“หนูลิล หมู่นี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า พี่ว่าเธอดูเครียดๆ นะ”
ศักดารันทร์ถามอย่าห่วงใยระหว่างที่นั่งรอเมลิสาทำงานในตอนสายของวันหนึ่ง
“พี่ดาด้าว่าอะไรนะคะ”
“พี่ว่าเธอมีปัญหาอะไรกลุ้มใจหรือเปล่า หมู่นี้ดูเครียด ๆ เหม่อ ๆ”
“อ่า...พี่ด้าสังเกตเห็นด้วยหรือคะ”
“ต๊าย...เธอเห็นพี่เป็นคนใจจืดใจดำขนาดไหนกันล่ะจ๊ะ ก็ต้องสังเกตเห็นสิ คนเจอกันทุกวี่ทุกวัน”
ลลิลยิ้มฝืด
“ขอบคุณนะคะพี่ด้า ลิลแค่กำลังคิดเรื่องหางานใหม่น่ะค่ะ”
“งานใหม่?”
ศักดารันทร์ท่าทางตกใจ แม้จะได้เจอกันทุกวันแต่ลลิลก็ไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ยิ่งจะมาปรับทุกข์เรื่องการทำงานยิ่งไม่เคยได้ยิน จนหลายครั้งเขายังเผลอคิดว่าหญิงสาวคงเป็นคนที่ปราศจากความทะเยอทะยานโดยสิ้นเชิงและคงจะอยู่ทำงานกับเมลิสาไปจนกว่านางแบบสาวจะลาวงการไปเอง...
การที่จู่ ๆ ลลิลพูดเรื่องงานใหม่ จึงอยู่เหนือความคาดหมายของศักดารันทร์อย่างมาก
“นี่พูดจริงหรือเปล่า หรือแค่อารมณ์ชั่ววูบเพราะเหนื่อย เบื่อ น้อยใจ หรือว่ามีปัญหาอะไรที่พี่ไม่รู้"
"เปล่าหรอกค่ะพี่ด้า ลิลแค่อยากใช้วิชาความรู้ไปทำงานอื่นที่...เอ่อ...ท้าทายกว่านี้บ้าง”
หญิงสาวตอบอย่างขัดเขิน ก็คำว่า 'งานที่ท้าทาย' มันฟังดูไม่เหมาะสมกับเธอเสียเลย ก็ในเมื่อตลอดที่ผ่านมาเธอถนัดแต่ก้มหน้าก้มตารับคำสั่งของเมลิสาและมาลินี ราวกับคนรับใช้ส่วนตัวก็ไม่ปาน
แต่ศักดารันทร์ไม่คิดอย่างนั้น เขายิ้มและพยักหน้าเหมือนเห็นด้วย
“อย่างนั้นก็ดีเหมือนกันนะ ลิลอยากฝึกเป็นผู้จัดการดารานางแบบไหมล่ะ พี่จะช่วยให้ มาเป็นผู้ช่วยพี่ก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ด้า ถ้าลิลจะหางานใหม่ก็อยากให้ฉีกออกจากวงการไปเลย...ลิลชอบภาษาอังกฤษ อาจจะทำงานด้านภาษาโดยตรงเลยก็ได้”
"อย่างนั้นเลยหรือ เฮ้อ"
ผู้จัดการของนางแบบสาวถอนหายใจเพราะรู้สึกเสียดายขึ้นมาวูบหนึ่ง ทั้งเสียดายและใจหายเพราะอย่างน้อยลลิลก็คือคนที่ทำงานใกล้ชิดกันมาหลายปี ก็ตั้งแต่ที่เมลิสาเริ่มเข้าวงการนางแบบนั่นแหละ มีเมลิสาที่ไหน ก็ต้องมีลลิลที่นั่น ไม่ใช่คนในครอบครัวก็เหมือนใช่
“แล้วนี่คุณแม่มาลินีกับน้องเมรู้หรือยังล่ะ”
“ทราบแล้วค่ะ แต่คุณมาลินีบอกว่าหาคนใหม่ได้ก่อนแล้วลิลค่อยไป แต่นี่ก็จะสองเดือนมาแล้ว...”
