Share

ตอนที่8 ขายดิบขายดี

           หลังจากขนมของปลากริมผ่านการคิวซีจากแม่นางกวักเรียบร้อย เมื่อพ่อกับลูกสาวกลับถึงบ้านปลากริมก็ออกมาขายขนมกับแม่ โดยที่พ่อกับปั้นขลิบรับหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน

            สิงห์มองตามหลังภรรยาและลูกสาวคนโตที่หาบขนมเดินออกจากบ้านไปด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป...ไม่มีอีกแล้วความท้อแท้สิ้นหวัง มีแต่กำลังใจที่อยากจะทำบ้านให้น่าอยู่เพื่อรอรับการกลับมาของ "ทัพหน้า" ของครอบครัว

            "เอาละปั้นขลิบ! มาช่วยพ่อขัดพื้นกัน!" เสียงทุ้มตะโกนบอกลูกชายตัวน้อยอย่างกระตือรือร้น เด็กชายพยักหน้าก่อนจะนำผ้ามาทำตามพ่ออย่างเก้ ๆ กัง ๆ ซึ่งสิงห์มองว่ามันช่างน่ารัก น่าเอ็นดู ทางด้านสองแม่ลูกคนเป็นแม่ได้เดินตรงไปยังตลาดใหญ่ใจกลางชุมชน ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ปลากริมกับพ่อเพิ่งมาสักครู่นี่เอง

            "เราจะขายกันตรงนี้แหละจ้ะแม่" ปลากริมบอกพลางชี้ไปยังลานว่างเล็ก ๆ ใกล้กับศาลแม่นางกวักพอดี

            บัววางหาบลงปูเสื่อผืนเล็กแล้วเริ่มจัดเรียงขนม ในใจก็ยังนึกหวั่นว่าจะขายได้หรือไม่ แต่ปลากริมกลับยิ้มกว้างอย่างมั่นใจ เธอรู้ดีว่าเธอมี "ฝ่ายการตลาด" ที่ดีที่สุดในพระนครคอยช่วยอยู่

            และก็เป็นจริงดังคาด...เมื่อแม่จัดวางหาบลงบนเสื่อเรียบร้อย ก็มีป้าคนหนึ่งที่เดินผ่านไปแล้ว แต่ทว่าหล่อนก็เหลียวหลังกลับมา

            "เอ๊ะ...หนู ขายขนมกันรึ มีขนมอะไรบ้างล่ะ กลิ่นหอมเสียจริง" หล่อนถามในขณะที่กำลังเดินเข้ามาหาสองแม่ลูก

            "ขนมกล้วยจ้ะป้า! มีกล้วยบวชชีรูปดอกไม้ด้วยนะจ๊ะ หวานมัน อร่อยมากเลยจ้ะ!" ปลากริมรีบเสนอขายด้วยเสียงใสแจ๋ว ความน่ารักน่าเอ็นดูของแม่ค้าตัวน้อยทำให้หญิงวัยกลางคนใจอ่อนยอมซื้อขนมกล้วยไปชิ้นหนึ่งเพื่อจะลองชิม...และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความอร่อยราวกับมีมนต์สะกด

            "โอ้! อร่อยมากเลยแม่หนู" คำพูดของหญิงวัยกลางคนได้ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเกิดความสนใจ เมื่อมีลูกค้าคนหนึ่งก็ตามมาด้วยคนที่สองและสาม จนกระทั่งผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพากันแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย

            ซึ่งก็มีบางคนที่ได้รู้จักกับครอบครัวของสิงห์และได้ซื้อห่อหมกกินไปเมื่อวานเกิดความอร่อยก็เลยแวะเข้าไปอุดหนุนขนมบ้าง ส่วนบางคนก็สะดุดตากับหน้าตาขนมที่ไม่เคยเห็นแม้ว่ามันจะคือกล้วยบวชชีก็ตาม ส่วนเด็ก ๆ ต่างก็รบเร้าพ่อแม่ให้ซื้อกล้วยฉาบให้เพราะกินง่าย

            บัวทำหน้าที่ตักขนมและรับเงินมือเป็นระวิง ส่วนปลากริมก็ทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ตัวน้อยคอยเรียกลูกค้าและแนะนำขนมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

            เวลาผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง...ขนมทุกอย่างในหาบก็หมดเกลี้ยง! บัวมองกระจาดที่ว่างเปล่าสลับกับมองหน้าลูกสาวด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ หล่อนค่อย ๆ เทเงินเหรียญทั้งหมดออกมานับ...สิบยี่สิบสามสิบ...เกือบสามสิบบาท!

