ฉันไขกุญแจเปิดประตูเข้าห้องด้วยความรู้สึกแปลกๆ ฉันเปิดไฟให้สว่างทั่วห้อง เฮ้อ คืนนี้ฉันต้องนอนเปิดไฟอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย แพรวาแกอยู่หอนี้มาตั้งแต่ขึ้นปี1นะเว้ย แกจะมากลัวห้องตัวเองตอนนี้ไม่ได้
ห้องของฉันเป็นห้องโล่งๆ เปิดประตูเข้ามาด้านขวามือเป็นห้องน้ำถัดไปคือตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก มีเตียงขนาด3.5ฟุตที่ตั้งอยู่กลางห้อง ตรงข้ามเตียงมีแอร์อยู่บนผนัง มีตู้เย็นตั้งอยู่และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกเล็กน้อย เช่นเตาไมโครเวฟ กาน้ำร้อน ถัดไปมีระเบียงที่เป็นวิวบ้านคน เวลาฉันซักผ้าก็จะตากผ้าริมระเบียงนี่แหละ
ฉันเข้าห้องน้ำมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและขึ้นไปนอนบนเตียงหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ก็พบว่ามีสายเรียกเข้าจากเจ๊มุกที่ฉันไม่รับเกือบสิบสายฉันจึงโทรกลับหาเจ๊มุก
"ไอ้แพร วันนี้แกไม่ต้องมาทำงานที่ร้านแล้วนะ" เจ๊มุกพูดเมื่อกดรับสาย
"เจ๊พูดแบบนี้คือไล่หนูออกเหรอคะ"
"ไม่ได้ไล่ออก แต่ว่า.....เฮ้อ ช่วงนี้แกหางานอย่างอื่นทำไปก่อนนะเว้ย เจ๊รู้เรื่องที่เกิดขึ้นหมดแล้ว คนที่แพรมีเรื่องด้วยมันบอกว่าจะสั่งปิดร้านเจ๊น่ะสิ ถ้าเจ๊ปิดคนอื่นๆก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย แพรเข้าใจเจ๊ใช่ไหม ให้เรื่องมันซาก่อนแพรค่อยกลับมาทำงานก็แล้วกัน"
"โห โคตรไม่ยุติธรรมเลยอ่ะเจ๊ เรื่องเกิดเพราะพวกมันแท้ๆ"
"เรื่องนี้พูดยาก เรามันคนธรรมดาอ่ะแพรเอ๊ย ช่วงนี้แพรก็ระวังตัวไว้บ้างแล้วกันเจ๊เป็นห่วง เออ เจ๊นึกออกแล้วเจ๊มีเพื่อนเปิดผับเหมือนกัน เดี๋ยวเจ๊จะแนะนำแพรให้มันแล้วกัน"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะเจ๊มุก"
"จ้ะ"
แล้วเจ๊มุกก็วางสายไป ฉันกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกโกรธ ไอ้สารเลวกัน ไอ้ชาติชั่ว มันยังไม่สำนึกอีก มาทำกับฉันแบบนี้ เหอะ โกรธโว้ย โกรธๆ ไหนจะเรื่องคลิปอีก ฉันหยิบหมอนมาฟาดที่เตียงเพื่อระบายความโกรธ
"แฮ่กๆ" ฉันหอบด้วยความเหนื่อย เล่นซะหมดแรงเลย โว้ย......แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย เกิดมาเป็นคนธรรมดาไม่มีอำนาจใดๆแล้วจะสู้มันไหวได้ยังไงวะ เฮ้อ จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา ฉันใช้มือมาปาดน้ำตาทิ้งแล้วซบหน้าลงกับหมอน ฮือๆ ทำไมชีวิตของฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะมีชีวิตดีๆอย่างคนอื่นเขาบ้างไม่ได้เลยเหรอ
