานอันนี้
พรานหนุ่มรู้แล้วว่ามันใกล้ถึงเวลาเมื่อกวางป่าแสนสวยเริ่มนัยน์ตาพร่าพรายและพร่ำเรียกชื่อของเขาสลับเสียงแห่งความกระสันรัญจวนที่ระงับไว้อีกไม่ได้ เขากัดฟัน คำรามห้าวอยู่ในอก มือยึดสะโพกบอบบางนั้นไว้เพื่อเพิ่มแรงกระชั้นเข้าใส่อีกในระลอกสุดท้าย
จนกระทั่งเมลิสาหวีดร้องออกมาอย่างสุดกลั้น พร้อมกับหยาดหยดแห่งความใคร่ของทั้งสองทะลักล้นเปรอะเปื้อน สนามรบบนโซฟาที่ร้อนฉ่าเป็นไฟจึงคลี่คลายลงเหลือเพียงเสียงหอบหายใจที่แสนเหนื่อยอ่อน
“อีกครั้งได้ไหมคะ”
เมลิสาอ้อนวอนอย่างลืมอาย เลอองเลิกคิ้ว และเมื่อเห็นสายตาฉ่ำปรือราวกับคนเป็นไข้ที่กำลังจะตายเพราะถูกไฟฟรารถนาแผดเผา เขาก็รู้ทันทีว่าค่ำคืนนี้ยังอีกยาวนาน...
“ช่วงนี้พี่อั๋นก็งานยุ่งมากเลยสินะคะ”“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วลิลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”“ลิลก็เรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำดู”“ฮ้า...จริงหรือเปล่า หมายถึงงานใหม่หรือ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ พี่อั๋นอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ห้ามเด็ดขาดเลย”“ได้สิ เรื่องของลิล พี่ไม่บอกใครหรอก”แววตาคมจ้องมองมาตรง ๆ และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนแรกหญิงสาวก็ยิ้มขอบคุณแต่วินาทีต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่าอรรณพมองเธอด้วยสายตาวาววามแปลก ๆ“ลิล สุดสัปดาห์นี้พอจะว่างบ้างมั้ย พวกพี่กับเพื่อนจะไปปาร์ตี้วันเกิดกันที่หัวหิน แต่พี่ไม่อยากไปคนเดียว กำลังหาเพื่อนไปด้วย”ลลิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร“อย่าคิดมากนะ พี่แค่หาคนไปด้วยจะได้ไม่เหงา พวกเพื่อน ๆ มันก็ควงแฟนกันไปหมด พี่ยังไม่มีใคร ไปคนเดียวก็ตะหงิด ๆ เราจะอยู่ในงานกันสักพักก็ได้ แล้วถ้าลิลอยากไปเที่ยวหรือไปกินอะไรเป็นพิเศษ พี่ค่อยพาไป...”อรรณพมองลลิลอย่างคาดหวัง จะว่าไปเขาก็เลียบเคียงหญิงสาวมานานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้ตัว เห็นทีหนนี้ต้องแสดงออกไปให้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าเขาสนใจเธอ“คือว่าลิล...”“อ้าว! คุณ...มาอยู่นี่นี่เอง คุณดาด้าเขาตามหาคุณอยู่น่ะ”เสียงดังทร
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”“ไม่คิด แต่ก็ทำอยู่”“แต่ผู้หญิงทุกคนรวมถึงคุณเมลิสา ต่างก็คบกับผมโดยที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีใครเอาเปรียบใคร มันเป็นข้อตกลงของเราสองคน”“คุณพูดเหมือนไม่เคยรักใคร เพราะถ้าคุณรักใครคุณก็คงจะเข้าใจว่าทำไมฉันบอกว่าคุณใจร้าย”เลอองหัวเราะอีก“ความรักน่ะหรือ...ไร้สาระน่า คุณนี่ไร้เดียงสากว่าที่ผมคิดอีกนะ”“ความรักเป็นเรื่องไร้สาระงั้นหรือคะ”“ก็ไม่เชิง...แค่ผมไม่สนใจ”ลลิลแสร้งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มองเขาเหมือนเห็นใจอย่างสุดซึ้ง“ฉันสงสารผู้หญิงของคุณจังเลย ที่ต้องคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักความรัก เพราะผู้หญิงพวกนั้นก็คงจะไม่มีวันได้รับความรักจากคนอย่างคุณ”เลอองยังยิ้ม แต่แววตากระด้างขึ้น เขาชะโงกหน้ามากระซิบ“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่คบหากับผมเขาต้องการความรัก...