Share

ตอนที่ 1 หวังฟางเซียน 1.1

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-06 14:53:22

กรุงปักกิ่ง

 หอพักมหาวิทยาลัยปักกิ่ง

 “ข้าจะตามหาเจ้าลี่เซียน!!!” เสียงแผ่วเบาล่องลอยมาตามสายลม

 แต่เหตุใดเล่าราวกับว่าเสียงนั้นกระซิบอยู่ชิดริมหูของหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังนิทราอย่างสนิทด้วยเพราะเธอเดินทางมาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศจีน หญิงสาวเชื้อสายจีนเดิมมีถิ่นพำนักที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นามว่าหวังฟางเซียน เดินทางมาศึกษาต่อในสำนักวิชาโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์วิทยาในระดับชั้นปริญญาตรี

 เธอเดินทางเข้าแผ่นดินจีนเป็นครั้งแรกในชีวิต หญิงสาวเกิดที่ประเทศจีนแต่ไปเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามาโดยตลอดตามพ่อและแม่ของเธอ ซึ่งมีอาชีพเป็นแพทย์ด้วยกันทั้งคู่ พ่อและแม่ของเธอพบรักกันในขณะที่เดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก จนตัดสินใจแต่งงานและให้กำเนิดบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นในสายตระกูลหวัง ก่อนจะโยกย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากอยู่ในสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งบุตรสาวเพียงคนเดียวสามารถสอบชิงทุนเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของรัฐในดินแดนมังกรแห่งนี้ได้ แทนที่จะเลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา

 แม้ทั้งสองจะไม่เห็นด้วยเท่าใดนักแต่ก็มิอาจขัดใจบุตรสาวเพียงคนเดียวของทั้งสองได้ ด้วยฟางเซียนคอยพูดอยู่เสมอว่าเธอจะกลับมาอยู่ที่ประเทศจีนให้ได้ด้วยตัวของเธอเอง เพราะบ้านที่แท้จริงของหญิงสาวคือแผ่นดินจีนหาใช่ประเทศสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด ด้วยวัยเพียงสิบเก้าปี ซึ่งหญิงสาวก็สามารถสอบชิงทุนเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทของมหาวิทยาลัยปักกิ่งรวดเดียวเป็นผลสำเร็จโดยไม่ต้องง้อพ่อและแม่ของเธอแม้แต่น้อย

 มิหนำซ้ำยังสามารถพูดภาษาจีนกลางซึ่งเป็นภาษาราชการของจีนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างคล่องแคล่ว รวมไปถึงจีนกวางตุ้ง จีนแต้จิ๋วหรือแม้กระทั่งจีนไหหลำ เธอก็สามารถเรียนรู้และใช้ภาษเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วจนคนเป็นพ่อและแม่ยังอดแปลกใจไม่ได้ เพราะทั้งสองสามารถพูดภาษาจีนกลางได้เท่านั้นไม่นับรวมภาษาอังกฤษที่ทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตประจำวันในสหรัฐอเมริกา

 และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเดินทางไกลจากบ้านที่สหรัฐ อเมริกาเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิตในฐานะประชาชนจีน ซึ่งเธอก็มีบัตรประชาชนเช่นเดียวกับชาวจีนทั่วไปเช่นกัน และกิจกรรมมากมายสำหรับนักศึกษาใหม่ในระดับปริญญาตรีทำให้เธอเหนื่อยล้าอย่างยิ่งยวดทำให้เธอเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล เสียงเพรียกหาดังเช่นเสียงกระซิบแผ่วล่องลอยกระทบเข้ากับโสตประสาทของเธอ และเจ้าหล่อนกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความฝัน

 ใบหน้าสวยดั่งพระจันทร์เริ่มส่ายไปมาราวกับว่ากำลังฝันร้ายก็ว่าได้ เหงื่อมากมายเริ่มผุดพรายอยู่เต็มใบหน้าพร้อมเสียงร้องตะโกนก้องออกมาจนสุดเสียง

 “เทียนอี้!!!” ร่างระหงลุกพรวดพราดจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่งามสอดส่ายสายตาไปมาอย่างตื่นตระหนกราวกับว่าสิ่งที่เธอฝันนั้นคือความจริง

