Masukหลังจากออกจากกั่งรุ่ย เจียงซู่ก็รีบตรงกลับไปโรงพยาบาลทันทีคุณย่ายังไม่ฟื้น เธอก็ไม่สบายใจส่วนทางโจวซือเหย่นั้น หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจช่วงเช้า เขาก็เปิดดูโทรศัพท์ แต่เจียงซู่ไม่ได้ติดต่อมาสีตาคมมืดมิด ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับตระกูลเจียงเท่าไหร่เวิงอี๋เห็นโจวซือเหย่เหม่อลอยจึงอดไม่ได้ตะโกนว่า “พี่ซือเหย่…”เมื่อได้ยินเสียง โจวซือเหย่ถึงมีสติกลับมา ถามว่า “มีอะไรเหรอ?”เวิงอี๋กัดริมฝีปาก: “ฉันบอกว่าคุณหมอเหมี่ยวให้ฉันไปรับผลตรวจค่ะ”สายตาของโจวซือเหย่กวาดมองไปที่หน้าอกของเธอ ก่อนเอ่ยว่า “ฉันจะไปเป็นเพื่อน”เวิงอี๋พูดอย่างเกรงใจ่วา “จริง ๆ ฉันไปเองได้ค่ะ”โจวซือเหย่พูดตรง ๆ ว่า “ฉันจะไปขับรถ”เมื่อรู้สึกว่าตัวเองได้รับความสำคัญ ดวงตาของเวิงอี๋ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่โรงพยาบาลเจียงซู่จ้องมองคุณย่าอี้ที่ยังคงหมดสติอยู่ด้วยความหนักใจ เพราะคุณหมอบอกว่าการหมดสติครั้งนี้เป็นเหมือนการซ้ำเติมร่างกายที่อ่อนแอของคุณย่าให้แย่ลงไปอีกหลังจากออกมาจากห้องตรวจของหมอ เจียงซู่ก็ขาอ่อนแรง เซถลาเกือบจะล้ม แต่โชคดีที่คว้ากำแพงไว้ได้ทันในเวลานั้นเอง เธอพลันได้ยินเสียงของโ
“คุณย่า—”เจียงซงหวาเห็นดังนั้นก็เตรียมจะเดินเข้าไป แต่แม่เจียงกลับรั้งเขาไว้ ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี แค่มองตากันก็เข้าใจความหมายของกันและกันเจียงซู่พูดอย่างร้อนรน “พ่อคะ รีบพาคุณย่าไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”ระหว่างผลประโยชน์กับความกตัญญู เจียงซงหวาเลือกอย่างแรก“หาทางให้โจวซือเหย่หยุดให้ได้”“พ่อ!”เจียงซู่มองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?ความน่าเกลียดของมนุษย์ เธอมองเห็นได้อย่างชัดเจนในตัวเจียงซงหวาเจียงซู่กัดฟันกรามแน่น พูดว่า “ได้ หนูสัญญา!”หลังจากการนำตัวคุณย่าอี้ส่งโรงพยาบาล ท่านก็ได้รับการช่วยชีวิต แต่จะฟื้นเมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเองเจียงซงหวาเร่งเร้า “ย่าของแกไม่เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้แกไปขอร้องโจวซือเหย่ซะ”เจียงซู่ไม่ได้ลุกขึ้น “รอคุณย่าฟื้นก่อนค่ะ”เจียงซงหวาพูดว่า “ฉันให้เวลาแกคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ไม่ว่าจะฟื้นหรือไม่ก็ตาม แกต้องไปขอร้องโจวซือเหย่ให้ได้”เขาทิ้งท้ายคำพูดแล้วทำท่าทางราวกับรังเกียจความอัปมงคล ไม่อยากจะอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวเจียงซู่กุมมือที่เหี่ยวย่นของคุณย่าไว้ ในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปว
กิ๊กของเจียงเจียเหวินกลับไปแล้ว เหลือเพียงคนในตระกูลเจียงอยู่ในห้องวีไอพีเท่านั้นเสียงสะอื้นของเจียงเจียเหวินและเสียงหายใจหอบถี่ของเจียงซงหวาทำให้ความกดอากาศในห้องลดลงถึงจุดเยือกแข็งเมื่อละครตลกที่ไร้สาระนี้จบลง เจียงซู่ก็ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้วเธอประคองคุณย่าเพื่อจะเดินออกไป ทว่าเธอเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เจียงซงหวาก็เรียกไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้!”เจียงซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “มีอะไรอีกไหมคะ?”เจียงซงหวาใช้อำนาจความเป็นพ่อสั่งว่า “เรื่องนี้แกจะจัดการยังไง?”เจียงซู่: “พ่อคะ พ่อถามผิดคนแล้วล่ะ”ตั้งแต่เกิดขึ้นเรื่องจนกระทั่งจบลง เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิดใบหน้าแก่ ๆ ของเจียงซงหวาดูไม่สู้ดีนัก “แกหมายความว่ายังไง? ตอนนี้โจวซือเหย่ยังคงเล่นงานตระกูลเจียงอยู่ แกคิดจะยืนดูเฉย ๆ ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างนั้นเหรอ? แกยังเป็นคนในตระกูลเจียงอยู่ไหม? อย่าลืมนะ ถ้าไม่มีฉัน แกอดตายไปนานแล้ว!”“อะไรกันเนี่ย นังลูกอกตัญญู”เจียงซู่: “ก่อนห้าขวบ แม่หนูเป็นคนเลี้ยงหนูค่ะ หลังห้าขวบ คุณย่าเป็นคนเลี้ยงหนูจนโต”เจียงซงหวา: “ถ้าไม่มีเงินของฉัน พวกเขาจะเอาอะไรมาเลี้ยงแก?!”เจียงซู่: “
เจียงซงหวาพูดเสียงหนัก “ลูกในท้องเหวินเหวิน เป็นลูกของนายแน่นอน!”“ผมไม่ได้แตะต้องลูกสาวคุณแม้แต่ปลายก้อย” โจวซือเหย่กล่าวเย้ยหยัน “ลูกสาวคุณมีความสามารถแบบนั้นจริง แต่ตระกูลโจวเราไม่เคยคิดจะเลี้ยงลูกให้คนอื่น”กล่าวจบ นอกจากโจวซือเหย่ ทุกคนต่างมีหน้าแตกต่างกันไป แม้แต่เจียงซู่เองยังเบิกตากว้างเขาหมายความว่ายังไง?เธอเห็นพวกเขานอนด้วยกันกับตาแท้ ๆ...เจียงซงหวาโกรธจัดทันที “นายไม่คิดจะรับผิดชอบงั้นเหรอ?”โจวซือเหย่: “ไม่ใช่ลูกผม ทำไมผมจะรับ?”จังหวะนั้นเอง ผู้ชายที่โจวซือเหย่ให้คนพาเข้ามาก็เปิดปากพูด “เจียงเจียเหวิน ทำไมเธอถึงให้ลูกของฉัน เรียกคนอื่นว่าพ่อล่ะ?! เธอทำแบบนี้ไม่ละอายใจต่อฉันบ้างเหรอ?”แม่เจียงถลึงตาพลางตะคอกใส่เขา “พูดเพ้อเจ้ออะไร? ถ้ายังใส่ร้ายลูกสาวฉันอีก ระวังฉันจะแจ้งตำรวจจับแก!”ผู้ชายคนนั้นสวนกลับทันควัน “ผมพูดเพ้อเจ้อหรือไม่ ก็ถามลูกสาวคุณดูก็รู้เอง! ผมกับเธอไม่รู้ว่านอนด้วยกันมากี่ครั้งแล้ว คืนนั้นที่โจวซือเหย่เมามาก ไม่ได้แตะเธอเลยด้วยซ้ำ เธออยากแสดงให้สมจริงและให้ตรงกับช่วงเวลาที่จะตั้งท้อง คืนนั้นเธอยังจงใจมาหาผม คืนนั้น เราเอากันตลอดทั้งคืน”“เจียงเ
