Share

วันออกเดินทาง

last update Last Updated: 2025-11-30 21:48:08

บทที่ 2

วันออกเดินทาง

“นี่ท่านแม่ ท่านจะให้พี่สาวขนไปหมดนี่เลยหรือ”

เซียวเฟยฉี น้องชายข้าพยายามยั้งมือท่านแม่ที่กำลังขนถุงผ้ากว่าเกือบสิบห่อออกจากห้องครัวบ้าน ข้ายืนมองนิ่ง ๆ พลางอมยิ้มเอ็นดูครอบครัวข้า

“ก็เออสิวะ เดินทางไปเมืองหลวงใช้เวลาแรมเดือนโน่น ก็ต้องเตรียมเสบียงเตรียมของอร่อยไว้ให้ลูกข้าเยอะ ๆ สิวะ เจ้าไม่รู้หรือไงว่าพี่สาวเอ็งกินจุขนาดไหน”

“ข้ารู้แต่ขบวนมารับย่อมตักเตรียมเสบียงมาไว้เรียบร้อยแล้ว เตรียมของที่จำเป็นไปพอมิดีกว่าเหรอท่านแม่ เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้านนอกเข้ากรุง ขนของราวกับย้ายบ้านไป”

เฟยฉีอายุเพิ่งสิบสองคงเคยเห็นเคยได้ยินชาวบ้านพูดเรื่องอย่าขนของพะรุงพะรังเวลาเข้าเมืองเช่นนั้นจะโดนมองว่าบ้านนอกเข้ากรุงซึ่งก็จริงเพราะขนาดขนออกมาวางไว้ให้เหล่าทหารที่ติดตามมาดูแลขบวนรถม้าขนขึ้นไปไว้บนรถยังมองสายตาเหยียดใส่พวกข้าเลย

ไม่ต้องพูดถึงขันทีทั้งสองที่ยืนรอข้าขนของขึ้นรถอยู่ ดวงตาไม่ให้ความเคารพไม่พอยังเอนเอียงไปในทางดูหมิ่น....คงกำลังคิดในใจว่าข้าบ้านนอกเป็นแน่

แต่คนอย่างข้าน่ะหรือจะสนใจคนอื่น

ข้าสนใจจิตใจของคนที่ข้ารักมากกว่า ท่านแม่เลี้ยงดูข้ามาตั้งแต่เล็ก อยู่ดี ๆ ข้าต้องห่างบ้านไปทำงานย่อมเกิดความเป็นห่วงเป็นธรรมดา

ในใจคงกลัวข้าเดินทางลำบาก ท้องหิวกินอาหารไม่อิ่ม กลัวข้าหนาวระหว่างทางจึงเตรียมเสื้อคลุมตัวหนาหลายชั้นหลายตัว และพอเดินทางออกจากดินแดนแดนเหนืออากาศย่อมเปลี่ยนแปลงกลายเป็นร้อน

เสื้อผ้าตอนแรกจึงหนาเกินไป ท่านแม่จึงเตรียมอีกชุดที่บางมาให้ด้วย อาหารก็มีทั้งขนมช่วยคลายร้อน

ท่านแม่ใส่ใจข้าขนาดนี้จะให้ข้าปฏิเสธของพวกนี้ได้อย่างไรเล่า

ถึงเยอะจนล้นคันรถข้าจะพยายามยัดเข้าไปให้หมดอยู่แล้ว

อย่างน้อยก็ทำให้ท่านแม่สบายใจ

“ข้าไปก่อนนะท่านพ่อ ท่านแม่ และเจ้าด้วยน้องชายของข้า”

เราสี่คนกอดกันกลมเพื่อจากลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ข้าก้าวเท้าขึ้นรถไปและไม่วายแหวกม่านออกมาโบกมือลากลุ่มคนที่รักอีกครั้ง

บนรถคันข้ามีเพียงข้าและสาวใช้หน้ามนอีกหนึ่งคน นางเดินทางมาเพื่อรับใช้ข้าและคอยช่วยอำนวยความสะดวกแก่ข้าตลอดทางนั่นเอง

ข้าสำรวจมองอีกฝ่ายอย่างละเอียด พอสำรวจจนพอใจข้าจึงเผยยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

สาวใช้ในวังหรือนางกำนัล ข้าเคยคิดว่าจะมีแต่พวกผิวพรรณณดีแต่งตัวด้วยเนื้อผ้ามีราคา

