แชร์

จำปี (1)

ผู้เขียน: นนท์นที ชตรีญา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-14 14:35:06

“ เธอนี่… ตลกนะ”

เสียงดารัณยังก้องอยู่ในความรู้สึกและรอยยิ้มที่ไม่รู้ว่าขำหรือเอ็นดูนรีกันแน่ยังกรุ่นในความทรงจำ เพราะขนาดหล่อนตื่นนอนมาคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนระหว่างล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำตอนเช้าก็ยังนึกตลกตนเองที่เดินอ้อมไปขึ้นบันไดหลักที่ฝั่งตะวันออกแทนที่จะขึ้นบันไดวนตามหลังคุณเจ้านายไป แต่อีกใจหล่อนก็รู้ดีว่า ในทุกขณะ ตัวหล่อนเอง ถือว่าบันไดวนเป็นช่องทางส่วนตัวของคุณเจ้านายที่หล่อนควรให้เกียรติ ไม่เหยียบย่าง…

ทุกสิ่งผ่านไปโดยง่าย หล่อนไม่ได้ตอบโต้ว่าอะไร เพียงยื่นดอกสเลเตทั้งหมดคืนให้คุณเจ้านาย และถอยไปทรุดตัวลงนั่งประจำที่ เฉกเช่นทุกคืน นรีปล่อยให้ดารัณได้กลับเข้าสู่โลกส่วนตัวอย่างเคย และปล่อยให้ตัวหล่อนเองล่องลอยไปในคลื่นแห่งความคิดฝันฟุ้งซ่านมากมายโดยวางสายตาไว้กับริ้วไหล่และแผ่นหลังของคนที่นั่งห่างออกไปมากกว่าสามเมตรเศษ ท่ามกลางอากาศเย็นชื้นและเสียงเพลงบรรเลงหวิวหวานผสานเสียงลมฝนที่โหมพายุหนักล้อมรอบเรือนไม้วงศ์ทิมทอง ตลอดสองชั่วโมงกว่าๆ

นรีอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ราวๆ เจ็ดโมงครึ่ง หล่อนออกจากห้องมาพบสภาพครัวและโต๊ะอาหารที่ดูเหมือนว่า วันนี้คุณทิพย์จะตื่นเร็วกว่าปกติ และลงครัวเองเสียแล้ว นรีรู้สึกผิดที่ตื่นช้ากว่าคุณทิพย์อีกครั้งแล้ว จึงรีบรุดเดินผ่านโต๊ะอาหารไปที่หน้าเรือนทันที แต่ก็เผอิญเจอคุณทิพย์กำลังเดินลงบันไดหลักมาพอดี

“รีบร้อนไปไหนนรี” คุณทิพย์ทักขึ้น แม้นรีจะสะดุ้งตกใจ แต่ก็เข้าประคองคุณทิพย์อย่างนอบน้อมทันที พลางตอบ

“จะไปดูสวนดอกไม้ค่ะ ว่าต้องรดน้ำมั้ย”

“ไม่ทันคนนั้นแล้วล่ะ” คุณทิพย์บอกทั้งพยักเพยิดไปทางสวนดอกไม้หน้าเรือน นรีหันมองตาม ขณะพาคุณทิพย์เดินไปนอกชายคาเรือนด้วยกัน

ดารัณในเสื้อเชิ้ตขาวตัวบางกับกางเกงลำลองขายาวสีเปลือกไม้กำลังเดินดูสวนดอกไม้ที่ยังฉ่ำชุ่มไปด้วยรอยหยาดฝน เธอก้มๆ เงยๆ เก็บเอาไม้หอมนานาชนิดที่บานสะพรั่ง ใส่เรียงบนถาดจักสานขนาดสิบสองนิ้ว ซึ่งถูกส่งให้นรีถือทันทีที่หล่อนก้าวย่ำลงสวนไปใกล้ตังเธอ