 “โอ๊ย! คนจะหลับจะนอนตะโกนอะไรกลางดึกฟางเซียน!” รูมเมตของหญิงสาวบ่นพึมพำด้วยความรำคาญ

 “ขะ… ขอโทษ... ฉันขอโทษนะ พอดีฝันร้ายไปหน่อย” หญิงสาวตอบกลับแม่เพื่อนร่วมห้องเสียงอ่อยๆ

 “นี่แม่คุณ แทนที่จะฝันดีดันฝันร้ายทำไมยะ พรุ่งนี้เราจะได้พบอาจารย์ที่เป็นขวัญใจของบรรดานักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ควรจะฝันหวานถึงอาจารย์ผู้หล่อเหลาประดุจองค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงจะถูก

 ฟางเซียนได้แต่ส่ายหน้าไปมาติดๆ กันเมื่อได้ยินเพื่อนร่วมห้องละเมอใฝ่ฝันอาจารย์หนุ่มหล่อที่ต่างพากันกล่าวถึงไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอก้าวเข้ามาในเขตแดนมหาวิทยาลัยแห่งนี้

 “อาจารย์ก็คน พวกเราก็คนหน้าตาก็เหมือนกัน แตกต่างกันตรงไหน ผู้ชายที่หล่อกว่าอาจารย์มีเยอะแยะถมเทไป อะไรจะพากันละเมอเพ้อพกถึงขนาดนี้” หญิงสาวมีความเห็นแย้งแตกต่างกับเพื่อนร่วมห้อง ทำให้แม่เพื่อนสาวที่กำลังนอนหันหลังให้บนเตียงตรงกันข้ามเด้งกายขึ้นจากที่นอนทันที

 “มีแต่เธอนี่แหละมั้งที่มีความเห็นต่างกว่าคนอื่น แสดงเธอยังไม่เคยเห็นคณบดีของพวกเราใช่ไหมล่ะ”

 แทนการตอบนับหญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน

 “ฉันจะเคยเห็นได้ยังไงก็ในเมื่อเพิ่งจะเข้าแผ่นดินจีนเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะเลือกที่จะเรียนสาขาวิชาประวัติศาสตร์ถึงได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ยังไงเล่า”

 แม่เพื่อนสาวตัวดีพยักหน้าขึ้นลงเมื่ออีกฝ่ายบอกออกมาเช่นนั้น

 “อันที่จริงก็ไม่มีใครเคยเห็นคณบดีของพวกเราหรอกนะ ฉันก็ได้ยินเขาพูดต่อๆ กันมาอีกทีเหมือนกัน... แหะๆ” แม่เพื่อนสาวเอ่ยสารภาพเสียงอ่อยๆ

 “โธ่เอ๊ย ไอ้เราก็นึกว่าเคยเห็นแล้วเสียอีก” ฟางเซียนพูดพลางหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น

 “แต่จะว่าไปอาจารย์ก็ทำตัวลึกลับชอบกล เห็นใครๆ เขาพูดกันว่าอาจารย์จะไปจะมารวดเร็วมากเหมือนล่องหนได้เลย และไม่ใช่ว่าสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งนะ เขาว่ากันว่าอาจารย์มาจากฉางอาน มีผลงานการขุดค้นมากมายเกี่ยวกับเมืองฉานอานและเมืองลั่วหยาง จึงถูกเชิญให้มาเป็นคณบดีสาขาประวัติศาสตร์จีนที่ปักกิ่งนี่ไง และอาจารย์ยังสามารถอ่าน เขียน ภาษาโบราณตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินจีนที่จารึกบนกระดองเต่ามากมาย จนถึงยุคที่สามารถผลิตกระดาษขึ้นมาใช้ อาจารย์อ่านได้หมดเลยนะเธอ”

 “อือหือ... จริงเหรอนั่น... ใช่คนแน่นะจื่อเหยา” จู่ๆ ฟางเซียนก็พูดโพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ราวกับว่าอาจารย์หนุ่มที่กำลังกล่าวขานอยู่นั้นไม่ใช่คน

