หน้าหลัก / รักโบราณ / ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์ / บทที่ 17 เข้าวังหลวงอย่างเร่งด่วน

แชร์

บทที่ 17 เข้าวังหลวงอย่างเร่งด่วน

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-20 14:19:51

ตำหนักจ้าวฮวงโหว

จ้าวจิ้งเทียนคิดไตร่ตรองเรื่องของเจินเซียงมาสักพักก่อนจะเข้าไปขอพบกับจ้าวฮวงโหวเสด็จแม่ของเขา

"ถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ"

"ลุกขึ้นเถิด มานั่งข้างแม่เร็วเข้า จิ้นหมิง"

จ้าวจิ้งเทียนลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างพระวรกายของจ้าวฮวงโหว เขามองพระพักตร์ของเสด็จแม่ตนเองอย่างลำบากใจ

เรื่องนี้หนักหนาเกินกว่าเขาจะแก้ไขเองจริงๆ

"ว่าอย่างไรจิ้นหมิง"

"ที่ลูกมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่วันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญสองเรื่องอยากกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ"

"ไหนเจ้าว่ามาสิ"

จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองเหล่านางกำนัลเป็นเชิงให้ออกไปให้หมด ก่อนจะยกมือขึ้นไปปลดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวกับเทพเซียนของเขา รอยแผลบนใบหน้าจางหายไปจนหมดสิ้นแทบไม่ทิ้งร่องรอยใดเหลือไว้ ราวกับว่าไม่เคยมีบาดแผลน่ารังเกียจนั่นอยู่บนใบหน้าของเขามาก่อน

"จิ้นหมิง!!! ลูกแม่ นี่เจ้า หมอเทวดารักษาเจ้าจนหายดีแล้วหรือ สวรรค์ช่างเมตตายิ่งนัก!!!"

จ้าวฮวงโหวยื่นมือมาจับที่ใบหน้าของจ้าวจิ้งเทียนอย่างดีใจปนตกใจ น้ำตาของนางเอ่อคลออย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จ้าวจิ้งเทียนกุมมือของพระมารดาเอาไว้ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะยิ้มให้จ้าวฮวงโหวด้วยสายตาอ่อนโยน

"ไม่ใช่หมอเทวดาที่ไหนหรอกพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นบุตรสาวฝาแฝดของท่านเสนาบดีหลิวเทียนเฉิงพ่ะย่ะค่ะ"

"บุตรสาวของเสนาบดีหลิว?"

"พ่ะย่ะค่ะ นางชื่อหลิวลี่เซียน"

จ้าวจิ้งเทียนเล่าเรื่องราวย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เขาได้พบกับหลิวลี่เซียนให้จ้าวฮวงโหวรับฟัง

"เจ้ารีบตามนางเข้าวังหลวงมาพบแม่เร็วเข้า"

"พ่ะย่ะค่ะ"

จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองชุนหลางองครักษ์คนสนิทของเขา ชุนหลางโค้งกายทำความเคารพก่อนจะก้าวออกไปจากตำหนัก ก่อนจะใช้ผ้าปิดหน้าของเขาเอาไว้เช่นเดิม

"เรื่องใบหน้าของลูกขอให้เสด็จแม่เก็บไว้เป็นความลับก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ"

"ทำไมเล่า เจ้าจะได้ลบคำนินทากล่าวหาที่เหล่าขุนนางหาเรื่องปลดเจ้าไม่เว้นแต่ละวันเสียที"

"เชื่อลูกเถิดพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"

จ้าวฮวงโหวพยักหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อาจขัดใจพระโอรสของพระนางได้

"ยังมีอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ"

"รีบเล่ามาเร็วเข้า"

"เรื่องของเจินเซียง"

"เจินเซียงทำไมหรือ"

จ้าวจิ้งเทียนก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะสูดหายใจเข้าก่อนจะมองพระพักตร์ของจ้าวฮวงโหว

เขาตัดสินใจเล่าเรื่องที่เจินเซียงมีคนรักและพลาดท่าเสียทียินยอมให้ชายหนุ่มผู้นั้น รวมถึงเรื่องที่เหมยไป๋อวี้ข่มขู่เขาที่หอเสี่ยวเอ้อวันนั้น

"เสด็จแม่!!!"

