"ไอ้แพรมึงเอาจริงเหรอวะ" กรพูดกับฉัน ตอนนี้เรานั่งอยู่ใต้ตึกหอพักของฉัน ฉันเรียกมันมาก็เพราะว่าฉันอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง
"เอาจริง หน้ากูดูเหมือนคนล้อเล่นเหรอไงวะ" ฉันมองหน้ากรแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"มึงจะไปทำอะไรที่คฤหาสน์นั้นวะ ไหนบอกไม่เชื่อเรื่องผีไง แล้วไปตอนกลางวันไม่ได้เหรอไงวะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว" กรพูดรัวเป็นชุดพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"ตอนกลางวันมีผีที่ไหนล่ะ ไปๆอย่าพูดมาก" ฉันพูดจบก็ดึงมือกรให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังรถมันที่จอดอยู่
"เปลี่ยนใจยังทันนะ"
"ไม่เปลี่ยน ไปดูให้รู้เลยว่าผีมีจริงไหม" ฉันพูดพลางทำสีหน้ามุ่งมั่น
"โอ๊ยยย แล้วทำไมต้องเป็นกู ไอ้ใบบัวล่ะอยู่ไหน"
"ชวนมันแล้วมันไม่ว่าง"
"งั้นกูก็ไม่ว่างด้วย"
"ไอ้กรมึงจะใจร้ายใจดำปล่อยให้กูไปที่นั่นคนเดียวเหรอ ฮือๆๆๆ" ฉันพูดแล้วใช้มือมาปิดหน้าตัวเองแกล้งร้องไห้ กรยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกแล้วพูดว่า "เออๆ ไปก็ไป ไม่ต้องร้องไห้"
"อ่ะ มึงรับปากแล้วนะ ไปกันเถอะ อิอิ" ฉันพูดยิ้มๆและเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับ
"นี่มึงแกล้งร้องไห้เหรอวะ แสดงเก่ง" กรเดินมาเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วยื่นมือมาเขกหัวฉันเบาๆและหัวเราะ
"โอ๊ย" มันส่งเสียงร้องออกมาแล้วมองซ้ายมองขวา
"เป็นอะไรวะ" ฉันถามมันด้วยสีหน้าสงสัย
"กูรู้สึกเหมือนมีคนตบหัวกูว่ะ" มันพูดพลางลูบหัวป้อยๆ
"ฮ่าฮ่า อยู่กันสองคนใครจะเป็นคนตบหัวมึงวะ นอกจากผี" พูดจบฉันก็เอามือมาปิดปากตัวเองทันที ตายแล้วพูดอะไรออกไปล่ะเนี่ย ฉันมองหน้ากร หน้ามันซีดลงเรื่อยๆมันกลืนน้ำลายก่อนจะกลบเกลื่อนแล้วพูดว่า "กูอาจจะคิดไปเองก็ได้ ฮ่าฮ่า"
"เออๆ ไปเถอะ อย่ามัวพูดจาไร้สาระกันอยู่เลย เดี๋ยวจะดึกกว่านี้ นี่มันสองทุ่มกว่าแล้ว"
"ครับๆ คุณแพรวารอสักครู่นะครับ ผมจะขับรถให้ครับ" กรมันแกล้งพูดและขับรถออกจากหอพัก ระหว่างทางฉันจึงเปิดดูคลิปช่องผีผีจะล่าผีที่ในยูทูป อืม ห้องริมขวางั้นเหรอ เอ๋ นั่นคือห้องที่ฉันเข้าไปซ่อนตอนหนีไอ้สารเลวพวกนั้นนี่หว่า
"ถึงแล้วครับคุณแพรวา" กรพูดขึ้นเมื่อพวกเราขับรถมาจอดกันที่หน้าคฤหาสน์ร้างหลังนี้
"เห้ย แม่งน่ากลัวฉิบหาย" กรพูดเมื่อเราสองคนลงจากรถมายืนที่หน้าคฤหาสน์หลังนี้
"บรู้วววววววววว" เสียงหมาจากที่ไหนไม่รู้ส่งเสียงเห่าหอนให้ได้ยิน สร้างบรรยากาศที่วังเวงอยู่แล้วให้วังเวงขึ้นไปอีก
"มืดจัง" ฉันพูดแล้วหยิบมือถือมาเปิดไฟฉายและเดินนำเข้าไปในคฤหาสน์
"แอ๊ดดดดด" เสียงประตูหน้าคฤหาสน์เปิดเองเหมือนรอต้อนรับพวกเราอยู่ก่อนแล้ว ฉันกับกรมองหน้ากัน ฉันเริ่มรู้สึกใจหวิวๆกลัวก็กลัว แต่ความอยากรู้อยากพิสูจน์มันมีมากกว่า