“รบกวนถือตามมาทีค่ะ เหลือเก็บจำปีอีกอย่างก็น่าจะพอ” คุณเจ้านายว่าเช่นนั้นก่อนเดินดุ่มนำหน้านรีไปที่ต้นจำปีสูงโดด ฟากหลังเรือนฝั่งตะวันตก เธอคว้าบันไดไม้ไผ่จากข้างรั้วมาพาดพิงลำต้นจำปีแล้วปีนป่ายคล่องแคล่วขึ้นไปดึงเด็ดจำปีขาวนวลแต่ละดอกที่ออกเดี่ยวปลายกิ่งแต่ละช่อใบ ท่าทางชำนาญนัก ครู่เดียว ดอกจำปีแสนงามก็ลงมาเรียงเต็มช่องว่างบนถาดจักสาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งชุ่มปอดนรี

“ไปกินข้าวกันเถอะ” คุณเจ้านายบอกกับหล่อนพลางเก็บเอาดอกจำปีจำนวนหนึ่งใส่กระเป๋าเสื้อ

“ค่ะคุณ” นรีนอบน้อมรับคำ แม้จะกำลังเผลอเอียงคอฉงนจนดารัณสังเกตได้ คุณเจ้านายจึงเคลื่อนตัวเข้ามาสบตาหล่อนในองศาเอียงคอเดียวกัน

“คะ…” นรีประหม่าล่กลน ชวนให้ดารัณหลุดยิ้มอารมณ์ดีก่อนเอ่ย

“ก็เธอมอง เหมือนงง”

“อ่อ… ค่ะ เห็นคุณเก็บดอกจำปีใส่กระเป๋า มันชวนคิด” นรีตอบ

“ชวนคิด… คิดว่าอะไร…” ดารัณซักต่อ

“คิด ว่า ถ้าเป็นดอกโปรดของคุณ วันหลังก็จะได้…” นรีว่าพลางเงยหน้ามองดอกจำปีตูมในช่อใบสูง แต่แล้วดารัณก็ขัดคำหล่อนอย่างรู้ทันว่า

“จะได้มาเก็บให้เรา”

“ค่ะ” นรีพยักหน้ารับ ก่อนละสายตาลงจากยอดไม้มาสบเข้ากับสายตาแสนเอ็นดูของคุณเจ้านายที่สาดมากระทบจิต พร้อมน้ำเสียงอุ่นละมุนใจ

“ไม่เป็นไร ต้นมันสูง อันตราย เรารบกวนแค่มารอรับลงถาดก็พอ”

ซึ่งแน่นอนว่า คุณเจ้านายว่าอย่างไร หล่อนย่อมว่าตามกัน

มื้อเช้าวันนั้น เป็นข้าวต้มหมูใส่เห็ดหอมฝีมือดารัณที่นานๆ ทีคุณทิพย์จะมีโอกาสได้รับประทาน ความกลมกล่อมของน้ำซุป ความนุ่มนวลของเห็ดหอมสด ผสานเข้ากับเม็ดข้าวหอมมะลิที่ปริแตกสวย ชวนให้นรีเจริญอาหารยิ่งกว่าทุกวัน

“น้องส่งต้นฉบับแล้วเหรอลูก” คุณทิพย์เอ่ยถามหลังรับประทานข้าวต้มไปแล้วกว่าค่อนชาม

“ส่งละแม่ รอเขาตรวจ เนี่ยเก็บจำปีมาพกนำโชคด้วย” คุณเจ้านายสนทนากับคุณทิพย์ทั้งล้วงหยิบเอาดอกจำปีจากกระเป๋าเสื้อตนมาอวด ท่าทีน่าเอ็นดูเหลือล้นในสายตานรี เพราะดูเหมือนว่าดารัณลดอายุตนเองลงไปมากกว่าทศวรรษยามพูดคุยกับมารดา หล่อนมองรอยยิ้มใสๆ ของเธอแล้วยิ้มตามอย่างอดไม่ได้

