ในบริษัท K ที่ตอนนี้เป็นสถานที่ทำงานใหม่ของชมพู เธอเรียนรู้งานต่าง ๆ จากรุ่นพี่ในแผนกอย่างตั้งใจ ถึงแม้ว่างานจะไม่ได้ยากเกินความสามารถ แต่มันต้องอาศัยความรอบคอบมากทำให้ระยะแรกชมพูยังเกร็ง ๆ กับการทำงาน
เมื่อมีงานที่เงินเดือนได้อย่างสมเหตุสมผลทำให้เธอสบายใจไปได้บ้างแล้ว เรื่องทางบ้านยังคงหนักหน่วงเหมือนเดิม ยังไม่มีใครหายจากอาการป่วยเพราะพ่อกับแม่ของเธอต่างอายุเริ่มมากขึ้น ส่วนน้องทั้งสองก็ยังต้องใช้เงินในการเรียนกันต่อไป ส่วนเธอเองทำงานไปก็หาวิธีให้ได้เงินเพิ่มต่อไปเท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปนานพอสมควร เควินที่บินกลับไปจัดการงานของตัวเองที่แคนาดา เขาต้องการกลับมาประเทศไทยอีกครั้งเพราะอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าชมพูได้เข้าทำงานในที่ที่เขาเสนอให้ เพราะเจ้าของบริษัทนี้เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่สมัยเรียน
เมื่อเขาเคลียร์งานได้แล้ว เขาจึงได้กลับมาพักที่ไทยและครั้งนี้คอนโดกลางเมืองเป็นที่อาศัยของเขา เป็นคอนโดที่ซื้อทิ้งไว้นานแล้วแต่ไม่ค่อยได้เข้ามาอยู่เพราะงานที่รัดตัวมาก ครั้งนี้เขาอยากอยู่ไทยแบบนาน ๆ เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าโอกาสจะอำนวยแค่ไหน
ในวันที่เควินกำหนดกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เขาตรงไปยังบริษัท K ทันทีเพื่ออะไรนั้น ทิวที่เป็นเพื่อนกันมานานยังไม่เข้าใจเขาเลย ในห้องประชุมที่ปกติจะมีประชุมอยู่แล้วในทุกเช้าวันอังคารที่กำหนดไว้เป็นประจำ
วันนี้มีเควินมานั่งอยู่ด้วยในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนหนึ่งซึ่งปกติไม่เคยมีเพราะเขาเชื่อใจเพื่อนอย่างทิวและเหล่าทีมงานที่มีความสามารถสูงหลายคน แต่วันนี้เขาเข้ามาแล้วตั้งแต่เช้าไม่รู้จะทำอะไรจึงเข้ามานั่งฟังด้วย
เมื่อจบการประชุมเป็นเวลาอาหารกลางวันเขาจึงตามเพื่อนลงไปทานอาหารด้วยแต่สายตาก็พยายามมองหาใครบางคนไปด้วยกลับไม่พบใครเลย เขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจนิด ๆ ที่ไม่ได้พบคนที่อยากพบ ในร้านอาหารเพื่อนทั้งสองนั่งพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ พอดีสายตาเขาไปเจอกับหญิงสาวที่เขาคิดว่าคุ้นตาเดินมากับเพื่อน ๆ แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินตามมาติด ๆ และคอยอยู่ใกล้ชมพูของเขามากเกินไป
