Share

ตอนที่ 7 หวนคืนอดีต 1.3

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-08 20:38:11

หนึ่งเดือนผ่านไป

 บ้านตระกูลจางในยามนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ บ่าวไพร่นับร้อยทั้งชายหญิงต่างเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรคุณหนูเล็กของตระกูลจะฟื้นขึ้นมาเสียที นับตั้งแต่พลัดตกลงไปในบ่อน้ำจนกระทั่งถูกช่วยขึ้นมา หมอยาที่ว่าเก่งกาจจากทั่วทุกสารทิศถูกเกณฑ์มารักษาคุณหนูบ้านตระกูลจางคนแล้วคนเล่า แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้จางลี่เซียนฟื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย ยังคงหลับใหลทอดกายอยู่บนฟูกนอนมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว

 “ท่านพี่ลี่เซียนนอนอยู่แบบนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว มิมีทีท่าว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาเสียที ข้าเป็นห่วงลูกใจจะขาดยิ่งแล้ว ทำไมนะเหตุใดจึงต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วย” จางฮูหยินกล่าวพร้อมยกผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยซับน้ำตาของตัวเองด้วยความทุกข์ใจยิ่งนัก

 ท่อนแขนใหญ่ของผู้เป็นสามีตรงเข้าโอบกอดร่างอวบอิ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อปลอบประโลม สีหน้าของผู้นำตระกูลจางในขณะนี้มีแต่ความทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

 “ทำใจดีๆ ไว้ฮูหยิน ลี่เซียนของเราจะต้องฟื้นขึ้นมา ลูกของเราต้องฟื้น ซึ่งข้าเองก็หวังไว้เช่นนั้น”

 “แต่นี่หนึ่งเดือนเข้าไปแล้วนะท่านพี่ยังไม่มีวี่แววที่ลูกจะฟื้นเลย ถ้าหากไม่ตื่นขึ้นมาเลยจะทำเช่นไรต่อไปดี โธ่ ลูกรักของแม่ ตื่นขึ้นมาเถิดลี่เซียน เจ้าล่วงรู้หรือไม่ว่าแม่จะขาดใจตายอยู่แล้ว หากแม้นเจ้าเป็นอะไรแม่หามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก” จางฮูหยินเริ่มร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร ท่ามกลางสายตาของจางหยวนฟู่ที่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย

 “ท่านพ่อ... ท่านแม่” เสียงของบุตรชายคนที่ห้าเอ่ยเรียก

 สองสามีภรรยาหันไปมองตรงหน้าประตูห้อง เมื่อเห็นร่างใหญ่ของบุตรชายกำลังก้าวเข้ามาภายในห้อง

 “มีอะไรอี้หาน ที่โรงงานกระดาษมีอะไรเกิดขึ้นเช่นนั้นรึ” หยวนฟู่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นบุตรชายคนที่ห้าซึ่งตนมอบหมายให้ดูแลกิจการกระดาษซวนจื่อร่วมกับบุตรชายคนที่สองและหก

 ทั้งนี้จางหยวนฟู่เริ่มจะวางมือจากกิจการที่เป็นขุมทรัพย์มหาศาลให้กับตระกูลจางมาโดยตลอดด้วยอายุที่มากขึ้นทุกปีจนก้าวเข้าสู่วัยชราเมื่อปีนี้เข้าสู่อายุปีที่หกสิบหกจางหยวนฟู่จึงแบ่งกิจการให้บุตรชายทั้งหมดเป็นผู้ดูแลแยกตามความถนัดของแต่ละคน ซึ่งบุตรชายคนโต คนที่สาม และคนที่สี่ คอยดูแลกิจการผ้าไหม ส่วนบุตรชายคนที่เจ็ดเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงได้ขอออกบวชไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของทางโลก และเดินทางไปจำวัดแถวเทือกเขาซงซานซึ่งก็คือวัดเส้าหลินนั่นเอง

 จางอี้หานไม่กล่าวถ้อยคำใดๆ ออกมาหากแต่กลับเบี่ยงร่างสูงใหญ่ของตนที่ยืนขวางประตู จนเผยให้เห็นนักบวชหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องซึ่งก็คือ จางเฟยเทียน บุตรชายคนสุดท้องที่ออกบวชไปนั่นเอง