 “เฮ้ย! ยายบ้า! ก็คนน่ะสิ หรือเธอว่าอาจารย์ไม่ใช่คนหรือยังไง” จื่อเหยาต่อว่าเพื่อนร่วมห้องเป็นการใหญ่เมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “เอ้า... ก็เล่นบอกว่าอ่านภาษาโบราณได้ตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินจีน ฉันก็คิดว่าคงเป็นเหล่าเซียนองค์ใดองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ก็เท่านั้นเอง ถ้าอาจารย์ไม่ใช่คนก็คงเป็นบุ้นเชียงตี่กุน [1]เทพแห่งปัญญา ฉันก็เลยคิดแบบนั้น” หญิงสาวพูดพลางยักไหล่ขึ้นลงทั้งสองข้างพร้อมๆ กันก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

 “แต่จะว่าไปฉันก็ว่าแปลกอาจารย์มีผลงานการขุดค้นทางด้านประวัติ-ศาสตร์ แต่มาเป็นคณบดีสาขาประวัติศาสตร์ได้ตั้งแต่ยังหนุ่มเลยเหรอ ปกติระดับคณบดีน่าจะอายุห้าสิบปีขึ้นไปแล้วกระมัง หรือเธอว่ายังไงจื่อเหยา” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวเอ่ยถามเพื่อนร่วมห้องด้วยความสงสัยกับสิ่งที่เธอผิดสังเกต

 “ไอ้เรื่องอายุฉันก็ไม่รู้ ได้ยินเขาพูดกันต่อๆ มาว่าอาจารย์คงจะราวสามสิบหรือสามสิบต้นๆ เท่านั้นเองนะ สูงใหญ่ บึกบึนโคตรแมนเป็นบ้าเลย บางทีอาจารย์คงจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีใบหน้าก็เลยอ่อนเยาว์กระมัง แบบนี้สิน่ากินเป็นบ้าเลย แก่แล้วก็ยังเซ็กซี่คริคริคริ” เจ้าหล่อนพูดพลางหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่ก่อนจะล้มตัวลงนอน พร้อมเอ่ยสำทับขึ้น

 “รีบนอนเถอะฟางเซียน พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าไปฟังคณบดีรูปหล่อกล่าวต้อนรับพวกเราดีกว่าเธอ” จื่อเหยากล่าวพร้อมกระพือผ้าห่อของเจ้าหล่อนพร้อมคลุมกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างมิดชิด

 “ตามสบายเถอะ... เสียเวลาอ่านหนังสือเปล่าๆ ไปฟังก็แค่นั้น สู้ไปหาอะไรอ่านในห้องสมุดดีกว่า ในนั้นมีตำราประวัติศาสตร์และหนังสือหายากเก็บรักษาไว้เหมือนในพิพิธภัณฑ์ไม่มีผิดเพี้ยน เอาเวลาที่มีค่าทำประโยชน์โดยการอ่านหนังสือดีที่สุด” หญิงสาวรำพึงเบาๆ กับตัวเอง พร้อมเอนกายลงบนที่นอนหนานุ่มตามเดิม พลางปิดสวิตช์ไฟหัวเตียงจนภายในห้องมืดสนิท ท่าม กลางดวงตาหวานคู่สวยยังคงมองเพดานห้องท่ามกลางความมืดนั้น

 “ใครกันนะจ้าวเทียนอี้ แล้วลี่เซียนล่ะเป็นใคร ทำไมฉันถึงได้ฝันเห็นอะไรแปลกๆ แบบนี้นับตั้งแต่วันแรกที่มาถึงด้วยนะ ฝันเหมือนกันทุกวันเลยสินะ ราวกับว่าตัวเราเหมือนหลุดไปดูหนังจีนสมัยโบราณอย่างไรอย่างนั้นเลย แล้วมันเกี่ยวกับฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ถังอีกด้วย... ถังเสวียนจง... จ้าวเทียนอี้...ลี่เซียน” หญิงสาวรำพึงชื่อของบุคคลที่เธอฝันเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา ก่อนจะผล็อยหลับไปโดยมิรู้ตัว

