ในบริษัท K ที่ตอนนี้เป็นสถานที่ทำงานใหม่ของชมพู เธอเรียนรู้งานต่าง ๆ จากรุ่นพี่ในแผนกอย่างตั้งใจ ถึงแม้ว่างานจะไม่ได้ยากเกินความสามารถ แต่มันต้องอาศัยความรอบคอบมากทำให้ระยะแรกชมพูยังเกร็ง ๆ กับการทำงาน
เมื่อมีงานที่เงินเดือนได้อย่างสมเหตุสมผลทำให้เธอสบายใจไปได้บ้างแล้ว เรื่องทางบ้านยังคงหนักหน่วงเหมือนเดิม ยังไม่มีใครหายจากอาการป่วยเพราะพ่อกับแม่ของเธอต่างอายุเริ่มมากขึ้น ส่วนน้องทั้งสองก็ยังต้องใช้เงินในการเรียนกันต่อไป ส่วนเธอเองทำงานไปก็หาวิธีให้ได้เงินเพิ่มต่อไปเท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปนานพอสมควร เควินที่บินกลับไปจัดการงานของตัวเองที่แคนาดา เขาต้องการกลับมาประเทศไทยอีกครั้งเพราะอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าชมพูได้เข้าทำงานในที่ที่เขาเสนอให้ เพราะเจ้าของบริษัทนี้เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่สมัยเรียน
เมื่อเขาเคลียร์งานได้แล้ว เขาจึงได้กลับมาพักที่ไทยและครั้งนี้คอนโดกลางเมืองเป็นที่อาศัยของเขา เป็นคอนโดที่ซื้อทิ้งไว้นานแล้วแต่ไม่ค่อยได้เข้ามาอยู่เพราะงานที่รัดตัวมาก ครั้งนี้เขาอยากอยู่ไทยแบบนาน ๆ เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าโอกาสจะอำนวยแค่ไหน
ในวันที่เควินกำหนดกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เขาตรงไปยังบริษัท K ทันทีเพื่ออะไรนั้น ทิวที่เป็นเพื่อนกันมานานยังไม่เข้าใจเขาเลย ในห้องประชุมที่ปกติจะมีประชุมอยู่แล้วในทุกเช้าวันอังคารที่กำหนดไว้เป็นประจำ
วันนี้มีเควินมานั่งอยู่ด้วยในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนหนึ่งซึ่งปกติไม่เคยมีเพราะเขาเชื่อใจเพื่อนอย่างทิวและเหล่าทีมงานที่มีความสามารถสูงหลายคน แต่วันนี้เขาเข้ามาแล้วตั้งแต่เช้าไม่รู้จะทำอะไรจึงเข้ามานั่งฟังด้วย
เมื่อจบการประชุมเป็นเวลาอาหารกลางวันเขาจึงตามเพื่อนลงไปทานอาหารด้วยแต่สายตาก็พยายามมองหาใครบางคนไปด้วยกลับไม่พบใครเลย เขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจนิด ๆ ที่ไม่ได้พบคนที่อยากพบ ในร้านอาหารเพื่อนทั้งสองนั่งพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ พอดีสายตาเขาไปเจอกับหญิงสาวที่เขาคิดว่าคุ้นตาเดินมากับเพื่อน ๆ แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินตามมาติด ๆ และคอยอยู่ใกล้ชมพูของเขามากเกินไป
เมื่อเขาแน่ใจว่านั่นคือชมพูกับเพื่อนร่วมงาน เขาจึงถามทิวไปด้วยความอยากรู้ว่า
“ผู้หญิงที่ฉันเคยฝากเข้าทำงานเป็นไงบ้าง”
“อื้ม ก็ดีนะตั้งใจทำงานดีเลยล่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วคนนั้นใครที่นั่งข้าง ๆ เขาน่ะ” ทิวมองตามสายตาและมือที่เควินชี้ไปยังอีกฝากของร้านอาหาร
“อ่อ นั่นกลุ่มของชมพูนี่คนนั้นเป็นหัวหน้าแผนกน่ะ ชื่อวินัยทำไมเหรอ”
“เป็นอะไรกันหรือเปล่านอกจากหัวหน้ากับลูกน้องในทีม”
“ไม่รู้สิฉันไม่ได้ใส่ใจความสัมพันธ์ของใครในบริษัทน่ะ”
“ถอนทุนครึ่งหนึ่งถ้าตอบคำถามฉันไม่ได้” เควินทำหน้าจริงจัง
“เฮ้ย จะจริงจังอะไรขนาดนั้นก็ได้ ๆ แป้บนึง” เขายกโทรศัพท์ส่งข้อความไปถามเลขาของเขาว่าให้ลองสืบดูให้หน่อยแล้วรีบส่งข้อความกลับมาให้เขาโดยด่วน
คำตอบนั้นไม่ได้ต่างจากที่ทิวคิดเพราะชมพูไม่ได้คบกับวินัยแต่วินัยอาจจะชอบชมพูอยู่หรือเปล่านั้นไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย พอได้รับรายงานไปแบบนี้เควินจึงเริ่มคิดและพูดออกมาว่า
“ย้ายนายวินัยนั่นไปอยู่ระยอง เดี๋ยวนี้”
“เฮ้ย อะไรของนายเนี่ยอยู่ ๆ จะมาย้ายลูกน้องฉันไปที่อื่นทำไม”
“ที่นั่นสาขาใหญ่กว่าที่นี่ไม่ใช่รึไง ให้เขาไปที่แบบนั้นน่าจะดีต่อเขานะ”
“นี่นายเหมือนกำลังหึงแม่ชมพูอะไรนั่นเลยนะ”
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน ย้ายให้ด้วยแล้วกัน”
เพราะเวลากว่า 10 นาทีที่เขานั่งมองอยู่ตรงนี้เขาเห็นนายวินัยนั่นพยายามจะจับมือถือแขนชมพูหลายครั้งดีที่หญิงสาวไม่ได้ให้ความร่วมมือด้วยแต่อย่างใด ไม่งั้นเขาจะบินกลับแคนาดาเดี๋ยวนี้เลย
เมื่อทานข้าวแล้วเขาขอเข้าบริษัทด้วยและขอความร่วมมือให้เพื่อนช่วยประสานงานให้เขาได้พบกับชมพูหน่อยแค่อยากสอบถามว่าเธอนั้นทำงานเป็นอย่างไรบ้าง
ทิวเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ในตอนแรกเขาแค่รับปากว่าจะรับไว้เพราะตอนนั้นเควินไม่ได้แสดงท่าทีว่าเป็นคนสำคัญอะไร แต่ในวันที่สัมภาษณ์นั้นยังมองว่าคนที่เพื่อนฝากมานี้สวยดีเท่านั้น