เมื่อจ้าวฮวงโหวได้ยินเช่นนั้น นางพลันล้มทั้งยืนจนจ้าวจิ้งเทียนต้องรีบประคองพระมารดาเอาไว้ ใบหน้าซีดเผือดเหมือนคนไร้สิ้นความหวังของจ้าวฮวงโหว ทำให้เขาเจ็บปวดใจยิ่งนัก

จ้าวฮวงโหวรู้ดีว่าจวนโหวตระกูลเหมยของพระมเหสีรองเหมยนั้น ต้องการทำลายตระกูลเจินของนาง และต้องการปกครองวังหลังแทนนาง นางมั่นใจมาตลอดว่าตระกูลเหมยไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้สำเร็จ

แต่เจินเซียง!!! หลานสาวของนาง ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้เล่า

หรือว่าคราวนี้จะถึงจุดจบที่นางต้องพ่ายแพ้แก่พระมเหสีรองเหมยแล้วจริงๆ งั้นรึ

"ไปตามเจินเซียงมาพบข้า!!!"

หลิวลี่เซียนที่เพิ่งกลับถึงจวนตระกูลหลิว และกำลังจะรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวพลันต้องหยุดชะงัก เมื่อขันทีประจำวังหลวงเดินทางมาประกาศพระราชโองการให้นางเข้าพบจ้าวฮวงโหวอย่างเร่งด่วน หลิวลี่เซียนทั้งตกใจและแปลกใจไม่น้อย จ้าวฮวงโหวต้องการพบนางด้วยเหตุใดกัน

หลังจากที่จัดการเปลี่ยนชุดเรียบร้อย นางก็ตามขันทีเข้าวังหลวงไปท่ามกลางสายตาที่สงสัยใคร่รู้ของหลิวลี่ซือ

ฝ่ายเจินเซียงนั้นนางก็เพิ่งกลับถึงจวนตระกูลเจินได้ไม่นานก็ต้องเดินทางเข้าวังหลวงตามรับสั่งของจ้าวฮวงโหว เมื่อมาถึงวังหลวงเจินเซียงก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหลิวลี่เซียนกำลังเดินลงมาจากรถม้าเช่นกัน

"ลี่เซียน เจ้าเข้าวังมาอีกทำไม ไม่ใช่ว่าเจ้ากลับจวนไปแล้วหรือ?"

"ข้ากลับไปถึงจวนแล้ว แต่มีรับสั่งจากจ้าวฮวงโหวให้ข้าเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วน"

"เจ้าถูกท่านน้ารับสั่งให้เข้าเฝ้าหรือ?"

"เจ้าก็ด้วยเหรอ"

เจินเซียงพยักหน้า ก่อนจะหันไปสบตากับหลิวลี่เซียน ต้องมีเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลแน่นอน ไม่เช่นนั้นจ้าวฮวงโหวคงไม่รับสั่งให้นางทั้งสองเข้าวังพร้อมกันเช่นนี้

ตำหนักจ้าวฮวงโหว

จ้าวฮวงโหวมีรับสั่งให้ขันทีนางกำนัลออกไปให้หมดเหลือเพียงคนที่สนิทและไว้ใจได้เท่านั้น ตอนนี้นางกำลังเอนกายอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

หลิวลี่เซียนและเจินเซียงที่มาถึงรีบคำนับถวายพระพร จ้าวฮวงโหวโบกมือก่อนจะค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้น

"เจ้าคงเป็นธิดาของเสนาบดีหลิวนามว่าหลิวลี่เซียนใช่หรือไม่"

"เพคะจ้าวฮวงโหว"

หลิวลี่เซียนที่ก้มหน้าอยู่เอ่ยตอบคำถามที่จ้าวฮวงโหวถามมาโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น นางก้มหน้ามาตลอดตั้งแต่เดินเข้ามาในตำหนักจนถึงตอนนี้

"เงยหน้าขึ้นให้ข้าดูได้หรือไม่?"

หลิวลี่เซียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองจ้าวฮวงโหวผู้ที่มีใบหน้าเหมือนคุณแม่ของนางในโลกปัจจุบันด้วยความประหม่า

แต่ที่ทำให้นางตกใจยิ่งไปกว่านั้น คือบุคคลที่นั่งอยู่ข้างพระวรกายของจ้าวฮวงโหว คอยประคองพระนางไว้ตลอดเวลา

จิ้นหมิง!!!