            น้ำตาแห่งความตื้นตันใจไหลอาบแก้มของบัว นี่เป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดที่นางหาได้ในวันเดียวในรอบหลายปี หล่อนดึงร่างเล็กของลูกสาวเข้ามากอดเอาไว้แน่น

            "ขอบใจนะลูก...ขอบใจจริง ๆ"

            ปลากริมกอดตอบแม่พลางยิ้มกว้าง ในใจก็ไม่ลืมที่จะส่งคำขอบคุณไปยังพี่สาวนางตานีและพี่สาวนางกวักที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น...ดูเหมือนว่าการทำธุรกิจกับสหายต่างภพครั้งนี้จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุดในชีวิตใหม่ของเธอก็ว่าได้

            สองแม่ลูกกลับถึงบ้านในตอนสายของวันด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มและหัวใจพองโต พวกเธอพบว่าพ่อกับปั้นขลิบได้ช่วยกันทำความสะอาดบ้านจนดูสว่างและน่าอยู่ขึ้นเป็นอย่างมาก

            และพอสิงห์เห็นเงินเกือบสามสิบบาทที่ภรรยาและลูกสาวหามาได้ในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ชายหนุ่มก็ได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก มีเพียงแววตาแห่งความภาคภูมิใจและโล่งอกที่ฉายชัดออกมา วันนั้นทั้งวันครอบครัวสิงหราชจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความหวัง แต่สำหรับธารามลในร่างปลากริมแล้ว ความสำเร็จก้าวแรกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง...

            ในช่วงเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ขณะที่ผู้คนในชุมชนเริ่มทยอยกลับจากทำงาน บ้างก็แวะซื้อกับข้าว บ้างก็จับกลุ่มตั้งวงดื่มกินกันตามร้านค้าเล็ก ๆ ปลากริมที่นั่งมองภาพเหล่านั้นจากแคร่หน้าบ้าน ความคิดในหัวของเชฟสาวก็เริ่มทำงานอีกครั้ง

            หลังจากได้เงินทุนมาแล้วความคิดของปลากริมก็คิดถึงอาหารคาวอย่างง่ายที่จะทำขายช่วงเย็นตอนคนเลิกงาน อีกทั้งยังสามารถเป็นกับแกล้มได้ด้วย

            "พ่อจ๋า แม่จ๋า" เธอหันไปพูดกับพ่อแม่ที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ "ตอนเย็น ๆ แบบนี้ คนเลิกงานเหนื่อย ๆ เขาคงอยากได้กับข้าวอร่อย ๆ หรือกับแกล้มดี ๆ กินกันนะจ๊ะ ถ้าเรามีของขายอีกอย่างก็น่าจะดี"

            บัวพยักหน้าเห็นด้วยทันที "แม่ก็คิดเหมือนกันลูก แต่เราจะขายอะไรดีล่ะ ของคาวมันทำให้อร่อยยากอยู่เหมือนกันนะ แม่กลัวว่าจะไม่ถูกปากคนกิน"

            ปลากริมยิ้มอย่างมีเลศนัย "เรื่องนั้นแม่ไม่ต้องห่วงจ้ะ ยายกระถินได้ถ่ายทอดการทำกับข้าวมาให้หนูด้วย ส่วนที่ว่าจะขายอะไรนั้น....หนูคิดว่าเราควรที่จะต้องขายสิ่งที่เป็นทั้งกับข้าวและกับแกล้มไปพร้อมกัน"

            เด็กหญิงทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะโพล่งออกมา "เครื่องในหมูต้มแซ่บ รสจัดจ้านเป็นยังไงจ๊ะดีไหม"