"แงๆๆๆๆๆ ฮือๆๆๆๆๆๆๆ" ฉันร้องไห้สะอึกอื้นราวหนึ่งชั่วโมงแล้วเผลอหลับไป
ในขณะที่ฉันนอนหลับอยู่นั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองกึ่งหลับกึ่งตื่น"อื้อๆ" ฉันร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้
"ร้องไห้ทำไม"เสียงเย็นๆยานๆของผู้ชายมากระซิบข้างหูฉัน
"ใครน่ะ อื้อๆ" ฉันพูดออกมาแล้วพยายามดิ้นๆให้หลุด มือเย็นเฉียบของใครบางคนมาแตะที่หางตาของฉันและใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาให้
"อื้อ อย่านะ" ฉันสะบัดหน้าหนีสัมผัสนั้น แต่ยังคงขยับตัวไม่ได้ แบบนี้เขาเรียกว่าโดนผีอำหรือเปล่าเนี่ย ไม่สิๆ นี่แค่ฝัน แกแค่ฝันเท่านั้น ตั้งสติหน่อยสิวะไอ้แพรวา
"อยู่นิ่งๆ" เสียงดุๆเอ่ยขึ้นแกมสั่ง
แต่ฉันยังคงดิ้นๆ แต่ในใจเริ่มรู้สึกกลัว ฉันพยายามลืมตาเพ่งมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งในระยะใกล้ เขานั่งข้างเตียงแล้วเอี้ยวตัวมามองฉัน ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ
"อะ......อื้อๆๆ" ฉันจะแหกปากร้องแต่ร้องไม่ได้ ได้แต่สบตากับเขาอยู่อย่างนั้น ฉันจำได้เขาคือ....คุณวาคินผู้ชายในรูปที่คฤหาสน์หลังนั้น
"..................." เขาไม่ได้พูดอะไรแต่มองหน้าฉัน อ๊ายยยยย ไปไกลๆ ฉันขนลุกไปหมดแล้ว มันใกล้ซะจนฉันเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ค่อนข้างซีดเซียวของเขา
"อื้อ.......อื้อ....ไปที่ชอบ....ที่ชอบสิ........แพร.....กรวดน้ำ.....ให้คุณแล้ว....." ฉันเอ่ยบอกเขา
"นี่ไง...ที่ชอบ" เขาเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก ฮือๆ ถึงมันจะดูดีแค่ไหน แต่ฉันรู้อยู่ในใจว่าเขาไม่ใช่คน
"อื้อๆ....." ฉันดิ้นๆพยายามจะหลับตาลงทำเป็นไม่สนใจแต่ก็หลับตาไม่ได้ ได้แต่เพ่งมองเขาอยู่อย่างนั้น
"อย่าลืมคำพูดที่พูดไว้กับผม" เขาเอ่ยขึ้นมา
".....อะ......อะไรคะ......" ฉันทำหน้างงใส่เขา
"ผมช่วยคุณเอาไว้" เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ
"......อื้อๆ........" ฉันดิ้นอีกครั้งเมื่อใบหน้าของเขาเริ่มขยับเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนริมฝีปากของเราแทบจะชนกัน
"สัญญาของคุณ" เขาพูดจบก็ใช้ริมฝีปากเย็นๆจุ๊บที่ริมฝีปากเล็กๆของฉันอย่างแผ่วเบา
"จุ๊บ"
ฉันลืมตาเบิกโพลงมองหน้าเขา นี่....นี่ฉันโดนผีแต๊ะอั๊งเหรอเนี่ย..........กรี๊ดดดดดด ไม่ยอมๆ ไอ้ผีโรคจิต ฉวยโอกาสที่สุด เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉันจึงยื่นมาผลักเขาออก