จ้าวจิ้งเทียนรู้สึกประหม่าไม่น้อย ความจริงเขาตั้งใจจะบอกนางด้วยตนเอง ไม่อยากให้นางรู้ความจริงเร็วเช่นนี้ แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติเขาจึงจำใจต้องเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตนเอง

สายตาของหลิวลี่เซียนมองมาที่เขาด้วยความสับสนปนเปไปกับความไม่เข้าใจ รอให้จัดการปัญหาตรงนี้เรียบร้อยเขาจะต้องหาทางอธิบายให้นางฟัง

"บุตรสาวฝาแฝดของท่านเสนาบดีหลิวช่างงดงามนัก"

"ขอบพระทัยเพคะ"

"ก่อนอื่นข้าต้องขอโทษเจ้าแทนจิ้นหมิงด้วย ที่เขาไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรกว่าเขาคือองค์รัชทายาท"

หลิวลี่เซียนเพียงเผยรอยยิ้มน้อยๆ ถึงแม้ในใจของนางจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ยังคงไม่แสดงสีหน้าอะไรออกไป

"ขอบใจเจ้ามากที่รักษาบาดแผลบนใบหน้าของจิ้นหมิง ครั้งนี้เป็นความดีความชอบของเจ้า ข้าจะให้คนส่งของขวัญไปที่จวนของเจ้าแล้วกัน"

"ทูลจ้าวฮวงโหว หม่อมฉันไม่ต้องการสิ่งของตอบแทนเพคะ"

จ้าวฮวงโหวที่เริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย มองหลิวลี่เซียนด้วยความสนใจปนเอ็นดู ทำไมกันนะ นางถึงรู้สึกถูกชะตาต้องใจกับสาวน้อยนางนี้อย่างอธิบายไม่ถูก

กูกู คนสนิทของจ้าวฮวงโหวกำลังจะเอ่ยปากเตือนหลิวลี่เซียน แต่ถูกจ้าวฮวงโหวยกมือห้ามเอาไว้ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หลิวลี่เซียน

"เหตุใดเจ้าถึงไม่ต้องการ"

หลิวลี่เซียนเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะก้มศีรษะลง

"ตอนนั้นหม่อมฉันไม่ทราบว่าจิ้นหมิง เอ่อ องค์ชายคือองค์รัชทายาท หม่อมฉันขอประทานอภัยที่ทำการล่วงเกินพระองค์เพคะ"

หลิวลี่เซียนหันไปโค้งกายคำนับจ้าวจิ้งเทียนทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ชิงชิง เจ้าทำความเคารพข้าวันนี้เพื่อเชือดข้าในวันหน้าใช่รึไม่

"หม่อมฉันคิดเพียงว่าได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เพียงเท่านั้น ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนเพคะ"

จ้าวฮวงโหวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นางรับรู้ได้ถึงความจริงใจจากหลิวลี่เซียน

"หากเจ้าไม่รับ ข้าคงไม่บังคับเจ้า"

หลิวลี่เซียนยิ้มน้อยๆ นางไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทนมากไปกว่าการได้ช่วยเหลือคน แต่ที่เหนือความคาดหมายคือ จิ้นหมิง เขาเป็นถึงองค์รัชทายาท

จ้าวฮวงโหวละสายตาจากหลิวลี่เซียนมองไปที่เจินเซียง เจินเซียงที่กำลังปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยความสับสนพลันรู้สึกเย็นวาบเมื่อได้สบตากับจ้าวฮวงโหว

กูกู คนสนิทคนเดิมก้มลงกระซิบที่ข้างกายจ้าวฮวงโหวว่าจะให้คนพาหลิวลี่เซียนออกไปก่อนหรือไม่ นางส่ายหน้าไปมาช้าๆ เรื่องนี้จิ้นหมิงเล่าให้นางฟังแล้ว เด็กสาวผู้นี้ช่างเป็นคนจิตใจดียิ่งนัก ไม่คิดแก่งแย่งและทรยศสหายของตนเอง

"เจินเซียง"

"เพคะ"

"เจ้ามีอะไรจะสารภาพกับข้าหรือไม่"

ประโยคนี้ทำให้เจินเซียงหน้าซีดเผือด นางมองไปที่หลิวลี่เซียนสลับกับจ้าวจิ้งเทียนด้วยความลนลาน

"จนป่านนี้แล้วเจ้ายังคิดจะโกหกข้าหรือ!!!"

"เสด็จแม่ ทรงเย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ"

จ้าวฮวงโหวพยายามสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุด ก่อนจะหันไปมองเจินเซียงอีกครั้ง

"เจ้าลักลอบมีสัมพันธ์กับชายอื่นที่ไม่ใช่จิ้นหมิง!!! เจ้าเป็นว่าที่พระชายา ทำไมถึงได้ทำตัวหมิ่นเกียรติตนเองเช่นนี้!!!"

เจินเซียงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากจ้าวฮวงโหวนางพลันทรุดตัวล้มลงร้องไห้จนขาดสติ หลิวลี่เซียนที่เห็นดังนั้นรีบนั่งลงไปพยุงเจินเซียงเอาไว้

"หม่อมฉันไม่ได้รักเสด็จพี่ ฮือออ หม่อมฉันมีคนรักอยู่แล้ว หม่อมฉันไม่อยากเป็นพระชายา ไม่อยากเป็นเพคะ ฮือออ"

คำพูดเหล่านั้นพรั่งพรูออกจากปากของเจินเซียงก่อนที่นางจะหมดสติไป หลิวลี่เซียนรีบจับชีพจรของเจินเซียงอย่างร้อนใจ ก่อนจะเงยหน้าไปมองจ้าวจิ้งเทียนเพื่อบอกเป็นนัยให้เขาพาเจินเซียงไปพัก

ด้านจ้าวฮวงโหวที่ตอนนี้โมโหอย่างสุดขีดพลันหายใจไม่ทั่วท้องจนรู้สึกหน้ามืดตาลาย หลิวลี่เซียนที่เห็นดังนั้นนางรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปประคองจ้าวฮวงโหว

กว่านางจะรู้ตัวก็เมื่อถูกกูกูคนสนิทของจ้าวฮวงโหวชักสีหน้าใส่ด้วยความไม่พอใจ แต่นางไม่ถือสาอะไร ในใจนางตอนนี้เป็นห่วงจ้าวฮวงโหวที่เหมือนกับคุณแม่ของนางยิ่งนัก

"ถอยไป เจ้าอย่าบังอาจถูกพระวรกายของจ้าวฮวงโหว!!"

"ไม่เป็นไร"

จ้าวฮวงโหวรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยหลังจากที่หลิวลี่เซียนพยายามนวดเบาๆ เมื่อเข้าใกล้นางจ้าวฮวงโหวพลันรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมบางอย่าง เป็นกลิ่นหอมที่ชวนให้สบายกายสบายใจยิ่ง

"ถุงหอมของเจ้าช่างหอมนัก เจ้าได้มาจากที่ใดหรือ ข้าได้กลิ่นแล้วรู้สึกดียิ่ง"

หลิวลี่เซียนยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดถุงหอมที่เอวมาวางไว้ใกล้ๆ หมอนของจ้าวฮวงโหว

"ถุงหอมนี้หม่อมฉันทำขึ้นมาเองเพคะ มีส่วนผสมของดอกไม้รากไม้สมุนไพรจีนเล็กน้อย ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนหน้ามืดยามต้องออกมาทำธุระนอกจวนเป็นเวลานานเพคะ"

จ้าวฮวงโหวพยักหน้าเล็กน้อย แววตายิ่งเพิ่มความเอ็นดูมากขึ้นไปอีกไม่น้อย

"ตำหนักของพระองค์มีพุทราหรือไม่เพคะ?"

"พุทราหรือ"

"เพคะ พุทราช่วยบรรเทาอาการเย็นตามพระวรกาย มีฤทธิ์อุ่นร้อนจะทำให้พระองค์รู้สึกดีขึ้นนะเพคะ"

ความรู้นี้นางได้มาจากคุณพ่อของนางเมื่อชาติที่แล้ว พ่อของนางชอบศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพรโบราณ นางที่ชอบติดตามไปด้วยจึงได้ความรู้ติดตัวมาไม่น้อย

จ้าวฮวงโหวรู้สึกชื่นชมหลิวลี่เซียนในใจไม่น้อย ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของจ้าวจิ้งเทียน เขาลอบยิ้มในใจ ชิงชิง เจ้าช่างเป็นหญิงงามที่น่าค้นหายิ่งนัก

หลังจากที่ส่งหลิวลี่เซียนกลับจวนไปแล้ว จ้าวฮวงโหวได้ให้คนไปตามหมอหลวงมาดูอาการของเจินเซียงก่อนจะส่งนางกลับจวน

"จะทำเช่นไรต่อไปดีพ่ะย่ะค่ะ"

"ตระกูลเหมยต้องการให้บุตรสาวคนรองขึ้นมาเป็นพระชายาเอกของเจ้า เรื่องนั้นข้าไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น ส่วนเจินเซียงคงต้องทูลต่อฝ่าบาทว่านางล้มป่วยหนัก การอภิเษกให้เลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด"

"พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"

"ยังมีอีกเรื่องจิ้นหมิง"

"เรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"

"บุตรสาวเสนาบดีหลิวนางนั้นแม่รู้สึกถูกชะตายิ่ง แม่อยากได้นางเป็นบุตรสาวบุญธรรม"

"อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ?"