 “โอ! เฟยเทียน” สองสามีภรรยาต่างเรียกชื่อบุตรชายคนที่เจ็ดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

 “อาตมามาเยี่ยมท่านพ่อและท่านแม่” หลวงจีนหนุ่มเอ่ยพร้อมเจริญคำภาวนาให้พรบิดามารดา

 จางฮูหยินอยากเข้าไปสวมกอดบุตรชายคนที่เจ็ดยิ่งนักเพราะนับตั้งแต่ขอออกบวชแล้วเดินทางไปจำวัดที่เส้าหลินเป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่ไม่ได้พบกันอีกเลย นำพาความปลาบปลื้มใจให้แก่นางอย่างยิ่งยวด

 “แม่ดีใจเหลือเกินที่หลวงจีนท่านเดินทางมาเยี่ยมเยียนพ่อและแม่ ท่านช่างอยู่ห่างไกลยิ่งนัก เทือกเขาซงซานช่างไกลเสียเหลือเกิน ทั้งพ่อและแม่ก็แก่ชราจะเดินทางไปหาก็ไม่ไหวกับเส้นทางที่แสนจะทุรกันดาร แล้วนี่เหตุใดท่านจึงมาถึงลั่วหยางมีการณ์หยั่งรู้สิ่งใดเช่นนั้นรึ” จางฮูหยินเอ่ยถามด้วยความสงสัยพลางก้าวเข้าไปหาบุตรชายคนสุดท้องใคร่อยากโอบกอดให้หายคิดถึงแต่ก็มิอาจทำได้

 “นั่นน่ะสิ! มีสิ่งใดที่ท่านจำต้องมาลั่วหยางด้วยตัวเอง ปกติหากต้องการสิ่งใดจะให้หลวงจีนธุดงค์ที่เดินทางผ่านมาแวะมาส่งข่าวมิใช่รึ” จางหยวนฟู่อดไม่ได้ที่จะสงสัยเช่นกัน

 หลวงจีนเฟยเทียนคลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อได้ยินท่านพ่อท่านแม่กล่าวออกมาเช่นนั้น

 “ข้าจำต้องเดินทางมาด้วยตัวเองก็เพราะมีนิมิตเกี่ยวกับลี่เซียนและยังมีจดหมายจากท่านเจ้าอาวาสฝากมาถึงท่านพ่อและท่านแม่ด้วย” กล่าวพร้อมใช้มือล้วงเข้าไปใต้ชายแขนเสื้อพร้อมดึงจดหมายยื่นส่งให้บิดา

 “ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันก็คือหลวงจีนที่เคยทำนายท่านแม่เกี่ยวกับลี่เซียนเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ข้าและท่านได้นิมิตมาพร้อมกันจึงต้องเร่งเดินทางมาหา ขอให้ท่านพ่อท่านแม่ได้โปรดปฏิบัติตามดั่งคำแนะนำของท่านเจ้าอาวาสด้วยเถิด”

 จางหยวนฟู่ถึงกับยืนนิ่งงันเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “ที่แท้หลวงจีนธุดงค์เมื่อสิบเจ็ดปีก่อนก็คือเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินหรือนี่ โอ... ท่านมีญาณหยั่งรู้ถึงเหตุการณ์ของลี่เซียนมาโดยตลอดก่อนจะเกิดและเกิดมาแล้ว” จางหยวนฟู่กล่าวพลางรีบคลี่จดหมายออกอ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยืนนิ่งไม่ไหวติงเมื่ออ่านข้อความที่เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้ส่งสารมา

 “จะต้องให้น้องเป็นแบบนั้นเหรอเฟยเทียน มันเหมือนยิ่งส่งน้องให้เข้าถ้ำเสือแทนที่จะเก็บน้องให้พ้นสายตา แต่เหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้ลี่เซียนยังไม่ได้สติกลับคืนมาเลย น้องนอนอยู่แบบนี้มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว” คำกล่าวขอหยวนฟู่ทำให้จางฮูหยินอดรนทนไม่ได้จนต้องเอ่ยแทรกทะลุกลางปล้องขึ้นมาทันที