เมื่อเขาแน่ใจว่านั่นคือชมพูกับเพื่อนร่วมงาน เขาจึงถามทิวไปด้วยความอยากรู้ว่า
“ผู้หญิงที่ฉันเคยฝากเข้าทำงานเป็นไงบ้าง”
“อื้ม ก็ดีนะตั้งใจทำงานดีเลยล่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วคนนั้นใครที่นั่งข้าง ๆ เขาน่ะ” ทิวมองตามสายตาและมือที่เควินชี้ไปยังอีกฝากของร้านอาหาร
“อ่อ นั่นกลุ่มของชมพูนี่คนนั้นเป็นหัวหน้าแผนกน่ะ ชื่อวินัยทำไมเหรอ”
“เป็นอะไรกันหรือเปล่านอกจากหัวหน้ากับลูกน้องในทีม”
“ไม่รู้สิฉันไม่ได้ใส่ใจความสัมพันธ์ของใครในบริษัทน่ะ”
“ถอนทุนครึ่งหนึ่งถ้าตอบคำถามฉันไม่ได้” เควินทำหน้าจริงจัง
“เฮ้ย จะจริงจังอะไรขนาดนั้นก็ได้ ๆ แป้บนึง” เขายกโทรศัพท์ส่งข้อความไปถามเลขาของเขาว่าให้ลองสืบดูให้หน่อยแล้วรีบส่งข้อความกลับมาให้เขาโดยด่วน
คำตอบนั้นไม่ได้ต่างจากที่ทิวคิดเพราะชมพูไม่ได้คบกับวินัยแต่วินัยอาจจะชอบชมพูอยู่หรือเปล่านั้นไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย พอได้รับรายงานไปแบบนี้เควินจึงเริ่มคิดและพูดออกมาว่า
“ย้ายนายวินัยนั่นไปอยู่ระยอง เดี๋ยวนี้”
“เฮ้ย อะไรของนายเนี่ยอยู่ ๆ จะมาย้ายลูกน้องฉันไปที่อื่นทำไม”
“ที่นั่นสาขาใหญ่กว่าที่นี่ไม่ใช่รึไง ให้เขาไปที่แบบนั้นน่าจะดีต่อเขานะ”
“นี่นายเหมือนกำลังหึงแม่ชมพูอะไรนั่นเลยนะ”
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน ย้ายให้ด้วยแล้วกัน”
เพราะเวลากว่า 10 นาทีที่เขานั่งมองอยู่ตรงนี้เขาเห็นนายวินัยนั่นพยายามจะจับมือถือแขนชมพูหลายครั้งดีที่หญิงสาวไม่ได้ให้ความร่วมมือด้วยแต่อย่างใด ไม่งั้นเขาจะบินกลับแคนาดาเดี๋ยวนี้เลย
เมื่อทานข้าวแล้วเขาขอเข้าบริษัทด้วยและขอความร่วมมือให้เพื่อนช่วยประสานงานให้เขาได้พบกับชมพูหน่อยแค่อยากสอบถามว่าเธอนั้นทำงานเป็นอย่างไรบ้าง
ทิวเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ในตอนแรกเขาแค่รับปากว่าจะรับไว้เพราะตอนนั้นเควินไม่ได้แสดงท่าทีว่าเป็นคนสำคัญอะไร แต่ในวันที่สัมภาษณ์นั้นยังมองว่าคนที่เพื่อนฝากมานี้สวยดีเท่านั้น
ในห้องประชุมเล็กที่ชมพูกำลังนำงานที่เพื่อนร่วมงานฝากมาให้กับหัวหน้าของเธอเอง แต่เมื่อเปิดเข้ามาไม่มีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมแต่เขาหันหลังให้หล่อน ทำให้เดาไม่ออกว่าใครแต่แอบคิดว่าคุ้นตามาก
“เอ่อ ขออนุญาตค่ะ” ชมพูเดินเข้ามาแล้ววางเอกสารลง เขาหันกลับมาหาหล่อนในที่สุด ใบหน้าหล่อเหลาที่เธอเองคงไม่มีวันลืมได้ทั้งชีวิตนี้เหมือนกัน