ลลิลพูดเบื่อ ๆ จนป่านนี้ก็ไม่เห็นว่ามาลินีจะหาคนใหม่ที่ไหนมาแทนเธอได้สักที หรือสองแม่ลูกนั่นจะลืมไปแล้วนะว่าเธอเคยบอกว่าจะลาออก...
ผู้จัดการหนุ่มดูจะเข้าใจ
“ลิล ตกลงเธอคิดมาดีแล้วแน่นะว่าไม่อยากทำงานกับเมลิสาต่อแล้วจริง ๆ"
"ค่ะ ลิลคิดมาดีแล้วและตัดสินใจแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเมหรอกนะคะ แต่เป็นความอิ่มตัวของลิลเอง"
"จ้ะ พี่เข้าใจ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พี่จะช่วยหาคนใหม่ให้ก็ได้นะ พี่รู้จักคนที่ใช้ได้อยู่หลายคน ลิลจะได้ไม่ต้องติดแหง็กอยู่กับคน...เอ๊ย...อยู่กับงานที่ตัวเองไม่แฮปปี้แล้ว”
“จริงหรือคะพี่ด้า”
ลลิลออกอาการตื่นเต้นอย่างที่น้อยครั้งจะเห็น ศักดารันทร์ยิ้มเอ็นดู
“ก็จริงสิ ถ้าเธอแน่ใจจริง ๆ ว่าอยากเปลี่ยนงาน”
“แน่ใจค่ะ ลิลแน่ใจ”
และศักดารันทร์ก็ทำตามที่สัญญา เพราะเพียงสองสามวันต่อมา ผู้จัดการคนเก่งก็พาหลานสาวห่าง ๆ ของตัวเองมาแนะนำให้มาลินีรู้จักและพิจารณาว่าจะยินดีรับคนใหม่คนนี้เข้ามาทำงานแทนลลิลหรือไม่
“ตกลงยัยลิลมันจะลาออกจริง ๆ หรือ”
มาลินีย้อนถามผู้จัดการส่วนตัวของลูกสาว
“ก็คงจะจริงล่ะค่ะคุณแม่ แล้วหลานสาวของด้าก็เพิ่งเรียนจบมาใหม่ แต่รับรองว่าด้าจะเทรนให้อย่างดีไม่ให้มีผิดพลาดอะไรเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย...แม่ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องนั้นเรื่องนี้เลยไม่ได้หาใครมาแทนนังลิลมันสักที รู้อย่างนี้คุณแม่ปรึกษาดาด้าเสียตั้งนาน อย่างนังลลิลน่ะแค่ทำงานรับใช้ แต่ค่าแรงแพงหูฉี่...”
มาลินียังพูดแกมบ่นไปอีกยืดยาว คนเป็นผู้จัดการเพียงแต่ฉีกยิ้ม ไม่ออกความเห็น ปล่อยให้มาลินีพูดพร่ำไปอย่างที่ใจต้องการ
และเมื่อศักดารันทร์เข้าไปบอกเมลิสาว่ากำลังจะได้ผู้ช่วยคนใหม่ นางแบบสาวก็แค่พยักหน้ารับรู้ ไม่ซักไม่ถามไม่สงสัยอะไร จนผู้จัดการอย่างดาด้ายังอดน้อยใจแทนไม่ได้ที่แม่ลูกคู่นี้ไม่มีท่าทีเหนี่ยวรั้งลลิลไว้สักนิด ทั้งที่หญิงสาวก็อยู่กับครอบครัวนี้มาตั้งแต่เกิด
อาจจะพอกันกับลลิลที่ไม่เหลือเศษเสี้ยวความอาลัยอาวรณ์เลยเช่นกันที่จะจากสองแม่ลูกไป เธอแพ็คกระเป๋าและข้าวของที่มีอยู่น้อยนิดลงกล่อง ข้าวของบางส่วนนำไปบริจาคให้ห้องสมุดและมูลนิธิต่าง ๆ ตั้งใจจะไปเริ่มชีวิตใหม่อย่างตัวเบาที่สุด และสิ้นเดือนนั้นเองลลิลก็ย้ายไปอยู่อพาร์ทเมนต์หลังใหม่ เริ่มหางานใหม่ หันหลังให้แสงสีและสังคมที่มีแต่คนสวย หล่อ ร่ำรวย...และนอกจากศักดารันทร์กับเพื่อนฝูงอีกไม่กี่คนแล้ว ก็ไม่คิดที่จะติดต่อสัมพันธ์กับใครในวงการนี้อีกเลย
* * * * *“อา...”