 ท่ามกลางความมืดมิดแห่งรัตติกาล ความเงียบงันแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ กลุ่มควันขาวค่อยๆ ล่องลอยเข้ามาทางหน้าต่างที่ปิดสนิทอย่างช้าๆ ก่อนจะรวมตัวคล้ายร่างของบุรุษจนกระทั่งกลายเป็นร่างของชายหนุ่มในชุดเกราะระดับขุนพลชั้นสูงในสมัยโบราณ ยืนมองฟางเซียนที่กำลังหลับสนิทอยู่ในขณะนี้

 “ในที่สุดเจ้าก็กลับมาลี่เซียน... ข้าตามหาเจ้าพบแล้ว” ร่างสูงใหญ่ของนักรบโบราณกล่าวพร้อมคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ

 มหาวิทยาลัยปักกิ่ง[2]

 ห้องสมุดมหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียมีหนังสือ 9.0195 ล้านเล่มรวมถึงวารสารและหนังสือพิมพ์จีนและต่างประเทศ ห้องสมุดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลครบวงจรที่ทันสมัยมากมายอีกด้วยเป็นแหล่งรวมวิชาความรู้และสรรพวิชาทุกอย่างอยู่ในหอสมุดห้องนี้

 ร่างงามระหงในระดับความสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ขี่จักรยานส่วนตัวผ่านประตูทางเข้าออกหลังจากแลกบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอขี่จักรยานผ่านเข้าไปในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยซึ่งกินพื้นที่กว้างขวางมากมายยิ่งนัก ท่ามกลางอากาศของต้นเดือนเมษายน อุณหภูมิในตอนเช้าต่ำกว่าสิบองศาและพอเข้าช่วงบ่ายจะสูงขึ้นมาเป็นสิบห้าองศา ต้นไม้ต่างๆ ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยยังไม่มีใบ เพราะอากาศยังเย็นอยู่นั่นเอง ก่อนจะขี่ผ่านเจดีย์ปั่วหญ่าอันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง

 เธอขับขี่จักรยานจนกระทั่งมาถึงจุดหมายนั่นก็คือหอสมุด ก่อนจะนำรถจักรยานเข้าไปจอดเก็บไว้ในสถานที่ทางมหาวิทยาลัยได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ ร่างงามค่อยๆ ก้าวเดินผ่านประตูใหญ่ของห้องสมุดที่ขึ้นชื่อได้ว่าใหญ่ที่สุดในเอเซีย ก่อนจะแหงนคอมองตั้งบ่าเมื่อเธอเห็นสิ่งที่อยู่ภายในอาคารโดยไม่สนใจผู้คนที่อยู่ภายในอาคารที่กำลังมองตรงมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน ด้วยเพราะฟางเซียนนอกจากเธอจะมีสติปัญญาเป็นเลิศแล้ว ความงามของเธอประดุจดั่งดอกโบตั๋นแรกแย้มฉันใดก็ฉันนั้น ใบหน้าหวานสวยดั่งดวงจันทรา คิ้วโก่งดั่งพระจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากอิ่ม ผิวขาวอมชมพูเนียนละเอียดนุ่มละมุนมือและรูปร่างที่แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดแต่มิอาจปิดส่วนเว้าส่วนโค้งที่ทุกคนเห็นแล้วไม่มีที่ใครจะไม่มอง

 “วะ... ว้าว... ช่างใหญ่โตอะไรเช่นนี้ นี่น่ะเหรอห้องสมุดซึ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีหนังสือรอให้เราอ่านหลายล้านเล่มเลยทีเดียว” หญิงสาวพูดพลางทำท่าทางคันไม่คันมือใคร่อยากอ่านหนังสือใจแทบขาด ตามปกตินิสัยของคนชอบอ่านและชอบเขียนนั่นเอง เธอเดินตรงดิ่งไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อกดหารายละเอียดหนังสือที่เธอต้องการค้นหาอย่างรวดเร็ว

 “ประวัติศาสตร์จีนสมัยราชวงศ์ถังอยู่ไหนน้า” หญิงสาวกวาดสายตาอยู่บนหน้าจอคอมก่อนจะหยุดลงเมื่อหน้าจอดังกล่าวบอกกับเธอว่า สิ่งที่ต้องการนั้นอยู่ที่ใด