"แม่จะให้นางเลื่อนขั้นเป็นกงจู่ องค์หญิงลำดับที่สองต่อจากจ้าวเฟยหยาง เจ้าเห็นเป็นเช่นไร"

จ้าวจิ้งเทียนรู้สึกงุนงงอย่างยิ่ง เขาคาดไม่ถึงว่าเสด็จแม่จะโปรดปรานหลิวลี่เซียนถึงขนาดนี้

"จะทูลเสด็จพ่อว่าเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ"

"เรื่องใบหน้าของเจ้าเปิดเผยเถอะ แม่จะนำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลเสด็จพ่อถึงความดีความชอบของนาง หากวันหน้าเจ้าอยากแต่งนางเป็นชายารอง แม่ก็ไม่ขัดเจ้า"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 24 พิธีอภิเษกสมรส

    หลังจากครบกำหนดที่เจินเซียงกลับมาจากวัดต้าฝู นางได้เดินทางกลับจวนเจ้ากรมกลาโหมเพื่อเตรียมตัวอภิเษกกับจ้าวจิ้งเทียน หนึ่งเดือนต่อมาเมื่อเข้าสู่สายลมแห่งฤดูหนาว ขบวนเจ้าสาวจากตระกูลเจินเจ้ากรมกลาโหมพร้อมสินสอดที่ยาวนับพันลี้ก็ได้เคลื่อนขบวนเข้าสู่วังหลวงหลิวลี่เซียนได้เข้าวังหลวงไปพร้อมกับจวิ้นอ๋องและพระชายาในฐานะพระญาติ ส่วนหลิวลี่ซือไปในฐานะว่าที่คู่หมั้นของจ้าวเฟยหรงองค์ชายรองพิธีอภิเษกสมรสเป็นไปด้วยความราบรื่น จนกระทั่งส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ หลิวลี่เซียนนำของขวัญเป็นปิ่นปักผมทองและเวชสำอางที่นางทำขึ้นเองมอบให้แก่เจินเซียงที่ตอนนี้ได้รับการสถาปนาเป็น 'หวงไท่จื่อเฟย' ตำแหน่งองค์หญิงพระชายา พระชายาเอกในองค์รัชทายาท ด้านจ้าวจิ้งเทียนเมื่อเข้าพิธีอภิเษกแล้วเขาก็ได้รับการสถาปนาเป็น 'หวงไท่จื่อ' องค์รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างชอบธรรม"ยินดีด้วยเพคะหวงไท่จื่อเฟย ขอให้พระองค์ทรงเกษมสำราญเพคะ""ขอบใจเจ้ายิ่งนักลี่เซียน"หวงไท่จื่อเฟยจากตระกูลเจินยิ้มจนตาหยี นางมีความสุขยิ่งนัก นางตั้งใจว่านับตั้งแต่วันนี้นางจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขหลังจากดื่มสุรามงคลและได้ฤกษ์เข้าหอแล้ว เหล่าพระญ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 23 พระราชทานสมรส

    หลังจากที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ เสนาบดีหลิวที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานะเป็นจวิ้นอ๋องก็ได้ย้ายครอบครัวตระกูลหลิวของตนมาพำนักที่จวนอ๋องพระราชทาน ซึ่งเป็นจวนอ๋องที่ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยตั้งใจสร้างเอาไว้เผื่อพระนัดดาทั้งหลายในอนาคตพระชายาจวิ้นอ๋องหลิวลี่หยางยังไม่ค่อยคุ้นชินกับที่อยู่ใหม่มากนัก นางค่อนข้างคิดถึงบ้านเก่าไม่น้อย บางวันจึงกลับไปพักผ่อนที่จวนตระกูลหลิวและรับสั่งให้บ่าวไพร่ดูแลจวนให้ดีจวิ้นอ๋องค่อนข้างปลื้มใจกับบุตรสาวของเขาไม่น้อย เขาได้สอบถามเรื่องราวแต่แรกเริ่มว่าเป็นมาเช่นไร หลิวลี่เซียนสามารถรักษาพระพักตร์องค์รัชทายาทได้อย่างไร หลิวลี่เซียนเองก็เต็มใจเล่าให้ผู้เป็นบิดามารดาฟัง และนางยังได้รู้อีกด้วยว่า แท้จริงแล้วจวนตระกูลหลิวของบิดาเป็นพระญาติใกล้ชิดกับฮ่องเต้มิน่าเล่าทั้งฮ่องเต้และจ้าวฮวงโหวต่างมีใบหน้าเหมือนคุณพ่อคุณแม่ของนาง ที่แท้ก็เป็นบรรพบุรุษของนางนี่เองหลิวลี่ซือลอบเบ้ปากเล็กน้อย นางขี้เกียจจะฟังเรื่องราวพวกนี้ อีกอย่างตอนนี้ตระกูลนางก็ไม่ใช่ขุนนางธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่จะได้เชิดหน้าชูตาขึ้นมาอีกขั้นไม่นานนักข่าวเรื่องอ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 22 คทาหยกหรูอวี้กับราชโองการสองฉบับ