เสียงครวญครางกระท่อนกระแท่น หอบเหนื่อย และร่ำร้อง ระงมอยู่ในห้องสวีตหรูที่กว้างพอกับห้องชุดราคาแพงลิบลิ่วใจกลางเมืองใหญ่ บนเตียงขนาดคิงไซส์ที่กลายเป็นสนามประลองบทรักอันร้อนระอุ
ร่างผอมบางและสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยของนางแบบสาวคนดังกำลังขับเคลื่อนจังหวะอยู่บนกายแกร่งกำยำของชายหนุ่มที่สาวครึ่งเมืองฝันจะมีสัมพันธ์ด้วย บางจังหวะที่เขาจับยึดสะโพกเธอไว้เพราะช่วยเร่งเร้าหรือผ่อนปรน แต่ส่วนมาก...ในคืนนี้ เขาปล่อยให้หญิงสาวเป็นคนคุมเกม
เมลิสาขับเคี่ยวจังหวะให้เร่งสูงขึ้นและพร่ำเรียกชื่อเลอองอย่างบ้าคลั่งก่อนจะสั่นสะท้าน ร่างบางกระตุกเกร็ง แล้วฟุบหน้าลงบนมัดกล้ามของอกแข็งแกร่ง ชายหนุ่มยกมือลูบเรือนผมเธอเบา ๆ ก่อนนางแบบสาวจะทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง
เมลิสากลัวใจตัวเองที่ทั้งหลงใหลและคลั่งไคล้ชายผู้เปี่ยมเสน่ห์ทางเพศคนนี้ แต่แน่นอนว่าเธอไม่ยอมบอกเขา เธอกลัวเลอองจะไปจากเธอเร็วกว่าที่ควรจะเป็น แม้ทั้งคู่จะไปกันได้ดีบนเตียงแต่เมลิสาก็ฉลาดพอจะรู้ว่านั่นไม่มีความหมายอะไรต่อเลอองมากไปกว่าความหฤหรรษ์และการปลดปล่อยชั่วครั้งชั่วคราว และหากเธอเกิดอยากได้อะไรที่มากกว่านั้นขึ้นมาในภายหลัง เขาก็จะยุติความยุ่งยากด้วยการลาจากทันทีโดยไม่มีอะไรให้อาวรณ์
ราวกับคนตะกละตะกรามที่กลัวไม่ได้โอกาสนี้อีก เมลิสาเอื้อมมือลูบไล้แผงอกหนั่นแน่นที่มีขนสีอ่อนปกคลุมรำไรและลดต่ำลงไปจนถึงไรขนสีเข้มกว่าตรงจุดกึ่งกลางลำตัว
“มิสเตอร์เดอวีแลล!”พนักงานและบอดี้การ์ดกระโจนเข้าชาร์จตัวหญิงสาวทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากหลังกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งหน้าโรงแรม เลอองหันขวับแล้วก็เห็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น“ลลิล!”เท้าลลิลแทบจะถูกหิ้วสูงจากพื้นด้วยฝีมือของบอดี้การ์ดร่างใหญ่ เธอดิ้นแทบไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ก็ยังพยายามฮึดฮัดต่อสู้“ปล่อยฉันนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!”“ปล่อยเธอ...”ชายหนุ่มสั่ง บอดี้การ์ดทั้งสองจึงยอมปล่อยมือ แววตาของเลอองแสดงอาการยินดีอย่างปิดไม่อยู่ รอยยิ้มกว้างของเขาเตรียมพร้อมที่จะทักทายเธอแต่รอยยิ้มนั้นก็ชะงักค้างทันทีเมื่อลลิลเดินอาด ๆ มาผลักเขาเต็มแรงท่ามกลางความตกตะลึงของทุกสายตาที่มองอยู่แน่นอนว่าเลอองไม่สะเทือนไหวกับแรงผลักนั่นแม้แต่น้อยนิด เขาก้มลงมองคนตรงหน้าที่หน้าตาเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมาด้วยความงุนงง“คุณถือดียังไงมาฝากงานให้ฉัน คุณมายุ่งเรื่องฉันทำไม ไอ้คนทุเรศ!”เสียงอุทานและคำรามดังขึ้นเบา ๆ จากเหล่าบอดี้การ์ดทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาว ติดที่ว่าเลอองยืนขวางไว้ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงถูกหิ้วปีกออกไปโยนกองบนถนนเป็นแน่ เลอองยังยืนนิ่ง แต่แววตาดีใจหายไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่
เลอองหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเหนื่อยอ่อนพลางยุดมือหญิงสาวไว้ก่อนที่จะเลื่อนลงต่ำไปกว่านั้น“คุณนี่ร้อนแรงกว่าที่ผมคิดเยอะเลยนะ เมลิสา”“เฉพาะกับคุณเท่านั้นแหละค่ะ”นางแบบสาวบอก เอียงหน้าซบไหล่เขา"คุณมีเสน่ห์มากเลยนะคะเลออง มาก...จนเมกลัวว่าเมจะหลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้น”“แสดงว่าคุณยังไม่หลง”“แล้วอยากให้เมหลงมั้ยล่ะคะ”น้ำเสียงบอกว่าจริงจัง ชายหนุ่มกลับหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก“ผู้หญิงอย่างเมลิสา พอร์ตแมน ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาหลงใหลผู้ชายคนไหนหรอก เชื่อผมสิ”เลอองบอก แล้วพลิกตัวจูบหน้าผากเธอแรง ๆ อีกครั้งก่อนจะผละตัวออก ก้าวลงจากเตียง เดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำไปนางแบบสาวร้อนผะผ่าวที่ขอบตา หญิงสาวฉลาดพอที่จะรู้ว่านี่คือการปฏิเสธอย่างสุภาพจากเขา...ผู้ชายที่เธอพลาดตกบ่วงเสน่ห์เข้าแล้วทั้งตัวและหัวใจ เมลิสาไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากและรู้ตั้งแต่ต้นว่าเธอกับเลอองจะจบลงอย่างไร แต่เมื่อถึงเวลานี้จริง ๆ ก็อดใจหายไม่ได้...“เมขออนุญาตสูบบุหรี่ได้ไหมคะ”นางแบบสาวเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มเดินกลับออกมาจากห้องอาบน้ำพร้อมผ้าขนหนูพันท่อนล่างหลวม ๆ เลอองบอกเธอว่าตามสบาย เขาเดาว่าเมลิสาคงกำลังหาทางทำใจของตัวเองอยู
“หนูลิล หมู่นี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า พี่ว่าเธอดูเครียดๆ นะ”ศักดารันทร์ถามอย่าห่วงใยระหว่างที่นั่งรอเมลิสาทำงานในตอนสายของวันหนึ่ง“พี่ดาด้าว่าอะไรนะคะ”“พี่ว่าเธอมีปัญหาอะไรกลุ้มใจหรือเปล่า หมู่นี้ดูเครียด ๆ เหม่อ ๆ”“อ่า...พี่ด้าสังเกตเห็นด้วยหรือคะ”“ต๊าย...เธอเห็นพี่เป็นคนใจจืดใจดำขนาดไหนกันล่ะจ๊ะ ก็ต้องสังเกตเห็นสิ คนเจอกันทุกวี่ทุกวัน” ลลิลยิ้มฝืด“ขอบคุณนะคะพี่ด้า ลิลแค่กำลังคิดเรื่องหางานใหม่น่ะค่ะ”“งานใหม่?”ศักดารันทร์ท่าทางตกใจ แม้จะได้เจอกันทุกวันแต่ลลิลก็ไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ยิ่งจะมาปรับทุกข์เรื่องการทำงานยิ่งไม่เคยได้ยิน จนหลายครั้งเขายังเผลอคิดว่าหญิงสาวคงเป็นคนที่ปราศจากความทะเยอทะยานโดยสิ้นเชิงและคงจะอยู่ทำงานกับเมลิสาไปจนกว่านางแบบสาวจะลาวงการไปเอง...การที่จู่ ๆ ลลิลพูดเรื่องงานใหม่ จึงอยู่เหนือความคาดหมายของศักดารันทร์อย่างมาก “นี่พูดจริงหรือเปล่า หรือแค่อารมณ์ชั่ววูบเพราะเหนื่อย เบื่อ น้อยใจ หรือว่ามีปัญหาอะไรที่พี่ไม่รู้""เปล่าหรอกค่ะพี่ด้า ลิลแค่อยากใช้วิชาความรู้ไปทำงานอื่นที่...เอ่อ...ท้าทายกว่านี้บ้าง”หญิงสาวตอบอย่างขัดเขิน ก็คำว่า 'งานที่ท้าทาย
ใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าลลิลจะทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติได้ เธอพยายามคิดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ เธอแค่เดินไปชนกับผู้ชายมักง่ายนิสัยแย่อย่างนายเลอองที่คงจะไม่มีสติสำนึกรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ฝรั่งเศสที่จะเที่ยวได้จูบใครไปทั่วแบบนั้นสัปดาห์นี้เมลิสาไปถ่ายแบบที่ปารีสพอดีและงานนี้นางแบบสาวบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีเธอไปด้วย มีแค่ศักดารัณไปคนเดียวก็พอแล้ว ผู้ช่วยสาวจึงเหมือนได้พักไปในตัว และวันนี้เธอก็ตั้งใจว่าจะไปเดินห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็นกำลังจะเดินออกจากเรือนหลังเล็กซึ่งเป็นที่พัก ชายหนุ่มร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยเจ้าของดวงตาสีฟ้าสดใส ก็ปรากฎตัวขึ้นบนทางเดินหินหน้าเรือนนั้น ลลิลกระพริบตาถี่ ๆ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองในตอนแรก เมื่อแน่ใจว่านี่คือตัวเป็น ๆ ไม่ใช่เธอคิดไปเอง หัวใจหญิงสาวก็เต้นโลดขึ้นมาทันที"อรุณสวัสดิ์...กำลังจะออกไปข้างนอกหรือ"เลอองถอดแว่นตากันแดดออก เขาอยู่ในชุดกึ่งลำลองโทนสีเทาหล่อเหลาตามเคย"คุณมาที่นี่ทำไม คุณเมลิสาไม่อยู่หรอกนะ ไปถ่ายแบบที่ปารีสอาทิตย์นึง""ผมรู้แล้ว"เลอองตอบก่อนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เรือนพักไม้ทาทับด้วยสีขาว มีต้นไม้ทั้งพืชสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ ทั้งที่ป
ลลิลสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าขาว ๆ ก่อนผลักเขาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีและผลุนผลันผลักประตูหนีไฟออกไป เลอองไม่รู้สึกระคายอะไรกับรอยตบนั่นเลย แต่กลับยกมือแตะริมฝีปากตัวเองแผ่วเบาไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่ดูธรรมดาไปทั้งเนื้อตัวคนนั้นจะกลับมีริมฝีปากที่ให้ความรู้สึกสดและหวานขนาดนี้ ให้ตายสิ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ตอนแรกเขาคิดอยากจะช่วย ต่อมาก็อยากจะแหย่...แต่ทำไมกลายเป็นตัวเขาเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้มีอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ที่เย้ายวนเขาอย่างนั้นหรือ...ไม่มีหรอก! ไม่มีอะไรเลยสักอย่างเดียว! เลอองเถียงกับตัวเอง เมื่อเทียบกับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมาและผ่านไปในชีวิต หรือแม้กระทั่งกับเมลิสาที่เขากำลังคบหาอยู่ ผู้ช่วยสาวคนนั้นช่างห่างไกลจากเธอเหล่านั้นราวฟ้ากับเหว... ที่ผ่านมาเขาชอบผู้หญิงผอมบางรูปร่างนางแบบ แต่ลลิลก็แค่ผู้หญิงรูปร่างสมส่วนค่อนไปทางเนื้อนมไข่ เขาชอบผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้ง นวลเนียน ดูเซ็กซี่ยามที่พวกเธอเหล่านั้นเนื้อตัวฉาบไปด้วยน้ำมันบำรุงผิว แต่ลลิลคนนี้ผิวขาวเหลืองเหมือนอย่างสาวเอเชียทั่วไป เขาชอบผู้หญิงที่โครงหน้ามีเอกลักษณ์ ดูเก๋และโฉบเฉี่ยว แต่ลลิลคนนี้มีโครงหน้ารูปห
