ข่าวการเซ็นสัญญาของเมลิสากับแกรนด์ไดมอนด์เป็นข่าวใหญ่ทั้งหนังสือพิมพ์บันเทิงและธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อมีชื่อของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างมิสเตอร์วีแลลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนที่ดีใจที่สุดนอกจากเมลิสาเองก็ไม่พ้นมาลินีและศักดารัณผู้จัดการส่วนตัวที่จะได้ส่วนแบ่งมหาศาลจากการรับงานครั้งนี้
แต่เมลิสาไม่ได้ใส่ใจตัวเลขเลย ใครจะรู้ว่าเธออาจจะยอมรับทำงานนี้แบบไม่คิดค่าตัวด้วยซ้ำ ขอเพียงแต่...ใบหน้าหล่อเหลาของเลอองผุดวาบขึ้นมา เมลิสาไม่กล้าจินตนาการต่อ แต่พยายามมุ่งมั่นรวบรวมสมาธิต่อไประหว่างถ่ายแบบ
“คุณแม่คิดเหมือนพี่คุณดาหรือเปล่าคะ ว่าหมู่นี้ราศีคุณน้องเมนี่เจิดจรัสมาก และดูเปล่งประกายระยิบระยับอย่างไรชอบกล”
“ก็แน่สิจ๊ะดาด้า ถ้าไม่เด่นไม่เริ่ด แล้วน้องเมของเราจะได้งานนี้หรือ”
มาลินีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ หล่อนมัวแต่ดีใจกับตัวเลขและเงื่อนไขในสัญญาจนลืมที่จะสังเกตว่าลูกสาวเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ศักดารัณเท่านั้นที่ตาไวดูออกว่ามีอะไรแปลก ๆ แต่เขาก็บอกไม่ถูกว่าเธอเปลี่ยนไปอย่างไร
“เยี่ยม สวยมากครับ สวยมาก”
ช่างภาพอันดับหนึ่งของเมืองไทยกล่าวชมไม่ขาดปากเมื่อยามที่เมลิสาโพสต์ท่าหน้ากล้อง เขาเคยถ่ายภาพให้เมลิสามาก่อนแล้วแต่เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้หญิงสาวดูสวยและมีเสน่ห์มากขึ้น ราวกับว่ากำลังมีความรัก
มีเพียงเมลิสาเท่านั้นที่รู้ว่ามันไม่ใช่ความรัก แต่มันเป็นความทรมานจากความคะนึงหา เพราะตั้งแต่ได้ดินเนอร์วันนั้นเธอก็ยังไม่มีโอกาสได้พบกับเขาอย่างเป็นส่วนตัวอีกเลย
นางแบบสาวคิดว่าตัวเองได้ตกหลุมรักเลอองไปเรียบร้อยแล้ว ตกบ่วงเสน่ห์ของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และไม่ว่าเขาจะเป็นเทพบุตรหรือซาตานเธอก็รอให้เขามาอุ้มเธอไปให้พ้นจากความโหยหาที่ทรมานเธออยู่
หลังงานถ่ายแบบของแกรนด์ไดมอนด์เสร็จสิ้นลง รอเพียงเปิดตัวโฆษณาสู่สาธารณะอย่างเป็นทางการ เมลิสา พอร์ตแมน ก็รู้สึกเหมือนคนกำลังอกหัก เพราะไม่มีวี่แววว่ามิสเตอร์เดอ วีแลล จะติดต่อกลับมาอีก
และเธอก็ไม่กล้าหรือบ้ามากพอจะเป็นฝ่ายติดต่อกลับไปหาเขา...