สิ่งที่ผมให้กับพวกเธอเหล่านั้นมันสำคัญแล้วก็...เร้าใจ...ยิ่งกว่าความรักเสียอีก ถ้าพูดขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เข้าใจ ไว้สักวันผมจะสาธิตให้ดูเอาไหมล่ะว่าอะไรที่มันน่าสนใจกว่าความรักเพ้อ ๆ ที่คุณว่ามานั่น”ลลิลอึ้ง เขาจงใจกวาดสายตามองเธอเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปในเนื้อผ้า“ทุเรศ น่ารังเกียจ!”“ไม่เคยมีใครบอกว่
ลลิลเกริ่นเรื่องหางานใหม่กับมาลินี...และดูว่าแม่ของเมลิสาจะยินดีกับข่าวนี้เป็นอันมากเพราะคิดแล้วว่าผู้ช่วยคนใหม่ อย่างไรก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้ถูกกว่าที่จ่ายให้ลลิลแน่ ๆ“ไว้แกรอให้ฉันหาคนใหม่มาให้ลูกเมได้ก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยลาออกไป...”“ได้ค่ะคุณมาลินี”“ว่าแต่แกจะไปทำมาหากินอะไร มีงานใหม่ที่ไหนแล้วหรือ”“ยังหรอกค่ะ...ไว้คุณมากับคุณเมหาคนใหม่ได้แล้ว ลิลค่อยมองหางานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”“ก็ดี...”มาลินีตอบสั้น ๆ ระยะเวลายาวนานที่หญิงสาวคนนี่้รับใช้ครอบครัวของเธอมาไม่ได้ทำให้เกิดความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ลลิลนึกน้อยใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าดีแค่ไหนแล้วที่คิดจะออกจากบ้านหลังนี้ เพราะคงไม่มีใครนึกเห็นคุณค่าในตัวเธอขึ้นมาได้แม้จะอยู่ไปจนตายก็ตามแม้แต่เมลิสาเมื่อได้ทราบว่าลลิลอาจจะลาออกในไม่ช้า ก็ยังไม่แม้แต่พูดจารั้งไว้ เพราะเธอกำลังคลั่งไคล้ใหลหลงอยู่กับเลอองจนไม่สนใจเรื่องอื่น...ชีวิตของผู้หญิงอย่างลลิลนี่มันช่างต่ำต้อยจนหาคนมาใยดีไม่ได้เลยจริง ๆ...* * * * *นิตยสารรับสมัครงานเล่มโตถูกกางเต็มโต๊ะเล็ก ๆ ในร้านกาแฟหอมกรุ่นแห่งนั้น ลลิลกำลังนั่งเปิดพลิกทีละหน้าอย่างพินิจพิ
“ดูคุณยังเป็นกังวลนะ เลออง”โรเบิร์ตเอ่ยเสียงเรียบหลังจากสังเกตเห็นว่าตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมาในเวลาเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สลับถอนหายใจหนัก ๆ เป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่า...”“ขอบคุณมากครับลุง เรื่องนั้นผมวางใจลุงเสมอ”เลอองชิงบอกก่อน“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณกลุ้มอกกลุ้มใจมากขนาดนี้”“มัน...ชัดเจนมากเลยหรือครับ”“พอสมควร”เลขาฯ วัยหกสิบเลื่อนสมุดปกหนังไปอีกทาง และประสานมือใต้คาง เป็นกริยาที่เขามักทำเวลาจะตั้งใจรับฟังเรื่องที่สำคัญของเลอองท่าทางแบบนี้ทำให้เลอองไว้ใจโรเบิร์ตมาเสมอ แต่แปลก...ครั้งนี้เขากลับลังเลที่เอ่ย“คือ...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”เลอองเกริ่น ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลลิลฉีกเช็คที่เขามอบให้เธอให้โรเบิร์ตฟังคนเป็นเลขาฯ ปล่อยให้เจ้านายเล่าจนจบ นึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเลอองเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาเป็นกังวลแต่ก็ไม่เอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ออกไปได้แต่ออกความเห็นอย่างเป็นกลาง“คุณผู้ช่วยคนนั้น เธออาจนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณด้วยวิธีนั้น"“ผมไม่ได้คิดจะดูถูกเธอแม้