ไม่ยักคิดว่าจะเจอนางกำนัลที่ดูเรียบง่ายเช่นนี้

นางกำนัลคนนี้ตัวเล็กทว่าไม่บอบบางอ่อนแอ ผิวสีคล้ำนิดหน่อยบ่งบอกได้ว่าก่อนหน้าที่นี้นางคงเป็นสาวใช้ที่ได้รับหน้าที่ทำงานกลางแจ้งเป็นส่วนใหญ่ สุดท้ายพอมีงานนอกที่ต้องเดินทางลำบากหลายเดือนนางจึงได้รับการคัดเลือกมาทำหน้าที่นี้

ที่ข้ายิ้มชอบใจเพราะตั้งแต่ข้าขึ้นรถมานี่ นางคือผู้เดียวในที่นี้ที่มิได้มองข้าด้วยสายตาดูถูกในชาติกำเนิดข้า

นางตั้งใจดูแลข้า ทำตามคำสังข้าโดยไม่โต้แย้ง เพียงเท่านี้ข้าก็รู้สึกพอใจแล้ว

“เจ้านามว่าเยี่ยงใดหรือ”

“ถงเอ๋อร์เจ้าค่ะ”

“ข้าเซียวเฟยเจินนะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

“เจ้าค่ะ ท่านผู้วิเศษ”

คำเรียกนั้นทำให้ข้ารู้สึกขนลุกยิ่งนัก แต่จะไปขัดขนบทำเนียมที่กำหนดไว้ก็ไม่ควรข้าจึงพยายามไม่ใส่ใจ

หลังทักทายสาวใช้ตนเองเสร็จ ข้าจึงหันกลับมาเข้ามุมของตนเองเพื่อเอนหลังนอนเสียหน่อย เนื่องจากรถม้าเดินทางบนถนนหนทางขรุขระ แถวนี้ยังไม่ค่อยเจริญทำให้ข้ารู้สึกมึนหัวเล็กน้อย

นอนหลับตาเอาแรงเสียหน่อยย่อมดีกว่า พอถึงจุดพักจะได้มีแรงออกไปเดินเล่นคลายความเบื่อและความล้า

การเดินทางผ่านมาสิบกว่าวันจึงเดินทางออกจากเขตอากาศหนาวเย็นเปลี่ยนมาเป็นร้อนอบอุ่นแทน

แต่ด้วยเพราะเพิ่งออกมาจากที่หนาว แม้อากาศจะมิได้ร้อนขนาดนั้นแต่ร่างกายที่เริ่มปรับให้เข้ากับกาศหนาวมาก่อนแล้วจึงมีการปรับตัวไม่ทันบ้าง

จากร้อนธรรมดาหลายคนจึงรู้สึกร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลต่างน้ำเลยทีเดียว คนที่ดูจะไม่เดือดร้อนคงมีเพียงข้ากับสาวใช้ของข้าที่นั่งพักอยู่บนกองหญ้าด้วยความสบายใจ

ตอนนี้ถึงจุดพักม้าอีกหนึ่งจุด พวกเราทุกคนจึงลงมาจากรถนั่งพักผ่อนกันตามอัธยาศัย

ก่อนลงจากรถม้าข้าได้ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อกับกางเกงเนื้อบาง โดยไม่ลืมเตือนสาวใช้ของตนเองด้วย ฉะนั้นตอนนี้ข้าจึงไม่มีปัญหาอย่างที่คนอื่นมีกัน

ข้ากำลังนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ในมือมีพัดที่ท่านแม่เตรียมมาให้พัดให้ความเย็นตนเองด้วย

“ถงเอ๋อร์เจ้าไปนำผลไม้อบแห้งในถุงผ้าข้ามาให้หน่อยสิ อ้อ เอามาทั้งหมดเลยนะ”

“เจ้าค่ะ”

ไม่นานร่างเล็กก็เดินหิ้วถุงผ้าถุงใหญ่มาให้ข้า ข้าลุกขึ้นมาตรวจดูของว่าใช่สิ่งที่สั่งหรือ

ภายในคือผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น ถึงแม้จะเอาไปทำให้แห้งเพื่อเก็บไว้ได้นานขึ้นแต่กินแล้วจะรู้สึกชื่นใจ

ข้าอ่านในตำรามาเขาบอกว่าคนทางเขตร้อนนอกจากจะชอบกินของเย็นเพื่อคลายร้อนแล้วยังชอบกินผลไม้พวกนี้เป็นอาหารว่างด้วย

เป็นผลไม้ธาตุเย็น ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี ร่างกายระบายความร้อนได้เร็วขึ้น