ในห้องประชุมเล็กที่ชมพูกำลังนำงานที่เพื่อนร่วมงานฝากมาให้กับหัวหน้าของเธอเอง แต่เมื่อเปิดเข้ามาไม่มีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมแต่เขาหันหลังให้หล่อน ทำให้เดาไม่ออกว่าใครแต่แอบคิดว่าคุ้นตามาก
“เอ่อ ขออนุญาตค่ะ” ชมพูเดินเข้ามาแล้ววางเอกสารลง เขาหันกลับมาหาหล่อนในที่สุด ใบหน้าหล่อเหลาที่เธอเองคงไม่มีวันลืมได้ทั้งชีวิตนี้เหมือนกัน
“คุณเควิน” ชมพูยืนมองเขานิ่งไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกอะไรกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้า
“ดีใจจังที่ยังจำกันได้” เขายิ้มให้และหยิบแฟ้มที่เธอนำมาด้วยนั้นมาดู เขามองให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างเขา แล้วเขายังนั่งอ่านข้อมูลต่อไปเงียบ ๆ
“คือว่าฉันต้องไปทำงานต่อแล้วค่ะ ถ้าคุณไม่มีงานอะไรให้ฉันทำแล้วก็ขอตัวนะคะ”
“ผมอยากให้คุณอยู่ตรงนี้ก่อนผมขอดูข้อมูลนี้จบแล้วผมจะคุยกับคุณต่อ”
ชมพูจึงจำเป็นต้องนั่งเงียบ ๆ รอเขาอ่านงานให้จบก่อน ซึ่งมันค่อนข้างมีข้อมูลเยอะอยู่เหมือนกัน เกือบชั่วโมงเขาจึงเลิกอ่าน แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเธออีกครั้งแล้วยิ้มอบอุ่นมาให้
“ดีใจนะที่คุณทำงานที่นี่ได้ แล้วอีกอย่างผลงานก็ไม่เลวด้วย”
“ก็คงต้องขอบคุณที่คุณให้โอกาสด้วยนั่นแหละค่ะ”
“ตอนนี้คุณสบายใจขึ้นแล้วหรือยังล่ะ”
“ก็สบายใจขึ้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเรื่องรายได้ไม่ได้เป็นปัญหาแล้ว”
“อื้มดี งั้นวันนี้ไปทานข้าวกันนะ ไม่ได้เจอหลายเดือนอยากคุยด้วย ทั้งคืนเลย”
“นี่คุณ ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะคะ ถึงคุณจะมีบุญคุณที่ให้โอกาสให้งานฉันทำก็ตาม คงไม่ได้ต้องตอบแทนด้วยร่างกายขนาดนั้นมั้ง” ชมพูตาเขียวใส่เพราะประเมินว่าเขาคงคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบกายให้เขาได้เสมอ ถ้าเขาเรียกร้อง
“เปล่า ผมไม่ได้คิดแบบนั้น แค่คิดว่า...ถ้าเราจะเป็นได้มากกว่านี้ต่างหาก แต่ถ้าคุณไม่คิดอะไรก็ไม่เป็นไรครับ แต่ไปทานข้าวด้วยกันนะ”
ชมพูประเมินท่าทีของเขาไม่ออกว่าจริง ๆ แล้วเขาต้องการอะไร แต่ถ้าไม่ไปมันจะดูไม่ไว้ไมตรีไปไหม เพราะเขาก็เป็นคนหางานดี ๆ ให้เธอจริง ๆ ไม่ได้หลอกลวงแล้วอีกอย่างหลังจากวันนั้นเขาเองก็ไม่ได้ตอแยคุกคามอะไรหล่อนเลยด้วยซ้ำ ถ้าจะลองเชื่อใจดูคงไม่เสียหายอะไร
“ได้ค่ะ ที่ไหนคะถ้าเลิกงานแล้วฉันจะไปพบคุณค่ะ”
“ไปด้วยกันนี่แหละ เพราะเดี๋ยวผมต้องคุยกับบอสคุณอีกยาวเลยทีเดียวแต่น่าจะเกือบถึงเวลาคุณเลิกงาน ผมจะรออยู่ข้างล่างตึก ถ้าไม่เจอผมให้รออยู่แถวนั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปเอง”
เขาเดินเข้ามาจับไหล่เธอและเกือบจะก้มลงมาจูบแต่เขาหยุดเอาไว้แค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไปทำให้ชมพูที่ใจเต้นแรงหน้าแดงไปถึงหูหันมองตามแผ่นหลังกว้างเดินออกไป
เมื่อถึงเวลาเลิกงานวันนี้ชมพูเคลียร์งานช้ากว่าปกติเพราะไม่มีสมาธิในการทำงานนักเหมือนเควินจะเป็นตัวปัญหาสำหรับเธอเลยก็ว่าได้ เมื่องานตรงหน้าเรียบร้อยแล้วเธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วเก็บของเพื่อลงไปชั้นล่างของตึกที่เป็นสำนักงานของเธอ แล้วลงมาถึงบริเวณด้านหน้าตึก
มีรถสปอร์ตยี่ห้อดังสีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ เธอมองมันด้วยความรู้สึกชื่นชมที่มันสวยแต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นของใคร คนที่อยู่ด้านในเปิดกระจกที่ปิดเอาไว้ลงแล้วเรียกเธอให้ไปหาเขา
“ขึ้นรถสิ จอดรอนานแล้ว รปภ.จะมาไล่เอานะ”
“นี่คุณทำไมถึงมารอตรงนี้ล่ะคะ เกะกะคนอื่นเขา”
“รีบขึ้นสิจะได้ไม่เกะกะ เร็ว ๆ”
ชมพูไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องขึ้นไปบนรถ เขาจึงขับรถออกไปชมพูมองเขาแบบงง ๆ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วยให้เธอตามไปที่ร้านอาหารก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมารับทำให้เพื่อน ๆ ที่เลิกงานมาพร้อมกันเห็น พรุ่งนี้ต้องได้อธิบายเรื่องมากมายให้ฟังกันอีก
“คุณชอบอาหารแบบไหน” เขาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชมพูเงียบไปนาน
“เอ่อ...อะไรก็ได้ค่ะ”
“อะไรก็ได้ไม่มีครับ”