    หลิวลี่เซียนมองฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยด้วยแววตาที่ตกใจไม่น้อย แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นสายตานี้ของนางก็หายไป เหลือเพียงความเคารพที่มีต่อฮ่องเต้พระองค์หนึ่งเท่านั้นภพปัจจุบันเขาอาจจะเป็นพ่อของนาง แต่ในภพนี้เขาเป็นฮ่องเต้ที่สูงส่ง นางต้องให้ความเคารพเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยมองหลิวลี่เซียนด้วยแววตาล้ำลึกครั้งหนึ่งบุตรสาวของเสนาบดีหลิวนางทำไมช่างดูคุ้นตา เหมือนกับว่าเขาเคยพบเจอนางที่ใดมาก่อน"ไปเชิญเสนาบดีหลิวเทียนเฉิงมาพบข้าที่ตำหนัก"ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยเอ่ยพลางสะบัดชายเสื้อมังกรให้ขันทีไปตามเสนาบดีหลิว ก่อนจะหันมามองหลิวลี่เซียนเสนาบดีหลิวรั้งตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง ดูแลเรื่องการจัดเก็บภาษีรายได้ของแผ่นดิน เบิกจ่ายงบประมาณของราชสำนัก เป็นขุนนางตงฉินผู้ซื่อสัตย์น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเสนาบดีหลิวผู้นี้เป็นพระญาติฝั่งมารดาของฮ่องเต้จ้าวชิงเฟย เขาเป็นบุตรชายคนโตของน้องสาวไทเฮาองค์ปัจจุบัน นั่นก็คือมารดาของฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยนั่นเองไทเฮาตระกูลหลิวพระองค์นี้ทรงอภิเษกกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน และได้รับการสถาปนาให้ขึ้นเป็นจ้าวฮวงโหว ก่อนจะมีพระประสูติการพระโอรสนามว่าจ้าวชิงเฟยแล

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 21 จัดการคนชั่ว

    หลังจากที่จับตัวหนิงซานกับหวาเยียนเข้าคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว จ้าวจิ้งเทียนได้ส่งคนไปแจ้งเรื่องราวต่อจ้าวฮวงโหว นางรู้สึกเหมือนดั่งมรสุมใหญ่ได้ลอยหายไปในพริบตา พลันยกยิ้มมุมปาก มเหสีรองเหมย เจ้าไม่มีทางมีชัยชนะเหนือข้าได้หรอกฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยที่กำลังว่าราชการในท้องพระโรงเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น กำลังเดินทางกลับตำหนักมังกร พลันสายตาของเขาได้หันไปพบกับจ้าวจิ้งเทียน พระราชโอรสองค์โตของเขาที่มายืนรออยู่ที่หน้าตำหนัก"ถวายบังคมเสด็จพ่อ"ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยหันไปมองด้านหลังของจ้าวจิ้งเทียน จึงพบเข้ากับเจินเซียงและหญิงสาวอีกหนึ่งคน ดูจากการแต่งกายแล้วคงจะเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางเป็นแน่ หลิวลี่เซียนที่ก้มหน้าตลอดเวลาไม่ได้เงยหน้าไปมอง แต่ก็รับรู้ได้ว่าฮ่องเต้กำลังมองมาที่นางอยู่"เจ้ามีเรื่องอันใดถึงมาพบข้าที่นี่?""ลูกมีเรื่องกราบทูลเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"จ้าวชิงเฟยพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเข้ามาในตำหนัก ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยทรงให้เหล่านางกำนัลขันทีออกไปให้หมดเหลือเพียงราชเลขาคนสนิทเพียงคนเดียว ตอนนี้ภายในตำหนักจึงเหลือคนไม่มาก จ้าวจิ้งเทียนเงยหน้าขึ้นมองเสด็จพ่อของเขาเล็กน้อย"ลูกขอให้เสด็จพ่อทรงเชิญเสด็จแ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 20 เรื่องหลอกลวง