“เจ้านำไปแจกจ่ายให้ท่านขันทีทั้งสองและทหารในขบวนทั้งหมดบอกว่าข้าให้นำมาแบ่ง ไป”

“เจ้าค่ะท่านผู้วิเศษ”

หลังจากสั่งสิ่งที่ต้องการเสร็จข้าจึงเลิกสนใจ ลุกขึ้นจากที่นั่งออกเดินเล่นเข้าไปในป่าบริเวณใกล้ ๆอย่างสบายอารมณ์

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   บทส่งท้าย

    ค่ำคืนนี้ก็เช่นกันเฉิงหย่งจื้อเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะยิ่งไม่นอนใจยิ่งนึกถึงใบหน้าดื้อดึงที่มีนิสัยมิย่อมใครของหญิงคนรักดวงจันทร์วันนี้เกือบเต็มดวงเหลืองนวลลอยเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว เฉิงหย่งจื้อนอนเอาแขนก่ายหน้าผาก เปิดหน้าเอาไว้เช่นนี้ทุกค่ำคืนเพื่อให้ดวงจันทราอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงาแกร็ก แกร็กมีผู้บุกรุกมือหยาบที่มิได้จับอาวุธมานานของเฉิงหย่งตวัดไปจับมีดสั้นใต้หมอนของตนเองที่เอาไว้ในกรณีฉุกเฉินซึ่งเขามิได้มีโอกาสได้ใช้มันเลยตลอดสามเดือนนี้ชายหนุ่มแสร้งเป็นนอนหลับตาลง พยายามหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้บุกรุกตายใจคิดว่าเขานอนหลับสู่นิทราแล้ว พอมันตายใจเข้ามาในเขตแดนเตียงของเขาเมื่อไหร่เมื่อนั้นแหละถึงคราวฆาตของมันกลิ่นหอมหวานอันแสนคิดถึงลอยผ่านสายลมอ่อนเข้ามาแตะจมูกของชายหนุ่มที่แกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงทำให้เฉิงหย่งจื้อเผลอใจเต้นรัวทั้งที่พยายามหายใจสม่ำเสมอให้เหมือนคนหลับ เปลือกตาหรี่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยแต่ก็มิให้มากจนเกินไปเพื่อมองตามเสียงเดินแผ่วเบาที่กำลังย่องเข้ามาใกล้เตียงของเขา บัดนี้มือหนาคลายจากมีดใต้หมอนเรียบร้อยแล้วได้แต่จิกผ้าปูที่นอนเพื่อระงับความตื่นเต้นที่กำลังท่วม

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   เซียวเฟยเจิน

    บทส่งท้าย“นี่เป็นจดหมายที่นางฝากคนใช้ให้มามอบให้พระองค์พะย่ะค่ะ คนของเราเห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติจึงรีบส่งมาให้ข้าพะย่ะค่ะ แต่ข้าน้อยมิบังอาจเปิดอ่านจึงเลือกแจ้งพระองค์ดีกว่าพะย่ะค่ะ”กระดาษพับขนาดเท่าฝ่ามือถูกมอบให้เฉิงหย่งจื้อที่รีบขอตัวออกมาจากห้องอักษรของบิดาเมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องของสตรีคนรักเขารับจดหมายนั้นมาก่อนจะคลี่กระดาษเปิดอ่านข้อความข้างใน ‘ลาก่อน หมดหน้าที่หลักของข้าแล้ว หลังจากนี้ขอให้พวกเราได้ทำในสิ่งที่ประสงค์อยากทำ ขอให้ใช้ชีวิตเป็นอิสระอย่างที่ใจต้องการ ข้าขอไปตามทางของข้าในที่ที่ข้าอยากไป และสำหรับท่านก็เช่นกันเซียวเฟยเจิน’หมายความว่าเช่นไร...ไยนางจึงเขียนจดหมายฉบับนี้ให้ข้าเฉิงหย่งจื้อละสายตาจากข้อความในกระดาษ“เฟยเจินยังอยู่ที่เรือนนางหรือไม่”ฉีหมิงที่อยู่ดีดีก็โดนยิงคำถามแปลก ๆ ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติและตอบคำถามเจ้านายเท่าที่ชายหนุ่มรู้“ข้าน้อยมิรู้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนนางหรอกขอรับหากมิโดนเรียกเข้าไปใช้งาน...เกิดเรื่องอันใดหรือพะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“นาง...หนีข้าไปแล้ว”ดวงตาสีดำสนิทจ้องเหม่อมองออกไปยังที่อันแสนไกล น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อราว

