Home / LGBTQ+ / ชตรีญา / จำปี (1)

Share

จำปี (1)

last update Last Updated: 2025-10-14 14:35:06

“ เธอนี่… ตลกนะ”

เสียงดารัณยังก้องอยู่ในความรู้สึกและรอยยิ้มที่ไม่รู้ว่าขำหรือเอ็นดูนรีกันแน่ยังกรุ่นในความทรงจำ เพราะขนาดหล่อนตื่นนอนมาคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนระหว่างล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำตอนเช้าก็ยังนึกตลกตนเองที่เดินอ้อมไปขึ้นบันไดหลักที่ฝั่งตะวันออกแทนที่จะขึ้นบันไดวนตามหลังคุณเจ้านายไป แต่อีกใจหล่อนก็รู้ดีว่า ในทุกขณะ ตัวหล่อนเอง ถือว่าบันไดวนเป็นช่องทางส่วนตัวของคุณเจ้านายที่หล่อนควรให้เกียรติ ไม่เหยียบย่าง…

ทุกสิ่งผ่านไปโดยง่าย หล่อนไม่ได้ตอบโต้ว่าอะไร เพียงยื่นดอกสเลเตทั้งหมดคืนให้คุณเจ้านาย และถอยไปทรุดตัวลงนั่งประจำที่ เฉกเช่นทุกคืน นรีปล่อยให้ดารัณได้กลับเข้าสู่โลกส่วนตัวอย่างเคย และปล่อยให้ตัวหล่อนเองล่องลอยไปในคลื่นแห่งความคิดฝันฟุ้งซ่านมากมายโดยวางสายตาไว้กับริ้วไหล่และแผ่นหลังของคนที่นั่งห่างออกไปมากกว่าสามเมตรเศษ ท่ามกลางอากาศเย็นชื้นและเสียงเพลงบรรเลงหวิวหวานผสานเสียงลมฝนที่โหมพายุหนักล้อมรอบเรือนไม้วงศ์ทิมทอง ตลอดสองชั่วโมงกว่าๆ

นรีอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ราวๆ เจ็ดโมงครึ่ง หล่อนออกจากห้องมาพบสภาพครัวและโต๊ะอาหารที่ดูเหมือนว่า วันนี้คุณทิพย์จะตื่นเร็วกว่าปกติ และลงครัวเองเสียแล้ว นรีรู้สึกผิดที่ตื่นช้ากว่าคุณทิพย์อีกครั้งแล้ว จึงรีบรุดเดินผ่านโต๊ะอาหารไปที่หน้าเรือนทันที แต่ก็เผอิญเจอคุณทิพย์กำลังเดินลงบันไดหลักมาพอดี

“รีบร้อนไปไหนนรี” คุณทิพย์ทักขึ้น แม้นรีจะสะดุ้งตกใจ แต่ก็เข้าประคองคุณทิพย์อย่างนอบน้อมทันที พลางตอบ

“จะไปดูสวนดอกไม้ค่ะ ว่าต้องรดน้ำมั้ย”

“ไม่ทันคนนั้นแล้วล่ะ” คุณทิพย์บอกทั้งพยักเพยิดไปทางสวนดอกไม้หน้าเรือน นรีหันมองตาม ขณะพาคุณทิพย์เดินไปนอกชายคาเรือนด้วยกัน

ดารัณในเสื้อเชิ้ตขาวตัวบางกับกางเกงลำลองขายาวสีเปลือกไม้กำลังเดินดูสวนดอกไม้ที่ยังฉ่ำชุ่มไปด้วยรอยหยาดฝน เธอก้มๆ เงยๆ เก็บเอาไม้หอมนานาชนิดที่บานสะพรั่ง ใส่เรียงบนถาดจักสานขนาดสิบสองนิ้ว ซึ่งถูกส่งให้นรีถือทันทีที่หล่อนก้าวย่ำลงสวนไปใกล้ตังเธอ