อ๊ะ ฉันขยับได้แล้วนี่นา ฉันลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง ตั้งสติอยู่สักครู่ ในห้องเงียบมีเพียงแค่เสียงแอร์เบาๆเท่านั้น ทุกอย่างปกติ
ฉันใช้มือมาเช็ดริมฝีปากบางสีชมพูของตัวเองแล้วพูดบ่น "ถุยๆๆ ไอ้ผีลามก อย่าให้เจอนะ แม่จะกระโดดถีบขาคู่เลย ฮึ่ยๆๆ" ฉันพูดด้วยความโมโห
"หึหึ" ฉันได้ยินเสียงผู้ชายหัวเราะเบาๆที่ข้างหูของฉัน
"ว๊ายยยยยยยย" ฉันกรีดร้องแล้วกระโดดลุกจากเตียงมายืนที่ประตูห้อง ก็พบว่าห้องเงียบเหมือนเดิม ไม่มีเสียงใดๆนอกจากเสียงแอร์
"เฮ้อ ยัยแพรเอ๋ย สงสัยแกจะเหนื่อยมากไปจนฝันไร้สาระ.....ตายแล้ว หนึ่งทุ่มแล้วเหรอลงไปหาของกินดีกว่า" ฉันส่ายหน้ากับตัวเองแล้วเหลือบมองนาฬิกา ไม่น่าล่ะรู้สึกหิวจัง ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์และมือถือลงไปเดินตลาดใกล้ๆหอพัก
ฉันไปนั่งกินอาหารตามสั่ง แล้วเดินซื้อลูกชิ้นปิ้งกับชานมไข่มุกกลับห้อง
"อ้าวแพร ไปไหนมาจ๊ะ" เสียงผู้หญิงที่เป็นลูกบ้านที่อยู่ชั้น5เหมือนกันทักฉันเมื่อลิฟต์เปิด เขาลงมาชั้น1 ส่วนฉันจะกลับห้องของตัวเองที่อยู่ชั้น5
"แพรไปกินข้าวเย็นมาค่ะพี่"
"อ๋อๆ มื้อนี้คงหวานน่าดู" พี่เขาพูดยิ้มๆพร้อมทำหน้าล้อเลียนฉัน
"คะ?" ฉันทำหน้างงๆ
"แหม น้องแพรล่ะก็ไม่ต้องเขินหรอกจ้ะ ยืนจับมือกันขนาดนี้ นี่ๆแนะนำพี่บ้างสิว่าหาแฟนจากไหนหล่อมาก สเปคพี่เลยแหละ คิกๆ" พี่เขาดึงฉันไปกระซิบที่ข้างหูพลางหัวเราะคิกคักแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้ฉันและเดินออกไป ทิ้งฉันให้อยู่ในลิฟต์อันว่างเปล่าคนเดียว
โดนทักแบบนี้แล้ว.....ฮือ ยัยแพรหรือว่าแกจะมีผีตามจริงๆวะ ฉันนึกในใจแล้วยืนพิงผนังลิฟต์พร้อมกอดตัวเองเพื่อลดความกลัว....แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันหายกลัว ฮือๆ ใครก็ได้ช่วยนังแพรคนนี้ด้วย (╥﹏╥)
หนึ่งปีต่อมา วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉันกับพี่นที ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าพี่แล้วเพราะเขาอายุห่างกับฉัน10ปี โดยเราจัดงานแต่งงานกันที่สวนในคฤหาสน์ของคุณวาคิน โดยจัดเป็นงานเล็กๆ มีคุณวาคินกับแพรเป็นแม่งาน ภายในงานตกแต่งด้วยดอกไม้และมีรูปของฉันกับพี่นทีติดอยู่ทั่วงาน คนร่วมงานมีพี่อิงฟ้า พี่ข้าวสวยและไอ้กัน เซ็ตเดิมเหมือนงานแต่งของไอ้แพรกับคุณวาคินนั่นแหละ "กูดีใจว่ะ ที่มึงกับคุณนทีแต่งงานกัน