Share

บทที่ 7

เช้าวันรุ่งขึ้น บรรยากาศในบ้านไม้หลังเก่าของค่ายมวยสิงหราชดูเปลี่ยนไป ความเงียบเหงาและท้อแท้ที่เคยปกคลุมจางหายไปจนเกือบหมดสิ้น

เหลือไว้เพียงความกระตือรือร้นและความหวังที่ส่องประกายอยู่ในแววตาของทุกคนในครอบครัว เงินจำนวนห้าบาทห้าสิบสตางค์ที่ได้มาเมื่อวานอาจจะดูไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับพวกเขาแล้ว มันคือสมบัติล้ำค่าและเป็นทุนก้อนแรกที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง

หลังจากมื้อเช้าแสนง่ายที่อิ่มหนำกว่าทุกวันด้วยห่อหมกที่เหลือจากเมื่อวานกับปลาทอดฝีมือแม่ เชฟปลากริมก็เรียกประชุมครอบครัวทันทีถึงเรื่องการทำขนมจากที่เมื่อวานเด็กหญิงได้พูดไว้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

"แม่จ๋า พ่อจ๋า...ตอนที่คุณยายกระถินมาหาหนูในฝัน ท่านบอกว่าท่านจะให้ของวิเศษหนูมาช่วยทำขนมให้ครอบครัวเราด้วยนะจ๊ะ"

คำพูดของลูกสาวทำให้คนทั้งคู่มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ "ของวิเศษเหรอลูก?"

ปลากริมพยักหน้าหงึกหงัก เธอแสร้งทำเป็นหลับตาตั้งสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือเล็ก ๆ ไปด้านหลังแล้วทำท่าเหมือนหยิบบางอย่างมาจากอากาศว่างเปล่า

เมื่อเธอยื่นมือกลับมาอีกครั้ง ในอุ้งมือน้อย ๆ นั้นก็ปรากฏพิมพ์กดขนมที่ทำจากสแตนเลสเงาวับเป็นรูปดอกไม้สวยงามหลายขนาด ซึ่งเป็นของที่เธอหยิบออกมาจากมิติส่วนตัวนั่นเอง

"นี่ไงจ๊ะ! ของวิเศษของคุณยาย!"

สิงห์กับบัวเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นของใช้ในครัวที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อน มันดูทันสมัยและแตกต่างจากทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านอย่างสิ้นเชิง

"นะ...นี่มันอะไรกันลูก" บัวถามเสียงสั่นเอื้อมมือมาแตะพิมพ์กดนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

"พิมพ์กดรูปดอกไม้จ้ะแม่ คุณยายบอกว่าถ้าเราใช้เจ้านี่กดลงไปบนกล้วย กล้วยบวชชีของเราก็จะเป็นรูปดอกไม้สวยงาม ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน"

สิ้นคำอธิบายของลูกสาว สองสามีภรรยาก็ยิ่งทึ่งและขนลุกซู่ไปพร้อม ๆ กัน นี่ไม่ใช่แค่ความสามารถที่ติดตัวมา แต่เป็นถึง ของวิเศษที่แม่ต่างภพตามความเข้าใจของคนทั้งคู่ส่งมาเพื่อช่วยลูกหลาน

ความเชื่อมั่นในตัวลูกสาวพุ่งสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวจากนั้นปฏิบัติการในครัวก็เริ่มต้นขึ้นอย่างคึกคัก พ่อรับหน้าที่ขูดมะพร้าวจากมะพร้าวที่ไปหามาได้ ส่วนแม่รับหน้าที่คั้นกะทิ ทางด้านปลากริมก็ทำหน้าที่เป็นเชฟใหญ่นำกล้วยห่ามมาหั่นเป็นแว่น แล้วใช้พิมพ์วิเศษตามที่พ่อแม่เรียกกดลงไปทีละชิ้น ๆ จนได้กล้วยรูปดอกไม้ออกมาอย่างง่ายดายและสวยงามสมบูรณ์แบบทุกชิ้น

เมื่อนำไปทำกล้วยบวชชีผลลัพธ์ที่ได้จึงน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเดิม...ในน้ำกะทิสีขาวข้นหอมหวานมันมีดอกไม้ทำจากกล้วยลอยละล่องอยู่เต็มหม้อ เป็นภาพที่สวยงามน่ากินจนแม้แต่ผู้ใหญ่ยังต้องร้อง "ว้าว"

พ่อกับแม่มองผลงานตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจระคนอัศจรรย์...ดูเหมือนว่าของขวัญจากคุณยายกระถินชิ้นนี้กำลังจะกลายเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตอันแสนยากลำบากของครอบครัวพวกเขาอย่างสิ้นเชิงต่างจากเดิม

ซึ่งทั้งสิงห์และบัวยังไม่รู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่พวกเขายังต้องอ้าปากค้าง แต่ปลากริมไม่ได้คิดจะเฉลยออกมาทั้งหมดในคราวเดียว