 “มีอะไรเกิดขึ้นท่านพี่ จดหมายจากท่านเจ้าอาวาสเขียนมาเช่นไรเหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้นออกมา”

 หยวนฟู่ยื่นจดหมายส่งให้บุตรชายคนที่ห้าแทนคำตอบพร้อมเอ่ยขึ้น

 “อี้หาน... จงอ่านจดหมายให้แม่ของเจ้าได้ล่วงรู้”

 “ขอรับท่านพ่อ” จางอี้หานเอ่ยรับคำพร้อมรับจดหมายจากมือบิดาพลางประคองร่างของมารดาให้ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ก่อนจะอ่านข้อความในจดหมายให้นางฟัง

 ข้างฝ่ายจางเฟยเทียนค่อยๆ เดินเข้าไปหาน้องสาวคนสุดท้องซึ่งกำลังหลับใหลไม่ได้สติ ก่อนจะพยักหน้าให้หยุนซีและลู่อิงสาวใช้ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงเปิดม่านบังเตียงให้เห็นร่างที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างใน

 “เจ้าสองคนเปิดม่านแล้ว ออกไปรอข้างนอกและห้ามใครเข้ามาในห้องนี้เด็ดขาด หากยังไม่มีใครเรียก

 “เจ้าค่ะ” สองสาวใช้รับคำพร้อมรีบเปิดม่านบังตาออกอย่างรวด เร็ว โดยมีร่างของจางหยวนฟู่เดินตามไปติดๆ

 “มีอะไรอย่างนั้นหรือเฟยเทียน” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

 “ข้ากำลังจะทำให้ลี่เซียนฟื้นคืนสติขึ้นมา ท่านเจ้าอาวาสได้ฝากขวดน้ำทิพย์ซึ่งได้มาจากบ่อน้ำทิพย์บนยอดเขาดอกบัวในเทือกเขาหวงซาน”

 คำกล่าวของบุตรชายคนสุดท้องทำให้จางฮูหยินถึงกับลุกจากเก้าอี้เดินตรงเข้ามาทันที

 “ลี่เซียนจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ นะ ท่านทำให้น้องฟื้นขึ้นมาได้แน่นะ เฟยเทียน” จางฮูหยินเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้นยิ่งนัก

 แทนการตอบรับหลวงจีนหนุ่มพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน

 “แต่มีอย่างหนึ่งที่ท่านพ่อและท่านแม่ต้องรู้”

 สองสามียืนนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “มีสิ่งใดเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างนั้นเหรอ” หยวนฟู่เอ่ยถามบุตรชาย

 “หาใช่สิ่งเลวร้ายท่านพ่อ ตรงกันข้ามมันเป็นผลดีกับลี่เซียนต่างหาก ข้าขอเวลาเพียงครู่เท่านั้น ขอท่านพ่อท่านแม่จงวางใจ น้องต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”

 สองสามีภรรยาต่างพนักหน้าพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะก้าวถอยหลังไปคอยยืนดูห่างๆ เพื่อมิให้เกะกะเมื่อบุตรชายกำลังเตรียมการช่วยเหลือน้องสาวของตน

 ร่างใหญ่ของจางเฟยเทียนก้าวเข้ามาหาร่างงามที่กำลังหลับใหลก่อนจะก้มลงกระซิบอยู่ชิดริมหูของนาง

 “สวรรค์กำหนดแล้ว เจ้าได้หวนคืนกลับมาเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต จุดจบของเจ้าในชาตินี้จะต้องไม่เป็นเช่นนั้น และหน้าที่ของเจ้าคือปลุกโอรสแห่งสวรรค์ให้ห้วนคืนจากความตายอีกครั้ง บัญชาแห่งสวรรค์กำหนดให้มีชีวิตอมตะเพียงหนึ่งเดียวเพื่อรักษาสุดยอดคัมภีร์ที่ประทานให้กับแผ่นดินมังกร” หลวงจีนหนุ่มหยุดกระซิบก่อนจะล้วงเข้าไปในชายเสื้อเพื่อดึงขวดน้ำทิพย์ที่บรรจุในขวดที่ทำด้วยหยกสีขาว พร้อมดึงผ้าที่อุดตรงปากขวดนั้นออกมาก่อนจะก้มลงกระซิบอีกครั้ง