            คำตอบของลูกสาวทำให้สองสามีภรรยาขมวดคิ้วแทบจะทันที "เครื่องในเลยเหรอลูก?" บัวทวนด้วยสีหน้ากังวล

            "แม่ยังไม่กล้าทำเลย มันคาวมากนะ ทำไม่ดีนี่เหม็นจนกินไม่ได้ทีเดียว"

            "ใช่ลูก พ่อว่ามันเสี่ยงไปหน่อยนะ" สิงห์เสริมขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่ไม่ใช่ปัญหากับเชฟใหญ่อย่างปลากริม เธอยิ้มรับความกังวลของพ่อกับแม่อย่างใจเย็น

            "ไม่คาวแน่นอนจ้ะ! คุณยายกระถินสอนวิธีดับคาวมาให้หนูหมดแล้ว" เธอใช้ข้ออ้างเดิมที่ตอนนี้กลายเป็นไม้ตายไปแล้ว "ท่านบอกว่าเคล็ดลับมันอยู่ที่การล้าง เราต้องเอาเกลือกับแป้งมันมาขยำ ๆ ๆ เครื่องในให้ทั่วเลยนะจ๊ะ แล้วก็ล้างน้ำเปล่าหลาย ๆ น้ำ จากนั้นเอาไปต้มกับข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดก่อนรอบหนึ่ง แค่นี้กลิ่นคาวก็หายเกลี้ยงแล้วจ้ะ เหลือแต่ความอร่อย!"

            เด็กหญิงอธิบายกรรมวิธีอย่างละเอียดลออราวกับเป็นแม่ครัวประสบการณ์ห้าสิบปี จนพ่อกับแม่ได้แต่อ้าปากค้างอีกรอบ และเธอก็ได้เสนอแผนการตลาดที่เหนือชั้นต่อไปอีก

            "แล้วเราก็ไม่ต้องขายอย่างเดียวทุกวันให้คนเบื่อนะจ๊ะ อย่างวันนี้เราขายต้มแซ่บเครื่องใน พรุ่งนี้เราก็เปลี่ยนเป็นต้มแซบกระดูกเล้งรสเด็ด วันมะรืนก็อาจจะเป็นต้มยำปลาช่อนน้ำใส...เราเปลี่ยนรายการไปเรื่อย ๆ คนจะได้ตื่นเต้น อยากมารอดูว่าวันนี้ร้านเราจะขายอะไรดี!"

            ความคิดเรื่อง "เมนูประจำวัน" ที่หมุนเวียนสลับกันไป เป็นสิ่งที่ทันสมัยและน่าทึ่งมากสำหรับคนในยุคนี้ สองสามีภรรยามองหน้ากัน ในแววตาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจในตัวลูกสาวคนนี้อย่างถึงที่สุด

            ตอนนี้พวกเขาไม่ได้แค่เชื่อแล้ว แต่ศรัทธาใน "พรสวรรค์จากคุณยายกระถิน" อย่างหมดหัวใจ

            "พ่อเชื่อลูก!" สิงห์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "พรุ่งนี้พ่อจะไปตลาดแต่เช้า ไปเลือกซื้อเครื่องในหมูสด ๆ มาให้ลูกเลย!"

            บัวเองก็พยักหน้ารับเช่นกัน "เดี๋ยวแม่จะเตรียมเครื่องต้มยำไว้ให้พร้อมเลยลูก"

            แผนธุรกิจใหม่ถูกอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์โดยมีซีอีโอตัวน้อยเป็นผู้นำ อาณาจักรของ "นักเลงขนมหวานฟันน้ำนม" กำลังจะขยายสาขามาสู่ "เจ้าแม่ต้มแซ่บ" เป็นลำดับต่อไป

            และดูเหมือนว่าชาวบ้านในชุมชนริมคลองบางกอกน้อย กำลังจะได้ลิ้มรสความอร่อยรสจัดจ้านที่จะทำให้ลืมกับข้าวทุกอย่างที่เคยกินมา!