“รบกวนถือตามมาทีค่ะ เหลือเก็บจำปีอีกอย่างก็น่าจะพอ” คุณเจ้านายว่าเช่นนั้นก่อนเดินดุ่มนำหน้านรีไปที่ต้นจำปีสูงโดด ฟากหลังเรือนฝั่งตะวันตก เธอคว้าบันไดไม้ไผ่จากข้างรั้วมาพาดพิงลำต้นจำปีแล้วปีนป่ายคล่องแคล่วขึ้นไปดึงเด็ดจำปีขาวนวลแต่ละดอกที่ออกเดี่ยวปลายกิ่งแต่ละช่อใบ ท่าทางชำนาญนัก ครู่เดียว ดอกจำปีแสนงามก็ลงมาเรียงเต็มช่องว่างบนถาดจักสาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งชุ่มปอดนรี

“ไปกินข้าวกันเถอะ” คุณเจ้านายบอกกับหล่อนพลางเก็บเอาดอกจำปีจำนวนหนึ่งใส่กระเป๋าเสื้อ

“ค่ะคุณ” นรีนอบน้อมรับคำ แม้จะกำลังเผลอเอียงคอฉงนจนดารัณสังเกตได้ คุณเจ้านายจึงเคลื่อนตัวเข้ามาสบตาหล่อนในองศาเอียงคอเดียวกัน

“คะ…” นรีประหม่าล่กลน ชวนให้ดารัณหลุดยิ้มอารมณ์ดีก่อนเอ่ย

“ก็เธอมอง เหมือนงง”

“อ่อ… ค่ะ เห็นคุณเก็บดอกจำปีใส่กระเป๋า มันชวนคิด” นรีตอบ

“ชวนคิด… คิดว่าอะไร…” ดารัณซักต่อ

“คิด ว่า ถ้าเป็นดอกโปรดของคุณ วันหลังก็จะได้…” นรีว่าพลางเงยหน้ามองดอกจำปีตูมในช่อใบสูง แต่แล้วดารัณก็ขัดคำหล่อนอย่างรู้ทันว่า

“จะได้มาเก็บให้เรา”

“ค่ะ” นรีพยักหน้ารับ ก่อนละสายตาลงจากยอดไม้มาสบเข้ากับสายตาแสนเอ็นดูของคุณเจ้านายที่สาดมากระทบจิต พร้อมน้ำเสียงอุ่นละมุนใจ

“ไม่เป็นไร ต้นมันสูง อันตราย เรารบกวนแค่มารอรับลงถาดก็พอ”

ซึ่งแน่นอนว่า คุณเจ้านายว่าอย่างไร หล่อนย่อมว่าตามกัน

มื้อเช้าวันนั้น เป็นข้าวต้มหมูใส่เห็ดหอมฝีมือดารัณที่นานๆ ทีคุณทิพย์จะมีโอกาสได้รับประทาน ความกลมกล่อมของน้ำซุป ความนุ่มนวลของเห็ดหอมสด ผสานเข้ากับเม็ดข้าวหอมมะลิที่ปริแตกสวย ชวนให้นรีเจริญอาหารยิ่งกว่าทุกวัน

“น้องส่งต้นฉบับแล้วเหรอลูก” คุณทิพย์เอ่ยถามหลังรับประทานข้าวต้มไปแล้วกว่าค่อนชาม

“ส่งละแม่ รอเขาตรวจ เนี่ยเก็บจำปีมาพกนำโชคด้วย” คุณเจ้านายสนทนากับคุณทิพย์ทั้งล้วงหยิบเอาดอกจำปีจากกระเป๋าเสื้อตนมาอวด ท่าทีน่าเอ็นดูเหลือล้นในสายตานรี เพราะดูเหมือนว่าดารัณลดอายุตนเองลงไปมากกว่าทศวรรษยามพูดคุยกับมารดา หล่อนมองรอยยิ้มใสๆ ของเธอแล้วยิ้มตามอย่างอดไม่ได้

‘ใครจะคิด ว่าน่ารักขนาดนี้ได้’

ใจลิยไปกับรอยยิ้มของดารัณได้ไม่นานนรีก็ต้องชะงักและพาสายตาตสนเองกลับมามองชามข้าวต้มที่ว่างเปล่าตรงหน้า เนื่องจากคุณเจ้านายผละสายตาจากคุณทิพย์มาสบประสานสายตาหล่อนเข้าพอดี รอยยิ้มสดใสน่ารักพลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มคล้ายเคลือบมนต์เสน่ห์บางเบา ชวนใจสั่นในเสี้ยววินาที ก่อนริมฝีปากสวยจะเอ่ยสนทนากับผู้เป็นแม่ต่อไปว่า