“ช่วงนี้พี่อั๋นก็งานยุ่งมากเลยสินะคะ”“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วลิลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”“ลิลก็เรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำดู”“ฮ้า...จริงหรือเปล่า หมายถึงงานใหม่หรือ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ พี่อั๋นอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ห้ามเด็ดขาดเลย”“ได้สิ เรื่องของลิล พี่ไม่บอกใครหรอก”แววตาคมจ้องมองมาตรง ๆ และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนแรกหญิงสาวก็ยิ้มขอบคุณแต่วินาทีต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่าอรรณพมองเธอด้วยสายตาวาววามแปลก ๆ“ลิล สุดสัปดาห์นี้พอจะว่างบ้างมั้ย พวกพี่กับเพื่อนจะไปปาร์ตี้วันเกิดกันที่หัวหิน แต่พี่ไม่อยากไปคนเดียว กำลังหาเพื่อนไปด้วย”ลลิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร“อย่าคิดมากนะ พี่แค่หาคนไปด้วยจะได้ไม่เหงา พวกเพื่อน ๆ มันก็ควงแฟนกันไปหมด พี่ยังไม่มีใคร ไปคนเดียวก็ตะหงิด ๆ เราจะอยู่ในงานกันสักพักก็ได้ แล้วถ้าลิลอยากไปเที่ยวหรือไปกินอะไรเป็นพิเศษ พี่ค่อยพาไป...”อรรณพมองลลิลอย่างคาดหวัง จะว่าไปเขาก็เลียบเคียงหญิงสาวมานานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้ตัว เห็นทีหนนี้ต้องแสดงออกไปให้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าเขาสนใจเธอ“คือว่าลิล...”“อ้าว! คุณ...มาอยู่นี่นี่เอง คุณดาด้าเขาตามหาคุณอยู่น่ะ”เสียงดังทร
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”“ไม่คิด แต่ก็ทำอยู่”“แต่ผู้หญิงทุกคนรวมถึงคุณเมลิสา ต่างก็คบกับผมโดยที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีใครเอาเปรียบใคร มันเป็นข้อตกลงของเราสองคน”“คุณพูดเหมือนไม่เคยรักใคร เพราะถ้าคุณรักใครคุณก็คงจะเข้าใจว่าทำไมฉันบอกว่าคุณใจร้าย”เลอองหัวเราะอีก“ความรักน่ะหรือ...ไร้สาระน่า คุณนี่ไร้เดียงสากว่าที่ผมคิดอีกนะ”“ความรักเป็นเรื่องไร้สาระงั้นหรือคะ”“ก็ไม่เชิง...แค่ผมไม่สนใจ”ลลิลแสร้งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มองเขาเหมือนเห็นใจอย่างสุดซึ้ง“ฉันสงสารผู้หญิงของคุณจังเลย ที่ต้องคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักความรัก เพราะผู้หญิงพวกนั้นก็คงจะไม่มีวันได้รับความรักจากคนอย่างคุณ”เลอองยังยิ้ม แต่แววตากระด้างขึ้น เขาชะโงกหน้ามากระซิบ“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่คบหากับผมเขาต้องการความรัก...สิ่งที่ผมให้กับพวกเธอเหล่านั้นมันสำคัญแล้วก็...เร้าใจ...ยิ่งกว่าความรักเสียอีก ถ้าพูดขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เข้าใจ ไว้สักวันผมจะสาธิตให้ดูเอาไหมล่ะว่าอะไรที่มันน่าสนใจกว่าความรักเพ้อ ๆ ที่คุณว่ามานั่น”ลลิลอึ้ง เขาจงใจกวาดสายตามองเธอเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปในเนื้อผ้า“ทุเรศ น่ารังเกียจ!”“ไม่เคยมีใครบอกว่