“คุณเควิน” ชมพูยืนมองเขานิ่งไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกอะไรกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้า
“ดีใจจังที่ยังจำกันได้” เขายิ้มให้และหยิบแฟ้มที่เธอนำมาด้วยนั้นมาดู เขามองให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างเขา แล้วเขายังนั่งอ่านข้อมูลต่อไปเงียบ ๆ
“คือว่าฉันต้องไปทำงานต่อแล้วค่ะ ถ้าคุณไม่มีงานอะไรให้ฉันทำแล้วก็ขอตัวนะคะ”
“ผมอยากให้คุณอยู่ตรงนี้ก่อนผมขอดูข้อมูลนี้จบแล้วผมจะคุยกับคุณต่อ”
ชมพูจึงจำเป็นต้องนั่งเงียบ ๆ รอเขาอ่านงานให้จบก่อน ซึ่งมันค่อนข้างมีข้อมูลเยอะอยู่เหมือนกัน เกือบชั่วโมงเขาจึงเลิกอ่าน แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเธออีกครั้งแล้วยิ้มอบอุ่นมาให้
“ดีใจนะที่คุณทำงานที่นี่ได้ แล้วอีกอย่างผลงานก็ไม่เลวด้วย”
“ก็คงต้องขอบคุณที่คุณให้โอกาสด้วยนั่นแหละค่ะ”
“ตอนนี้คุณสบายใจขึ้นแล้วหรือยังล่ะ”
“ก็สบายใจขึ้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเรื่องรายได้ไม่ได้เป็นปัญหาแล้ว”
“อื้มดี งั้นวันนี้ไปทานข้าวกันนะ ไม่ได้เจอหลายเดือนอยากคุยด้วย ทั้งคืนเลย”
“นี่คุณ ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะคะ ถึงคุณจะมีบุญคุณที่ให้โอกาสให้งานฉันทำก็ตาม คงไม่ได้ต้องตอบแทนด้วยร่างกายขนาดนั้นมั้ง” ชมพูตาเขียวใส่เพราะประเมินว่าเขาคงคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบกายให้เขาได้เสมอ ถ้าเขาเรียกร้อง
“เปล่า ผมไม่ได้คิดแบบนั้น แค่คิดว่า...ถ้าเราจะเป็นได้มากกว่านี้ต่างหาก แต่ถ้าคุณไม่คิดอะไรก็ไม่เป็นไรครับ แต่ไปทานข้าวด้วยกันนะ”
ชมพูประเมินท่าทีของเขาไม่ออกว่าจริง ๆ แล้วเขาต้องการอะไร แต่ถ้าไม่ไปมันจะดูไม่ไว้ไมตรีไปไหม เพราะเขาก็เป็นคนหางานดี ๆ ให้เธอจริง ๆ ไม่ได้หลอกลวงแล้วอีกอย่างหลังจากวันนั้นเขาเองก็ไม่ได้ตอแยคุกคามอะไรหล่อนเลยด้วยซ้ำ ถ้าจะลองเชื่อใจดูคงไม่เสียหายอะไร
“ได้ค่ะ ที่ไหนคะถ้าเลิกงานแล้วฉันจะไปพบคุณค่ะ”
“ไปด้วยกันนี่แหละ เพราะเดี๋ยวผมต้องคุยกับบอสคุณอีกยาวเลยทีเดียวแต่น่าจะเกือบถึงเวลาคุณเลิกงาน ผมจะรออยู่ข้างล่างตึก ถ้าไม่เจอผมให้รออยู่แถวนั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปเอง”
เขาเดินเข้ามาจับไหล่เธอและเกือบจะก้มลงมาจูบแต่เขาหยุดเอาไว้แค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปทำให้ชมพูที่ใจเต้นแรงหน้าแดงไปถึงหูหันมองตามแผ่นหลังกว้างเดินออกไป