“เดี๋ยววันนี้กานต์มานะแม่ คงหิ้วแกงมาเหมือนเดิม”

“เกรงใจกานต์” คุณทิพย์ว่าก่อนเตรียมตักข้าวต้มคำสุดท้าย

“กานต์มันดื้อ บอกหลายรอบละว่าไม่ต้อง แต่ก็ห้ามไม่เคยได้แม่ก็รู้” ดารัณว่าแล้ววางช้อนลงในชามข้าวต้มของตนอย่างเบามือตามนิสัย

“ก็จริง… แล้วบ่ายนี้น้องไปไหน” คุณทิพย์เอ่ยถามหลังเคี้ยวกลืนข้าวต้มคำสุดท้ายลงคอเรียบร้อยดีแล้ว

“ไม่ไปไหน อยู่บ้านนี่แหละ น้องว่าจะใส่ปุ๋ยพวกเด็ก” ดารัณว่าพลางรวบรวมเอาชามข้าวต้มทั้งสามใบมาซ้อนกัน นรีรีบขยับลุกจากเก้าอี้เพื่อขอรับหน้าที่ยกชามทั้งหมดไปล้างในครัว ซึ่งยังได้ยินบทสนทนาของคุณเจ้านายกับคุณทิพย์แว่วมา

“ว่าจะทำลาบ แม่กินได้มั้ย หมอห้ามมั้ย”

“กินได้ถ้าทำรสไม่จัด ถ้ารสจัดหมอธนาดุ”

“งั้นน้องทำให้แม่ต่างหากดีกว่า”

นรีล้างชามล้างหม้อไปก็ยิ้มไป การที่คุณเจ้านายร่วมโต๊ะอาหารทำบรรยากาศในบ้านวงศ์ทิมทองต่างไปจากเดิมพอสมควร หล่อนมองว่า บ้านมีสีสันขึ้นกว่าช่วงคุณเจ้านายปั่นต้นฉบับอยู่มากโขทีเดียว

บ่ายวันนั้น คุณทิพย์ไม่ออกไปนั่งเล่นที่ศาลา แต่เลือกที่จะไปนั่งรับลมที่ชานระเบียงหลังเรือนแทน เพราะวันนี้คุณเจ้านายของนรีจะลงสวนผัก ระหว่างเตรียมชากุหลาบให้คุณทิพย์ หล่อนหวนนึกถึงช่วงสายที่ผ่านมา ที่ได้มีโอกาสจัดดอกไม้ถวายพระกับดารัณ

เธอหยิบจับทุกดวงดอกช่อไม้อย่างทะนุถนอม และจัดวางในจุดต่างๆ ได้สลักสลวยทั่วหิ้ง ทั้งยังสงบเสงี่ยมสวดมนต์คาถาได้ไพเราะบุญหู จนหล่อนละสายตาจากเธอไม่ไหว ปล่อยให้จิตใจฟุ้งซ่านและสายตาดื้อซนไร้ความควบคุมเบื้องหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่บ้านวงศ์ทิมทองเคารพบูชา

‘แย่มาก… แย่จริงๆ… แต่ก็ยากจริงๆ ’

หล่อนคิดคำนึงคนเดียวเดียวครัว ขณะรอในชากุหลาบพร้อมจิบดื่ม หล่อนทอดถอนใจแผ่วเบา ก่อนยกชุดกาน้ำชาไปที่เฉลียงหลังเรือน

แดดยามบ่ายแก่สาดทะลุหมู่เมฆ ฉาบลงมาที่แปลงผักสวนครัว ริ้วแสงไล้ผิวขาวสว่างนอกร่มผ้าของคุณเจ้านายในชุดกางเกงขาสั้นสีเข้มกับเสื้อแขนกุดสีอ่อน ซึ่งกำลังไล่เรียงใส่ปุ๋ยอินทรีย์ให้กับพืชพันธุ์แต่ละต้นแต่ละแปลงอย่างใจเย็น กลายเป็นภาพที่ดึงสายตาและตรึงใจของนรีไว้ได้นานจนคุณทิพย์ยังสังเกตเห็น