"พี่ด้า งานเดินแบบแฟชั่นวีคที่จะถึง พี่ด้าช่วยแคนเซิลให้หน่อยได้ไหม"
เมลิสาบอกอย่างหมดอาลัยตายอยากเมื่อเสร็จสิ้นงานถ่ายแบบอีกชิ้นหนึ่งในเย็นวันนั้น
"อุ๊ย...ทำไมล่ะคะ เกิดอะไรขึ้นคะน้องเม"
"เม...รู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะ แทบไม่ได้พักผ่อนเลยพี่ด้าก็รู้"
เมลิสาหาข้ออ้าง ศักดารัณเขม้นมองอย่างสงสัย
"ไปหาหมอดีไหมคะ เผื่อจะได้วิตามงวิตามินมากิน"
"เมมีวิตามินของเมอยู่แล้วล่ะค่ะ...แต่เม...ไม่มีอารมณ์จะเดินแบบ อย่าถามนะคะว่าเพราะอะไร เอาเป็นว่าเมไม่มีอารมณ์ก็แล้วกัน"
ศักดารัณส่ายหน้า
"น้องเมของพี่ไม่เคยเป็นแบบนี้นี่คะ เมเป็นมืออาชีพมาก ๆ ไม่เคยงอแงหรือเกเรอะไรสักครั้งเลยนะ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้น้องเมยังเป็นนางแบบเบอร์ต้น ๆ ของเอเชียไงคะลูก เพราะอย่างนั้น ถ้าหนูยังไม่เป็นอะไรมากก็ต้องบังคับกายและใจกลับไปเดินบนเวทีให้ได้ ถ้าจะไม่สบายจริง ๆ ก็ให้มันล้มไปกลางรันเวย์นั่นล่ะ คนเขาจะได้รู้ว่าเราไม่ไหวจริง ๆ ไม่ใช่แค่ป่วยการเมือง"
นางแบบสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างอึดอัด สีหน้าฮึดฮัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่เถียงเพราะรู้ว่าผู้จัดการส่วนตัวพูดถูกทุกอย่าง
เมื่อเห็นเธอไม่โต้มาว่ากระไร ศักดารัณจึงเอ่ยต่ออย่างอ่อนโยนและใจเย็น
"เชื่อพี่ด้าเถอะนะคะ ไม่ว่าหนูจะกำลังเบื่อเซ็งเรื่องอะไรอยู่ก็ตามที แต่หนูต้องไม่ลืมว่าเมลิสา พอร์ตแมน นางเอกสุดฮอตแห่งศตวรรษนี้ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง...แค่สามวันเองค่ะ ทน ๆ เอาหน่อยนะ แป๊บ ๆ งานก็เสร็จแล้ว"
"ก็ได้ค่ะ เมไม่เบี้ยวแล้วก็ได้..."
นางแบบสาวกลั้นใจตอบ
"ดีมากเลยค่ะ ว่าแต่...มีอะไรจะบ่นหรือระบายกับพี่มั้ยคะ เรื่องอะไรกันน้า...ที่ทำให้เมลิสาผู้สง่างามของพี่เกิดมีอาการแบบนี้ได้..."
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ด้า...ก็แค่อยากพักผ่อนบ้างเท่านั้น คงเพราะทำแต่งานมากเกินไป"
"ถ้าอย่างนั้นเสร็จจากงานแฟชั่นวีค หนูเมก็ไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้างสิคะ คราวก่อนบ่นว่าอยากไปเที่ยวมัลดีฟส์ไม่ใช่หรือ..."
ศักดารัณเสนอไอเดีย
"ก็ดีค่ะ ไว้เมจะคิดอีกทีก็แล้วกัน"
เมลิสาตอบอย่างขอไปที...
ลลิลกำลังจัดเรียงเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวของเมลิสาเข้าตู้ ตอนที่ศักดารัณเดินขึ้นมาหาที่ห้องเก็บเสื้อผ้าส่วนตัวของนางแบบสาว "ลิล หมู่นี้น้องเมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทะเลาะอะไรกับคุณแม่หรือเปล่า"ลลิลสีหน้าแปลกใจ
"ไม่นะคะพี่ด้า คุณเมกับคุณมาลินี อาจจะคิดเห็นไม่ตรงกันบ้างก็จริง แต่ก็ไม่เคยทะเลาะกันหรอกค่ะ"
"นั่นสินะ คุณมาลินีน่ะทูนหัวทูนเกล้าลูกสาวตัวเองออกจะตายไป"
ศักดารัณพึมพากับตัวเอง
"แล้วเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่มีเหรอ ที่พี่ถามไม่ใช่อะไรหรอก แต่จู่ ๆ ยัยเมบ่นว่าขี้เกียจไปทำงาน อยากจะให้พี่แคนเซิล ลิลก็รู้นี่ใช่ไหมว่าเมลิสาของเราไม่ใช่คนแบบนั้น"
ลลิลคิดตามแล้วก็พยายามนึกว่าช่วงนี้มีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่านะ
"ที่จริงช่วงนี้ คุณเมไม่ค่อยให้ลิลไปไหนมาไหนด้วย บางวันก็ไล่ให้ลิลไปพัก บอกว่าอยากอยู่คนเดียว แบบนี้เรียกว่าแปลกพอไหมคะพี่ด้า"
หญิงสาวถาม ที่จริงต่อให้ศักดารัณไม่บอก เธอก็ย่อมรู้ว่าเป็นพฤติกรรมเล็ก ๆ ของเมลิสาที่เปลี่ยนไปเพราะปกตินางแบบสาวจะชอบให้ลลิลอยู่ใกล้ ๆ เพื่อคอยรับใช้ให้ทำนู่นนี่ตามที่เธอสั่ง...
ก็อย่างที่นางแบบสาวเคยบอกนั่นล่ะว่า ใครก็ไม่คล่องแคล่วรู้ใจเท่ากับคนที่โตมาด้วยกันอย่างลลิล เพียงแต่ว่าเมลิสาไม่ได้มองลลิลเป็นเพื่อนหรือพี่ แต่มองว่าเป็น 'คนรับใช้' คนหนึ่งของหล่อนก็เท่านั้น
"ลิลว่าพี่ด้าอย่าคิดมากเลยนะคะ คุณเมทำงานเยอะมาก เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี ก็คงจะมีมุมเบื่อ ๆ เป็นธรรมดา ก็เธอน่ะเพิ่งจะอายุแค่นี้เอง ทำได้ขนาดนี้ลิลก็ว่าเก่งแล้วนะคะ"ลลิลเอ่ยจากใจ ไม่ว่าอย่างไรเมลิสาก็ถือว่าเป็นคนเก่งคนหนึ่ง และแม้จะไม่ได้ให้ความสนิทสนมอะไรกับเธอมาก แต่อย่างน้อยนางแบบสาวก็ไม่เคยพูดจาไม่ดีหรือหาทางเอารัดเอาเปรียบลลิล เหมือนอย่างคุณมาลินี
"อืม พี่คงรับงานให้เมมากเกินไปจริง ๆ คงต้องหาคิวพากันไปพักผ่อนจริง ๆ สักครั้งแล้วล่ะ ไปพักกันหมดนี่ล่ะทั้งเม ทั้งเธอด้วยนะลลิล"
"ขอบคุณนะคะพี่ด้า"
ผู้ช่วยสาวเอ่ยเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม
"พี่พูดจริงนะลิล เดี๋ยวพี่จะหาโรงแรมดี ๆ ให้เราไปพักตากอากาศกัน เธอเองก็ควรจะได้รับสิ่งพวกนั้นด้วย"
"คุณมาคงไม่ปลื้มเท่าไหร่หรอกค่ะพี่ด้า ลำพังแค่เงินเดือนกับบ้านที่ลิลซุกหัวนอนอยู่ตอนนี้ คุณมาลินีก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว..."
หญิงสาวหลุดปากออกไปแล้วก็ตาโต ยกมือปิดปากตัวเอง ศักดารัณหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
"จุ๊ ๆ ไม่ต้องกลัวไปหรอก พี่เข้าใจ และก็จะไม่เอาไปพูดอะไรกับคุณมาด้วย"
"ขอบคุณนะคะพี่ด้า"
ลลิลรีบยกมือไหว้ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ เธอไม่ได้กลัวมาลินีจะก่นด่า ตวาด หรือตะคอก สิ่่งเหล่านั้นเธอปล่อยผ่านได้ เธอแค่กลัวจะโดนไล่ออกจากบ้านหลังเล็กที่กำลังอาศัยอยู่มากกว่าเพราะยังไม่พร้อมจะออกไปในตอนนี้
ศักดารัณยกมือตบไหล่ผู้ช่วยสาว ๆ เบา ๆ อย่างให้กำลังใจระคนเวทนา เหตุผลที่เขาเมตตาลลิลพอสมควรไม่เพียงเพราะหญิงสาวขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์ แต่เพราะรู้ว่าหล่อนต้องเติบโตมาอย่างไรและแต่ละวันต้องเผชิญกับความกดดันจากคุณมาลินีอย่างไรบ้าง...