“เฮ้อ คืออะไรก็ได้ที่คุณสะดวกเลยค่ะ ฉันไม่เรื่องมากหรอกผัดกะเพราข้างทางที่ไหนก็ได้เลยจริง ๆ นะ”
“คุณนี่ตลกจริง ผมจะพาไปทานอาหารในร้านหรูจะมาชวนไปทานผัดกะเพรานี่นะ”
“แล้วคุณจะไปที่ไหนล่ะคะ คุณยังไม่บอกฉันเลย”
“พัทยา ผมอยากไปเที่ยวแถวนั้น”
“เดี๋ยวนะคะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานเราไปกันตอนนี้แล้วจะกลับตอนไหมกันล่ะ”
“กลับตอนไหนก็ได้คุณไม่โดนไล่ออกหรอกเชื่อผม”
ชมพูจะโต้แย้งแต่เขาไม่ฟังอะไรแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เขาอยากไป พอไปถึงเข้าเช็คอินโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วพาเธอไปทานอาหารมื้อพิเศษจริง ๆ มีหลากหลายแบบจนชมพูรู้สึกอิจฉาเขาที่รวยได้ขนาดนี้ เมื่อกินดื่มแล้ว เขาพาเธอไปดื่มต่อและเขาไปพบกับแก็งค์เพื่อนเขาซึ่งมีกันหลายคน บางคนก็พาแฟนและภรรยามาด้วย ชมพูไม่ได้พูดคุยกับใครมากนักมีแค่เหล่าแฟนสาวและภรรยาของเพื่อนเขานั่นแหละที่คอยคุยด้วย
เวลาผ่านไปนานพอสมควรต่างพากันแยกย้าย และเขาพาชมพูกลับที่พัก ขณะนั้นชมพูเองก็เริ่มจะรู้ชะตาชีวิตแล้วว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง จะบอกให้เขากลับกรุงเทพฯ ตอนนี้คงไม่ได้แน่
เมื่อขึ้นมาถึงห้องพักเขาล้มตัวลงนอนไปก่อน ชมพูจึงยืนงงอยู่ตรงนั้นว่าตนเองต้องทำอะไรต่อดีล่ะ และจึงหันไปคิดเอาเองเขาคงจะหลับไปแล้วล่ะเพราะนานแล้วเขายังไม่ลุกขึ้นมาเลย เธอจึงตัดสินใจไปอาบน้ำก่อน
เมื่อออกมาแล้วเขาที่กำลังนั่งตอบแชทในมือถือเงยหน้าขึ้นมามองชมพูแล้วยิ้ม
“เตรียมตัวพร้อมแล้วเหรอครับ”
“อะไรของคุณฉันแค่อาบน้ำจะเตรียมตัวอะไรไม่ทราบ” ชมพูพูดพร้อมทำท่าทางโมโหใส่เขาด้วย
“ผมล้อเล่นหรอกน่า เสื้อผ้ามีอยู่ในนั้นนะผมให้เขาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว” แล้วเขาก็หนีไปอาบน้ำ ส่วนชมพูลองไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูมีชุดสำหรับเธออยู่จริง ๆ จึงเลือกชุดที่น่าจะใส่สบายมาแล้วใส่เพื่อจะนอน ตอนแรกจะนอนบนเตียงนั่นแหละ แต่คิดอีกทีไม่นอนดีกว่า
เธอไปนอนบนโซฟาหนานุ่มที่อยู่ห่างเตียงออกมา แล้วหลับตาลงเพราะเลยเวลานอนของเธอมานานพอสมควรแล้ว และไม่นานชายหนุ่มอีกคนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ มองเห็นชมพูไปนอนอยู่บนโซฟาก็ยิ้มเอ็นดูจะกลัวอะไรเขานักหนาไม่ใช่ว่าจะไม่เคยนอนด้วยกันเสียหน่อย
เขาจึงเปลี่ยนชุดแล้วย่องไปดูว่าหล่อนหลับไปแล้วหรือยัง และพยายามอุ้มชมพูขึ้นมาแล้วพาไปที่เตียงนอนเพื่อจะได้นอนสบาย ๆ ถึงจะเสียดายที่คงไม่ได้สานสัมพันธ์กันอย่างที่คิดแค่เธอไม่คิดหนีไปก็ดีแล้ว เขาคิดว่าถ้าพรุ่งนี้บรรยากาศดี และอะไรหลายอย่างเป็นใจคงได้ทำในสิ่งที่อยากทำมานานแล้วตั้งแต่กลับไปแคนาดา เขาคิดมาตลอดว่าควรจะบอกเรื่องสำคัญให้หล่อนรับรู้ตั้งแต่แรก เพราะกลับมาต้องมาระแวงว่าเธอจะไม่โสดอีกแล้วนั่นแหละ จึงเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียว มองไปที่คนนอนหลับอย่างเป็นสุขข้าง ๆ นี้แล้วเขาเองก็รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ข้าง ๆ หล่อนเหมือนกัน
บริษัทแห่งหนึ่งที่ตอนนี้พนักงานหลายคนกำลังทำงานอย่างขมักเขม่น ชมพู หรือรมิดาที่เข้ามาทำงานที่ได้เกือบ 3 ปีแล้วเธอนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เป็นเวลานานจนสายตาล้าไปหมด ช่วงนี้ทางบริษัทจะจัดให้คนบางกลุ่มไปทำงานในเครือบริษัทเปิดใหม่ที่จังหวัดระยองที่นั่นต้องทำในส่วนของโรงงาน จึงต้องมีกะในเวลาทำงานด้วย ทำให้ชมพูที่ตอนนี้ต้องรับจ๊อบสองที่ไม่สะดวกจึงทำให้เธอต้องขยันทำงานให้หัวหน้าเห็นว่าเธอยังมีความสามารถทำงานที่นี่ได้ดีอยู่งานพาร์ทไทม์ที่เธอไปสมัครไว้เป็นร้านอาหารย่านมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่ง เป็นงานเสิร์ฟอาหารทำหลังเลิกงานไปจนถึงเที่ยงคืน ที่พักของเธอไม่ได้ไกลมากนักจึงสามารถทำได้ เหตุผลที่เธอต้องทำงานมากขนาดนั้นเพราะที่บ้านตอนนี้ต้องการเงินจำนวนมากเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนคุณแม่ของเธอเกิดป่วยไม่ทราบสาเหตุทำให้ไม่สามารถทำงานได้ที่บ้านของเธอในต่างจังหวัดรับซักรีดมีคุณแม่ของเธอทำเพียงคนเดียว ส่วนคุณพ่อนั้นมีงานในอู่ซ่อมรถในตัวจังหวัดรายได้ก็พอใช้ในแต่ละเดือนและเธอยังมีน้องอีก 2 คนที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ด้วย เมื่อขาดรายได้ไปทำให้ที่บ้านก็เริ่มจะลำบากเธอจึงจำเป็นต้องส่งเงินส่วนหนึ่งกลับไปให้ท