ฉันก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์ก่อน กรเดินตามหลังฉันมาและเดินมาจับแขนฉันพร้อมเดินเบียดอย่างกับจะสิงร่างฉันแล้วพูดว่า "รอกูด้วย อย่าทิ้งกูนะเว้ย"
"เออๆ"
เราสองคนเดินมาถึงบริเวณหน้าคฤหาสน์ วันนี้แสงจันทร์ส่องสว่างทำให้มีแสงลอดเข้ามาในคฤหาสน์มากกว่าคืนนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวน้อยลงเลย ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆและเดินเข้าไปในบ้านตรงไปที่ชั้น2ทันที
"แพรมาแล้ว ถ้าคุณมีตัวตนอยู่จริงๆก็ออกมาให้แพรเห็นสิคะ อุ๊บส์" ฉันยืนพูดอยู่ที่หน้ารูปของคุณวาคิน
"ไอ้แพร พูดอะไรของมึงวะ" กรมันพูดด้วยความตกใจก่อนจะเอามือมาปิดปากของฉันไว้ ฉันจึงตีที่มือมันแล้วดึงมือของมันออกแต่มันไม่ยอมปล่อย
"กูจะปล่อยถ้ามึงไม่พูดแบบเมื่อกี้" กรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย ฉันจึงพยักหน้ารับ มันเลยปล่อยมือ
ฉันยืนมองรูปคุณวาคินอยู่สักพักก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจึงเดินไปห้องริมขวา ฉันกับกรยืนอยู่ที่หน้าห้อง "แอ๊ดดดดด" เสียงประตูเปิดเองอีกครั้ง ครั้งนี้ประตูเปิดออกกว้างเหมือนมีคนมาเปิดประตูให้ ฉันกับกรมองหน้ากันอีกครั้งพร้อมกลืนน้ำลายลงคอ ขนแขนตั้งชันขึ้นทันใด
ฉันฉายแสงไฟจากมือถือเข้าไปในห้องก็พบห้องนอนสีทึบ มีโต๊ะ เตียง ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ
"เฮ้ย" กรร้องขึ้นแล้วกอดแขนฉันแน่น
"เป็นไรวะ" ฉันหันไปถามกร แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรเอาแต่กอดฉันแน่นอยู่แบบนั้น ซึ่งดูจากอาการของมันฉันคิดว่ามันต้องเห็นอะไรแน่ๆ
"คุณวาคินคะ คุณมีตัวตนจริงไหม ออกมาให้แพรเห็นหน่อยสิคะ" ฉันยืนพูดอย่างท้าทาย โดยที่ไม่รู้ว่าร่างสูงยืนประจันหน้ากับตัวเองอยู่ก่อนแล้ว
เงียบ ทุกอย่างเงียบสนิท จนฉันรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ฉันหัวเราะด้วยความโล่งใจและพูดท้าทายเขาอีกครั้ง"ไหนวะ ออกมาสิ แน่จริงก็โผล่มา"
"อย่าหนีแล้วกัน" เสียงทุ้มๆเย็นๆยานๆดังกึกก้องไปทั้งห้องพร้อมกับคุณวาคินที่ปรากฎตัวขึ้นมาต่อหน้าฉัน เรายืนห่างกันไม่ถึงหนึ่งก้าว
"อ๊ากกกกกกกกก" กรมันร้องแหกปากแล้วเป็นลมหมดสติอยู่บนพื้นห้อง ทิ้งให้ฉันเผชิญหน้ากับ.....ผะ....ผีคนเดียว (╥﹏╥)
ฉันยืนตัวแข็งแล้วกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาแล้วก้มหน้ามาสบตาฉัน ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ "กรี๊ดดดดดดดด"
เขาเอื้อมมือมาแตะใบหน้าฉันแล้วลูบไล้ช้าๆพลางแสยะยิ้มให้ แม่จ๋า ฮือๆ น่ากลัวจังเลย ฉันอยากจะหลับตาแต่ก็หลับไม่ได้ ฉันยืนขาสั่นเบิกตาโพลงมองเขาอยู่แบบนั้น เขามองหน้าฉันแล้วพูดว่า "กลัวเหรอ?"