 “ชั้นสามประวัติศาสตร์จีนโบราณ โอ้โห! อย่าบอกนะว่าทั้งชั้นเพราะลำพังชั้นเดียวก็กว้างสุดลูกหูลูกตาแล้ว” หญิงสาวยืนพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปขึ้นลิฟต์ในตัวอาคารเพื่อขึ้นไปบนชั้นที่เธอต้องการ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 11 จางเสี่ยวหมิง 1.2

    ในเวลาต่อมา ร่างงามที่อยู่เบื้องหน้าค่อยๆ เคลื่อนไหวขึ้นมาทีละน้อยทีละน้อย ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อและสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อดวงตาที่ปิดสนิทมาอย่างยาวนานบัดนี้กำลังกลอกกลิ้งไปมาบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่า ร่างตรงหน้ากำลังตื่นจากการหลับใหล เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่กำลังกะพริบขึ้นลงติดๆ กันเพื่อขับไล่ภาพที่พร่ามัวก่อนจะค่อยๆ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจน พระจันทร์ดวงใหญ่ลอยอยู่บนฟ้า ส่องแสงเหลืองนวลให้ความสว่างไปทั่วผืนแผ่นดินมังกร “โอ้โห! พระจันทร์สวยจังเลย ไม่เคยเห็นดวงใหญ่ขนาดนี้มาก่อน” สิ้นเสียงรำพึง เสียงของทุกคนที่อยู่หน้าเรือนนอนต่างร้องออกมาพร้อมกัน “ลี่เซียน! ลี่เซียนฟื้นแล้ว!” จางฮูหยินและอี้หานพร้อมสาวใช้ลี่อิงต่างรีบก้าวเดินเข้าไปหา จางฮูหยินโผเข้าสวมกอดร่างอรชรตรงหน้าด้วยความดีใจเป็นยิ่งนักเมื่อเห็นลูกสาวคนสุดท้องได้สติฟื้นขึ้นมาเสียที โดยมีอี้หานประคองร่างน้อยๆ จากพื้นให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมลูบเส้นผมยาวสลวยของน้องไปมาด้วยความดีใจเช่นกัน “แม่ดีใจเหลือเกินลี่เซียน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาเส

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 10 จางเสี่ยวหมิง 1.1

    คฤหาสน์ตระกูลจาง คืนวันพระจันทร์เต็มดวง ภายหลังที่หลวงจีนหนุ่มจางเฟยเทียนได้นำน้ำทิพย์บนยอดเขาดอกบัวจากเทือกเขาหวงซานหยดลงไปในปากให้กับลี่เซียนน้องสาวคนสุดท้องของตระกูลไปแล้วนั้น ตั้งแต่วันนั้นเวลาล่วงเลยผ่านไปสามวัน คืนพระจันทร์เต็มดวงก็ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน พระจันทร์ในค่ำคืนนี้ดวงใหญ่โตกว่าที่เคยเห็นมากมายยิ่งนัก อีกทั้งสุกสกาวส่องแสงเป็นประกายจนผืนแผ่นดินเบื้องล่างสว่างเรืองรองแม้จะอยู่ในช่วงเวลาแห่งรัตติกาลก็ตาม “ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านมาดูพระจันทร์ในค่ำคืนนี้สิ ช่างแลดูใหญ่โตกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สวยงามยิ่งนัก” คำกล่าวของจางอี้หานทำให้ประมุขของบ้านพยุงร่างฮูหยินก้าวเข้ามาในบริเวณพื้นที่หน้าลานกลาง บ้านซึ่งจัดเป็นสวนย่อม สองสามีภรรยาแหงนหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้าตามคำกล่าวของบุตรชายพร้อมเสียงรำพึง “เฟยเทียนบอกว่าวันใดที่พระจันทร์เต็มดวงและมีดวงใหญ่กว่าทุกครั้งวันนั้นคือวันที่ลี่เซียนจะฟื้นขึ้นมาใช่หรือไม่ท่านพี่” ฮูหยินจางเอ่ยถามสามีเพื่อความแน่ใจ หยวนฟู่พยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันแทนคำตอบของตนพร้อมเอ่ยขึ้น “เฟยเทียนไปอยู่เสียที่ใดกันเล่า พวกเจ้าเห็นคุณชายเล็กหรือไม่”