หลังจากได้กล้วยบวชชีหม้อใหญ่หอมกรุ่นมาแล้วหนึ่งหม้อ ในระหว่างที่ทุกคนกำลังชื่นชมผลงานอยู่นั้นเอง กลิ่นหอมเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ก็ลอยมาก่อนตัว

ปลากริมรู้ได้ทันทีว่า "พี่สาว" จอมจ้อของเธอกำลังจะปรากฏตัว และดูเหมือนว่าครั้งนี้หล่อนจะเรียนรู้บทเรียนมาจากครั้งก่อนหน้าแล้วเพราะส่งกลิ่นมาแต่ไกลไม่ได้โผล่พรวดพราดออกมาตรงหน้าเหมือนคราวแรก ด้วยเพราะกลัวจะถูกเด็กวัยหกขวบบ่นเอาอีก

หอม...หอมเหลือเกินหนูน้อย น่ากินยิ่งนัก เสียงหวานใสของแม่นางตานีดังขึ้นในความคิดของเด็กหญิง

ปลากริมแอบกลอกตาไปมา พี่สาวอยากกินหรือจ๊ะ

ใช่จ้ะ หนูน้อยถ้าเจ้าตักขนมถ้วยนั้นมาไหว้ข้าสักหน่อยนะ ข้ามีของดีจะตอบแทน

ข้อเสนอที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมยั่วน้ำลายทำให้ปลากริมสนใจขึ้นมาทันที

ของดีอะไรหรือพี่สาว? เธอถามกลับในใจ

ถ้าเจ้าไหว้ข้าด้วยของอร่อย ๆ แบบนี้บ่อย ๆ นะ เสียงของนางตานีฟังดูตื่นเต้น ข้าจะช่วยทำให้กล้วยของข้าออกผลเยอะ ๆ เลย ทั้งเครือใหญ่ ทั้งลูกโต! อีกทั้งรวมถึงใบตองด้วยจะให้เขียวสวยทนทานนานกว่าใครทั้งหมด! ไม่เพียงแค่นั้นนะ...ข้าจะไปบอกเพื่อนสาวของข้าที่เป็นนางกวักอยู่ที่ศาลเจ้าในตลาดให้มาช่วยเรียกลูกค้าให้ด้วย ดีหรือไม่!

ข้อเสนอที่พ่วงโปรโมชั่นการตลาดเสร็จสรรพทำให้ปลากริมถึงกับนิ่งไปชั่วครู่...ทะลุมิติมาไม่พอ ยังต้องมาทำข้อตกลงทางธุรกิจกับผี

แถมยังมีเรื่องส่งต่อดีลไปให้ฝ่ายการตลาดที่เป็นนางกวักอีกเหรอเนี่ย! ปลากริมยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวกับความวุ่นวายที่ดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่คิดไปคิดมาก็คุ้มค่า...คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม! ในเมื่อมีผีอยากจะเสนอตัวเข้ามาช่วยถึงขนาดนี้ทำไมเธอจะไม่ให้ช่วยเสียล่ะ แค่แลกกับขนมถ้วยเล็ก ๆ เท่านั้นเอง งานนี้มีแต่กำไรล้วน ๆ ไม่ขาดทุน

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ปลากริมก็หันไปพูดกับแม่ด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา

"แม่จ๋า...ก่อนเราจะชิมกัน หนูขอตักกล้วยบวชชีไปไหว้คุณยายกระถินที่ดงกล้วยก่อนได้ไหมจ๊ะ ท่านจะได้ช่วยคุ้มครองเรา ให้เราค้าขายดี ๆ"

นี่คือการใช้ข้ออ้างเรื่องคุณยายกระถินให้เป็นประโยชน์อย่างสูงสุด เมื่อบัวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ "ดีแล้วลูก คิดดีทำดีแล้วนะเรา ไปเถอะลูก ไปไหว้ท่านเถอะ ท่านจะได้อวยพรให้เรา"

ปลากริมพยักหน้ารับ เธอตักกล้วยบวชชีรูปดอกไม้ใส่กระทงใบตองขนาดพอเหมาะอย่างสวยงามแล้วเดินตรงไปยังดงกล้วยหลังบ้าน ในความคิดก็ได้ยินเสียงแม่นางตานีหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข

ดูเหมือนว่าพันธมิตรทางธุรกิจคนแรกของเชฟใหญ่ปลากริมผู้นี้จะไม่ใช่คน...แต่เป็นถึงผีนางตานีเจ้าถิ่นนั่นเอง ปลากริมเดินนำกระทงใบตองที่ใส่กล้วยบวชชีรูปดอกไม้อย่างงดงามไปวางลงอย่างนอบน้อมที่โคนต้นกล้วยตานีที่ใหญ่ที่สุดในดงกล้วยหลังบ้าน

"คุณยายกระถินจ๋า...พี่สาวนางตานีจ๋า...ปลากริมเอาขนมมาไหว้จ้ะ ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองครอบครัวเราให้ทำมาค้าขายขึ้นด้วยนะจ๊ะ" เด็กหญิงพนมมือเล็ก ๆ แล้วเอ่ยเสียงเบา