          แม่หนู เจ้าอย่าลืมเอามาให้ข้ากับพี่สาวนางกวักได้ลิ้มรสด้วยหนา เสียงหวานใสผู้ติดรสมือของปลากริมตัวน้อยลอยมา ตามลม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   ตอนที่พิเศษที่5 นักเลงขนมหวานรุ่นเยาว์ (ตอนจบ)

    หลายปีต่อมา...ในคืนวันศุกร์ที่แสนคึกคักใจกลางย่านพระอาทิตย์...แสงไฟนีออนสีน้ำเงินนวลสาดส่องลงบนป้ายชื่อร้านที่ออกแบบอย่างมีรสนิยม... "พระอาทิตย์ บลูส์" (Phra Athit Blues) นี่คือไพรเวทแจ๊สคลับที่หรูหราและเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในพระนคร และเจ้าของคลับแห่งนี้ก็คือสองหนุ่มโสดที่เนื้อหอมมากที่สุด...ข้าวเหนียวและปั้นขลิบ บรรยากาศภายในคลับอบอวลไปด้วยเสียงดนตรีแจ๊สสด ๆ ที่บรรเลงอย่างนุ่มนวลกลิ่นหอมของซิการ์ชั้นดีและเสียงพูดคุยของเหล่าแขกผู้มีระดับ...ทั้งนักธุรกิจ ทูตานุทูตและศิลปินชื่อดัง ข้าวเหนียวในชุดสูทสั่งตัดอย่างดีกำลังยืนพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจชาวต่างชาติด้วยภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว...ส่วนปั้นขลิบก็กำลังโปรยเสน่ห์ให้กับกลุ่มคุณหนูไฮโซที่โต๊ะข้างเวที...ซึ่งทั้งสองคนได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างสมบูรณ์แบบ ที่โต๊ะVIP ที่ดี

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   ตอนพิเศษที่4 เรื่องราวของสองหนุ่มโสดแห่งบ้านสิงหราช

    หลังจากที่สองสหายคู่ซี้อย่างข้าวเหนียวและปั้นขลิบ...ที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋...ได้เดินทางกลับมาถึงพระนครหลังจากไปทำหน้าที่อาสา พวกเขาก็ได้รับวันหยุดพักผ่อนอย่างเต็มที่ และเมื่อสองหนุ่มโสด...โปรไฟล์ดี...ผู้มีพลังงานล้นเหลือได้กลับคืนสู่เมืองหลวง...ค่ำคืนแห่งความสนุกสนานก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง... และเบื้องหลังรอยยิ้มที่มีเสน่ห์นั้น...พวกเขาก็บังเกิดความคิดที่จะสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นมาบ้างนอกจากจะช่วยดูแลกิจการของครอบครัว ดังนั้นในเย็นวันหนึ่งขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ที่เลานจ์หรูของร้านเลอ บัว เบลอ หลังจากที่ช่วยปลากริมดูแลความเรียบร้อยของร้านแล้ว ปั้นขลิบก็ได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ "พี่ข้าวเหนียว...พอผมเห็นพี่ปลากริ

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   ตอนพิเศษที่3 ทหารหนุ่มหัวใจแกร่ง

    หลังจากเรื่องราวภายในครอบครัวผ่านพ้นมาได้ด้วยดีครอบครัวใหญ่แห่งบ้านสิงหราชก็ได้เติบโตและงอกงามขึ้นอย่างมีความสุข มะตูมและนีรนาถมีทายาทชายคนแรกเป็นโซ่ทองคล้องใจ ส่วนปลากริมและเทวากรก็มีลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักน่าชัง... ค่ำคืนหนึ่งบนโต๊ะอาหารที่แสนอบอุ่นและคึกคักของบ้านสิงหราช เพชรในยศร้อยตรีกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงวันหยุด เขาได้เห็นภาพความสุขของทุกคนในครอบครัว...และมันก็ทำให้เขาตัดสินใจในเรื่องสำคัญในชีวิตออกมาได้ คืนเดียวกันนั้นหลังจากที่สมาชิกภายในครอบครัวได้แยกย้ายกันไปหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจเข้าไปคุยกับสิงห์และบัวผู้ที่เปรียบเหมือนพ่อแม่เป็นการส่วนตัว... "พ่อครูครับ...แม่บัวครับ..." เขาเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความหนักแน่น "ผมได้อาสาสมัครไปประจ