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   บอกเจ้าสาม

    และก็เป็นอย่างที่ฝ่ายเฉิงหย่งจื้อคาดการไว้ทางฝั่งฮ่องเต้เมื่อได้รู้จากเลี่ยงกงกงว่าลูกชายคนรองของตนขอเข้าเฝ้า จากที่ตอนแรกประทับอยู่ในห้องหนังสือเพื่ออ่านฎีกาที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะก็เตรียมตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้“บอกเจ้าสามว่าข้าไม่สะดวกให้เข้าเฝ้าวันนี้ วันอื่นค่อยให้มาใหม่ ข้าจะพักผ่อนเร็วหน่อยวันนี้”ฮ่องเต้กล่าวกับกงกงที่ทำสีหน้าลำบากใจอยู่เบื้องหน้าเสร็จก็เตรียมตวัดชายแขนเสื้อเพื่อหันหลังเดินออกทางประตูด้านหลังแทนที่จะเป็นประตูหลักข้างหน้าดั่งปกติ“ฝะ...ฝ่าบาท เกรงว่าครานี้จะไม่ทันเสียแล้วพะย่ะค่ะ ท่านอ๋องสามรออยู่ทะ...ไม่ทันแล้ว”ชายชราเลี่ยงกงกงยังพูดไม่ทันจบดี เจ้านายของตนที่ไม่รอฝั่งคำเขาจึงเดินออกทางประตูหลังเรียบร้อยแล้ว และก็เจอลูกชายของตนที่รู้ทันพ่อของตนหลังจากโดนผลัดวันประกันพรุ่งมาหลายคราดักรอที่ประตูข้างหลังเฉิงหย่งจื้อในอาภรณ์ดำขลิบทองยืนมองบิดาตนด้วยใบหน้านิ่งสนิท ดวงตาสีดำเช่นเดียวกับสีผมมองมาที่คนอายุมากกว่าตรงหน้าเขม็ง ดุคมราวกับเหยี่ยวกำลังจ้องมองเพื่อจับผิดอีกฝ่าย“ลูกมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเสด็จใช้เวลาไม่นานหรอกพะย่ะค่ะ”“พ่อ...”แม้บนหน้าของเจ้าแผ่นดินจะไม่มีเม็ด

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   เจ้ากำลังคิดถึงเรื่องอันอยู่รึ

    “เจ้ากำลังคิดถึงเรื่องอันอยู่รึ ไยจึงนั่งยิ้มอยู่คนเดียวเช่นนั้น”ข้ามิรู้ตัวว่าตนเองกำลังนั่งท้าวคางบนมือของตนอยู่บนโต๊ะน้ำชารับแขกในเรือนตนเอง ใบหน้าหันมองออกไปนอกหน้าต่างที่กำลังเปิดอ้าอยู่ เวลาเย็นแดดจึงไม่จัดมาก ลมพัดโชยเข้ามาอ่อน ๆ นอกหน้าต่างไม่มีนก หรือแมลงบินตอมดอกไม้ให้ข้าได้ดูและทำให้ข้ายิ้มได้ ชายหนุ่มผู้ถือวิสาสะเดินเข้ามาในเรือนผู้อื่นแม้อยู่ในจวนตนเองก็เถอะจึงเอ่ยทักข้าอย่างฉงนใจเจือด้วยความไม่พอใจเนือง ๆ เพราะชายหนุ่มกลัวว่าที่ข้ายิ้มอาจเพราะคิดถึงบุรุษอื่นใบหน้าหล่อเหลาทว่าติดดุเข้มมของเฉิงหย่งจื้อโผล่เข้ามาในสายตาข้า ระยะห่างระหว่างใบหน้าเราห่างเพียงหนึ่งฝ่ามือทำให้ข้าผงะถอยหลังเล็กน้อย“ท่านเข้ามาในเรือนข้าได้อย่างไร...ข้าไม่เห็นได้ยินเสียงฝีเท้าเลย” ประโยคหลังข้าบนพึมพำกับตนเองเบา ๆดวงตาคู่ดำสนิทไล่สายตาขึ้นลงราวกับกำลังไล่สำรวจเครื่องหน้าของข้าหากข้ามองไม่ผิด ดวงตาคู่ตรงหน้าเวลานี้คมราวกับเหยี่ยวสอดส่ายไล่เก็บภาพหญิงสาวคนรักตรงหน้า“ยังมิชินอีกหรือ เมื่อหลายวันก่อนเจ้ายังไม่เห็นขัดที่จะอยู่ห้องนอนเดียวกับข้าอยู่เลย”“นั่นมันตอนข้าแปลงเป็นบุรุษและเราทั้งสองคนกำล