โจวซือเหย่ยังคงนิ่งสงบ ราวกับกำลังคุยกันว่า คืนนี้จะกินอะไรดีเจียงเจียเหวินกลับไม่ใจเย็นแบบนั้น ถึงกับหัวใจสั่นวูบเมื่อโดนสายตาเย็นเฉียบของเขามองมา เธอกลืนน้ำลายที่ไม่มีอยู่จริง จู่ ๆ ดวงตาเริ่มแดงก่ำขึ้น “พี่เขย ถึงเรื่องนี้จะผิดต่อพี่เค้า แต่พี่จะปฏิเสธลูกของตัวเองไม่ได้นะ พี่พูดแบบนี้ พี่กำลังอยากบีบให้พวกเราสองแม่ลูกไปตายนะคะ”แม่เจียงเห็นลูกสาวช้ำใจก็รู้สึกสงสาร “ซือเหย่ เป็นผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับหน่อยสิ จะได้แล้วทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะ!”เจียงเจียเหวินกัดฟันแน่น “ถ้าพี่จะไม่ยอมรับ ฉันก็จะพาลูกไปตายด้วย!”พูดจบ เธอก็ทำท่าจะวิ่งออกไปแม่เจียงเห็นดังนั้นก็รีบคว้าไว้ทันที “เหวินเหวิน! คนดีของแม่ ลูกพูดอะไรออกมาน่ะ? อะไรคือตายไม่ตาย? ถ้าลูกตาย แล้วแม่กับพ่อจะอยู่ยังไง? ลูกเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นะ!”สองแม่ลูกร้องไห้ฟูมฟาย ทำตัวราวกับกำลังแสดงละครโศกนาฏกรรมแม่เจียงกอดเจียงเจียเหวินแน่น แล้วหันไปจ้องโจวซือเหย่ “ถ้านายไม่ยอมรับเด็กคนนี้ล่ะก็ ฉันจะไปหาคุณท่านโจว! นี่เป็นเหลนคนแรกของท่านนะ! ฉันไม่เชื่อว่าคนใจดีแบบท่าน จะปล่อยให้นายบีบลูกสาวฉันไปตาย!”เจียงซงหวาขัดภรรยาได้จังหวะเหมา
แม่เจียงรีบเสริมทันที “ฉันบอกแล้วว่าเด็กคนนี้มันอกตัญญู โตมาก็เลี้ยงไม่เชื่อง ตอนนั้นคุณควรทิ้งมันไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว แถมยังเสียเงินมากมายไปกับมันเปล่า ๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลยสักนิด!”ทั้งครอบครัวเป็นใจเดียวกัน ต่างรุมประณามเจียงซูไม่เว้นคำเจียงซงหวาถึงกับไปหาความช่วยเหลือจากภายนอกพอได้รับโทรศัพท์จากคุณย่า เจียงซู่ถึงรู้ว่าพวกเขาลากเรื่องทั้งหมดไปกดดันผู้ใหญ่ท่านแล้วที่โรงพยาบาลคุณย่าอี้จับมือเธอไว้แน่น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสาร “ลำบากหนูมากแล้ว”พอได้ยินประโยคนั้น จมูกของเจียงซู่ก็แอบร้อนผ่าวขึ้นมา ตั้งแต่เรื่องเกิดจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสนใจความรู้สึกของเธอจริง ๆโจวซือเหย่มองว่าเธอคิดร้ายตระกูลเจียงคิดว่าเธอไม่สำนึกบุณคุณแต่ไม่มีใครคิดเลยว่าเธอต่างหากที่เจ็บหนักที่สุดในเรื่องนี้คุณย่าอี้ถอนหายใจ “เป็นความผิดของย่าเอง ที่สอนพ่อของหนูไม่ดี”ความจริงคุณย่าอี้เป็นคนมีการศึกษา สมัยสาว ๆ เป็นถึงครูสอนหนังสือ ในยุคสมัยของท่าน ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะได้เรียนหนังสือคนมีการศึกษา แต่กลับเลี้ยงลูกชายออกมาเป็นพวกเห็นแก่ได้แต่งงานครั้งแรกเป็น