"....ฮึก....ฮือๆ...ฮือๆ" น้ำตาฉันไหลออกมาโดยอัติโนมัติเพราะความกลัวเขา
"อย่าท้าทายผม ผมไม่ชอบ" เขาพูดกับฉันด้วยสีหน้าดุดัน ฉันจึงพยักหน้ารัวๆทั้งน้ำตา เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน ฉันสะดุ้งเฮือกเพราะมือใหญ่ที่ยื่นมามันเย็นเฉียบ
"คราวหน้าห้ามพาคนอื่นเข้ามา" เขาพูดแล้วเหลือบมองไอ้กรที่นอนหมดสติอยู่ ฉันจึงพยักหน้ารับรัวๆจนคอแทบเคล็ด
"มาก็ดี มานอนด้วยกันสิ" เขาพูดด้วยใบหน้านิ่งๆค่อนไปทางเย็นชา
"..มะ..หมายความ...ว่ายังไงคะ?" ฉันถามเขาเสียงตะกุกตะกัก
"ตอนที่บอกให้ผมช่วย คุณบอกจะยอมทำทุกอย่างไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ค่ะ แพรยอมทำทุกอย่าง" ฉันพูดพร้อมพยักหน้ารัวๆอีกครั้ง
"นอนกับผมสิ.......นี่คือสิ่งที่ผมต้องการ" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก ส่วนฉันนั้นทำตาโตด้วยความตกใจพร้อมมองหน้าเขา
หนึ่งปีต่อมา วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉันกับพี่นที ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าพี่แล้วเพราะเขาอายุห่างกับฉัน10ปี โดยเราจัดงานแต่งงานกันที่สวนในคฤหาสน์ของคุณวาคิน โดยจัดเป็นงานเล็กๆ มีคุณวาคินกับแพรเป็นแม่งาน ภายในงานตกแต่งด้วยดอกไม้และมีรูปของฉันกับพี่นทีติดอยู่ทั่วงาน คนร่วมงานมีพี่อิงฟ้า พี่ข้าวสวยและไอ้กัน เซ็ตเดิมเหมือนงานแต่งของไอ้แพรกับคุณวาคินนั่นแหละ "กูดีใจว่ะ ที่มึงกับคุณนทีแต่งงานกัน อย่างที่กูบอกไงเหมือนชาติที่แล้วเป๊ะๆ" แพรยิ้มให้ฉันพร้อมจับมือฉันไปเขย่าด้วยความดีใจ "ไอ้แพรมึงจะพูดเรื่องผีอีกแล้วเหรอวะ กูกลัวนะเว้ย" ไอ้กันพูดขึ้นพร้อมกับลูบแขนตนเองไปมา "คุณนทีคะ ข้าวสวยฝากดูแลน้องสาวด้วยนะคะ" พี่ข้าวสวยพูดกับพี่นทีที่เดินเข้ามาหาฉัน "แน่นอนอยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะ" พี่นทีตอบพี่ข้าวสวยพร้อมกับหันมาส่งยิ้มให้ฉัน ฉันจึงยิ้มตอบอย่างเขินๆ "สองคนนี้เปลี่ยนแนวเหรอวะ หวานกันเฉย ตอนจีบกันกูเห็นฮาร์ดคอร์กันจะตาย" ไอ้กันหันไปกระซิบกับไอ้แพร ฉันจึงเขกหัวมันเบาๆและพูดว่า "กูได้ยินนะเว้ย" ทุกคนจึงหัวเราะออกมา "อาตมามาทันใช่ไหม ยินดีกับโยมนทีและโยมข้าวหอมด้วยนะ" หลวงปู่เดินเข้าม
"พี่ข้าวสวย ทำไมต้องพาอีตาบ้านี่มาด้วย" ฉันดึงแขนพี่ข้าวสวยมาใกล้และกระซิบถามเมื่อเห็นพี่ข้าวสวย พี่อิงฟ้าและอีตาบ้านทีเดินเข้ามาในร้านด้วยกันซึ่งฉันนั่งรอที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่เป็นร้านชิลๆมีดนตรีสดและมีดีเจคอยเปิดเพลง บางโต๊ะก็ลุกขึ้นมาเต้นอย่างสนุกสนาน ภายในร้านมี1ชั้นพื้นที่ค่อนข้างกว้าง "ข้าวหอมน้องรักอย่าบ่นไปเลยน่า คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก"พี่ข้าวสวยกระซิบตอบแล้วนั่งลงข้างฉัน พี่อิงฟ้าจึงนั่งตรงข้ามกับพี่ข้าวสวย "ชิ"ฉันเบะปากและส่งเสียงออกมาเบาๆเพราะคนที่นั่งตรงข้ามกับฉันก็คืออีตาบ้านทีน่ะสิ "เส้นกระตุกเหรอครับ?" เขาถามฉันพร้อมเหยียดยิ้มที่มุมปาก กวนประสาทสุดๆเลยคนสวยอารมณ์เสีย"ไม่ต้องมายุ่ง" ฉันตอบเขาและหันไปคุยกับพี่ข้าวสวยกับพี่อิงฟ้าว่าจะเอาเมนูอาหารอะไรเพิ่มเติมเพราะฉันสั่งของกินเล่นมากินก่อนแล้ว "คุณนทีอยากกินอะไรคะ?"