“เขารักของเขามาก พวกเด็กๆ กับพวกสาวๆ ” คุณทิพย์ว่า

“พวกเด็กๆ … พวกสาวๆ …” นรีทวนคำทำหน้าฉงน

“ผักเป็นเด็ก ดอกไม้เป็นสาว เขาเล่าว่า ผักเขาเพาะแต่แรก แต่ดอกไม้เขาได้มาเป็นต้นโต” คุณทิพย์ไขความตามรู้ นรีฟังแล้วยิ่งมีแววตาหลงใหลเอ็นดูดารัณชัดเจนขึ้นอีก

นรีเพลิดเพลินไปกับการเฝ้ามองดารัณที่กำลังซึมซับความสุขจาก ‘พวกเด็กๆ ’ อยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถญี่ปุ่นดังแว่วมาจากทิศเหนือ เมื่อหันมองไปทางหน้าเรือนก็พบว่า รถยนต์คันสีแดงที่หล่อนคุ้นตากำลังเข้าจอดเทียบนอกรั้ว นรีปลีกตัวจากคุณทิพย์ ลุกเดินออกนอกเรือนตรงไปที่ซุ้มประตูทันที กานต์สิรีก้าวลงจากรถยนต์ที่เพิ่งดับเครื่องพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือแล้วตอนนรีเดินไปถึง

เพื่อนคุณเจ้านาย แขกประจำของบ้านวงศ์ทิมทองมาพร้อมกับข้าวกับปลาแกงถุงเช่นเคย ดังที่คุณเจ้านายคาดเดา นรีรับเอาอาหารที่กานต์สิรีหอบหิ้วมาไปไว้ในครัวและตัดสินใจรีบหุงข้าวสารสำหรับสี่คนเตรียมไว้ ขณะที่กานต์สิรีไปทักทาย สนทนากับคุณทิพย์สักพัก ก่อนลงสวนไปช่วยดารัณเก็บผักหอมเครื่องลาบ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชตรีญา   พุดจีบ (1)

    “แปลว่ารักได้ ไม่ติดเหรอคะ” คุณเจ้านายเอ่ยถาม แน่นอนว่าเธอได้รับเพียงแววตาเกือบจะงุนงงของนรีตอบกลับไป เธอจึงได้ขยายความถามนั้น“หมายถึง นรีเอง ก็รักผู้หญิงได้ ใช่มั้ยคะ”“...”นรีกระพริบตาปริบๆ ทั้งเงียบไปครู่หนึ่ง ทำเอาคนรอฟังคำ นิ่งเงียบตามกันไปด้วย แต่เธอยังคงวางสายตาจับไว้ที่หล่อน ไม่ละไปโดยง่าย กระทั่งได้คำตอบ“คิด ว่ารักได้นะคะ” นรีตอบเสียงแผ่ว“ท่าทางไม่แน่ใจ” คุณเจ้านายกล่าวเช่นนั้น แล้วผินมองไปทางอื่น ในท่าทีใช้ความคิด เป็นจังหวะให้นรีได้รับอิสระเล็กน้อยจากการรอดพ้นสายตาเธอ แต่ยังไม่พ้นไปจากสนทนา“ที่ผ่านมา ยังไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงเลยสักคน… เหรอคะ” คุณเจ้านายปรายตากลับมามองนรีในท้ายประโยค พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่นรีมองทันเพียงชั่วครู่ก็รู้สึกใจเต้น พาลให้หล่อนนิ่งจนลืมตอบความ พยายามเลี่ยงหลบสายตาเธอสุดฤทธิ์ ขณะที่คุณเจ้านายวางมือลงค้ำยันกับโต๊ะเขียนงาน และโน้มตัวเข้าใกล้นรีมากขึ้น พลางกระซิบสรุป“เงียบแบบนี้ เราจะเหมาว่าเธอเคยตกหลุมรักใครสักคน ที่เป็นผู้หญิงนะคะ”นรีหันกลับไปมองคุณเจ้านายในระยะประชิดมากกว่าที่เคย หล่อนนึกเรียบเรียงคำโต้ตอบที่ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า จะเอ่ยปฏิเสธห

  • ชตรีญา   พุดซ้อน (2)