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   ตอนพิเศษที่2 โปรโมเตอร์มวยผู้เนื้อหอม

    ท่ามกลางการเติบโตของทุกคน กาลเวลาเองก็ได้เปลี่ยนเด็กชายขี้อายที่ชื่อดิน...ให้กลายเป็นชายหนุ่มผู้สุขุมและน่าเกรงขามในวงการมวยไทย บัดนี้เขาคือโปรโมเตอร์ดิน สิงหราช ผู้ก่อตั้งสิงหราชโปรโมชั่นและเป็นหนึ่งในโปรโมเตอร์หนุ่มที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของเวทีราชดำเนิน สำนักงานของเขาที่เช่าไว้มุมหนึ่งของสนามมวยไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา แต่มันคือศูนย์กลางของความเคลื่อนไหว ผนังห้องเต็มไปด้วยโปสเตอร์รายการมวยที่เขาเคยจัด รูปถ่ายขาวดำของนักมวยในค่ายที่คว้าชัยชนะและกระดานดำขนาดใหญ่ที่ขีดเขียนตารางการซ้อมและรายชื่อคู่มวยไว้จนเต็ม เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานของเขาดังขึ้นแทบจะตลอดทั้งวัน..."ครับพี่...เรื่องน้ำหนักของเจ้าสมิงขาวไม่น่ามีปัญหาครับ...เดี๋ยวผมจะคุมด้วยตัวเอง" เขาพูดสายหนึ่ง ก่อนจะวางหูแล้วรับอีกสาย&nbs

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   ตอนพิเศษที่1 คำขอแต่งงานที่แลกมากับการเจ็บตัว

    หนึ่งปีผ่านไป...หลังจากที่ทุกคนได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้านสิงหราช... บ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง บรรยากาศในบ้านดูจะคึกคักและมีพิรุธมากเป็นพิเศษ...โดยที่ทุกคนในครอบครัวสิงหราชต่างก็รู้ดีว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น...ยกเว้นเพียงคนเดียว...คือปลากริมที่หารู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เทวากรที่ตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มเต็มตัว กำลังยืนอยู่หน้ากระจกด้วยท่าทีที่ประหม่ามากที่สุดในชีวิต ในมือของเขาคือกล่องกำมะหยี่ขนาดเล็กที่บรรจุแหวนหมั้นวงงาม...ซึ่งเขาได้ซักซ้อมแผนการของตนเองกับเหล่าพี่ชายของหญิงสาวในดวงใจเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าคนทั้งคู่จะเป็นคู่หมายกัน...ทว่าสำหรับเทวากรแล้วเขาอยากจะทำให้ทุกช่วงเวลาของเขากับปลากริมเต็มไปด้วยความหมาย "ผมจะรอจังหวะที่น้องซ้อ

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   ตอนที่99 (จบ) ใต้ร่มเงาแห่งรัก

    สามปีผ่านไป... กาลเวลาได้นำพาเหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวแห่งบ้านสิงหราชและบ้านเมธาวินเติบโตขึ้นสู่เส้นทางแห่งเกียรติยศและความสำเร็จ มะตูมกับเพชรหลังจากเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อย...พวกเขาก็ได้บรรจุเข้ารับราชการเป็นนายตำรวจและนายทหารหนุ่มอนาคตไกล ด้วยผลงานการชกมวยที่สร้างชื่อให้กับประเทศชาติในนามทีมชาติสมัครเล่น จึงทำให้พวกเขาได้รับราชการอยู่ในเขตพระนครทำให้คนทั้งคู่สามารถกลับมาดูแลค่ายมวยและครอบครัวได้เสมอ ส่วนปลากริม...หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย เธอก็ได้เข้ามาดูแลและพัฒนาสูตรอาหารและขนมให้กับกิจการทั้งหมดของครอบครัว ทั้งร้านเลอ บัว เบลอและโรงแรมเมธาวินแกรนด์...ในฐานะคู่หมายอย่างเป็นทางการของเทวากร... 

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status