ในห้องเช่าที่ราคาไม่ได้แพงนักของชมพู เธออยู่คนเดียวเพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาหางานในกรุงเทพฯ ในแต่ละวันสิ่งที่ทำให้เธอหายเหนื่อยล้าจากการทำงานก็มีเพียงซีรี่ส์ หนัง ฟังเพลงและหนังสือนิยายที่กองกันอยู่ใกล้ๆ บริเวณที่เธอใช้นอนพักในตอนนี้เธอคิดว่าทุกอย่างที่ว่ามาไม่สามารถเยียวยาจิตใจที่อ่อนแอจนไม่มีแม้แต่แรงจะลุกเดินไปหาข้าว หาน้ำกินกันเลยทีเดียว โชคชะตาอยู่ ๆ ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าการเกิดเป็นเธอมันช่างโชคร้ายเหลือทนจริง ๆวันนี้ทั้งวันเธอนั่งเหม่อในร้านกาแฟแล้วนั่งคิดทบทวนเรื่องราวมากมายว่าเธอจะเดินต่อไปทางไหนดี โทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นเป็นสายจากน้องของเธอที่บอกว่าแม่ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อไปตรวจรักษาอาการป่วยและรับยาเพิ่ม ส่วนพ่อยังเดินไม่ได้ยังอยู่ในโรงพยาบาลต่อไป เธอตอบน้อง ๆ ให้สบายใจว่าจะรีบส่งเงินไปก่อนที่แม่จะต้องไปโรงพยาบาล และค่ารักษาพ่อที่ขอผ่อนชำระไว้กับโรงพยาบาลเช่นกันหลังจากนั้นน้ำตาแห่งความทุกข์ใจก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ลำพังตัวเธอเองก็คงไม่เท่าไหร่แต่ที่บ้านเองก็ยังต้องการความช่วยเหลืออย่างมากเช่นกันเธอถ่ายรูปแล้วลงในโซเชียลของตนเอง ระบายความอึดอัดลงไปไม่กี่ประโยคแล
สนามบินชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวใส่แว่นตากันแดดเดินลากกระเป๋าเดินทางออกยังรถที่มีคนมาจอดรอรับหน้าสนามบิน เขาคือเควิน นักธุรกิจหนุ่มที่ทำธุรกิจแทบจะทุกวงการที่พอจะลงทุนไปแล้วเขาพอจะได้กำไรกลับมาบ้าง เขามีคอนเนคชั่นมากมายอยู่ทั่วโลก เขาชอบเรียนรู้ไปในทุก ๆ อย่างทำให้ความเสี่ยงค่อนข้างมากแต่เขาก็ไม่ได้แคร์กล้าได้กล้าเสียจนบางครั้ง ครอบครัวก็ไม่พอใจแต่ตอนนี้เขาอยู่ตัวแล้ว ถึงแม้บางตัวเขาต้องทิ้งเงินลงทุนไป แต่บางอย่างก็ได้กลับมาจนทุกวันนี้เขาแทบไม่มีเวลาพักผ่อนแบบจริงจังเสียที บินไปบินมาทั่วโลก และครั้งนี้เขามาดูบริษัทที่ร่วมลงทุนกับเพื่อนไว้ แล้วยังมีร้านนวดที่ลงหุ้นไปเล่น ๆ ไม่ได้คิดว่าจะได้อะไรกลับมาแต่มันก็เป็นธุรกิจที่ดีอยู่มากเหมือนกันเควินเป็นลูกครึ่งไทย อเมริกันแต่เขากลับมีใบหน้าคมคายไปทางแขกขาวมากกว่าเพราะญาติทางพ่อมีเชื้อสายมาจากแถบนั้น ส่วนคุณแม่เป็นคนไทยระดับไฮโซตระกูลดังเลยทีเดียวแต่ตอนนี้เขาคงไม่มีใครรับเข้าตระกูลหรอกเพราะงานที่ทำนั้นค่อนข้างล้างผลาญมากกว่าได้กำไรแต่เขาก็ยังทำมันไปเรื่อย ๆ เขาเดินทางโดยรถลีมูซีนมายังโรงแรมหรูในพัทยา พักผ่อนอยู่สักครู่ก็ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
เขาที่เฝ้ามองพฤติกรรมของเธออยู่อย่างมีความสุข เขารู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่ที่เธอเรียกเรทราคาที่สูงมากนั่นแล้ว เขารู้ว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกหรือไม่ก็ไม่น่าจะเกินสามครั้งของเธอหรอก ใครใช้ให้เขารู้สึกถูกใจหล่อนล่ะ ถ้าไม่เพราะพอใจเป็นการส่วนตัวเขาคงไม่ยอมจ่ายและไม่พามาที่นี่หรอกเขาอาจจะเป็นพวกชอบคนสวยนั่นแหละ รอยยิ้มนั้นไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่กว้างแบบมีความสุขที่ออกมาจากเธอคนนั้น เขาเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความหม่นเศร้าที่มันออกมาจากแววตานั่น อยากสอบถามแต่เพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ถ้าวันนี้เรื่องราวทุกอย่างจะดำเนินไปแล้วเขาไม่ได้ติดใจอะไรก็จบเพียงเท่านี้ร่างกายกำยำของเควินนอนลงบนเตียงกว้างและแสนนุ่มของเขา หญิงสาวที่ต้องทำงานต่อไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นั้นมือไม้เริ่มสั่นเพราะเธอไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้บ้าง เขาที่ใช้สายตาที่ค่อนข้างหวานเชื่อมมองมาที่เธอ และกำลังคิดว่าจะจัดการกับเธอตอนไหนดี ทั้งที่ก็รู้ชะตากรรมของตัวเองแต่มันก็อดที่จะกลัวไม่ได้จริง ๆ“เรทราคานี้ได้ทั้งคืนหรือเปล่า” เขาแกล้งถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะถ้าจะแพงได้ขนาดนี้เขาคงไม่ยอมปล่อยออกไปก่อนแน่นอนชมพูปากคอสั่นไปหมดแล้วจะ