อย่างที่กูบอกไงเหมือนชาติที่แล้วเป๊ะๆ" แพรยิ้มให้ฉันพร้อมจับมือฉันไปเขย่าด้วยความดีใจ "ไอ้แพรมึงจะพูดเรื่องผีอีกแล้วเหรอวะ กูกลัวนะเว้ย" ไอ้กันพูดขึ้นพร้อมกับลูบแขนตนเองไปมา "คุณนทีคะ ข้าวสวยฝากดูแลน้องสาวด้วยนะคะ" พี่ข้าวสวยพูดกับพี่นทีที่เดินเข้ามาหาฉัน "แน่นอนอยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะ" พี่นทีตอบพี่ข้าวสวยพร้อมกับหันมาส่งยิ้มให้ฉัน ฉันจึงยิ้มตอบอย่างเขินๆ "สองคนนี้เปลี่ยนแนวเหรอวะ หวานกันเฉย ตอนจีบกันกูเห็นฮาร์ดคอร์กันจะตาย" ไอ้กันหันไปกระซิบกับไอ้แพร ฉันจึงเขกหัวมันเบาๆและพูดว่า "กูได้ยินนะเว้ย" ทุกคนจึงหัวเราะออกมา "อาตมามาทันใช่ไหม ยินดีกับโยมนทีและโยมข้าวหอมด้วยนะ" หลวงปู่เดินเข้าม
"พี่ข้าวสวย ทำไมต้องพาอีตาบ้านี่มาด้วย" ฉันดึงแขนพี่ข้าวสวยมาใกล้และกระซิบถามเมื่อเห็นพี่ข้าวสวย พี่อิงฟ้าและอีตาบ้านทีเดินเข้ามาในร้านด้วยกันซึ่งฉันนั่งรอที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่เป็นร้านชิลๆมีดนตรีสดและมีดีเจคอยเปิดเพลง บางโต๊ะก็ลุกขึ้นมาเต้นอย่างสนุกสนาน ภายในร้านมี1ชั้นพื้นที่ค่อนข้างกว้าง "ข้าวหอมน้องรักอย่าบ่นไปเลยน่า คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก"พี่ข้าวสวยกระซิบตอบแล้วนั่งลงข้างฉัน พี่อิงฟ้าจึงนั่งตรงข้ามกับพี่ข้าวสวย "ชิ"ฉันเบะปากและส่งเสียงออกมาเบาๆเพราะคนที่นั่งตรงข้ามกับฉันก็คืออีตาบ้านทีน่ะสิ "เส้นกระตุกเหรอครับ?" เขาถามฉันพร้อมเหยียดยิ้มที่มุมปาก กวนประสาทสุดๆเลยคนสวยอารมณ์เสีย"ไม่ต้องมายุ่ง" ฉันตอบเขาและหันไปคุยกับพี่ข้าวสวยกับพี่อิงฟ้าว่าจะเอาเมนูอาหารอะไรเพิ่มเติมเพราะฉันสั่งของกินเล่นมากินก่อนแล้ว "คุณนทีอยากกินอะไรคะ?"พี่ข้าวสวยหันไปถามเขาที่นั่งเยื้องกันอยู่ฝั่งตรงข้าม "ผมเหรอ อยากกิน...ข้าวหอม" เขาตอบแล้วมองหน้าฉันก่อนจะยักคิ้วอย่างกวนๆให้หนึ่งข้าง "ข้าวหอมบ้าบออะไรล่ะ อยากโดนต่อยป่ะ" ฉันหันไปพูดกับเขาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์และกำหมั
เดือนต่อมา ประจำเดือนของฉันไม่มาฉันจึงไปหาหมอก็พบว่าฉันตั้งครรภ์ได้สามสัปดาห์แล้ว เฮียดีใจจนแทบจะวิ่งรอบโรงพยาบาล เมื่อกลับมาถึงบ้านก็บอกข่าวดีกับพี่ข้าวสวย คุณนที คุณเอิงฟ้าและลูกน้องของเฮีย พวกเขาแสดงความยินดีและดีใจที่จะมีเด็กๆมาเพิ่มสีสันให้กับคฤหาสน์หลังนี้ฉันโทรบอกไอ้กรและไอ้ข้าวหอมพวกมันสองคนก็ตื่นเต้นและก็พากันทายว่าหลานจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะหน้าตาเหมือนใคร ส่วนเฮียวาคินก็คิดว่าจะให้ลูกนอนห้องไหน เรียนที่โรงเรียนอะไร เอ่อ ลูกยังเป็นวุ้นอยู่เลยจ้ะ=_= "แพร....