ลลิลเกริ่นเรื่องหางานใหม่กับมาลินี...และดูว่าแม่ของเมลิสาจะยินดีกับข่าวนี้เป็นอันมากเพราะคิดแล้วว่าผู้ช่วยคนใหม่ อย่างไรก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้ถูกกว่าที่จ่ายให้ลลิลแน่ ๆ“ไว้แกรอให้ฉันหาคนใหม่มาให้ลูกเมได้ก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยลาออกไป...”“ได้ค่ะคุณมาลินี”“ว่าแต่แกจะไปทำมาหากินอะไร มีงานใหม่ที่ไหนแล้วหรือ”“ยังหรอกค่ะ...ไว้คุณมากับคุณเมหาคนใหม่ได้แล้ว ลิลค่อยมองหางานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”“ก็ดี...”มาลินีตอบสั้น ๆ ระยะเวลายาวนานที่หญิงสาวคนนี่้รับใช้ครอบครัวของเธอมาไม่ได้ทำให้เกิดความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ลลิลนึกน้อยใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าดีแค่ไหนแล้วที่คิดจะออกจากบ้านหลังนี้ เพราะคงไม่มีใครนึกเห็นคุณค่าในตัวเธอขึ้นมาได้แม้จะอยู่ไปจนตายก็ตามแม้แต่เมลิสาเมื่อได้ทราบว่าลลิลอาจจะลาออกในไม่ช้า ก็ยังไม่แม้แต่พูดจารั้งไว้ เพราะเธอกำลังคลั่งไคล้ใหลหลงอยู่กับเลอองจนไม่สนใจเรื่องอื่น...ชีวิตของผู้หญิงอย่างลลิลนี่มันช่างต่ำต้อยจนหาคนมาใยดีไม่ได้เลยจริง ๆ...* * * * *นิตยสารรับสมัครงานเล่มโตถูกกางเต็มโต๊ะเล็ก ๆ ในร้านกาแฟหอมกรุ่นแห่งนั้น ลลิลกำลังนั่งเปิดพลิกทีละหน้าอย่างพินิจพิ
“ดูคุณยังเป็นกังวลนะ เลออง”โรเบิร์ตเอ่ยเสียงเรียบหลังจากสังเกตเห็นว่าตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมาในเวลาเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สลับถอนหายใจหนัก ๆ เป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่า...”“ขอบคุณมากครับลุง เรื่องนั้นผมวางใจลุงเสมอ”เลอองชิงบอกก่อน“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณกลุ้มอกกลุ้มใจมากขนาดนี้”“มัน...ชัดเจนมากเลยหรือครับ”“พอสมควร”เลขาฯ วัยหกสิบเลื่อนสมุดปกหนังไปอีกทาง และประสานมือใต้คาง เป็นกริยาที่เขามักทำเวลาจะตั้งใจรับฟังเรื่องที่สำคัญของเลอองท่าทางแบบนี้ทำให้เลอองไว้ใจโรเบิร์ตมาเสมอ แต่แปลก...ครั้งนี้เขากลับลังเลที่เอ่ย“คือ...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”เลอองเกริ่น ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลลิลฉีกเช็คที่เขามอบให้เธอให้โรเบิร์ตฟังคนเป็นเลขาฯ ปล่อยให้เจ้านายเล่าจนจบ นึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเลอองเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาเป็นกังวลแต่ก็ไม่เอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ออกไปได้แต่ออกความเห็นอย่างเป็นกลาง“คุณผู้ช่วยคนนั้น เธออาจนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณด้วยวิธีนั้น"“ผมไม่ได้คิดจะดูถูกเธอแม้