 “ดวงจิตในอดีตชาติของลี่เซียนในยามนี้จะต้องหลับใหลเพราะอำนาจจากบ่อน้ำทิพย์จากดินแดนสวรรค์ เบื้องบนลิขิตให้นางต้องเป็นเช่นนั้น ส่วนดวงจิตของเจ้าในอนาคตนั้นกล้าแข็งกว่าชาติอดีตมากมายยิ่งนัก จึงถูกเลือกให้ทำหน้าที่สำคัญนี้แทนโชคชะตาของเจ้าฟ้าดินเบื้องบนเท่านั้นเป็นผู้หยั่งรู้... ฟางเซียน"

 สิ้นเสียงกระซิบของหลวงจีนหนุ่ม น้ำทิพย์จากสรวงสวรรค์ถูกหยดลงบนริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมาเล็กน้อยเพื่อรองรับน้ำทิพย์ดังกล่าวซึ่งถูกหยดติดต่อกันเป็นจำนวนสามหยด พร้อมๆ กับร่างของเฟยเทียนค่อยๆ ถอยหลังออกมาก่อนจะหันกลับไปบอกกับทุกๆคน

 “ออกไปข้างนอกกันเถอะท่านพ่อ... ท่านแม่... อี้หาน... ไปรอฟังข่าวอยู่ด้านนอก น้ำทิพย์จากสรวงสวรรค์ถูกหยดลงไปในกายแล้ว อีกไม่นานลี่เซียนจะฟื้นเพียงแต่จะใช้เวลาอาจจะเพียงไม่กี่ชั่วยามหรืออาจจะข้ามวันก็เป็นได้ ทางที่ดีเราควรปรึกษาเรื่องที่จะต้องทำตามคำแนะนำของท่านเจ้าอาวาสดีกว่า”

 สมาชิกตระกูลจางทุกคนต่างหันกลับมามองอย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมเสียงของอี้หานเอ่ยขึ้น

 “วิธีของท่านเจ้าอาวาสจะช่วยลี่เซียนให้พ้นภัยได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอฟางเทียน ตลอดระยะเวลาสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาพวกเราต่างปกป้องนางเพื่อให้รอดพ้นสายตาจากราชสำนักแต่กลับต้องส่งนางเข้าสู่ราชสำนักไปเสียนี่” อี้หานเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล

 “สถานที่อันตรายคือสถานที่ปลอดภัยที่สุด ท่านเจ้าอาวาสมีญาณหยั่งรู้และได้รับบัญชาสวรรค์ให้นำน้ำทิพย์จากหวงซานมาช่วยลี่เซียน น้องจะฟื้นขึ้นมาพร้อมหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนแปลงไปแต่ล้วนส่งผลดีต่อลี่เซียนของพวกเราทั้งนั้นแล้วท่านพ่อท่านแม่จะเห็นลี่เซียนที่วันๆ เอาแต่วิ่งเล่น ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จะกลายเป็นหนอนหนังสือและหมกตัวอ่านแต่หนังสืออยู่ตลอดเวลา”

 คำกล่าวของเฟยเทียนทำให้สมาชิกทั้งสามของบ้านตระกูลจาง ต่างนิ่งงันไปทันที

 “อะไรนะ! ลี่เซียนอ่านหนังสือจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อน้องไม่ฝักใฝ่การเรียนรู้หรือชอบอ่านหนังสือแม้แต่น้อย ในแต่ละวันถ้าไม่วิ่งเล่น ก็นั่งปักผ้าเย็บปักถักร้อย” จางฮูหยินกล่าวด้วยความรู้สึกไม่ค่อยจะเชื่อเสียเท่าใดนัก