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 9 จ้าวเทียนอี้ 1.2

    พระราชวังต้าหมิงกง ตำหนักองค์ชายหลี่หลงจี พระวรกายสูงใหญ่ของโอรสสวรรค์ พระนามหลี่หลงจี กำลังทอด พระเนตรภาพเขียนสีตรงหน้าด้วยความพึงพอพระทัยเป็นยิ่งนัก ด้วยภาพวาดดังกล่าวปรากฏเป็นภาพอิสตรีที่กำลังยืนชมดอกโบตั๋น ภาพวาดที่ขึ้นเป็นมันวาวยิ่งขับให้อิสตรีที่อยู่ในภาพดังกล่าวงดงามอย่างยิ่งยวด เสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินก้าวเข้ามาใกล้พระตำหนัก พร้อมเสียงพูดคุยกับทหารรักษาการณ์อยู่หน้าตำหนักเพียงครู่ก่อนจะปรากฏร่างของแม่ทัพใหญ่จ้าวเทียนอี้หยุดยืนอยู่หน้าประตู “องค์ชายมีรับสั่งให้กระหม่อมเข้าเฝ้ามีสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยทูลถามพร้อมพระวรกายขององค์ชายหันกลับมาทอดพระเนตรแม่ทัพหนุ่มรูปงาม “ทหารหลวงไปตามเจ้าทันเวลา หาไม่แล้วเจ้าคงจะออกเดินทางไปแล้วสินะ” รับสั่งถามกลับไป “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ... ว่าแต่องค์ชายมีเหตุสิ่งใดหรือที่เรียกกระหม่อมเข้าเฝ้า” จ้าวเทียนอี้กราบทูลถามด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบสายตาเห็นภาพวาดที่อยู่ในพระหัตถ์ และกำลังถูกยื่นให้ตรงหน้า “ข้าต้องการให้เจ้าตามหาหญิงงามในภาพวาดนี้ให้กับข้า มันเป็นภาพวาดที่ถูกส่งมาจากหัวเมืองไม่รู้ว่าเป็นหัวเมืองไหน เจ้ามีฝ่ายข่าวฝีมือดีมา

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 8 จ้าวเทียนอี้ 1.1

    นครฉางอาน ปีที่ 2 ในรัชสมัยจักรพรรดิถังรุ่ยจง เมืองหลวงใหญ่แห่งแผ่นดินต้าถังในเวลานี้เต็มไปด้วยชาวเมืองฉางอานมากมาย กำลังยืนมุงเพื่ออ่านแผ่นประกาศของวังหลวง เนื่องจากมีข่าวลือแพร่สะพัดมานานไม่ต่ำกว่าสองเดือนแล้ว ว่าฮ่องเต้ถังรุ่ยจง จะทรงสละราชสมบัติให้กับพระโอรสองค์ที่สามพระนามว่า เจ้าชายหลี่หลงจี ทั้งนี้เพราะเหตุการณ์ในวังหลวงช่างสลับซับซ้อนยิ่งนัก ภายหลังรัชกาลของบูเช็กเทียน สภาพการเมืองภายในราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย เนื่องจากถังจงจงอ่อนแอ อำนาจทั้งมวลตกอยู่ในมือของเหวยฮองเฮา ที่คิดจะยิ่งใหญ่ได้เช่นเดียวกับบูเช็กเทียน เหวยฮองเฮาหาเหตุประหารรัชทายาท จากนั้นได้วางยาพิษสังหารถังจงจงฮ่องเต้ โอรสองค์ที่สามของถังรุ่ยจง นามหลี่หลงจีภายใต้การสนับสนุนขององค์หญิงไท่ผิงชิงนำกำลังทหารบุกเข้าวังหลวงสังหารเหวยฮองเฮาและพวก ภายหลังเหตุการณ์องค์หญิงไท่ผิงหนุนถังรุ่ยจงขึ้นครองราชย์ แต่งตั้งหลี่หลงจีเป็นรัชทายาท แต่แล้วองค์หญิงไท่ผิงพยายามเข้ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เกิดขัดแย้งกับรัชทายาทหลี่หลงจี ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาและจะมีเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ในปี 712 จักรพรรดิถังรุ่ยจงจึงสละราชย์สมบัติให้กั