เฮียบอกว่าให้อยู่เฉยๆไง" เฮียทำหน้าดุใส่ฉันเมื่อฉันเดินไปหยิบน้ำที่ตู้เย็นมาดื่ม "เฮียคะ แพรแค่ท้องนะคะ" ฉันหันไปมองหน้าเฮียแล้วยื่นปากใส่เขา"นั่นแหละ ถ้าแพรหกล้มขึ้นมาล่ะจะว่ายังไง มานี่เลยนะ" เฮียพูดจบก็เดินมาอุ้มฉันไปวางบนเตียงอย่างทะนุถนอม "เฮียคะ เฮียจะให้แพรนอนเฉยๆอย่างเดียวไม่ได้นะคะ แพรเบื่อ" ฉันงอแงใส่เขา"แพรอยากทำอะไรล่ะครับ" "แพรอยากไปเดินห้าง อยากกินชาบู" "ก็ได้ครับ เดี๋ยวเฮียพาไป" เฮียพูดจบก็เดินมาพยุงฉันให้ลุกจากเตียงและเดินจับมือฉันเดินลงมาข้างล่างเพื่อเดินไปลานจอดรถและเปิดประตูให้ฉันขึ้นไปนั่ง
สองอาทิตย์ต่อมา วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉันกับเฮียวาคินก่อนหน้านี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันมาแล้ว เฮียอยากมีรูปสวยๆไว้เก็บเป็นความทรงจำ เราจึงจัดงานแต่งในสวนภายในคฤหาสน์ ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีและจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือดอกฟอร์เก็ตมีน็อตนั่นเอง ภายในงานมีรูปภาพฉันกับเฮียวาคินที่ถ่ายรูปกันในสตูดิโอวางไว้ด้านหน้างานโดยคนมาร่วมงานก็เป็นแค่คนสนิทเท่านั้น พิธีการยังคงเนินไปเรื่อยๆจนถึงช่วงเวลาที่ต้องกล่าวคำสาบาน"ผมว่าคิน....สัญญาว่าจะรักและดูแลแพรตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่" เฮียพูดด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมจับมือฉัน ฉันจึงส่งยิ้มให้เฮียแล้วพูดประโยคเดียวกัน "แพรก็สัญญาค่ะ ว่าจะรักและดูแลเฮียวาคินตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่" "จูบเลยๆๆๆๆ" ข้าวหอมตะโกนและส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ "ไม่ต้องบอกก็จะจูบอยู่แล้ว หึหึ" เฮียวาคินบอกข้าวหอมจึงทำให้ข้าวหอม คุณนที พี่ข้าวสวย คุณอิงฟ้า ไอ้กรและบรรดาลูกน้องของเฮียส่งเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจ เฮียดึงรั้งท้ายทอยของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงมาจูบอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ฉันจึงจูบเขาตอบเช่นกัน ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงแล้วสินะ รอคอยมาตั้งหลายชาติได้อยู่ด้วยกันจริงๆสักที ฉันรู้สึกอิ่มเ