 “เช่นนั้นท่านแม่ก็คอยดูต่อไปว่าจะจริงดังคำกล่าวของข้าหรือไม่” หลวงจีนหนุ่มกล่าวพร้อมเดินนำหน้าออกจากห้องนอนของน้องสาวคนสุดท้อง ก่อนจะหันกลับมากำชับสองพี่เลี้ยงที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

 “เจ้าสองคนคอยดูแลอยู่หน้าห้อง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปเด็ดขาด อีกไม่นานคุณหนูของเจ้าทั้งสองจะฟื้นขึ้นมา ในระหว่างนี้ตระกูลจางควรเตรียมตัวต้อนรับแขกคนสำคัญที่กำลังเดินทางมาจากวังหลวง”

 คำกล่าวขอหลวงจีนเฟยเทียนทำให้ สมาชิกของบ้านตระกูลจางที่เหลือหยุดก้าวเดินทันที

 “อะไรนะเฟยเทียน! คนทางวังหลวงกำลังจะมาที่บ้านตระกูลจางอย่างนั้นรึ” อี้หานเอ่ยถามย้ำเพื่อความแน่ใจก่อนจะได้ยินเสียงจางฮูหยินเอ่ยแทรกขึ้น

 “ไม่นะ! ข้าไม่ยอมให้ลี่เซียนไปกับคนทางวังหลวงเด็ดขาด จะไม่ยอมให้ลูกสาวของข้าเพียงคนเดียวต้องไปตายทั้งเป็นอยู่ในวัง ใครๆ ต่างก็ล่วงรู้ว่าถ้าถูกเรียกเข้าวังถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้ หากไม่เป็นที่โปรดปรานก็ต้องอยู่อย่างเดียวดายไร้ผู้คนเหลียวแล จะกลับบ้านก็ไม่ได้ ถ้าสนมคนใดไม่มีโอรสหรือธิดาแห่งสวรรค์ให้กับองค์ฮ่องเต้ สุดท้ายก็ต้องออกบวชเป็นนางชีตลอดชีวิตเมื่อฮ่องเต้สวรรคต เมื่อล่วงรู้เช่นนี้แล้วไยจะต้องต้อนรับคนทางวังหลวงอีกเล่า”

 จางฮูหยินกล่าวอย่างรวดเร็วแทบจะลืมหายใจ สุดท้ายก็ต้องหอบเหนื่อยไปในที่สุด

 “ฮูหยินใจเย็นๆ ในจดหมายของท่านเจ้าอาวาสก็ได้บอกมาหมดแล้ว ว่าเราต้องทำตาม หาไม่แล้วเหตุการณ์เลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น มันก็ยังต้องวนเวียนอยู่เช่นนั้น มิอาจแก้ไขให้ลี่เซียนพ้นภัยได้” หยวนฟู่ปลอบภรรยาก่อนจะหันไปกล่าวกับหลวงจีนหนุ่มซึ่งเป็นบุตรชายของตน

 “การมาครั้งนี้ของคนทางวังหลวงจะมาดีหรือมาร้ายเฟยเทียน และถ้าลี่เซียนฟื้นขึ้นมาจริงๆ คนผู้นั้นต้องรีบกลับไปรายงานราชสำนักฝ่ายในเป็นแน่”

 คำกล่าวของหยวนฟู่ ทำให้หลวงจีนหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

 “อีกไม่นานทุกคนจะเข้าใจเมื่อลี่เซียนฟื้นขึ้นมา เพราะน้ำทิพย์จากหวงซานทำให้นางเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน สังเกตท้องฟ้าเบื้องบนให้ดีๆ ถ้าเห็นพระจันทร์เต็มดวงและดวงใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏเกิดขึ้นยามใด เมื่อนั้นพวกท่านทุกคนก็จะได้เห็นอะไรดีๆ ด้วยตาตัวเอง” จางเฟยเทียนกล่าวพร้อมก้าวเดินนำหน้าไปยังห้องโถงใหญ่ของตัวบ้าน ท่ามกลางสายตาของพ่อแม่และพี่ชาย ซึ่งกำลังมองตามหลังด้วยความสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน

 “ข้าอยากรู้จริงๆ เลยว่าสิ่งที่เฟยเทียนกล่าวมันคืออะไรกันแน่ เดี๋ยวจะบอกพวกบ่าวไพร่ให้พากันสังเกตพระจันทร์ อยากรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” อี้หานกล่าวพร้อมก้าวเดินตามหลังน้องชายไปติดๆ

 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 11 จางเสี่ยวหมิง 1.2

    ในเวลาต่อมา ร่างงามที่อยู่เบื้องหน้าค่อยๆ เคลื่อนไหวขึ้นมาทีละน้อยทีละน้อย ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อและสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อดวงตาที่ปิดสนิทมาอย่างยาวนานบัดนี้กำลังกลอกกลิ้งไปมาบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่า ร่างตรงหน้ากำลังตื่นจากการหลับใหล เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่กำลังกะพริบขึ้นลงติดๆ กันเพื่อขับไล่ภาพที่พร่ามัวก่อนจะค่อยๆ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจน พระจันทร์ดวงใหญ่ลอยอยู่บนฟ้า ส่องแสงเหลืองนวลให้ความสว่างไปทั่วผืนแผ่นดินมังกร “โอ้โห! พระจันทร์สวยจังเลย ไม่เคยเห็นดวงใหญ่ขนาดนี้มาก่อน” สิ้นเสียงรำพึง เสียงของทุกคนที่อยู่หน้าเรือนนอนต่างร้องออกมาพร้อมกัน “ลี่เซียน! ลี่เซียนฟื้นแล้ว!” จางฮูหยินและอี้หานพร้อมสาวใช้ลี่อิงต่างรีบก้าวเดินเข้าไปหา จางฮูหยินโผเข้าสวมกอดร่างอรชรตรงหน้าด้วยความดีใจเป็นยิ่งนักเมื่อเห็นลูกสาวคนสุดท้องได้สติฟื้นขึ้นมาเสียที โดยมีอี้หานประคองร่างน้อยๆ จากพื้นให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมลูบเส้นผมยาวสลวยของน้องไปมาด้วยความดีใจเช่นกัน “แม่ดีใจเหลือเกินลี่เซียน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาเส

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 10 จางเสี่ยวหมิง 1.1

    คฤหาสน์ตระกูลจาง คืนวันพระจันทร์เต็มดวง ภายหลังที่หลวงจีนหนุ่มจางเฟยเทียนได้นำน้ำทิพย์บนยอดเขาดอกบัวจากเทือกเขาหวงซานหยดลงไปในปากให้กับลี่เซียนน้องสาวคนสุดท้องของตระกูลไปแล้วนั้น ตั้งแต่วันนั้นเวลาล่วงเลยผ่านไปสามวัน คืนพระจันทร์เต็มดวงก็ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน พระจันทร์ในค่ำคืนนี้ดวงใหญ่โตกว่าที่เคยเห็นมากมายยิ่งนัก อีกทั้งสุกสกาวส่องแสงเป็นประกายจนผืนแผ่นดินเบื้องล่างสว่างเรืองรองแม้จะอยู่ในช่วงเวลาแห่งรัตติกาลก็ตาม “ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านมาดูพระจันทร์ในค่ำคืนนี้สิ ช่างแลดูใหญ่โตกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สวยงามยิ่งนัก” คำกล่าวของจางอี้หานทำให้ประมุขของบ้านพยุงร่างฮูหยินก้าวเข้ามาในบริเวณพื้นที่หน้าลานกลาง บ้านซึ่งจัดเป็นสวนย่อม สองสามีภรรยาแหงนหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้าตามคำกล่าวของบุตรชายพร้อมเสียงรำพึง “เฟยเทียนบอกว่าวันใดที่พระจันทร์เต็มดวงและมีดวงใหญ่กว่าทุกครั้งวันนั้นคือวันที่ลี่เซียนจะฟื้นขึ้นมาใช่หรือไม่ท่านพี่” ฮูหยินจางเอ่ยถามสามีเพื่อความแน่ใจ หยวนฟู่พยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันแทนคำตอบของตนพร้อมเอ่ยขึ้น “เฟยเทียนไปอยู่เสียที่ใดกันเล่า พวกเจ้าเห็นคุณชายเล็กหรือไม่”