เมื่อถึงเวลาเลิกงานวันนี้ชมพูเคลียร์งานช้ากว่าปกติเพราะไม่มีสมาธิในการทำงานนักเหมือนเควินจะเป็นตัวปัญหาสำหรับเธอเลยก็ว่าได้ เมื่องานตรงหน้าเรียบร้อยแล้วเธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วเก็บของเพื่อลงไปชั้นล่างของตึกที่เป็นสำนักงานของเธอ แล้วลงมาถึงบริเวณด้านหน้าตึก
มีรถสปอร์ตยี่ห้อดังสีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ เธอมองมันด้วยความรู้สึกชื่นชมที่มันสวยแต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นของใคร คนที่อยู่ด้านในเปิดกระจกที่ปิดเอาไว้ลงแล้วเรียกเธอให้ไปหาเขา
“ขึ้นรถสิ จอดรอนานแล้ว รปภ.จะมาไล่เอานะ”
“นี่คุณทำไมถึงมารอตรงนี้ล่ะคะ เกะกะคนอื่นเขา”
“รีบขึ้นสิจะได้ไม่เกะกะ เร็ว ๆ”
ชมพูไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องขึ้นไปบนรถ เขาจึงขับรถออกไปชมพูมองเขาแบบงง ๆ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วยให้เธอตามไปที่ร้านอาหารก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมารับทำให้เพื่อน ๆ ที่เลิกงานมาพร้อมกันเห็น พรุ่งนี้ต้องได้อธิบายเรื่องมากมายให้ฟังกันอีก
“คุณชอบอาหารแบบไหน” เขาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชมพูเงียบไปนาน
“เอ่อ...อะไรก็ได้ค่ะ”
“อะไรก็ได้ไม่มีครับ”
“เฮ้อ คืออะไรก็ได้ที่คุณสะดวกเลยค่ะ ฉันไม่เรื่องมากหรอกผัดกะเพราข้างทางที่ไหนก็ได้เลยจริง ๆ นะ”
“คุณนี่ตลกจริง ผมจะพาไปทานอาหารในร้านหรูจะมาชวนไปทานผัดกะเพรานี่นะ”
“แล้วคุณจะไปที่ไหนล่ะคะ คุณยังไม่บอกฉันเลย”
“พัทยา ผมอยากไปเที่ยวแถวนั้น”
“เดี๋ยวนะคะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานเราไปกันตอนนี้แล้วจะกลับตอนไหมกันล่ะ”
“กลับตอนไหนก็ได้คุณไม่โดนไล่ออกหรอกเชื่อผม”
ชมพูจะโต้แย้งแต่เขาไม่ฟังอะไรแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เขาอยากไป พอไปถึงเข้าเช็คอินโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วพาเธอไปทานอาหารมื้อพิเศษจริง ๆ มีหลากหลายแบบจนชมพูรู้สึกอิจฉาเขาที่รวยได้ขนาดนี้ เมื่อกินดื่มแล้ว เขาพาเธอไปดื่มต่อและเขาไปพบกับแก็งค์เพื่อนเขาซึ่งมีกันหลายคน บางคนก็พาแฟนและภรรยามาด้วย ชมพูไม่ได้พูดคุยกับใครมากนักมีแค่เหล่าแฟนสาวและภรรยาของเพื่อนเขานั่นแหละที่คอยคุยด้วย