พี่ข้าวสวยหันไปถามเขาที่นั่งเยื้องกันอยู่ฝั่งตรงข้าม "ผมเหรอ อยากกิน...ข้าวหอม" เขาตอบแล้วมองหน้าฉันก่อนจะยักคิ้วอย่างกวนๆให้หนึ่งข้าง "ข้าวหอมบ้าบออะไรล่ะ อยากโดนต่อยป่ะ" ฉันหันไปพูดกับเขาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์และกำหมั
เดือนต่อมา ประจำเดือนของฉันไม่มาฉันจึงไปหาหมอก็พบว่าฉันตั้งครรภ์ได้สามสัปดาห์แล้ว เฮียดีใจจนแทบจะวิ่งรอบโรงพยาบาล เมื่อกลับมาถึงบ้านก็บอกข่าวดีกับพี่ข้าวสวย คุณนที คุณเอิงฟ้าและลูกน้องของเฮีย พวกเขาแสดงความยินดีและดีใจที่จะมีเด็กๆมาเพิ่มสีสันให้กับคฤหาสน์หลังนี้ฉันโทรบอกไอ้กรและไอ้ข้าวหอมพวกมันสองคนก็ตื่นเต้นและก็พากันทายว่าหลานจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะหน้าตาเหมือนใคร ส่วนเฮียวาคินก็คิดว่าจะให้ลูกนอนห้องไหน เรียนที่โรงเรียนอะไร เอ่อ ลูกยังเป็นวุ้นอยู่เลยจ้ะ=_= "แพร....เฮียบอกว่าให้อยู่เฉยๆไง" เฮียทำหน้าดุใส่ฉันเมื่อฉันเดินไปหยิบน้ำที่ตู้เย็นมาดื่ม "เฮียคะ แพรแค่ท้องนะคะ" ฉันหันไปมองหน้าเฮียแล้วยื่นปากใส่เขา"นั่นแหละ ถ้าแพรหกล้มขึ้นมาล่ะจะว่ายังไง มานี่เลยนะ" เฮียพูดจบก็เดินมาอุ้มฉันไปวางบนเตียงอย่างทะนุถนอม "เฮียคะ เฮียจะให้แพรนอนเฉยๆอย่างเดียวไม่ได้นะคะ แพรเบื่อ" ฉันงอแงใส่เขา"แพรอยากทำอะไรล่ะครับ" "แพรอยากไปเดินห้าง อยากกินชาบู" "ก็ได้ครับ เดี๋ยวเฮียพาไป" เฮียพูดจบก็เดินมาพยุงฉันให้ลุกจากเตียงและเดินจับมือฉันเดินลงมาข้างล่างเพื่อเดินไปลานจอดรถและเปิดประตูให้ฉันขึ้นไปนั่ง
สองอาทิตย์ต่อมา วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉันกับเฮียวาคินก่อนหน้านี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันมาแล้ว เฮียอยากมีรูปสวยๆไว้เก็บเป็นความทรงจำ เราจึงจัดงานแต่งในสวนภายในคฤหาสน์ ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีและจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือดอกฟอร์เก็ตมีน็อตนั่นเอง ภายในงานมีรูปภาพฉันกับเฮียวาคินที่ถ่ายรูปกันในสตูดิโอวางไว้ด้านหน้างานโดยคนมาร่วมงานก็เป็นแค่คนสนิทเท่านั้น พิธีการยังคงเนินไปเรื่อยๆจนถึงช่วงเวลาที่ต้องกล่าวคำสาบาน"ผมว่าคิน....สัญญาว่าจะรักและดูแลแพรตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่" เฮียพูดด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมจับมือฉัน ฉันจึงส่งยิ้มให้เฮียแล้วพูดประโยคเดียวกัน "แพรก็สัญญาค่ะ ว่าจะรักและดูแลเฮียวาคินตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่" "จูบเลยๆๆๆๆ" ข้าวหอมตะโกนและส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ "ไม่ต้องบอกก็จะจูบอยู่แล้ว หึหึ" เฮียวาคินบอกข้าวหอมจึงทำให้ข้าวหอม คุณนที พี่ข้าวสวย คุณอิงฟ้า ไอ้กรและบรรดาลูกน้องของเฮียส่งเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจ เฮียดึงรั้งท้ายทอยของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงมาจูบอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ฉันจึงจูบเขาตอบเช่นกัน ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงแล้วสินะ รอคอยมาตั้งหลายชาติได้อยู่ด้วยกันจริงๆสักที ฉันรู้สึกอิ่มเ