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 9 จ้าวเทียนอี้ 1.2

    พระราชวังต้าหมิงกง ตำหนักองค์ชายหลี่หลงจี พระวรกายสูงใหญ่ของโอรสสวรรค์ พระนามหลี่หลงจี กำลังทอด พระเนตรภาพเขียนสีตรงหน้าด้วยความพึงพอพระทัยเป็นยิ่งนัก ด้วยภาพวาดดังกล่าวปรากฏเป็นภาพอิสตรีที่กำลังยืนชมดอกโบตั๋น ภาพวาดที่ขึ้นเป็นมันวาวยิ่งขับให้อิสตรีที่อยู่ในภาพดังกล่าวงดงามอย่างยิ่งยวด เสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินก้าวเข้ามาใกล้พระตำหนัก พร้อมเสียงพูดคุยกับทหารรักษาการณ์อยู่หน้าตำหนักเพียงครู่ก่อนจะปรากฏร่างของแม่ทัพใหญ่จ้าวเทียนอี้หยุดยืนอยู่หน้าประตู “องค์ชายมีรับสั่งให้กระหม่อมเข้าเฝ้ามีสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยทูลถามพร้อมพระวรกายขององค์ชายหันกลับมาทอดพระเนตรแม่ทัพหนุ่มรูปงาม “ทหารหลวงไปตามเจ้าทันเวลา หาไม่แล้วเจ้าคงจะออกเดินทางไปแล้วสินะ” รับสั่งถามกลับไป “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ... ว่าแต่องค์ชายมีเหตุสิ่งใดหรือที่เรียกกระหม่อมเข้าเฝ้า” จ้าวเทียนอี้กราบทูลถามด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบสายตาเห็นภาพวาดที่อยู่ในพระหัตถ์ และกำลังถูกยื่นให้ตรงหน้า “ข้าต้องการให้เจ้าตามหาหญิงงามในภาพวาดนี้ให้กับข้า มันเป็นภาพวาดที่ถูกส่งมาจากหัวเมืองไม่รู้ว่าเป็นหัวเมืองไหน เจ้ามีฝ่ายข่าวฝีมือดีมา

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 8 จ้าวเทียนอี้ 1.1

    นครฉางอาน ปีที่ 2 ในรัชสมัยจักรพรรดิถังรุ่ยจง เมืองหลวงใหญ่แห่งแผ่นดินต้าถังในเวลานี้เต็มไปด้วยชาวเมืองฉางอานมากมาย กำลังยืนมุงเพื่ออ่านแผ่นประกาศของวังหลวง เนื่องจากมีข่าวลือแพร่สะพัดมานานไม่ต่ำกว่าสองเดือนแล้ว ว่าฮ่องเต้ถังรุ่ยจง จะทรงสละราชสมบัติให้กับพระโอรสองค์ที่สามพระนามว่า เจ้าชายหลี่หลงจี ทั้งนี้เพราะเหตุการณ์ในวังหลวงช่างสลับซับซ้อนยิ่งนัก ภายหลังรัชกาลของบูเช็กเทียน สภาพการเมืองภายในราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย เนื่องจากถังจงจงอ่อนแอ อำนาจทั้งมวลตกอยู่ในมือของเหวยฮองเฮา ที่คิดจะยิ่งใหญ่ได้เช่นเดียวกับบูเช็กเทียน เหวยฮองเฮาหาเหตุประหารรัชทายาท จากนั้นได้วางยาพิษสังหารถังจงจงฮ่องเต้ โอรสองค์ที่สามของถังรุ่ยจง นามหลี่หลงจีภายใต้การสนับสนุนขององค์หญิงไท่ผิงชิงนำกำลังทหารบุกเข้าวังหลวงสังหารเหวยฮองเฮาและพวก ภายหลังเหตุการณ์องค์หญิงไท่ผิงหนุนถังรุ่ยจงขึ้นครองราชย์ แต่งตั้งหลี่หลงจีเป็นรัชทายาท แต่แล้วองค์หญิงไท่ผิงพยายามเข้ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เกิดขัดแย้งกับรัชทายาทหลี่หลงจี ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาและจะมีเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ในปี 712 จักรพรรดิถังรุ่ยจงจึงสละราชย์สมบัติให้กั