ร่างนุ่มนิ่มของชมพูที่อยู่อ้อมกอดของเขานั้น เริ่มมีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเพราะความตื่นเต้น กลิ่นกายจากการอาบน้ำและผสมกับกลิ่นจำเพาะตัวของแต่ละบุคคลหรืออาจะเรียกได้ว่ามันคือฟีโรโมนที่ออกมาเพื่อเรียกหาคู่ที่จะชื่นชอบกับกลิ่นของคู่ตนเองเขาที่เริ่มดมอย่างละเมียดละมัยก่อนจะรุกเร้าอย่างรุนแรงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะตกใจกับความหื่นกระหายของเขา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันทั้งที่ถ้ากิจกรรมพวกนี้จบลงแล้ว เขาต้องจ่ายเงินให้หล่อน ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องระวังอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับเลือกความนุ่มนวลให้เธอไม่กลัว และตกใจจนเกินไปใบหน้าหวานที่ถือได้ว่างามล้ำนั้นขึ้นสีระเรื่อดูน่ารัก จนเขาอดใจไม่ไหวก้มลงไปจูบบนแก้มซ้ายขวาและริมฝีปากอวบอิ่ม เริ่มจากค่อย ๆ จูบเพื่อสร้างความคุ้นเคย จนเธอเผลอเผยอปากออกน้อย ๆ เขาจึงเริ่มใช้ลิ้นสอดแทรกเข้าไปในริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มนั้นได้มากขึ้นลิ้นเล็กที่รู้สึกตกใจนั้นไม่กล้าตอบสนองเขา จนถูกกระตุ้นด้วยจูบหนักหน่วงจนทำให้ความรู้สึกของตนเองเริ่มจะเคลิบเคลิ้มตามไปกับการกระทำของเขาด้วยจึงตอบสนองลิ้นร้อนของเขากลับไปบ้าง เมื่อจูบที่ทั้งสองแลกให้กันเริ่มรุนแรงมากขึ้น เขาเองไม่ย
ร่างกายสองคนเริ่มสอดประสานกันจนเป็นหนึ่งเดียวได้ กายหนาและกายบางบดเบียดเสียดสี เสียงส่วนเชื่อมต่อที่เริ่มเข้ากันได้ในที่สุดขยับเข้าออกได้ดีมากขึ้นแล้ว ทำให้ตอนนี้ทั่วทั้งห้องพักแห่งนี้มีเสียงคนของคนที่สอดประสานกันไป ร่างหนาที่ตอนแรกยังกังวลว่าคนตัวเล็กกว่าจะเจ็บปวดกับการร่วมรักครั้งนี้จนเกินไป แต่เมื่ออารมณ์ดิบได้ถูกปลุกขึ้นแล้ว เขาลืมไปเสียสิ้นว่าเขาจะทะนุถนอมเธอเอาไว้ก่อน เพราะร่างกายของคใต้ร่างนั้นเย้ายวนอารมณ์เขามาก จนไม่อาจจะอ่อนโยนได้ในตอนนี้เสียงของเหลวที่ออกมาสร้างเสียงเสียดสีที่ชื้นแฉะเกิดขึ้น สะโพกที่กระทบกันอย่างแรงก่อเกิดเสียง พั่บ ๆ แบบที่ใครได้ยินก็คงจะอดหน้าแดง เสียววูบวาบไม่ได้ แถมด้วยเสียงครางเครือของหญิงสาวที่หวิวจนปานจะขาดใจ ร่างกายบิดเร่าเกร็งขึ้นมาและเปล่งเสียงร้องยาวทำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า หญิงสาวถึงจุดสูงสุดอีกครั้งแล้ว เหลือเพียงเขาที่ยังไปไม่ถึงสักรอบเดียว เหตุเพราะเขาอยากเล่นสนุกกับเธอไปนาน ๆ ให้เหมาะสมกับเงินที่จะเสียให้ แต่แรงบีบรัดตุบ ๆ ภายในนั้นเป็นตัวเร่งให้เขาต้องปลดปล่อยออกมา ภายในการขยับอีกไม่กี่ครั้งทั้งสองนอนกอดกันแน่น ร่างหญิงสาวกอดเขาไว้แน่นเมื่อร
เหมือนเขาจะเข้าใจว่าชมพูรู้สึกไม่สบายที่ตรงไหน เขาเตรียมยาไว้ให้เธอแล้วรอเพียงแค่มีคนเอามาส่งเท่านั้น วันนี้ถึงอย่างไรชมพูจะอยู่กับเขาอีกทั้งวัน ตอนแรกเขาคิดว่าจะออกไปพบเพื่อน พอเจออะไรที่ถูกใจแล้วจึงพักผ่อนดีกว่า ซึ่งความจริงก็อยากพักนั่นแหละเพราะใช้พลังงานไปเยอะพอสมควรนั่นเองเมื่อยามาส่ง เขาให้เธอทานยาแล้วนอนพักไปก่อน ส่วนเขานั้นขอออกไปทำธุระสักครู่แล้วจะกลับมาในตอนเย็นและบอกกับเธอว่าถ้าหนีเงินที่จะได้นั้นเป็นโมฆะและชมพูจะเสียตัวฟรี มันทำให้เธอจำเป็นต้องนอนรอเขาที่นี่เขาออกมาหาแดเนียลเจ้าของร้านนวดไทยที่เป็นที่ทำงานของชมพูนั่นเอง เขาบอกถึงเรื่องที่ได้ซื้อตัวชมพูไปเมื่อวาน น้ำตาลดูตกใจมากไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะมาเสียตัวให้นักธุรกิจคนนี้เพราะเท่าที่เคยได้ยินจากสามี เขาคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างอันตรายมากทีเดียวเขาสอบถามถึงประวัติและสาเหตุที่ชมพูยอมขายตัวและมาทำงานที่นี่ น้ำตาลเล่าเท่าที่รู้ให้เขาฟังและแอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าเพื่อนจะถูกกระทำอะไรบ้าง เพราะเขาบอกว่าตอนนี้ชมพูไม่สบายนอนรอเขาอยู่ที่โรงแรมที่เขาใช้พักในครั้งนี้เขาพูดคุยเรื่องชมพูเสียส่วนใหญ่เรื่องกิจการนั้นเป็นเพียงส่วนเสร