เวลาผ่านไปนานพอสมควรต่างพากันแยกย้าย และเขาพาชมพูกลับที่พัก ขณะนั้นชมพูเองก็เริ่มจะรู้ชะตาชีวิตแล้วว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง จะบอกให้เขากลับกรุงเทพฯ ตอนนี้คงไม่ได้แน่
เมื่อขึ้นมาถึงห้องพักเขาล้มตัวลงนอนไปก่อน ชมพูจึงยืนงงอยู่ตรงนั้นว่าตนเองต้องทำอะไรต่อดีล่ะ และจึงหันไปคิดเอาเองเขาคงจะหลับไปแล้วล่ะเพราะนานแล้วเขายังไม่ลุกขึ้นมาเลย เธอจึงตัดสินใจไปอาบน้ำก่อน
เมื่อออกมาแล้วเขาที่กำลังนั่งตอบแชทในมือถือเงยหน้าขึ้นมามองชมพูแล้วยิ้ม
“เตรียมตัวพร้อมแล้วเหรอครับ”
“อะไรของคุณฉันแค่อาบน้ำจะเตรียมตัวอะไรไม่ทราบ” ชมพูพูดพร้อมทำท่าทางโมโหใส่เขาด้วย
“ผมล้อเล่นหรอกน่า เสื้อผ้ามีอยู่ในนั้นนะผมให้เขาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว” แล้วเขาก็หนีไปอาบน้ำ ส่วนชมพูลองไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูมีชุดสำหรับเธออยู่จริง ๆ จึงเลือกชุดที่น่าจะใส่สบายมาแล้วใส่เพื่อจะนอน ตอนแรกจะนอนบนเตียงนั่นแหละ แต่คิดอีกทีไม่นอนดีกว่า
เธอไปนอนบนโซฟาหนานุ่มที่อยู่ห่างเตียงออกมา แล้วหลับตาลงเพราะเลยเวลานอนของเธอมานานพอสมควรแล้ว และไม่นานชายหนุ่มอีกคนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ มองเห็นชมพูไปนอนอยู่บนโซฟาก็ยิ้มเอ็นดูจะกลัวอะไรเขานักหนาไม่ใช่ว่าจะไม่เคยนอนด้วยกันเสียหน่อย
เขาจึงเปลี่ยนชุดแล้วย่องไปดูว่าหล่อนหลับไปแล้วหรือยัง และพยายามอุ้มชมพูขึ้นมาแล้วพาไปที่เตียงนอนเพื่อจะได้นอนสบาย ๆ ถึงจะเสียดายที่คงไม่ได้สานสัมพันธ์กันอย่างที่คิดแค่เธอไม่คิดหนีไปก็ดีแล้ว เขาคิดว่าถ้าพรุ่งนี้บรรยากาศดี และอะไรหลายอย่างเป็นใจคงได้ทำในสิ่งที่อยากทำมานานแล้วตั้งแต่กลับไปแคนาดา เขาคิดมาตลอดว่าควรจะบอกเรื่องสำคัญให้หล่อนรับรู้ตั้งแต่แรก เพราะกลับมาต้องมาระแวงว่าเธอจะไม่โสดอีกแล้วนั่นแหละ จึงเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียว มองไปที่คนนอนหลับอย่างเป็นสุขข้าง ๆ นี้แล้วเขาเองก็รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ข้าง ๆ หล่อนเหมือนกัน
งานของเควินกำลังจะจบลงและเขาต้องไปส่งชมพูกลับกรุงเทพฯ ซึ่งเขาค่อนข้างเสียดายไม่อยากให้ชมพูต้องกลับไปแต่เพราะเขาเองยังมีงานต่อที่ต่างประเทศอีกจึงจำเป็นต้องส่งเธอกลับในที่สุดเมื่อชมพูได้กลับมาทำงานเพื่อนร่วมงานต่างสงสัยมากว่าเธอหายไปไหนนานขนาดนี้ ชมพูเล่าให้ฟังแค่ว่าเธอไปช่วยเควินทำงานเพราะทิวสั่งให้เธออยู่ต่อ ทุกคนจึงไม่ได้คาดคั้นอะไรอีก