วินาทีถัดมานาตาเลียก็ถูกรวบตัวโดยบอดี้การ์ดร่างใหญ่อีกสองคนที่สมทบมาติด ๆ ขวดแก้วในมือเธอร่วงหล่นแตกกระจาย แต่ของเหลวข้างในนั้นถูกสาดออกไปหมดแล้ว“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบถามลลิลที่ยังยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น...ลลิลไม่ทันตอบได้แต่ก้มดูแขนของตัวเองที่เริ่มแสบเป็นรอยแดง...ครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน* * * * *นาตาเลียเอาแต่นั่งร้องไห้เมื่อถึงมือตำรวจ นางแบบสาวสารภาพว่าติดยากล่อมประสาทจนพักหลังทำงานไม่ค่อยได้ทำให้ไม่ค่อยมีงานเข้ามาเหมือนแต่เคย รวมกับอีกหลาย ๆ เรื่องก็ทำให้เธอเครียดจนไม่รู้ว่าทำมันไปได้อย่างไร เธอสารภาพว่าตั้งใจจะเอาน้ำกรดไปสาดใส่ผู้หญิงคนใหม่ของเลออง ก็คือเมลิสาไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่คนที่รับเคราะห์นั้นไปแทนคือผู้ช่วยของเมลิสา...ก็คือลลิล แต่อาจเป็นโชคดีของนาตาเลียก็ได้ เพราะถ้าเมลิสาบาดเจ็บแม้เพียงปลายเส้นผม รับรองว่าเธอคงจะโดนฟ้องชนิดไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลอองพาเมลิสาไปนั่งสงบสติอารมณ์ และคุยกับเธออยู่นาน กว่าจะออกมาบอกว่าเมลิสาและเขาจะไม่แจ้งความ และฝากให้มือขวาอย่างโรเบิร์ตจัดการเรื่องให้จบโดยเงียบ
“นาตาเลีย... ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกที่นี่”คิ้วเข้มของเลออง เดอ วีแลล ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยตอนที่โรเบิร์ตบอกว่านางแบบสาวชาวรัสเซีย อดีตคู่นอนคนล่าสุดของชายหนุ่มมาขอพบเป็นการส่วนตัวเลอองแปลกใจเพราะคิดว่าหญิงสาวกลับบ้านที่รัสเซียหรือไม่ก็กลับไปทำงานที่ฝรั่งเศสต่อเพราะโมเดลลิ่งต้นสังกัดของหญิงสาวอยู่ที่ปารีส แต่ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาเมืองไทยเพื่อตั้งใจมาหาเขาแบบนี้นาตาเลียยิ้มหวาน แว่นตากันแดดอำพรางอยู่เกือบครึ่งใบหน้า เธอหวังว่าเขาจะชวนเธอขึ้นไปพบบนห้องพักชั้นพิเศษ...ห้องที่เธอกับเขาเคยมีกิจกรรมที่เร่าร้อนต่อกัน... แต่โรเบิร์ตกลับบอกว่าเลอองสั่งให้เธอมารอที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้วเขาจะลงมาหาเอง แม้จะเป็นห้องรับรองแขกระดับวีไอพี...แต่สำหรับคนที่เคยนอนบนเตียงเดียวกับเลออง เดอ วีแลล มาแล้วด้วยซ้ำ การกระทำเช่นนี้ก็บอกได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอเหลือเพียงอะไร“ช่วงนี้ฉันพอจะมีเวลาว่างค่ะ ก็เลยกลับมาพักร้อนที่เมืองไทย ทราบว่าช่วงนี้คุณก็ยังทำงานอยู่ที่นี่ ยังไม่ได้ไปที่อื่น ก็เลย...เอ่อ...อยากแวะมาหา...ฉันคิดถึงคุณค่ะ”&ldquo
ทีมงานแทบทุกคนในเช้าวันนั้นต้องอ้าปากค้างกันถ้วนหน้าเมื่อเห็นแลมโบกินีสีขาวแล่นทะยานมาจอดริมหาดส่วนตัวที่กำลังถูกเซ็ตเป็นสถานที่ถ่ายแฟชั่นของวันนี้ไม่ใช่เพราะรถหรูที่ทำให้ตกตะลึง แต่เป็นเพราะคนที่ก้าวลงจากรถคือชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไปในวงสังคมและอีกนางหนึ่งก็คือนางแบบคนดังเจ้าของเซ็ตแฟชั่นของวันนี้“เสร็จงานแล้วโทรหาผมนะ ผมจะมารับ”“ขอบคุณค่ะ”เมลิสาส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มกลับไปให้“หนูเม๊...”