‘ใครจะคิด ว่าน่ารักขนาดนี้ได้’

ใจลิยไปกับรอยยิ้มของดารัณได้ไม่นานนรีก็ต้องชะงักและพาสายตาตสนเองกลับมามองชามข้าวต้มที่ว่างเปล่าตรงหน้า เนื่องจากคุณเจ้านายผละสายตาจากคุณทิพย์มาสบประสานสายตาหล่อนเข้าพอดี รอยยิ้มสดใสน่ารักพลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มคล้ายเคลือบมนต์เสน่ห์บางเบา ชวนใจสั่นในเสี้ยววินาที ก่อนริมฝีปากสวยจะเอ่ยสนทนากับผู้เป็นแม่ต่อไปว่า

“เดี๋ยววันนี้กานต์มานะแม่ คงหิ้วแกงมาเหมือนเดิม”

“เกรงใจกานต์” คุณทิพย์ว่าก่อนเตรียมตักข้าวต้มคำสุดท้าย

“กานต์มันดื้อ บอกหลายรอบละว่าไม่ต้อง แต่ก็ห้ามไม่เคยได้แม่ก็รู้” ดารัณว่าแล้ววางช้อนลงในชามข้าวต้มของตนอย่างเบามือตามนิสัย

“ก็จริง… แล้วบ่ายนี้น้องไปไหน” คุณทิพย์เอ่ยถามหลังเคี้ยวกลืนข้าวต้มคำสุดท้ายลงคอเรียบร้อยดีแล้ว

“ไม่ไปไหน อยู่บ้านนี่แหละ น้องว่าจะใส่ปุ๋ยพวกเด็ก” ดารัณว่าพลางรวบรวมเอาชามข้าวต้มทั้งสามใบมาซ้อนกัน นรีรีบขยับลุกจากเก้าอี้เพื่อขอรับหน้าที่ยกชามทั้งหมดไปล้างในครัว ซึ่งยังได้ยินบทสนทนาของคุณเจ้านายกับคุณทิพย์แว่วมา

“ว่าจะทำลาบ แม่กินได้มั้ย หมอห้ามมั้ย”

“กินได้ถ้าทำรสไม่จัด ถ้ารสจัดหมอธนาดุ”

“งั้นน้องทำให้แม่ต่างหากดีกว่า”

นรีล้างชามล้างหม้อไปก็ยิ้มไป การที่คุณเจ้านายร่วมโต๊ะอาหารทำบรรยากาศในบ้านวงศ์ทิมทองต่างไปจากเดิมพอสมควร หล่อนมองว่า บ้านมีสีสันขึ้นกว่าช่วงคุณเจ้านายปั่นต้นฉบับอยู่มากโขทีเดียว

บ่ายวันนั้น คุณทิพย์ไม่ออกไปนั่งเล่นที่ศาลา แต่เลือกที่จะไปนั่งรับลมที่ชานระเบียงหลังเรือนแทน เพราะวันนี้คุณเจ้านายของนรีจะลงสวนผัก ระหว่างเตรียมชากุหลาบให้คุณทิพย์ หล่อนหวนนึกถึงช่วงสายที่ผ่านมา ที่ได้มีโอกาสจัดดอกไม้ถวายพระกับดารัณ

เธอหยิบจับทุกดวงดอกช่อไม้อย่างทะนุถนอม และจัดวางในจุดต่างๆ ได้สลักสลวยทั่วหิ้ง ทั้งยังสงบเสงี่ยมสวดมนต์คาถาได้ไพเราะบุญหู จนหล่อนละสายตาจากเธอไม่ไหว ปล่อยให้จิตใจฟุ้งซ่านและสายตาดื้อซนไร้ความควบคุมเบื้องหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่บ้านวงศ์ทิมทองเคารพบูชา

‘แย่มาก… แย่จริงๆ… แต่ก็ยากจริงๆ ’