พอกลับมางานต่าง ๆ ที่ชมพูเคยรับผิดชอบถูกโอนไปให้คนอื่นทำ ส่วนเธอได้เปลี่ยนตำแหน่งงานที่ทำร่วมกับทิวและฝ่ายบริหารมากขึ้นชมพูยังคงเป็นคนที่ตั้งใจและเรียนรู้การทำงานใหม่ ๆ เหมือนเดิมจนกระทั่งเวลาผ่านมาสักพักหนึ่ง บางคนคิดว่าชมพูนั้นต้องมีเส้นสายที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ ตำแหน่งจึงขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกได้ในเวลาเพียงปีกว่า ๆ เท่านั้น แต่สำหรับชมพูแล้วมันเป็นช่วงเวลาที่เธอแสนเหนื่อยแทบขาดใจก็ว่าได้อีกไม่นานต่อมา เควินก็มีข่าวออกมาอีกครั้งว่าเลิกรากับแฟนสาวดาราคนนั้นแล้ว และดาราคนนั้นก็แต่งงานกับผู้ชายอีกคนอย่างรวดเร็ว ทำให้ชมพูที่ปกติก็พูดคุยกับเขาในเวลาที่ว่าง ๆ จากงานได้รับรู้เรื่องราวจากปากของเขามาก่อนแล้ว แต่ตอนนี้ชมพูมีความรับผิดชอบมากขึ้นในงานการตลาด จึงทำให้
เมื่อเควินยอมบอกเรื่องราวของตัวเองให้ฟัง เขาเองก็อยากฟังเรื่องของชมพูบ้างเพราะเขาคิดเองว่าชมพูคงอยากเล่าระบายความไม่สบายใจพวกนั้นให้ใครฟังบ้าง เขาได้รับรู้เรื่องราวของหญิงสาวได้ตลอดเพราะคอนเนคชั่นของตัวเองเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้อยากจะช่วยแล้วจะช่วยอย่างไม่ลืมหูลืมตา เขาพยายามช่วยในรูปแบบของเขา การใช้งานเธอเขาให้ค่าตอบแทนตามเนื้องานจริงที่เธอเข้ามาช่วย แต่ถ้าหลังจากนี้เธอจะไม่ได้เป็นคนที่เขาจ้างทำงานแต่เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เธอจะได้รับความช่วยเหลือจากเขามากกว่านี้อย่างแน่นอน“คุณจะอยากรู้ไปทำไมล่ะคะ มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”“เราอยู่ด้วยกันขนาดนี้แล้วคุณยังไม่ไว้ใจให้ผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณอีกเหรอ”“คือฉันว่ามันคงเป็นไปได้ยากค่ะเพราะเราไม่มีอะไรที่เหมาะสมกันเลย”“เอาอะไรมาวัดถึงความเหมาะสมเหรอ ดูอย่างพ่อแม่ผมสิก็ไม่เหมาะสมกันนะแต่ท่านก็ยังอยู่กันได้”“นั่นก็เพราะท่านรักกันไงคะ”“แล้วเราไม่ได้รักกันเหรอ” เขาถามออกไปแบบนั้นยิ่งทำให้ชมพูตาโตที่เขาพูดเรื่องความรักกับเธอขึ้นมา“คุณหมายความว่าอะไรคะ เราสองคนมันมีความรักด้วยเหรอคะมันเป็นเพียงซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเ
เสียงกระทบเนื้อดังขึ้นเรื่อย ๆ ร่างหญิงสาวยิ่งอ่อนระทวยและร้องครางดังลั่นเพราะแรงที่โถมเข้าใส่ดั่งพายุชมพูเกาะเขาไว้แน่นเพราะแรงที่จะยืนไม่มีแล้ว แรงเพียงขาข้างเดียวไม่พอจะทำให้ตัวเองมั่นคงกว่านี้ เขาเห็นว่าชมพูจะหมดแรงเขาจึงรวบขาทั้งสองข้างของชมพูไว้แล้วยกขึ้นมาเกาะเกี่ยวที่เอวของเขาและใส่แรงลงไปกระแทกจุดซ่อนเร้นของกายสาวให้ยิ่งสร้างน้ำใสหล่อลื่นออกมาทำให้เขายิ่งเข้าออกได้ง่ายมากขึ้น“อึ้ก..อ๊า...มันเสียว...มากกว่าเดิมอีก”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากและยังคงทำหน้าที่ต่อไปโดยมีหญิงสาวที่ตอนนี้คงไม่มีอะไรมากั้นความสุขสมที่ปลดปล่อยออกมาของเธอได้ ร่างบางกายโยกไหวบนร่างเขาก้อนกลมกลึงขยับขึ้นลงล่อตาล่อใจชายหนุ่มจนต้องใช้ปากครอบครองทั้งสองภูเขาแฝดนั้นไว้ ร่างบางแทบจะครางเสียงหลงเพราะถูกกระตุ้นจนร่างกายแทบจะหลอมละลาย“เควิน...อ๊า...อ๊า...”เสียงกระทบเนื้อดังขึ้น ๆ เพื่อจะพาให้ชายหนุ่มและหญิงสาวเดินทางไปสู่ฝั่งฝันด้วยกันทั้งคู่ทั้งสองกอดรัดกันจนเหมือนจะกลายเป็นเนื้อเดียวกันไปแล้ว และเมื่อท่านี้จะสร้างความเมื่อยให้ทั้งคู่มากไปพวกเขาจึงพากันเดินไปยังเตียงนุ่มกลางห้องเมื่อหลังหญิงสาวแตะที่นอน ชายหนุ่มจึง
การทำงานเริ่มขึ้นนายแบบ นางแบบในชุดบีกินีบนเรือต่างเริ่มเข้ามาถ่ายรูป และในนั้นมีต้าที่เจอกับชมพูมาแล้วเมื่อวาน เขายิ้มมาให้ชมพูอย่างออกนอกหน้าพอส่วนของเขาถ่ายเสร็จแล้วจึงรีบเข้ามาทักทาย“โลกกลมจังนะครับคิดว่าจะไม่ได้เจอเธออีกแล้วนะ”“ค่ะ”“นี่มาทำงานเหมือนกันใช่ไหม ผมก็คิดอยู่แล้วว่าสวย ๆ แบบคุณเนี่ยน่าจะได้มางานเดียวกัน”“คือว่าฉันมาทำงานให้....บอสน่ะค่ะ”“บอสเหรอ ใครกันครับผมจะได้ไปทักทาย”เมื่อเห็นว่าชมพูมีคนเข้ามาคุยด้วยตามสัญชาตญาณของเควินเขารู้ว่าเลขาคนสวยของเขากำลังมีคนเข้ามาจีบอย่างแน่นอนจึงเดินเข้ามาพร้อมทำหน้านิ่ง ๆ มองไปยังนายแบบหนุ่มที่ทำท่าทางเป็นมิตรเสียเต็มที่กับเขาและกับชมพู“ชมพูผมอยากดื่มกาแฟอีกสักแก้วคุณไปหามาให้ผมหน่อย” เดินเข้ามาสั่งงานเล็กน้อยเพื่อบอกนายคนนั้นว่าเขาเป็นอะไรกับชมพู“ได้ค่ะ” เธอเดินหายไปยังที่ที่เตรียมอาหารไว้บนเรือแห่งนี้“คุณเองเหรอครับที่เป็นบอสของคุณชมพู ผมต้านะครับยินดีที่ได้รู้จัก”“ผมไม่ได้อยากรู้จักคุณ”เควินเดินหนีออกไปทำให้นายแบบหนุ่มถึงกับหุบยิ้มทันที ดูก็รู้ว่าชายคนนี้ไม่ชอบตัวเองเขาจึงไม่สนใจเพราะเขาพอใจในเลขาของเขาไม่ได้ชอบเขาสักหน่อ