    คืนนั้น คุณเจ้านายไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนงานเมื่อหล่อนไปถึงหน้าห้อง พอตัดสินใจไปชะเง้อมองที่ใกล้ๆ บานประตู สอดส่องสายตาจนทั่วก็ยังไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหนในห้อง นรีถอยจากประตูลายโบตั๋นมาเกาะขอบหน้าต่างโถงทางเดินที่มักเปิดไว้เสมอเพียงบานเดียวเพื่อรับลมในทุกคืน หล่อนคาดว่า คุณเจ้านายอาจลงไปเก็บดอกไม้กลางคืนเช่นเดียวกับตอนที่ลงไปเก็บดอกสเลเตก็เป็นได้ ทว่า เพ่งมองสวนดอกไม้สักเท่าไหร่ก็ไร้วี่แววร่างเงาเธอ“ดูอะไรอยู่เหรอ” เสียงคุณเจ้านายดังมาจากด้านหลัง พาหล่อนสะดุ้งใจหาย แต่ก็รีบเก็บอาการนั้นให้สงบลงโดยเร็วก่อนตอบกลับเธอไปว่า“เปล่าค่ะ” พลางเดินกลับไปที่เก้าอี้ไม้สน คุณเจ้านายพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินไปที่โต๊ะเขียนงาน เธอหยุดยืนอยู่ข้างเก้าอี้ รวบรวมเอกสารสองสามชุดให้เป็นกองเดียวกัน จัดเก็บเข้าแฟ้ม นำแฟ้มไปสอดไว้บนชั้นวางข้างโต๊ะฝั่งมุมห้อง ครั้นพอเดินย้อนกลับมาที่เก้าอี้อีกหน และเห็นว่านรียืนละล้าละลังอยู่หน้าห้อง

  • ชตรีญา   พุดซ้อน (1)

    กลิ่นตะไคร้บุบ และใบมะกรูดฉีก ในน้ำซุป โชยฟุ้งทั่วครัวในช่วงเย็นของวันถัดมา ในหม้อต้มขนาดกลาง มีเนื้อวัวส่วนที่นรีพอหาได้จากตลาดเช้า ถูกเคี่ยวตุ๋นมาได้พักใหญ่แล้ว แม้แรกทีเดียว หล่อนเคยคิดว่าจะไม่ลองภูมิใดใดกับการทำเมนูโบราณที่ไม่คุ้นเคย ทว่าเหลียวมองไปถ้วนทั่วสวนผักหลังเรือน ก็พบว่า เครื่องผักสมุนไพรครบครันตามสูตรที่จดมาจากหนังสือ กลิ่นรัญจวนในครัวใจ แค่เพียงหาเนื้อวัวให้ได้ก็พร้อมปรุง หล่อนจึงทำใจดีสู้เสือเลือกเอาเมนูนี้มาตั้งสำรับเย็น“กลิ่นชวนหิวดีจังวันนี้” คุณทิพย์เอ่ย เมื่อนรียกชามแกงรัญจวนวางเสิร์ฟที่โต๊ะอาหาร จิตใจหล่อนดูจะล่องลอยสักนิด จึงไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากยิ้มนอบน้อมเช่นเคยเหตุที่ทำให้หล่อนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คือสิ่งที่เกิดกับตัวหล่อนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ โดยเนื่องมาจากว่า หล่อนไม่แน่ใจในคำสั่งของคุณเจ้านายที่บอกไว้เมื่อคืนที่ให้หล่อนยืมเล่ม หอมลมกลิ่นรัก มา เธอว่า‘คืนที่โต๊ะนะคะ’หล่อนซึ่งปกติไม่เคยก้าวเข้าห้องส่วนตัวคุณเจ้านายโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงตีความเอาเองว่า โต๊ะที่เธอพูดถึง คงหมายถึงโต๊ะไม้สนชั้นล่าง เพราะเป็นโต๊ะที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่หล่อนโดยตรง วั

  • ชตรีญา   จำปา (2)