หล่อนคิดคำนึงคนเดียวเดียวครัว ขณะรอในชากุหลาบพร้อมจิบดื่ม หล่อนทอดถอนใจแผ่วเบา ก่อนยกชุดกาน้ำชาไปที่เฉลียงหลังเรือน

แดดยามบ่ายแก่สาดทะลุหมู่เมฆ ฉาบลงมาที่แปลงผักสวนครัว ริ้วแสงไล้ผิวขาวสว่างนอกร่มผ้าของคุณเจ้านายในชุดกางเกงขาสั้นสีเข้มกับเสื้อแขนกุดสีอ่อน ซึ่งกำลังไล่เรียงใส่ปุ๋ยอินทรีย์ให้กับพืชพันธุ์แต่ละต้นแต่ละแปลงอย่างใจเย็น กลายเป็นภาพที่ดึงสายตาและตรึงใจของนรีไว้ได้นานจนคุณทิพย์ยังสังเกตเห็น

“เขารักของเขามาก พวกเด็กๆ กับพวกสาวๆ ” คุณทิพย์ว่า

“พวกเด็กๆ … พวกสาวๆ …” นรีทวนคำทำหน้าฉงน

“ผักเป็นเด็ก ดอกไม้เป็นสาว เขาเล่าว่า ผักเขาเพาะแต่แรก แต่ดอกไม้เขาได้มาเป็นต้นโต” คุณทิพย์ไขความตามรู้ นรีฟังแล้วยิ่งมีแววตาหลงใหลเอ็นดูดารัณชัดเจนขึ้นอีก

นรีเพลิดเพลินไปกับการเฝ้ามองดารัณที่กำลังซึมซับความสุขจาก ‘พวกเด็กๆ ’ อยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถญี่ปุ่นดังแว่วมาจากทิศเหนือ เมื่อหันมองไปทางหน้าเรือนก็พบว่า รถยนต์คันสีแดงที่หล่อนคุ้นตากำลังเข้าจอดเทียบนอกรั้ว นรีปลีกตัวจากคุณทิพย์ ลุกเดินออกนอกเรือนตรงไปที่ซุ้มประตูทันที กานต์สิรีก้าวลงจากรถยนต์ที่เพิ่งดับเครื่องพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือแล้วตอนนรีเดินไปถึง

เพื่อนคุณเจ้านาย แขกประจำของบ้านวงศ์ทิมทองมาพร้อมกับข้าวกับปลาแกงถุงเช่นเคย ดังที่คุณเจ้านายคาดเดา นรีรับเอาอาหารที่กานต์สิรีหอบหิ้วมาไปไว้ในครัวและตัดสินใจรีบหุงข้าวสารสำหรับสี่คนเตรียมไว้ ขณะที่กานต์สิรีไปทักทาย สนทนากับคุณทิพย์สักพัก ก่อนลงสวนไปช่วยดารัณเก็บผักหอมเครื่องลาบ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชตรีญา   กาหลง