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 7 หวนคืนอดีต 1.3

    หนึ่งเดือนผ่านไป บ้านตระกูลจางในยามนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ บ่าวไพร่นับร้อยทั้งชายหญิงต่างเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรคุณหนูเล็กของตระกูลจะฟื้นขึ้นมาเสียที นับตั้งแต่พลัดตกลงไปในบ่อน้ำจนกระทั่งถูกช่วยขึ้นมา หมอยาที่ว่าเก่งกาจจากทั่วทุกสารทิศถูกเกณฑ์มารักษาคุณหนูบ้านตระกูลจางคนแล้วคนเล่า แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้จางลี่เซียนฟื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย ยังคงหลับใหลทอดกายอยู่บนฟูกนอนมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว “ท่านพี่ลี่เซียนนอนอยู่แบบนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว มิมีทีท่าว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาเสียที ข้าเป็นห่วงลูกใจจะขาดยิ่งแล้ว ทำไมนะเหตุใดจึงต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วย” จางฮูหยินกล่าวพร้อมยกผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยซับน้ำตาของตัวเองด้วยความทุกข์ใจยิ่งนัก ท่อนแขนใหญ่ของผู้เป็นสามีตรงเข้าโอบกอดร่างอวบอิ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อปลอบประโลม สีหน้าของผู้นำตระกูลจางในขณะนี้มีแต่ความทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน “ทำใจดีๆ ไว้ฮูหยิน ลี่เซียนของเราจะต้องฟื้นขึ้นมา ลูกของเราต้องฟื้น ซึ่งข้าเองก็หวังไว้เช่นนั้น” “แต่นี่หนึ่งเดือนเข้าไปแล้วนะท่านพี่ยังไม่มีวี่แววที่ลูกจะฟื้นเลย ถ้าหากไม่ตื่นขึ้นมาเลยจะทำเช่นไรต่อไปดี โธ่ ลูกรักของแม่ ตื่นขึ้

  • จ้าวเทียนอี้ ตำนานรักพันปี   ตอนที่ 6 หวนคืนอดีต 1.2

    ดวงวิญญาณของฟางเซียนจากยุคปัจจุบันได้มาปรากฏอยู่ในยุคอดีตที่กาลเวลาย้อนกลับไปกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปี ในรัชสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจง กษัตริย์องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ถัง ดวงวิญญาณของฟางเซียนถูกนำกลับมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เมื่อคนทางวังหลวงได้มาพบหญิงงามที่สุดในแผ่นดินต้าถังและถูกเรียกตัวเขาวังเพื่อถวายตัวให้กับจักรพรรดิถังเสวียนจง ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายทั้งความรัก ริษยาและการแย่งชิงภายในราชสำนักฝ่ายใน และทำให้จางลี่เซียนในชาติอดีตพบจุดจบอย่างน่าเวทนา และร่างของคุณหนูจางลี่เซียนก็คืออดีตชาติของเธอนั่นเอง ดวงวิญญาณของหญิงสาวถูกแรงดึงดูดมหาศาลดึงดวงวิญญาณของเธอเข้าไปในร่างของคุณหนูเล็กแห่งบ้านตระกูลจางอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงวิญญาณจากยุคปัจจุบันและดวงวิญญาณจากยุคอดีตซึ่งเป็นอดีตซาติของเธอหลอมเข้ากลายเป็นดวงจิตและดวงวิญญาณดวงเดียวกัน ล่วงรู้ภพอดีตชาติและภพอนาคตอย่างไม่คาดฝัน ท่ามกลางความงุนงงและสับสนของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบัดนี้เธอมาอยู่ ณ ที่แห่งหนใดกันหนอ “นี่ฉันอยู่ที่ไหน! ฉันอยู่ที่ไหน!” สิ้นเสียงรำพึง ฟางเซียนสิ้นสติไปทันทีพร้อมกับร่างงามก็เริ่มจมดิ่งลงไปอยู่ที่ก้นบ่อ กระดองเต่าที่สลักจา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status