“มิสเตอร์เดอวีแลล!”พนักงานและบอดี้การ์ดกระโจนเข้าชาร์จตัวหญิงสาวทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากหลังกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งหน้าโรงแรม เลอองหันขวับแล้วก็เห็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น“ลลิล!”เท้าลลิลแทบจะถูกหิ้วสูงจากพื้นด้วยฝีมือของบอดี้การ์ดร่างใหญ่ เธอดิ้นแทบไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ก็ยังพยายามฮึดฮัดต่อสู้“ปล่อยฉันนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!”“ปล่อยเธอ...”ชายหนุ่มสั่ง บอดี้การ์ดทั้งสองจึงยอมปล่อยมือ แววตาของเลอองแสดงอาการยินดีอย่างปิดไม่อยู่ รอยยิ้มกว้างของเขาเตรียมพร้อมที่จะทักทายเธอแต่รอยยิ้มนั้นก็ชะงักค้างทันทีเมื่อลลิลเดินอาด ๆ มาผลักเขาเต็มแรงท่ามกลางความตกตะลึงของทุกสายตาที่มองอยู่แน่นอนว่าเลอองไม่สะเทือนไหวกับแรงผลักนั่นแม้แต่น้อยนิด เขาก้มลงมองคนตรงหน้าที่หน้าตาเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมาด้วยความงุนงง“คุณถือดียังไงมาฝากงานให้ฉัน คุณมายุ่งเรื่องฉันทำไม ไอ้คนทุเรศ!”เสียงอุทานและคำรามดังขึ้นเบา ๆ จากเหล่าบอดี้การ์ดทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาว ติดที่ว่าเลอองยืนขวางไว้ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงถูกหิ้วปีกออกไปโยนกองบนถนนเป็นแน่ เลอองยังยืนนิ่ง แต่แววตาดีใจหายไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่
เลอองหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเหนื่อยอ่อนพลางยุดมือหญิงสาวไว้ก่อนที่จะเลื่อนลงต่ำไปกว่านั้น“คุณนี่ร้อนแรงกว่าที่ผมคิดเยอะเลยนะ เมลิสา”“เฉพาะกับคุณเท่านั้นแหละค่ะ”นางแบบสาวบอก เอียงหน้าซบไหล่เขา"คุณมีเสน่ห์มากเลยนะคะเลออง มาก...จนเมกลัวว่าเมจะหลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้น”“แสดงว่าคุณยังไม่หลง”“แล้วอยากให้เมหลงมั้ยล่ะคะ”น้ำเสียงบอกว่าจริงจัง ชายหนุ่มกลับหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก“ผู้หญิงอย่างเมลิสา พอร์ตแมน ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาหลงใหลผู้ชายคนไหนหรอก เชื่อผมสิ”เลอองบอก แล้วพลิกตัวจูบหน้าผากเธอแรง ๆ อีกครั้งก่อนจะผละตัวออก ก้าวลงจากเตียง เดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำไปนางแบบสาวร้อนผะผ่าวที่ขอบตา หญิงสาวฉลาดพอที่จะรู้ว่านี่คือการปฏิเสธอย่างสุภาพจากเขา...ผู้ชายที่เธอพลาดตกบ่วงเสน่ห์เข้าแล้วทั้งตัวและหัวใจ เมลิสาไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากและรู้ตั้งแต่ต้นว่าเธอกับเลอองจะจบลงอย่างไร แต่เมื่อถึงเวลานี้จริง ๆ ก็อดใจหายไม่ได้...“เมขออนุญาตสูบบุหรี่ได้ไหมคะ”นางแบบสาวเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มเดินกลับออกมาจากห้องอาบน้ำพร้อมผ้าขนหนูพันท่อนล่างหลวม ๆ เลอองบอกเธอว่าตามสบาย เขาเดาว่าเมลิสาคงกำลังหาทางทำใจของตัวเองอยู