ทั้งสองร่วมรักกันเป็นเวลายาวนาน และเสียงหอบหายใจของทั้งคู่ที่สอดประสานกันดังลั่นไปทั่วห้อง ร่างเปลือยทั้งสองร่างเสียดสีกันจนเกิดเสียง เสียงจูบที่ดังขึ้นเป็นระยะ เสียงดูดดึงร่างกายบอบบาง เสียงกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะหัวใจของทั้งสองเต้นระรัวเพราะกิจกรรมที่แสนหนักหน่วง และเร่าร้อนจนเหงื่อไหลอาบกายของทั้งสอง ร่างกายสอดประสานไปหลายต่อหลายครั้ง สำหรับเควินแล้วเขาไม่อาจหยุดความต้องการที่มีต่อเธอได้ ถ้าเขาจำเป็นต้องห่างไป แล้วชมพูต้องไปกับคนอื่นอีก เขาต้องทนไม่ได้แน่ ๆ“อ๊ะ...อ๊า...เบา ๆ มันจุก” ชมพูที่เริ่มรู้สึกว่าจังหวะของคนบนร่างเริ่มรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับไหวจึงร้องเตือนเขา“ผมขอโทษ” เสียงหอบเอ่ยขอโทษแผ่วเบา เขาลดความหนักหน่วงลงแต่ยังคงโยกไปตามจังหวะที่ตัวเองเป็นคนกำหนด เธอเองก็เริ่มจะเกร็งตัว และร้องออกมาและทิ้งลงนอนหอบหายใจเบื้องล่างเขา และเขาจึงส่งจังหวะสุดท้ายอีกครั้ง สองครั้งแล้วจึงปลดปล่อยออกมาทั้งสองนอนกอดกันจนหลับไป ท่ามกลางความร้อนระอุที่ค่อย ๆ ลดอุณหภูมิลงเรื่อย ๆในตอนเช้า เขาที่รอจนชมพูตื่นขึ้นมาแล้วพาเธอมานั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน และพยายามจะพูดถึงเรื่องที่เธอขายตัวให้เขาเป
ในบริษัท K ที่ตอนนี้เป็นสถานที่ทำงานใหม่ของชมพู เธอเรียนรู้งานต่าง ๆ จากรุ่นพี่ในแผนกอย่างตั้งใจ ถึงแม้ว่างานจะไม่ได้ยากเกินความสามารถ แต่มันต้องอาศัยความรอบคอบมากทำให้ระยะแรกชมพูยังเกร็ง ๆ กับการทำงานเมื่อมีงานที่เงินเดือนได้อย่างสมเหตุสมผลทำให้เธอสบายใจไปได้บ้างแล้ว เรื่องทางบ้านยังคงหนักหน่วงเหมือนเดิม ยังไม่มีใครหายจากอาการป่วยเพราะพ่อกับแม่ของเธอต่างอายุเริ่มมากขึ้น ส่วนน้องทั้งสองก็ยังต้องใช้เงินในการเรียนกันต่อไป ส่วนเธอเองทำงานไปก็หาวิธีให้ได้เงินเพิ่มต่อไปเท่านั้นเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร เควินที่บินกลับไปจัดการงานของตัวเองที่แคนาดา เขาต้องการกลับมาประเทศไทยอีกครั้งเพราะอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าชมพูได้เข้าทำงานในที่ที่เขาเสนอให้ เพราะเจ้าของบริษัทนี้เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่สมัยเรียนเมื่อเขาเคลียร์งานได้แล้ว เขาจึงได้กลับมาพักที่ไทยและครั้งนี้คอนโดกลางเมืองเป็นที่อาศัยของเขา เป็นคอนโดที่ซื้อทิ้งไว้นานแล้วแต่ไม่ค่อยได้เข้ามาอยู่เพราะงานที่รัดตัวมาก ครั้งนี้เขาอยากอยู่ไทยแบบนาน ๆ เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าโอกาสจะอำนวยแค่ไหนในวันที่เควินกำหนดกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เขาตรงไปยังบริษัท K ทันท
ทั้งสองร่วมรักกันเป็นเวลายาวนาน และเสียงหอบหายใจของทั้งคู่ที่สอดประสานกันดังลั่นไปทั่วห้อง ร่างเปลือยทั้งสองร่างเสียดสีกันจนเกิดเสียง เสียงจูบที่ดังขึ้นเป็นระยะ เสียงดูดดึงร่างกายบอบบาง เสียงกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะหัวใจของทั้งสองเต้นระรัวเพราะกิจกรรมที่แสนหนักหน่วง และเร่าร้อนจนเหงื่อไหลอาบกายของทั้งสอง ร่างกายสอดประสานไปหลายต่อหลายครั้ง สำหรับเควินแล้วเขาไม่อาจหยุดความต้องการที่มีต่อเธอได้ ถ้าเขาจำเป็นต้องห่างไป แล้วชมพูต้องไปกับคนอื่นอีก เขาต้องทนไม่ได้แน่ ๆ“อ๊ะ...อ๊า...เบา ๆ มันจุก” ชมพูที่เริ่มรู้สึกว่าจังหวะของคนบนร่างเริ่มรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับไหวจึงร้องเตือนเขา“ผมขอโทษ” เสียงหอบเอ่ยขอโทษแผ่วเบา เขาลดความหนักหน่วงลงแต่ยังคงโยกไปตามจังหวะที่ตัวเองเป็นคนกำหนด เธอเองก็เริ่มจะเกร็งตัว และร้องออกมาและทิ้งลงนอนหอบหายใจเบื้องล่างเขา และเขาจึงส่งจังหวะสุดท้ายอีกครั้ง สองครั้งแล้วจึงปลดปล่อยออกมาทั้งสองนอนกอดกันจนหลับไป ท่ามกลางความร้อนระอุที่ค่อย ๆ ลดอุณหภูมิลงเรื่อย ๆในตอนเช้า เขาที่รอจนชมพูตื่นขึ้นมาแล้วพาเธอมานั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน และพยายามจะพูดถึงเรื่องที่เธอขายตัวให้เขาเป
เหมือนเขาจะเข้าใจว่าชมพูรู้สึกไม่สบายที่ตรงไหน เขาเตรียมยาไว้ให้เธอแล้วรอเพียงแค่มีคนเอามาส่งเท่านั้น วันนี้ถึงอย่างไรชมพูจะอยู่กับเขาอีกทั้งวัน ตอนแรกเขาคิดว่าจะออกไปพบเพื่อน พอเจออะไรที่ถูกใจแล้วจึงพักผ่อนดีกว่า ซึ่งความจริงก็อยากพักนั่นแหละเพราะใช้พลังงานไปเยอะพอสมควรนั่นเองเมื่อยามาส่ง เขาให้เธอทานยาแล้วนอนพักไปก่อน ส่วนเขานั้นขอออกไปทำธุระสักครู่แล้วจะกลับมาในตอนเย็นและบอกกับเธอว่าถ้าหนีเงินที่จะได้นั้นเป็นโมฆะและชมพูจะเสียตัวฟรี มันทำให้เธอจำเป็นต้องนอนรอเขาที่นี่เขาออกมาหาแดเนียลเจ้าของร้านนวดไทยที่เป็นที่ทำงานของชมพูนั่นเอง เขาบอกถึงเรื่องที่ได้ซื้อตัวชมพูไปเมื่อวาน น้ำตาลดูตกใจมากไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะมาเสียตัวให้นักธุรกิจคนนี้เพราะเท่าที่เคยได้ยินจากสามี เขาคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างอันตรายมากทีเดียวเขาสอบถามถึงประวัติและสาเหตุที่ชมพูยอมขายตัวและมาทำงานที่นี่ น้ำตาลเล่าเท่าที่รู้ให้เขาฟังและแอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าเพื่อนจะถูกกระทำอะไรบ้าง เพราะเขาบอกว่าตอนนี้ชมพูไม่สบายนอนรอเขาอยู่ที่โรงแรมที่เขาใช้พักในครั้งนี้เขาพูดคุยเรื่องชมพูเสียส่วนใหญ่เรื่องกิจการนั้นเป็นเพียงส่วนเสร