    การถูกจู่โจมด้วยสถานการณ์ที่ นรีโดนจับได้ว่า ตกหลุมรักคุณเจ้านาย พาให้หล่อนหลงลืมแทบทุกสิ่งรอบกาย ลืมแม้กระทั่งความสงสัยมากมายซึ่งบังเกิดมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ใต้ชายคาเรือนนี้ จิตใจวนเวียนอยู่แต่กับการเรียบเรียงคำพูด ว่าควรเจรจาอย่างไรกับคุณเจ้านายในโอกาสต่อไป หล่อนควรถามว่าอะไรบ้างเพื่อความชัดเจนในความสัมพันธ์ และเพื่อให้ทราบแนวทางในการอยู่ร่วมกันหลังจากนี้ หล่อนลืมสังเกตไปเลยด้วยซ้ำว่า ณ ขณะนี้ คุณเจ้านายของหล่อนลับกายหายไปจากห้องโดยไม่ได้ผ่านออกทางประตูไม้ลายโบตั๋น หล่อนไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่า เธอหายเงียบไปพักหนึ่งแล้วนรียืนนิ่งเอนตัวพิงขอบโต๊ะเขียนงานอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ทีเดียว กว่าจะได้ยินเสียงฝีเท้า ตามด้วยเสียงบานพับประตูขยับไหว หล่อนหันมองตามทิศต้นเสียงทันที ครานี้ค่อนข้างชัดเจน ว่า เสียงเหล่านั้นดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง ตรงข้างหน้าต่างฝั่งหลังเรือน นรีเพ่งมองไปในทิศนั้นอย่างจดจ่อ ทว่ายังไม่กล้าสืบเท้าก้าวไปสำรวจสิ่งใด แต่การปรากฎตัวในสายตาหล่อนอีกหนของคุณเจ้านาย แน่นอนแล้วว่า เธอเดินมาจากมุมห้องฝั่งนั้นจริงๆ“ว่าไงคะ ตั้งสติได้ถึงไหนแล้ว” คุณเจ้านายเอ่ยถามเมื่อเดินกลับเข้ามาใกล

  • ชตรีญา   ทิวา (2)

    วันถัดมา นรีได้ติดตามคุณทิพย์ไปโรงพยาบาลเพื่อพบหมอธนา โดยมีกานต์สิรีขับรถมารับถึงหน้าเรือนตั้งแต่ก่อนแปดโมงเช้า หล่อนได้เข้าไปยืนรอคุณทิพย์ในห้องหมอธนา จึงรับรู้อาการโรคที่รุมเร้าคุณทิพย์อยู่ แม้หมอธนาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาตรงๆ ไม่ได้แจกแจงความเป็นไปให้หล่อนฟัง แต่การซักถามระหว่างหมอกับคนไข้ก็ปรากฎเค้าลางข้อมูลหลายประการที่นรีพอจะคาดเดาได้ ว่าคุณทิพย์อาจเป็นทั้งเบาหวานและความดันสูง ตลอดจนโรคหัวใจบางประเภทและมีอาการทางจิตใจบางชนิด ขณะที่ภายนอกคุณทิพย์ดูปกติดี ในระดับที่ดูจะแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันด้วยซ้ำเมื่อตรวจเสร็จหมอธนาเดินออกมาส่งทุกคนที่โถงทางเดิน พลางอธิบายเรื่องอาหารและการพักผ่อนที่เหมาะสมสำหรับคุณทิพย์ให้กานต์สิรีกับนรีรับทราบไว้ เพื่อให้ช่วยกันปรับพฤติกรรมของคุณทิพย์ให้รับกับอาการภายในร่างกายที่เริ่มเสื่อมถอยลง ก่อนจะขอตัวกลับไปตรวจคนไข้ ตอนนั้นเองที่กานต์สิรี หันมาบอกกับนรีว่า คุณทิพย์ต้องเข้ารับการบำบัดกับแพทย์อีกท่านเป็นการส่วนตัว ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง ให้นรีกลับบ้านไปก่อน เพื่อจัดการเตรียมอาหารเที่ยงและมื้อค่ำให้กับคุณเจ้านายที่กำลังปั่นต้นฉบับอย่างแข็งขันแทบจะทั้งว

  • ชตรีญา   ทิวา (1)