    "ท่านคิดจะทำเช่นไรต่อไปจิ้นหมิง"หลิวลี่เซียนหันไปเอ่ยถามจ้าวจิ้งเทียน ก่อนจะโยนองุ่นที่นางแอบหยิบมาจากหอโคมแดงตอนที่เดินออกมาจากประตูโยนขึ้นและอ้าปากงับมาเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี จ้าวจิ้งเทียนมองหลิวลี่เซียนด้วยสายตาที่เอ็นดูนางไม่น้อย เด็กน้อยผู้นี้ของเขาช่างดูสดใสนัก เขาที่ใช้ชีวิตมาจนอายุสิบแปดปีไม่เคยพบเจอหญิงในใต้หล้าใดที่น่ารักน่าชังเท่านาง"พรุ่งนี้ข้าคงต้องให้เจ้าไปพบเจินเซียงที่จวนเจ้ากรมกลาโหม เจ้าต้องพานางออกมาให้ได้ ข้าต้องการให้เจินเซียงได้พบกับหวาเยียน หลังจากนั้นข้าจะให้นางไปสารภาพผิดกับเสด็จพ่อ แล้วข้าจะเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้น้องสาวของข้าด้วยตนเอง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าเล็กน้อย พ่อหนุ่มคนนี้ช่างรอบคอบจริงๆ"เจ้าพักผ่อนเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่ไปกับข้าในวันนี้""เป็นพระกรุณาเพคะองค์รัชทายาท"หลิวลี่เซียนโค้งกายคารวะ ก่อนจะปิดประตูหน้าต่างใส่หน้าจ้าวจิ้งเทียน เขายกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางคิด นี่นางเคารพเขาจริงๆ งั้นหรือ?จวนเจ้ากรมกลาโหมหลังจากที่แต่งกายเรียบร้อย หลิวลี่เซียนก็ออกจากจวนแต่เช้าเพื่อไปที่จวนเจ้ากรมกลาโหม"ขอโทษที่ไม่ได้แจ้งเจ้าก่อนว่าข้าจะมา""ไม่เป็นไร รีบ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 19 หนุ่มคณิกาและเรื่องหลอกลวง 1-2

    รุ่งเช้าหลิวลี่เซียนไปที่เรือนของฮูหยินลี่หยางเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่เรือนของมารดา ฮูหยินลี่หยางเอ่ยปากชมว่าหม่าล่าที่นางนำมาให้กินนั้นแปลกตาและอร่อยยิ่ง ส่วนหลิวลี่ซือที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยนั้นลอบบิดเบ้มุมปากตนด้วยความริษยาตั้งแต่ที่พี่สาวนางตกน้ำครานั้นก็ดูเปลี่ยนไป เมื่อก่อนนางช่างอ่อนแอและขี้โรคนัก โดนลมเพียงนิดก็ไม่สบายต้องนอนรักษาตัวอยู่ในจวนเป็นนานแรมเดือน แต่ตอนนี้นางดูแข็งแรงไม่เจ็บป่วยไข้เหมือนแต่ก่อน ซ้ำยังดูงดงามสดใสยิ่งน่าถลกหนังหน้านางให้มันพังพินาศไปเสียหลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว หลิวลี่ซือก็เดินออกมาจากเรือนฮูหยินลี่หยาง ก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าออกนอกจวนไปที่หอเป่าชิงเพื่อหาซื้อเครื่องประดับหลิวลี่ซือเป็นคนรักสวยรักงามยิ่ง นางชอบสะสมเครื่องประดับอัญมณีที่งดงามหลากหลายเมื่อเลือกเครื่องประดับได้ตามที่ต้องการแล้ว หลิวลี่ซือเตรียมให้อวี้จู้สาวรับใช้คนสนิทจ่ายค่าเครื่องประดับของนาง แต่ทว่ามีมือปริศนาข้างหนึ่งยื่นมาก่อน"แม่นาง ค่าเครื่องประดับนี้นายของข้าจะเป็นคนจ่ายให้ท่านเอง"หลิวลี่ซือหันไปมองก่อนจะพบกับบุรุษผู้หนึ่ง เขาแต่งกายคล้ายองครักษ์ในวังหลวง"นายของเจ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 18 หนุ่มคณิกาและเรื่องหลอกลวง 1-1