"แพรรักเฮียนะ" "แพรก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเฮียค่ะ" "เฮีย...ต่อไปนี้เรามาใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขกันเถอะค่ะ" "เฮียรักแพรไหมคะ" "โอ๊ยยยยย ฝันอีกแล้วเหรอวะเนี่ย" ร่างสูงบ่นแล้วทำหน้าตาหงุดหงิดตื่นขึ้นมาบนเตียง เขาฝันถึงผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยจนตอนนี้เขาอายุ30ก็ยังคงฝันอยู่ ทุกเรื่องราวทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาจำได้ทั้งหมดแต่ที่เขาหงุดหงิดก็คือเขาไม่เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นต่างหาก "แพรวา....เธอเป็นใครกันแน่" ร่างสูงขมวดคิ้วแล้วพึมพำกับตัวเอง ณ ผับxxx "ไอ้แพรมึงระวังโต๊ะนั้นไว้ให้ดี ดูแล้วแม่งจะเล่นมึงว่ะเห็นมองมาทางมึงเป็นพันรอบแล้วมั้ง" ข้าวหอมเพื่อนสาวสุดที่รักของฉันพูดขึ้นพลางใช้มือชี้ที่ห้องวีไอพีห้องหนึ่ง ฉันกับข้าวหอมมาเที่ยวผับด้วยกันเพื่อฉลองวันเกิดของฉัน วันนี้ฉันอายุครบ22ปีแล้ว "มึงด้วยแหละไอ้ข้าวหอม มึงดูสายตาของพวกมันดิโคตรหื่น" ฉันบอกข้าวหอม "รู้แบบนี้น่าจะชวนไอ้กันมา" ข้าวหอมคร่ำครวญ "แล้วทำไมไม่ชวนมาล่ะ" "ก็มึงชอบเล่าเรื่องความฝันเพี้ยนๆของมึงอ่ะ ที่บอกว่ามีแฟนเป็นผีที่ชื่อวาคินอะไรนั่นน่ะ ไอ้กันมันก็กลัวน่ะสิแถมมึงเล่าเรื่องนี้ตั้งแต่ปีหนึ
สามเดือนต่อมาฉันเดินทางไปคฤหาสน์โดยรถของกรซึ่งฉันตัดสินใจกับคุณวาคินว่าฉันกับเขาจะใช้ชีวิตคู่กันที่นี่ โดยเราจะรีโนเวทแค่ภายในคฤหาสน์บางส่วนโดยที่ภายนอกเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของผู้คนถึงแม้ว่าจะไม่มีค่อยมีคนกล้ามาก็เถอะ โดยจ้างกรและผีในคฤหาสน์เนี่ยแหละให้ช่วยๆกัน กรได้เงิน บรรดาผีทั้งหลายได้ส่วนบุญ "อยู่ที่นี่ไม่มีพวกขโมยใช่ไหม กูเป็นห่วงว่ะผู้หญิงตัวคนเดียว" กรพูดกับฉันด้วยความห่วงใย "ตัวคนเดียวบ้าอะไร ผัวมันก็อยู่ มึงคิดว่าคุณวาคินจะให้แพรมีอันตรายเหรอ" ข้าวหอมพูดแล้วชี้นิ้วไปทางคุณวาคินที่นั่งสมาธิอยู่กับบรรดาผีทั้งหลาย "นั่นสิ ไม่ต้องห่วงหรอกมึง เวลามีคนอื่นบุกรุกก็เจอผีบริวารของเฮียจัดการก่อนเลย วิ่งป่าราบกันทุกราย" ฉันพูดแล้วยิ้มให้กร "บรื๊อ~ คิดแล้วกูก็สยอง" กรทำท่าขนลุกซู่ ยังคงไม่ชินกับผีสักเท่าไหร่ "นี่มึงยังกลัวผีอยู่เหรอ" ข้าวหอมถามกร กรมันจึงพยักหน้ารับ "ไม่ลองมีแฟนเป็นผีบ้างล่ะ แบบกูกับข้าวหอมไง" ฉันแกล้งถามมัน มันส่ายหน้ารัวๆ "ไม่ไหวว่ะ ทุกวันนี้แค่เจอผีคุณอิงฟ้ากับผีพี่ข้าวสวยกูก็จะเป็นลมแล้ว ขยันแกล้งกูกันเหลือเกิน" มันพูดแล้วทำหน้าซีดลงเล็กน้อย "