    หลายวันผันผ่านเรื่อยไป ต่อจากเล่ม ‘ควันรักปักใจ’ หนังสือทุกเล่มที่คุณเจ้านายเลือกให้นรี ก็ดูเหมือนจะยิ่งความยาวสั้นลง ราวกับว่าเธอต้องการให้หล่อนกลับเข้าไปคืนหนังสือถึงโต๊ะในเร็ววันยิ่งขึ้น เพราะนรีมักจะอ่านทุกเล่มนั้น จบภายในสองวัน และได้อ่านงานประพันธ์ของคุณข้าหลวงนิรนามจนครบทุกปกอย่างรวดเร็วหนำซ้ำ จากกลางดึกคืนนั้นที่นรีได้สัมผัสผิวเนื้อคุณเจ้านาย การนวดคลึงกายเพื่อผ่อนคลายก็กลายมาเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ประจำของหล่อน ซึ่งเธอมักร้องขอต่อหล่อนแทบทุกค่ำคืน บ้างก็ด้วยท่าทีเมื่อยขบ บ้างก็ด้วยสายตาเว้าวอน หลังการทุ่มเขียนบางสิ่งลงหน้ากระดาษอยางยาวนาน ไม่ก็หลังจากนั่งกดแป้นพิมพ์อักษรนับชั่วโมง การณ์จึงกลับกลายเป็นว่า แทบไม่มีคืนใดเลยที่นรีจะไม่ได้ก้าวผ่านบานประตูลายโบตั๋นคู่นั้นคืนนี้ก็เช่นกัน หล่อนก้าวล่วงเข้าอาณาเขตห้องส่วนตัวของคุณเจ้านายเมื่อตอนเที่ยงคืนเศษ และลงมือบีบนวดกดคลึงทั้งบ่าไหล่ของเธอมาได้เกือบสิบนาที หล่อนอดไม่ได้ที่จะไม่ทิ้งสายตาไปจับความตัวอักษรมากมายบนโต๊ะเขียนงานตรงหน้า หล่อนลอบมองมาหลายหน แต่ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะพลาด เปิดเนื้อความบนแผ่นกระดาษให้เผยต่อสายตาหล่อน ดังตอนนี้

  • ชตรีญา   พุดจีบ (2)

    นรีปลีกตัวออกจากห้องคุณเจ้านายมาได้ราวๆ เที่ยงคืน หล่อนกลับออกมานั่งประจำที่หน้าห้องนั้น บนเก้าอี้ไม้สักตัวเดิม และเริ่มพลิกหน้าบทประพันธ์ รินคำเข้าสมาธิ‘ฤดูแล้วฤดูเล่าผ่านไป ความเงียบระหว่างพวกนางกลับอัดแน่นด้วยพันธะที่มิอาจเรียบเรียงเป็นถ้อยคำ ลมหายใจแผ่วเบาและนิ้วที่เผลอแตะปลายกันบนขวดน้ำอบแค่ชั่วครู่ ก็มากพอจะทำให้หัวใจเต้นเกินควบคุม’หล่อนลอบมองคุณเจ้านายสลับกับมองเนื้อความบนหน้ากระดาษหนังสือในมือจนถึงตีสองเศษๆ คุณเจ้านายก็หรี่แสงในห้อง เป็นสัญญาณว่าเธอกำลังจะเข้านอน นรีจึงปิดคั่นหนังสือด้วยเส้นริบบิ้นผ้า แล้วลุกไปปิดบานประตูลายโบตั๋นเช่นทุกคืน ก่อนจะกอดเล่มหนังสือ เดินฝ่าความมืดกลับไปที่ฝั่งตะวันออก และเมื่อกลับถึงห้องนอนของตน หล่อนก็ได้มองเล่มนิยาย ‘ควันรักปักใจ’ อย่างเหม่อลอย ด้วยจิตใจที่ยังวุ่นวนอยู่กับคำสองคำนั้นกำลังดังก้องในความคิดหล่อนจนตกภวังค์เหม่อ‘...เราชอบ…’‘งั้นเหรอ’สมาธิในการอ่านหนังสือของหล่อนถูกสั่นคลอนพอสมควรทีเดียว ทั้งที่คราวนี้เป็นเพียงนวนิยายความยาวร้อยกว่าหน้า ก็ดูเหมือนว่าหล่อนจะอ่านวนไปมา ดูท่าจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติเพื่อที่จะอ่านให้จบ ‘ร้อยกว่าหน้

  • ชตรีญา   พุดจีบ (1)