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   สิบขวบ

    “ข้ามีข้อตกลงเพิ่ม ข้าต้องการให้เจ้าเผยรูปโฉมที่แท้จริงออกมาด้วยหากเจ้าจริงใจอยากช่วยมิใช่เพื่อลวงหลอกให้ข้าเดินตามแผนของพวกเจ้า”ที่ข้าต้องการดูรูปโฉมที่แท้จริงเป็นเพราะข้าคิดว่าที่ข้าจำมิได้จากนิยายต้นฉบับอาจมีสาเหตุมาจากอีกฝ่ายปลอมตัว หากข้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงข้าอาจระบุตัวละครตัวนี้ได้และหากข้าระบุตัวตนของอีกฝ่ายได้นั่นเท่ากับข้าจะได้เลือกถูกว่าควรเลือกเชื่อนางดีหรือไม่นางระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ข่มกลั้นความรู้สึกที่อัดอั้นข้างในอก“ได้ หากนั่นจะทำให้ท่านเชื่อว่าข้าหวังดี”มือบางที่คล้ำหมองเพราะพอกผงสีดำพลางตัวเพื่อแปลงกลายยกขึ้นมาทั้งสองข้าง นางจัดการลอกหน้ากากหนังบนใบหน้านางออก รอยแผล รอยดำเป็นปื้นบนแก้มทั้งสองของนางเป็นของปลอม เมื่อหน้ากากหนังอัปลักษณ์ถูกลอกออกใบหน้าที่แท้จึงของสตรีตรงหน้าข้าจึงถูกเปิดเผยดวงหน้างามหวาน ผิวขาวผุดผ่องแม้เวลานี้จะดูซีด มีรอยย่นตามอายุของเจ้าตัวก็มิอาจปิดบังความงามของหญิงสาวได้เลยข้าที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์นี้อดมิได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดปาก ดวงตากลมโตของข้าจ้องอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจโดยมิปิดบัง“แม่นางงามนัก ข้าไม่แปลกใจหากท่านต้องแปลงกาย

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   ข้ามั่นใจว่าเป็นเขา

    ปึงประตูบ้านปิดเองอาจด้วยเพราะกลไกธรรมชาติ อาจเป็นลมหรือความตั้งใจของเจ้าบ้านอันนี้ข้าก็มิรู้ แต่ข้าที่นั่งหันหลังให้พอได้ยินเสียงถึงกับสะดุ้งตัวขึ้นเพราะตกใจก่อนจะหันหลังไปมอง ข้ากลืนน้ำลายก่อนหันกลับมาประจันหน้ากับเจ้าของบ้านเช่นเดิมสตรีขี้เหร่มิได้มีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิม นางเพียงยิ้มและยกชาถ้วยตนขึ้นมาจิบมีแต่ข้าที่พยายามรักษาใบหน้ามิให้แสดงอาการตื่นกลัวทว่าเหงื่อที่ออกบนมือมิสามารถห้ามได้ มือที่บีบกันแน่นของข้าจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อใจเย็นไว้เฟยเจิน แค่ประตูปิด“ข้าพอจะเดาได้ว่าท่านตั้งใจมาหาข้าโดยเฉพาะและพอจะเดาสิ่งที่ท่านต้องการจากข้าได้”“รู้ว่าข้ามาหาทำไมงั้นรึ เจ้าดูมั่นใจยิ่งนักว่าตนเองเดาใจข้าได้ สิ่งที่จ้าคิดอาจมิใช่ ใครจะไปรู้”“นั่นก็จริง งั้นเชิญเอ่ยเรื่องของท่านมาเถิด หากไม่เกินความสามารถข้าย่อมช่วยเต็มที่”“แม่นางรู้จักพ่อค้านาม ติงเอ๋าซีหรือไม่”“รู้จักเมื่อไม่นานมานี้”“และแม่นางรู้จักเซี่ยฮองเฮาหรือไม่”“ย่อมรู้จัก” ข้าสังเกตเห็นนางกำชายเสื้อตนเอง“ประชาชนอาณาจักนี้มีใครบ้างไม่รู้พระนางผู้เป็นพระมารดาของแผ่นดิน”“ข้าหมายถึงรู้จักเป็นการส่วนตัวแบบที่มิใช่สถานะประชาชน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status