ร่างกายสองคนเริ่มสอดประสานกันจนเป็นหนึ่งเดียวได้ กายหนาและกายบางบดเบียดเสียดสี เสียงส่วนเชื่อมต่อที่เริ่มเข้ากันได้ในที่สุดขยับเข้าออกได้ดีมากขึ้นแล้ว ทำให้ตอนนี้ทั่วทั้งห้องพักแห่งนี้มีเสียงคนของคนที่สอดประสานกันไป ร่างหนาที่ตอนแรกยังกังวลว่าคนตัวเล็กกว่าจะเจ็บปวดกับการร่วมรักครั้งนี้จนเกินไป แต่เมื่ออารมณ์ดิบได้ถูกปลุกขึ้นแล้ว เขาลืมไปเสียสิ้นว่าเขาจะทะนุถนอมเธอเอาไว้ก่อน เพราะร่างกายของคใต้ร่างนั้นเย้ายวนอารมณ์เขามาก จนไม่อาจจะอ่อนโยนได้ในตอนนี้เสียงของเหลวที่ออกมาสร้างเสียงเสียดสีที่ชื้นแฉะเกิดขึ้น สะโพกที่กระทบกันอย่างแรงก่อเกิดเสียง พั่บ ๆ แบบที่ใครได้ยินก็คงจะอดหน้าแดง เสียววูบวาบไม่ได้ แถมด้วยเสียงครางเครือของหญิงสาวที่หวิวจนปานจะขาดใจ ร่างกายบิดเร่าเกร็งขึ้นมาและเปล่งเสียงร้องยาวทำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า หญิงสาวถึงจุดสูงสุดอีกครั้งแล้ว เหลือเพียงเขาที่ยังไปไม่ถึงสักรอบเดียว เหตุเพราะเขาอยากเล่นสนุกกับเธอไปนาน ๆ ให้เหมาะสมกับเงินที่จะเสียให้ แต่แรงบีบรัดตุบ ๆ ภายในนั้นเป็นตัวเร่งให้เขาต้องปลดปล่อยออกมา ภายในการขยับอีกไม่กี่ครั้งทั้งสองนอนกอดกันแน่น ร่างหญิงสาวกอดเขาไว้แน่นเมื่อร
ร่างนุ่มนิ่มของชมพูที่อยู่อ้อมกอดของเขานั้น เริ่มมีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเพราะความตื่นเต้น กลิ่นกายจากการอาบน้ำและผสมกับกลิ่นจำเพาะตัวของแต่ละบุคคลหรืออาจะเรียกได้ว่ามันคือฟีโรโมนที่ออกมาเพื่อเรียกหาคู่ที่จะชื่นชอบกับกลิ่นของคู่ตนเองเขาที่เริ่มดมอย่างละเมียดละมัยก่อนจะรุกเร้าอย่างรุนแรงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะตกใจกับความหื่นกระหายของเขา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันทั้งที่ถ้ากิจกรรมพวกนี้จบลงแล้ว เขาต้องจ่ายเงินให้หล่อน ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องระวังอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับเลือกความนุ่มนวลให้เธอไม่กลัว และตกใจจนเกินไปใบหน้าหวานที่ถือได้ว่างามล้ำนั้นขึ้นสีระเรื่อดูน่ารัก จนเขาอดใจไม่ไหวก้มลงไปจูบบนแก้มซ้ายขวาและริมฝีปากอวบอิ่ม เริ่มจากค่อย ๆ จูบเพื่อสร้างความคุ้นเคย จนเธอเผลอเผยอปากออกน้อย ๆ เขาจึงเริ่มใช้ลิ้นสอดแทรกเข้าไปในริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มนั้นได้มากขึ้นลิ้นเล็กที่รู้สึกตกใจนั้นไม่กล้าตอบสนองเขา จนถูกกระตุ้นด้วยจูบหนักหน่วงจนทำให้ความรู้สึกของตนเองเริ่มจะเคลิบเคลิ้มตามไปกับการกระทำของเขาด้วยจึงตอบสนองลิ้นร้อนของเขากลับไปบ้าง เมื่อจูบที่ทั้งสองแลกให้กันเริ่มรุนแรงมากขึ้น เขาเองไม่ย
เขาที่เฝ้ามองพฤติกรรมของเธออยู่อย่างมีความสุข เขารู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่ที่เธอเรียกเรทราคาที่สูงมากนั่นแล้ว เขารู้ว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกหรือไม่ก็ไม่น่าจะเกินสามครั้งของเธอหรอก ใครใช้ให้เขารู้สึกถูกใจหล่อนล่ะ ถ้าไม่เพราะพอใจเป็นการส่วนตัวเขาคงไม่ยอมจ่ายและไม่พามาที่นี่หรอกเขาอาจจะเป็นพวกชอบคนสวยนั่นแหละ รอยยิ้มนั้นไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่กว้างแบบมีความสุขที่ออกมาจากเธอคนนั้น เขาเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความหม่นเศร้าที่มันออกมาจากแววตานั่น อยากสอบถามแต่เพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ถ้าวันนี้เรื่องราวทุกอย่างจะดำเนินไปแล้วเขาไม่ได้ติดใจอะไรก็จบเพียงเท่านี้ร่างกายกำยำของเควินนอนลงบนเตียงกว้างและแสนนุ่มของเขา หญิงสาวที่ต้องทำงานต่อไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นั้นมือไม้เริ่มสั่นเพราะเธอไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้บ้าง เขาที่ใช้สายตาที่ค่อนข้างหวานเชื่อมมองมาที่เธอ และกำลังคิดว่าจะจัดการกับเธอตอนไหนดี ทั้งที่ก็รู้ชะตากรรมของตัวเองแต่มันก็อดที่จะกลัวไม่ได้จริง ๆ“เรทราคานี้ได้ทั้งคืนหรือเปล่า” เขาแกล้งถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะถ้าจะแพงได้ขนาดนี้เขาคงไม่ยอมปล่อยออกไปก่อนแน่นอนชมพูปากคอสั่นไปหมดแล้วจะ
สนามบินชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวใส่แว่นตากันแดดเดินลากกระเป๋าเดินทางออกยังรถที่มีคนมาจอดรอรับหน้าสนามบิน เขาคือเควิน นักธุรกิจหนุ่มที่ทำธุรกิจแทบจะทุกวงการที่พอจะลงทุนไปแล้วเขาพอจะได้กำไรกลับมาบ้าง เขามีคอนเนคชั่นมากมายอยู่ทั่วโลก เขาชอบเรียนรู้ไปในทุก ๆ อย่างทำให้ความเสี่ยงค่อนข้างมากแต่เขาก็ไม่ได้แคร์กล้าได้กล้าเสียจนบางครั้ง ครอบครัวก็ไม่พอใจแต่ตอนนี้เขาอยู่ตัวแล้ว ถึงแม้บางตัวเขาต้องทิ้งเงินลงทุนไป แต่บางอย่างก็ได้กลับมาจนทุกวันนี้เขาแทบไม่มีเวลาพักผ่อนแบบจริงจังเสียที บินไปบินมาทั่วโลก และครั้งนี้เขามาดูบริษัทที่ร่วมลงทุนกับเพื่อนไว้ แล้วยังมีร้านนวดที่ลงหุ้นไปเล่น ๆ ไม่ได้คิดว่าจะได้อะไรกลับมาแต่มันก็เป็นธุรกิจที่ดีอยู่มากเหมือนกันเควินเป็นลูกครึ่งไทย อเมริกันแต่เขากลับมีใบหน้าคมคายไปทางแขกขาวมากกว่าเพราะญาติทางพ่อมีเชื้อสายมาจากแถบนั้น ส่วนคุณแม่เป็นคนไทยระดับไฮโซตระกูลดังเลยทีเดียวแต่ตอนนี้เขาคงไม่มีใครรับเข้าตระกูลหรอกเพราะงานที่ทำนั้นค่อนข้างล้างผลาญมากกว่าได้กำไรแต่เขาก็ยังทำมันไปเรื่อย ๆ เขาเดินทางโดยรถลีมูซีนมายังโรงแรมหรูในพัทยา พักผ่อนอยู่สักครู่ก็ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
ในห้องเช่าที่ราคาไม่ได้แพงนักของชมพู เธออยู่คนเดียวเพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาหางานในกรุงเทพฯ ในแต่ละวันสิ่งที่ทำให้เธอหายเหนื่อยล้าจากการทำงานก็มีเพียงซีรี่ส์ หนัง ฟังเพลงและหนังสือนิยายที่กองกันอยู่ใกล้ๆ บริเวณที่เธอใช้นอนพักในตอนนี้เธอคิดว่าทุกอย่างที่ว่ามาไม่สามารถเยียวยาจิตใจที่อ่อนแอจนไม่มีแม้แต่แรงจะลุกเดินไปหาข้าว หาน้ำกินกันเลยทีเดียว โชคชะตาอยู่ ๆ ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าการเกิดเป็นเธอมันช่างโชคร้ายเหลือทนจริง ๆวันนี้ทั้งวันเธอนั่งเหม่อในร้านกาแฟแล้วนั่งคิดทบทวนเรื่องราวมากมายว่าเธอจะเดินต่อไปทางไหนดี โทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นเป็นสายจากน้องของเธอที่บอกว่าแม่ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อไปตรวจรักษาอาการป่วยและรับยาเพิ่ม ส่วนพ่อยังเดินไม่ได้ยังอยู่ในโรงพยาบาลต่อไป เธอตอบน้อง ๆ ให้สบายใจว่าจะรีบส่งเงินไปก่อนที่แม่จะต้องไปโรงพยาบาล และค่ารักษาพ่อที่ขอผ่อนชำระไว้กับโรงพยาบาลเช่นกันหลังจากนั้นน้ำตาแห่งความทุกข์ใจก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ลำพังตัวเธอเองก็คงไม่เท่าไหร่แต่ที่บ้านเองก็ยังต้องการความช่วยเหลืออย่างมากเช่นกันเธอถ่ายรูปแล้วลงในโซเชียลของตนเอง ระบายความอึดอัดลงไปไม่กี่ประโยคแล
บริษัทแห่งหนึ่งที่ตอนนี้พนักงานหลายคนกำลังทำงานอย่างขมักเขม่น ชมพู หรือรมิดาที่เข้ามาทำงานที่ได้เกือบ 3 ปีแล้วเธอนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เป็นเวลานานจนสายตาล้าไปหมด ช่วงนี้ทางบริษัทจะจัดให้คนบางกลุ่มไปทำงานในเครือบริษัทเปิดใหม่ที่จังหวัดระยองที่นั่นต้องทำในส่วนของโรงงาน จึงต้องมีกะในเวลาทำงานด้วย ทำให้ชมพูที่ตอนนี้ต้องรับจ๊อบสองที่ไม่สะดวกจึงทำให้เธอต้องขยันทำงานให้หัวหน้าเห็นว่าเธอยังมีความสามารถทำงานที่นี่ได้ดีอยู่งานพาร์ทไทม์ที่เธอไปสมัครไว้เป็นร้านอาหารย่านมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่ง เป็นงานเสิร์ฟอาหารทำหลังเลิกงานไปจนถึงเที่ยงคืน ที่พักของเธอไม่ได้ไกลมากนักจึงสามารถทำได้ เหตุผลที่เธอต้องทำงานมากขนาดนั้นเพราะที่บ้านตอนนี้ต้องการเงินจำนวนมากเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนคุณแม่ของเธอเกิดป่วยไม่ทราบสาเหตุทำให้ไม่สามารถทำงานได้ที่บ้านของเธอในต่างจังหวัดรับซักรีดมีคุณแม่ของเธอทำเพียงคนเดียว ส่วนคุณพ่อนั้นมีงานในอู่ซ่อมรถในตัวจังหวัดรายได้ก็พอใช้ในแต่ละเดือนและเธอยังมีน้องอีก 2 คนที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ด้วย เมื่อขาดรายได้ไปทำให้ที่บ้านก็เริ่มจะลำบากเธอจึงจำเป็นต้องส่งเงินส่วนหนึ่งกลับไปให้ท