    “แปลว่ารักได้ ไม่ติดเหรอคะ” คุณเจ้านายเอ่ยถาม แน่นอนว่าเธอได้รับเพียงแววตาเกือบจะงุนงงของนรีตอบกลับไป เธอจึงได้ขยายความถามนั้น“หมายถึง นรีเอง ก็รักผู้หญิงได้ ใช่มั้ยคะ”“...”นรีกระพริบตาปริบๆ ทั้งเงียบไปครู่หนึ่ง ทำเอาคนรอฟังคำ นิ่งเงียบตามกันไปด้วย แต่เธอยังคงวางสายตาจับไว้ที่หล่อน ไม่ละไปโดยง่าย กระทั่งได้คำตอบ“คิด ว่ารักได้นะคะ” นรีตอบเสียงแผ่ว“ท่าทางไม่แน่ใจ” คุณเจ้านายกล่าวเช่นนั้น แล้วผินมองไปทางอื่น ในท่าทีใช้ความคิด เป็นจังหวะให้นรีได้รับอิสระเล็กน้อยจากการรอดพ้นสายตาเธอ แต่ยังไม่พ้นไปจากสนทนา“ที่ผ่านมา ยังไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงเลยสักคน… เหรอคะ” คุณเจ้านายปรายตากลับมามองนรีในท้ายประโยค พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่นรีมองทันเพียงชั่วครู่ก็รู้สึกใจเต้น พาลให้หล่อนนิ่งจนลืมตอบความ พยายามเลี่ยงหลบสายตาเธอสุดฤทธิ์ ขณะที่คุณเจ้านายวางมือลงค้ำยันกับโต๊ะเขียนงาน และโน้มตัวเข้าใกล้นรีมากขึ้น พลางกระซิบสรุป“เงียบแบบนี้ เราจะเหมาว่าเธอเคยตกหลุมรักใครสักคน ที่เป็นผู้หญิงนะคะ”นรีหันกลับไปมองคุณเจ้านายในระยะประชิดมากกว่าที่เคย หล่อนนึกเรียบเรียงคำโต้ตอบที่ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า จะเอ่ยปฏิเสธห

  • ชตรีญา   พุดซ้อน (2)

    คืนนั้น คุณเจ้านายไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนงานเมื่อหล่อนไปถึงหน้าห้อง พอตัดสินใจไปชะเง้อมองที่ใกล้ๆ บานประตู สอดส่องสายตาจนทั่วก็ยังไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหนในห้อง นรีถอยจากประตูลายโบตั๋นมาเกาะขอบหน้าต่างโถงทางเดินที่มักเปิดไว้เสมอเพียงบานเดียวเพื่อรับลมในทุกคืน หล่อนคาดว่า คุณเจ้านายอาจลงไปเก็บดอกไม้กลางคืนเช่นเดียวกับตอนที่ลงไปเก็บดอกสเลเตก็เป็นได้ ทว่า เพ่งมองสวนดอกไม้สักเท่าไหร่ก็ไร้วี่แววร่างเงาเธอ“ดูอะไรอยู่เหรอ” เสียงคุณเจ้านายดังมาจากด้านหลัง พาหล่อนสะดุ้งใจหาย แต่ก็รีบเก็บอาการนั้นให้สงบลงโดยเร็วก่อนตอบกลับเธอไปว่า“เปล่าค่ะ” พลางเดินกลับไปที่เก้าอี้ไม้สน คุณเจ้านายพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินไปที่โต๊ะเขียนงาน เธอหยุดยืนอยู่ข้างเก้าอี้ รวบรวมเอกสารสองสามชุดให้เป็นกองเดียวกัน จัดเก็บเข้าแฟ้ม นำแฟ้มไปสอดไว้บนชั้นวางข้างโต๊ะฝั่งมุมห้อง ครั้นพอเดินย้อนกลับมาที่เก้าอี้อีกหน และเห็นว่านรียืนละล้าละลังอยู่หน้าห้อง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status