บรรยากาศที่กำลังอบอวลไปด้วยความรักของชมพูและเควินยังกอดกันอยู่ในห้องพักที่แสนอบอุ่น ทั้งสองคนเริ่มขยับตัวเพราะแสงจากภายนอกส่องเข้ามาในห้องยามเช้า ทั้งสองมองหน้ากันเมื่อยามตื่นแล้วไม่พูดอะไร ชมพูยังรู้สึกขัดเขินเหมือนเคยกับสายตาและการกระทำของเควิน เขาดูจะใส่ใจดูแลเธอดีจนมันเกิดความรู้สึกว่าภายในใจมันเกิดอาการวิบวับเหมือนแสงสีชมพูเรืองรองเขาเข้ามาใกล้เธอและจุมพิตเบา ๆ แล้วลุกออกจากเตียงไป เขาไปสั่งอาหารเช้าขึ้นมาและเขาไปอาบน้ำเพื่อจะต้องออกไปทำงานของตัวเองในเช้านี้ เมื่อทานอาหารเช้าด้วยกันแล้วเขาออกไปทำงาน ส่วนชมพูยังคงอยู่ในโรงแรมคนเดียว ด้วยความเหงาเธอจึงอยากออกไปเดินเล่นบ้าง จึงลงไปข้างล่างโรงแรมแห่งนี้ติดทะเล ชายหาดข้างหน้านั้นมีผู้คนไม่มากนักเพราะคนที่สามารถเข้ามาในส่วนนี้ได้ต้องเป็นแขกที่พักในโรงแรมเท่านั้นโทรศัพท์ 1 เครื่องของชมพูตามถ่ายรูปไปรอบ ๆ บริเวณแถวนั้นถ่ายทุกอย่างแม้แต่สุนัขและแมว พอเดินไปได้สักพักเหมือนมีใครคนหนึ่งเดินตามเธอมา เธอจึงรีบหันไปมองปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มอายุไม่น่าเกิน 30 ปี เขาเดินตามชมพูมาสักพักแล้ว เธอจึงลองถามเขาว่า“คุณเดินตามฉันมาทำไมคะ”“ผมมาเดินคนเดี
วันต่อมา ชายหาดที่จัดว่าสวยและนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดในจังหวัดภูเก็ตรายล้อมไปด้วยร้านอาหารมากมาย รวมทั้งร้านอุปกรณ์ดำน้ำต่าง ๆ ด้วยกิจกรรมที่เควินสนใจอย่างมากก็คือดำน้ำ เขาแอบซื้อแพคเกจดำน้ำเอาไว้และแน่นอนว่าชมพูต้องลงไปดำน้ำกับเขาด้วย ชมพูไม่เคยดำน้ำมาก่อนนั่นจึงทำให้ทั้งสองต้องอยู่ใกล้กันตลอดเวลาเพราะเควินต้องคอยสอนให้เธอดำน้ำตามเขาลงไปในทะเลให้ได้สอนกันไปมาอยู่พักใหญ่กว่าชมพูจะพอดำน้ำได้และใช้อุปกรณ์ได้อย่างมั่นใจว่าจะปลอดภัย พวกเขาดำดิ่งลงไปดูฝูงปลาแหวกว่ายใต้ทะเล และเหล่าปะการังที่มีอยู่ตามธรรมชาติมันงดงามของมันอยู่แล้ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำมันขึ้นมาจากใต้น้ำ พอชมพูเริ่มดำน้ำได้แล้วเธอรู้สึกว่ามันสนุกมาก การว่ายน้ำมันทำให้ตอนนี้สมองของเธอที่ใช้งานหนักเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นได้เบาลงเพราะเลิกคิดวนเวียนอยู่เรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ นั้นได้หยุดลงชั่วคราวเมื่อหมดเวลาการดำน้ำแล้วกลับเข้าฝั่งก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ร้านค้าแถวนั้นเปิดให้บริการมีอาหารหน้าตาน่าทานมากมาย ยิ่งซีฟู๊ดที่ชมพูค่อนข้างชอบมากอยู่แล้วเรียงรายให้เลือกหลายร้านเธอจึงชวนเขาไปหาร้านที่ดูแล้วน่าทานที่สุดนั่งรออาหารที่สั่ง