ศักดารัณส่งเสียงแหลมปรี๊ดปรี่เข้ามาหาทันทีที่แลมโบกินีสีขาวคันนั้นแล่นจากไป เมลิสาหยิบแว่นตาดำอันใหญ่ขึ้นสวมและวางสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนใกล้ชิดอย่างผู้จัดการส่วนตัวย่อมดูออก นางแบบสาวดูอิ่มอกอิ่มใจและมีความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“ต๊าย...ขอพักร้อนแค่ไม่กี่วัน ก้าวหน้ากว่าที่คิดนะคะเนี่ย”“ไม่มีอะไรสักหน่อยค่ะพี่ดาด้า ก็แค่...คุยกัน”“คุยเรื่องอะไรแล้วคุยกันท่าไหนหรือคะ ถึงกับต้องมาส่งกันแต่เช้าตรู่แบบไม่ยอมให้ตัวอยู่ห่า
วันสุดท้ายของแฟชั่นวีคที่จัดขึ้นในประเทศไทย นางแบบชั้นนำหลายสิบชีวิตมารวมกันอยู่ที่เวทีนี้เช่นเดียวกับดีไซน์เนอร์นับสิบคนที่ต่างก็มีชื่อเสียงและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล...เมื่อต้องเริ่มนาทีทำงาน เมลิสาก็จะวางทุกเรื่องราวเอาไว้ได้ก่อนเสมอ... ครั้งนี้ก็เช่นกัน เสร็จจากงานเดินแบบสามวันนี้เธอตั้งใจจะหลบไปพักผ่อนต่างประเทศสักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะจัดการคิวงานให้ลงตัวได้หรือยัง...ผู้ช่วยผู้กำกับเวทีร้องเรียกนางแบบคิวต่อไป เมลิสาเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเฉิดฉายสมกับที่เป็นนางแบบค่าตัวราคาแพง แน่นอนว่าชุดฟินาเล่ของวันนี้ก็เป็นเธอที่เป็นคนสวมใส่... เมลิสาเปลี่ยนชุดและออกไปเดินโชว์เสื้อผ้าอยู่อีกหลายชุดจนกระทั่งถึงชุดสุดท้าย เสียงปรบมือกึกก้องให้กับดีไซน์เนอร์คนเก่งโดยมีเมลิสาที่สวมใส่ชุดของเขายืนโพสท่าอยู่ชิดใกล้...แสงไฟแฟลชวูบวาบไปหมด...เมลิสามองไปรอบๆ ด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วก็ประสานสายตาเข้ากับเขา...เลออง...!เขานั่งอยู่แถวหน้าของวีไอพี พยักหน้าทักทายเธอเล็กน้อย เมลิสาสูดลมหายใจลึก...พยายามตั้
ข่าวการเซ็นสัญญาของเมลิสากับแกรนด์ไดมอนด์เป็นข่าวใหญ่ทั้งหนังสือพิมพ์บันเทิงและธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อมีชื่อของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างมิสเตอร์วีแลลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนที่ดีใจที่สุดนอกจากเมลิสาเองก็ไม่พ้นมาลินีและศักดารัณผู้จัดการส่วนตัวที่จะได้ส่วนแบ่งมหาศาลจากการรับงานครั้งนี้แต่เมลิสาไม่ได้ใส่ใจตัวเลขเลย ใครจะรู้ว่าเธออาจจะยอมรับทำงานนี้แบบไม่คิดค่าตัวด้วยซ้ำ ขอเพียงแต่...ใบหน้าหล่อเหลาของเลอองผุดวาบขึ้นมา เมลิสาไม่กล้าจินตนาการต่อ แต่พยายามมุ่งมั่นรวบรวมสมาธิต่อไประหว่างถ่ายแบบ“คุณแม่คิดเหมือนพี่คุณดาหรือเปล่าคะ ว่าหมู่นี้ราศีคุณน้องเมนี่เจิดจรัสมาก และดูเปล่งประกายระยิบระยับอย่างไรชอบกล”“ก็แน่สิจ๊ะดาด้า ถ้าไม่เด่นไม่เริ่ด แล้วน้องเมของเราจะได้งานนี้หรือ”มาลินีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ หล่อนมัวแต่ดีใจกับตัวเลขและเงื่อนไขในสัญญาจนลืมที่จะสังเกตว่าลูกสาวเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ศักดารัณเท่านั้นที่ตาไวดูออกว่ามีอะไรแปลก ๆ แต่เขาก็บอกไม่ถูกว่าเธอเปลี่ยนไปอย่างไร“เยี่ยม สวยมากครับ สวยมาก”ช่างภาพอันดับหนึ่งของเมืองไทยกล่าวชมไม่ขาดปากเมื่อยามที่เมลิสาโพสต์ท่าหน้ากล้อง เขาเคยถ่ายภาพให้เมลิสามา