    ‘สองฝั่งคลอง’… ‘มาลัยสามชาย’ … ‘ทวิภพ’‘กรงกรรม’ … ‘ฤกษ์สังหาร’ … ‘บ้านทรายทอง’รายนามบนสันหนังสือที่นรีเลื่อนสายตาผ่านนั้น มีแต่ชื่อโด่งดังคุ้นหู ที่บางเรื่องก็เคยดูเป็นละครโทรทัศน์รีรันซ้ำซากจนคุ้นตาแทบทั้งหมด หล่อนเถียงในประเด็นที่ว่า นี่คือหนังสือหายากทรงคุณค่า และหล่อนก็ไม่เกี่ยงนักหรอกที่ต้องอ่านนิยายละครโทรทัศน์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เรื่องเล่าในเล่มเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องราวแปลกใหม่ น่าสนใจเพียงพอจะดึงความสนใจของหล่อนได้‘สาปภูษา’ … ‘กำไลมาศ’ … ‘กาหลมหรทึก’ ‘เกิดแต่ตม’ … ‘หลงเงาจันทร์’ … ‘รากนครา’หากต้องเลือกเล่มใดไปอ่านเฉพาะชั้นวางนี้ นรีก็ไม่ติดขัดใจ เพราะอย่างน้อยการได้มีอะไรให้อ่า

  • ชตรีญา   จำปา (1)

    ‘สูตรแกงรัญจวนของวังเจ้านั้นพิถีพิถันนัก เริ่มจากปลายครกที่ต้องตำพริกขี้หนูสวนด้วยเกลือป่นให้ฟู ต้มปลาเค็มที่รมด้วยฟืนเปลือกมะกรูด น้ำแกงต้องขลุกขลิก ใส่ตะไคร้หั่นบาง ใบมะกรูดฉีก และใบโหระพาจากสวนด้านเหนือเท่านั้น กลิ่นขึ้นจากไอร้อน เหมือนจิตใจคนกำลังเร่าร้อนแต่ไม่กล้ากล่าวรัก แกงนี้ต้องกลั้นใจขณะตัก กลิ่นจะยิ่งลอยชัด… คล้ายรักที่ยิ่งปิด ยิ่งฉุน ยิ่งยากลืม’นรีปิดหนังสือลงวางกับตัก เมื่อได้ยินเสียงคุณทิพย์ขยับตัว พยายามปรับสติเรียกอารมณ์ให้ตนเองกลับสู่โลกแห่งความจริงเพียงชั่วพริบตา ก่อนหันไปหาคุณทิพย์ที่กำลังกลับจากภวังค์นิทรายามบ่าย“ลมดีจริงเชียว” คุณทิพย์พึมพำเสียงแผ่ว ตาปรือเล็กน้อย ออกอาการเพลียคล้ายติดงัวเงียอยู่สักนิด“สักพักฝนอาจจะตก… เข้าบ้านกันดีมั้ยคะ” นรีเอ่ยชวนพลางรวบรวมเอาชุดถ้วยชาลายครามใส่ถาดเดียวกับกาน้ำชาไว้รอท่า เมื่อเห็นคุณพยักหน้าเชิงว่ารับคำ

  • ชตรีญา   จำปี (2)

    มื้อเย็นวันนั้น ไม่มีอะไรเด่นแซ่บไปกว่าลาบหมูฝีมือดารัณที่ทำแยกมาสองรส สำหรับคุณทิพย์และสำหรับทุกคน รสเค็มเผ็ดนัวตัดเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาวแป้นสดจากสวนหลังเรือน คละเคล้าผักหอมแล้วยังฟุ้งไปด้วยข้าวคั่วสมุนไพรที่ทำพิเศษเฉพาะวันนี้ ทำให้ทุกคำที่บดเคี้ยว สติของนรีหวนคืนมวลอารมณ์คิดถึงบ้าน คิดถึงยาย บาดลึกไปทุกทีการเก็บกลืนรส แม้จะทำตัวนิ่ง ดูสงบ แต่น้ำตากลับคลอรื้นออกมาอยู่ดี“นรี… นรีคะ” เสียงคุณเจ้านายทักขึ้นเบาๆ พร้อมสายตาอุ่นๆ ที่ส่งมาจากอีกฝั่งโต๊ะอาหาร ก่อนเอ่ยถาม“เป็นอะไรรึเปล่า”“แค่… คิดถึงบ้านค่ะ” นรีตอบสั้นๆ ตามตรง พร้อมรอยยิ้มบางๆ พลางเอื้อมหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา“ เพราะลาบหมูเนี่ยเหรอ” คุณทิพย์ถามขึ้น นรีพยักหน้ารับและตอบว่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status