"แพรรักเฮียนะ" "แพรก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเฮียค่ะ" "เฮีย...ต่อไปนี้เรามาใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขกันเถอะค่ะ" "เฮียรักแพรไหมคะ" "โอ๊ยยยยย ฝันอีกแล้วเหรอวะเนี่ย" ร่างสูงบ่นแล้วทำหน้าตาหงุดหงิดตื่นขึ้นมาบนเตียง เขาฝันถึงผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยจนตอนนี้เขาอายุ30ก็ยังคงฝันอยู่ ทุกเรื่องราวทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาจำได้ทั้งหมดแต่ที่เขาหงุดหงิดก็คือเขาไม่เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นต่างหาก "แพรวา....เธอเป็นใครกันแน่" ร่างสูงขมวดคิ้วแล้วพึมพำกับตัวเอง ณ ผับxxx "ไอ้แพรมึงระวังโต๊ะนั้นไว้ให้ดี ดูแล้วแม่งจะเล่นมึงว่ะเห็นมองมาทางมึงเป็นพันรอบแล้วมั้ง" ข้าวหอมเพื่อนสาวสุดที่รักของฉันพูดขึ้นพลางใช้มือชี้ที่ห้องวีไอพีห้องหนึ่ง ฉันกับข้าวหอมมาเที่ยวผับด้วยกันเพื่อฉลองวันเกิดของฉัน วันนี้ฉันอายุครบ22ปีแล้ว "มึงด้วยแหละไอ้ข้าวหอม มึงดูสายตาของพวกมันดิโคตรหื่น" ฉันบอกข้าวหอม "รู้แบบนี้น่าจะชวนไอ้กันมา" ข้าวหอมคร่ำครวญ "แล้วทำไมไม่ชวนมาล่ะ" "ก็มึงชอบเล่าเรื่องความฝันเพี้ยนๆของมึงอ่ะ ที่บอกว่ามีแฟนเป็นผีที่ชื่อวาคินอะไรนั่นน่ะ ไอ้กันมันก็กลัวน่ะสิแถมมึงเล่าเรื่องนี้ตั้งแต่ปีหนึ
สามเดือนต่อมาฉันเดินทางไปคฤหาสน์โดยรถของกรซึ่งฉันตัดสินใจกับคุณวาคินว่าฉันกับเขาจะใช้ชีวิตคู่กันที่นี่ โดยเราจะรีโนเวทแค่ภายในคฤหาสน์บางส่วนโดยที่ภายนอกเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของผู้คนถึงแม้ว่าจะไม่มีค่อยมีคนกล้ามาก็เถอะ โดยจ้างกรและผีในคฤหาสน์เนี่ยแหละให้ช่วยๆกัน กรได้เงิน บรรดาผีทั้งหลายได้ส่วนบุญ "อยู่ที่นี่ไม่มีพวกขโมยใช่ไหม กูเป็นห่วงว่ะผู้หญิงตัวคนเดียว" กรพูดกับฉันด้วยความห่วงใย "ตัวคนเดียวบ้าอะไร ผัวมันก็อยู่ มึงคิดว่าคุณวาคินจะให้แพรมีอันตรายเหรอ" ข้าวหอมพูดแล้วชี้นิ้วไปทางคุณวาคินที่นั่งสมาธิอยู่กับบรรดาผีทั้งหลาย "นั่นสิ ไม่ต้องห่วงหรอกมึง เวลามีคนอื่นบุกรุกก็เจอผีบริวารของเฮียจัดการก่อนเลย วิ่งป่าราบกันทุกราย" ฉันพูดแล้วยิ้มให้กร "บรื๊อ~ คิดแล้วกูก็สยอง" กรทำท่าขนลุกซู่ ยังคงไม่ชินกับผีสักเท่าไหร่ "นี่มึงยังกลัวผีอยู่เหรอ" ข้าวหอมถามกร กรมันจึงพยักหน้ารับ "ไม่ลองมีแฟนเป็นผีบ้างล่ะ แบบกูกับข้าวหอมไง" ฉันแกล้งถามมัน มันส่ายหน้ารัวๆ "ไม่ไหวว่ะ ทุกวันนี้แค่เจอผีคุณอิงฟ้ากับผีพี่ข้าวสวยกูก็จะเป็นลมแล้ว ขยันแกล้งกูกันเหลือเกิน" มันพูดแล้วทำหน้าซีดลงเล็กน้อย "