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 7 หวนคืนอดีต 1.3

    หนึ่งเดือนผ่านไป บ้านตระกูลจางในยามนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ บ่าวไพร่นับร้อยทั้งชายหญิงต่างเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรคุณหนูเล็กของตระกูลจะฟื้นขึ้นมาเสียที นับตั้งแต่พลัดตกลงไปในบ่อน้ำจนกระทั่งถูกช่วยขึ้นมา หมอยาที่ว่าเก่งกาจจากทั่วทุกสารทิศถูกเกณฑ์มารักษาคุณหนูบ้านตระกูลจางคนแล้วคนเล่า แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้จางลี่เซียนฟื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย ยังคงหลับใหลทอดกายอยู่บนฟูกนอนมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว “ท่านพี่ลี่เซียนนอนอยู่แบบนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว มิมีทีท่าว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาเสียที ข้าเป็นห่วงลูกใจจะขาดยิ่งแล้ว ทำไมนะเหตุใดจึงต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วย” จางฮูหยินกล่าวพร้อมยกผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยซับน้ำตาของตัวเองด้วยความทุกข์ใจยิ่งนัก ท่อนแขนใหญ่ของผู้เป็นสามีตรงเข้าโอบกอดร่างอวบอิ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อปลอบประโลม สีหน้าของผู้นำตระกูลจางในขณะนี้มีแต่ความทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน “ทำใจดีๆ ไว้ฮูหยิน ลี่เซียนของเราจะต้องฟื้นขึ้นมา ลูกของเราต้องฟื้น ซึ่งข้าเองก็หวังไว้เช่นนั้น” “แต่นี่หนึ่งเดือนเข้าไปแล้วนะท่านพี่ยังไม่มีวี่แววที่ลูกจะฟื้นเลย ถ้าหากไม่ตื่นขึ้นมาเลยจะทำเช่นไรต่อไปดี โธ่ ลูกรักของแม่ ตื่นขึ้

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 6 หวนคืนอดีต 1.2

    ดวงวิญญาณของฟางเซียนจากยุคปัจจุบันได้มาปรากฏอยู่ในยุคอดีตที่กาลเวลาย้อนกลับไปกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปี ในรัชสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจง กษัตริย์องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ถัง ดวงวิญญาณของฟางเซียนถูกนำกลับมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เมื่อคนทางวังหลวงได้มาพบหญิงงามที่สุดในแผ่นดินต้าถังและถูกเรียกตัวเขาวังเพื่อถวายตัวให้กับจักรพรรดิถังเสวียนจง ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายทั้งความรัก ริษยาและการแย่งชิงภายในราชสำนักฝ่ายใน และทำให้จางลี่เซียนในชาติอดีตพบจุดจบอย่างน่าเวทนา และร่างของคุณหนูจางลี่เซียนก็คืออดีตชาติของเธอนั่นเอง ดวงวิญญาณของหญิงสาวถูกแรงดึงดูดมหาศาลดึงดวงวิญญาณของเธอเข้าไปในร่างของคุณหนูเล็กแห่งบ้านตระกูลจางอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงวิญญาณจากยุคปัจจุบันและดวงวิญญาณจากยุคอดีตซึ่งเป็นอดีตซาติของเธอหลอมเข้ากลายเป็นดวงจิตและดวงวิญญาณดวงเดียวกัน ล่วงรู้ภพอดีตชาติและภพอนาคตอย่างไม่คาดฝัน ท่ามกลางความงุนงงและสับสนของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบัดนี้เธอมาอยู่ ณ ที่แห่งหนใดกันหนอ “นี่ฉันอยู่ที่ไหน! ฉันอยู่ที่ไหน!” สิ้นเสียงรำพึง ฟางเซียนสิ้นสติไปทันทีพร้อมกับร่างงามก็เริ่มจมดิ่งลงไปอยู่ที่ก้นบ่อ กระดองเต่าที่สลักจา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status