“หนูลิล หมู่นี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า พี่ว่าเธอดูเครียดๆ นะ”ศักดารันทร์ถามอย่าห่วงใยระหว่างที่นั่งรอเมลิสาทำงานในตอนสายของวันหนึ่ง“พี่ดาด้าว่าอะไรนะคะ”“พี่ว่าเธอมีปัญหาอะไรกลุ้มใจหรือเปล่า หมู่นี้ดูเครียด ๆ เหม่อ ๆ”“อ่า...พี่ด้าสังเกตเห็นด้วยหรือคะ”“ต๊าย...เธอเห็นพี่เป็นคนใจจืดใจดำขนาดไหนกันล่ะจ๊ะ ก็ต้องสังเกตเห็นสิ คนเจอกันทุกวี่ทุกวัน” ลลิลยิ้มฝืด“ขอบคุณนะคะพี่ด้า ลิลแค่กำลังคิดเรื่องหางานใหม่น่ะค่ะ”“งานใหม่?”ศักดารันทร์ท่าทางตกใจ แม้จะได้เจอกันทุกวันแต่ลลิลก็ไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ยิ่งจะมาปรับทุกข์เรื่องการทำงานยิ่งไม่เคยได้ยิน จนหลายครั้งเขายังเผลอคิดว่าหญิงสาวคงเป็นคนที่ปราศจากความทะเยอทะยานโดยสิ้นเชิงและคงจะอยู่ทำงานกับเมลิสาไปจนกว่านางแบบสาวจะลาวงการไปเอง...การที่จู่ ๆ ลลิลพูดเรื่องงานใหม่ จึงอยู่เหนือความคาดหมายของศักดารันทร์อย่างมาก “นี่พูดจริงหรือเปล่า หรือแค่อารมณ์ชั่ววูบเพราะเหนื่อย เบื่อ น้อยใจ หรือว่ามีปัญหาอะไรที่พี่ไม่รู้""เปล่าหรอกค่ะพี่ด้า ลิลแค่อยากใช้วิชาความรู้ไปทำงานอื่นที่...เอ่อ...ท้าทายกว่านี้บ้าง”หญิงสาวตอบอย่างขัดเขิน ก็คำว่า 'งานที่ท้าทาย
ใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าลลิลจะทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติได้ เธอพยายามคิดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ เธอแค่เดินไปชนกับผู้ชายมักง่ายนิสัยแย่อย่างนายเลอองที่คงจะไม่มีสติสำนึกรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ฝรั่งเศสที่จะเที่ยวได้จูบใครไปทั่วแบบนั้น สัปดาห์นี้เมลิสาไปถ่ายแบบที่ปารีสพอดีและงานนี้นางแบบสาวบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีเธอไปด้วย มีแค่ศักดารัณไปคนเดียวก็พอแล้ว ผู้ช่วยสาวจึงเหมือนได้พักไปในตัว และวันนี้เธอก็ตั้งใจว่าจะไปเดินห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็นกำลังจะเดินออกจากเรือนหลังเล็กซึ่งเป็นที่พัก ชายหนุ่มร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยเจ้าของดวงตาสีฟ้าสดใส ก็ปรากฎตัวขึ้นบนทางเดินหินหน้าเรือนนั้น ลลิลกระพริบตาถี่ ๆ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองในตอนแรก เมื่อแน่ใจว่านี่คือตัวเป็น ๆ ไม่ใช่เธอคิดไปเอง หัวใจหญิงสาวก็เต้นโลดขึ้นมาทันที"อรุณสวัสดิ์...กำลังจะออกไปข้างนอกหรือ"เลอองถอดแว่นตากันแดดออก เขาอยู่ในชุดกึ่งลำลองโทนสีเทาหล่อเหลาตามเคย"คุณมาที่นี่ทำไม คุณเมลิสาไม่อยู่หรอกนะ ไปถ่ายแบบที่ปารีสอาทิตย์นึง""ผมรู้แล้ว"เลอองตอบก่อนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เรือนพักไม้ทาทับด้วยสีขาว มีต้นไม้ทั้งพืชสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ ทั้งที่
ลลิลสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าขาว ๆ ก่อนผลักเขาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีและผลุนผลันผลักประตูหนีไฟออกไป เลอองไม่รู้สึกระคายอะไรกับรอยตบนั่นเลย แต่กลับยกมือแตะริมฝีปากตัวเองแผ่วเบาไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่ดูธรรมดาไปทั้งเนื้อตัวคนนั้นจะกลับมีริมฝีปากที่ให้ความรู้สึกสดและหวานขนาดนี้ ให้ตายสิ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ตอนแรกเขาคิดอยากจะช่วย ต่อมาก็อยากจะแหย่...แต่ทำไมกลายเป็นตัวเขาเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้มีอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ที่เย้ายวนเขาอย่างนั้นหรือ...ไม่มีหรอก! ไม่มีอะไรเลยสักอย่างเดียว! เลอองเถียงกับตัวเอง เมื่อเทียบกับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมาและผ่านไปในชีวิต หรือแม้กระทั่งกับเมลิสาที่เขากำลังคบหาอยู่ ผู้ช่วยสาวคนนั้นช่างห่างไกลจากเธอเหล่านั้นราวฟ้ากับเหว... ที่ผ่านมาเขาชอบผู้หญิงผอมบางรูปร่างนางแบบ แต่ลลิลก็แค่ผู้หญิงรูปร่างสมส่วนค่อนไปทางเนื้อนมไข่ เขาชอบผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้ง นวลเนียน ดูเซ็กซี่ยามที่พวกเธอเหล่านั้นเนื้อตัวฉาบไปด้วยน้ำมันบำรุงผิว แต่ลลิลคนนี้ผิวขาวเหลืองเหมือนอย่างสาวเอเชียทั่วไป เขาชอบผู้หญิงที่โครงหน้ามีเอกลักษณ์ ดูเก๋และโฉบเฉี่ยว แต่ลลิลคนนี้มีโครงหน้ารูปห
“ช่วงนี้พี่อั๋นก็งานยุ่งมากเลยสินะคะ”“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วลิลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”“ลิลก็เรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำดู”“ฮ้า...จริงหรือเปล่า หมายถึงงานใหม่หรือ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ พี่อั๋นอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ห้ามเด็ดขาดเลย”“ได้สิ เรื่องของลิล พี่ไม่บอกใครหรอก”แววตาคมจ้องมองมาตรง ๆ และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนแรกหญิงสาวก็ยิ้มขอบคุณแต่วินาทีต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่าอรรณพมองเธอด้วยสายตาวาววามแปลก ๆ“ลิล สุดสัปดาห์นี้พอจะว่างบ้างมั้ย พวกพี่กับเพื่อนจะไปปาร์ตี้วันเกิดกันที่หัวหิน แต่พี่ไม่อยากไปคนเดียว กำลังหาเพื่อนไปด้วย”ลลิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร“อย่าคิดมากนะ พี่แค่หาคนไปด้วยจะได้ไม่เหงา พวกเพื่อน ๆ มันก็ควงแฟนกันไปหมด พี่ยังไม่มีใคร ไปคนเดียวก็ตะหงิด ๆ เราจะอยู่ในงานกันสักพักก็ได้ แล้วถ้าลิลอยากไปเที่ยวหรือไปกินอะไรเป็นพิเศษ พี่ค่อยพาไป...”อรรณพมองลลิลอย่างคาดหวัง จะว่าไปเขาก็เลียบเคียงหญิงสาวมานานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้ตัว เห็นทีหนนี้ต้องแสดงออกไปให้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าเขาสนใจเธอ“คือว่าลิล...”“อ้าว! คุณ...มาอยู่นี่นี่เอง คุณดาด้าเขาตามหาคุณอยู่น่ะ”เสียงดังทรง