สิ้นคำพูดร่างโปร่งแสงของแม่นางตานีก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า นางยิ้มกว้างอย่างพออกพอใจ กระทงขนมที่วางอยู่บนพื้นพลันส่องประกายสีเขียวอ่อน ๆ วาบหนึ่งก่อนจะเลือนหายไป เป็นสัญญาณว่านางได้รับเครื่องเซ่นนั้นแล้ว

ขอบน้ำใจเจ้ามากนะหนูน้อย ช่างหอมหวานชื่นใจเสียจริง เสียงหวานกังวานดังขึ้นในความคิดของปลากริม เจ้าไม่ต้องห่วง สัญญาต้องเป็นสัญญา เดี๋ยวพี่สาวจะไปจัดการธุระให้เดี๋ยวนี้เลย!

พูดจบร่างของแม่นางตานีก็กลายเป็นลมหมุนสีเขียวตองอ่อนพัดหายวับไปจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้ปลากริมยืนทึ่งอยู่คนเดียว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
สายฝน กายผล
เขียน​วกไปวนมาอ่าน​แล้วงง
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   บทที่ 171

    คำตอบที่ชัดเจนนั้น...คือการยืนยันอย่างสมบูรณ์ว่าลูกสาวของเธอได้มองเห็นแม่นางตานีกับแม่นางกวัก สองสหายต่างภพของตัวเอง ภายในค่ำคืนนั้น...หลังจากที่ส่งลูก ๆ เข้านอนเรียบร้อย...ปลากริมก็ได้ตัดสินใจเล่าความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอให้เทวากรผู้เป็นสามีฟังเป็นครั้งแรก... ยกเว้นเรื่

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   บทที่ 170

    หลายปีต่อมา...ในคืนวันศุกร์ที่แสนคึกคักใจกลางย่านพระอาทิตย์...แสงไฟนีออนสีน้ำเงินนวลสาดส่องลงบนป้ายชื่อร้านที่ออกแบบอย่างมีรสนิยม... "พระอาทิตย์ บลูส์" (Phra Athit Blues) นี่คือไพรเวทแจ๊สคลับที่หรูหราและเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในพระนคร และเจ้าของคลับแห่งนี้ก็คือสองหนุ่มโสดที่เนื้อหอม

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   บทที่ 169

    "ต้องได้สิ!" ข้าวเหนียวตอบอย่างหนักแน่น แม้ในใจจะเริ่มรู้สึกไม่ต่างกัน "นายอย่าลืมสิว่าการทำธุรกิจมันไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ นายก็เห็นแล้วจากตัวอย่างของทั้งพ่อครูและแม่ครู ไหนจะปลากริมกับพี่เขยของนายอีก" คำพูดนี้ได้ทำให้ปั้นขลิบมีไฟขึ้นมาอีกครั้ง "พี่พูดถูก ผมจะมาท้อง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้"

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   บทที่ 168

    หลังจากที่สองสหายคู่ซี้อย่างข้าวเหนียวและปั้นขลิบ...ที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋...ได้เดินทางกลับมาถึงพระนครหลังจากไปทำหน้าที่อาสา พวกเขาก็ได้รับวันหยุดพักผ่อนอย่างเต็มที่ และเมื่อสองหนุ่มโสด...โปรไฟล์ดี...ผู้มีพลังงานล้นเหลือได้กลับคืนสู่เมืองหลวง...ค่ำคืนแห่งความสนุกสนาน

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   บทที่ 167

    สิ้นเสียงตะโกนของลูกน้อง...เสียงปืนกลก็ดังขึ้นจากแนวป่ารกทึบ! พวกเขาถูกซุ่มโจมตี! "หมอบลง! หาที่กำบัง!" เพชรตะโกนสั่งการอย่างไม่ตื่นตระหนก เขายิงต่อสู้เพื่อคุ้มกันให้ลูกน้องได้เข้าที่กำบังอย่างปลอดภัย...ทักษะการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วว่องไวราวกับเงาที่เขาได้มาจากมวยไชยา...ได้ถูกนำมาปรับใ

  • ฉันนี่แหละนักเลงขนมหวาน "ฟันน้ำนม" แห่งพระนครยุค 2500   บทที่ 166

    หลังจากเรื่องราวภายในครอบครัวผ่านพ้นมาได้ด้วยดีครอบครัวใหญ่แห่งบ้านสิงหราชก็ได้เติบโตและงอกงามขึ้นอย่างมีความสุข มะตูมและนีรนาถมีทายาทชายคนแรกเป็นโซ่ทองคล้องใจ ส่วนปลากริมและเทวากรก็มีลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักน่าชัง... ค่ำคืนหนึ่งบนโต๊ะอาหารที่แสนอบอุ่นและคึกคักของบ้านสิงหราช เพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status