    จ้าวจิ้งเทียนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ชายารองงั้นหรือ หญิงสาวเช่นชิงชิงไม่ใช่คนที่จะพาเข้าวังหลวงมาเป็นภรรยาได้ง่ายดายเช่นนั้น"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ ลูกเชื่อว่าด้วยนิสัยของนางไม่มีทางยอมรับตำแหน่งที่ท่านแม่ทรงมอบให้แน่นอน ตั้งแต่ที่ลูกรู้จักนางมา นางเป็นหญิงสาวที่รักอิสระยิ่งพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าจึงถูกตาต้องใจนาง?"จ้าวจิ้งเทียนหมดคำจะพูด เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกที่มีต่อหลิวลี่เซียน เขากลัวว่านางจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกันกับเขา จ้าวฮวงโหวย่อมต้องอ่านความคิดของจ้าวจิ้งเทียนออก นางยิ้มออกมาเล็กน้อยคล้ายไม่ได้ติดใจอันใดมากนัก"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แม่เป็นคนไม่ชอบบังคับใจใคร เรื่องที่เจ้ารักษาใบหน้าจนหายดีแล้วนั้น ต้องกราบทูลต่อเสด็จพ่อเจ้าเสีย""พ่ะย่ะค่ะ"เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ ความลับที่เขาตั้งใจจะไม่ยอมเปิดเผยก็จำต้องยอมเสียแล้วหลังจากที่กลับจากวังหลวงหลิวลี่เซียนก็เข้าไปพูดคุยเล่นกับเสนาบดีหลิวและฮูหยินลี่หยางเกี่ยวกับเรื่องที่เข้าวังหลวงวันนี้เพียงเล็กน้อย หลิวลี่ซือก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน นางพยายามที่จะถามหลิวลี่เซียนว่าเข้าวังหลวงไปด้วยเหตุใด

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 17 เข้าวังหลวงอย่างเร่งด่วน

    ตำหนักจ้าวฮวงโหวจ้าวจิ้งเทียนคิดไตร่ตรองเรื่องของเจินเซียงมาสักพักก่อนจะเข้าไปขอพบกับจ้าวฮวงโหวเสด็จแม่ของเขา"ถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""ลุกขึ้นเถิด มานั่งข้างแม่เร็วเข้า จิ้นหมิง"จ้าวจิ้งเทียนลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างพระวรกายของจ้าวฮวงโหว เขามองพระพักตร์ของเสด็จแม่ตนเองอย่างลำบากใจเรื่องนี้หนักหนาเกินกว่าเขาจะแก้ไขเองจริงๆ"ว่าอย่างไรจิ้นหมิง""ที่ลูกมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่วันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญสองเรื่องอยากกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ""ไหนเจ้าว่ามาสิ"จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองเหล่านางกำนัลเป็นเชิงให้ออกไปให้หมด ก่อนจะยกมือขึ้นไปปลดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวกับเทพเซียนของเขา รอยแผลบนใบหน้าจางหายไปจนหมดสิ้นแทบไม่ทิ้งร่องรอยใดเหลือไว้ ราวกับว่าไม่เคยมีบาดแผลน่ารังเกียจนั่นอยู่บนใบหน้าของเขามาก่อน"จิ้นหมิง!!! ลูกแม่ นี่เจ้า หมอเทวดารักษาเจ้าจนหายดีแล้วหรือ สวรรค์ช่างเมตตายิ่งนัก!!!"จ้าวฮวงโหวยื่นมือมาจับที่ใบหน้าของจ้าวจิ้งเทียนอย่างดีใจปนตกใจ น้ำตาของนางเอ่อคลออย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จ้าวจิ้งเทียนกุมมือของพระมารดาเอาไว้ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะยิ้มให้จ้าวฮวงโห

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 16 ตัดปีกตระกูลเจิน

    ตำหนักพระมเหสีรองเหมย"ถวายพระพรพระมเหสีรองเพคะ"เหมยฮวาชิงย่อกายทำความเคารพมเหสีรองเหมยท่านอาของนาง พระมเหสีรองเหมยพระองค์นี้เข้าวังมาได้ห้าปีแล้ว แต่ยังไม่มีพระโอรสและพระธิดาแม้สักพระองค์เดียว เพราะสุขภาพของนางค่อนข้างไม่สู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เพราะราชสำนักยังต้องพึ่งพากำลังทางทหารของจวนโหวตระกูลเหมย มเหสีรองเหมยแม้ภายนอกจะดูอ่อนโยน ไม่มีปากมีเสียงกับใคร แต่ลึกๆ ภายในใจของนางซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้ไม่น้อยนางริษยาจ้าวฮวงโหวกับพระสนมเอกยิ่งนัก ทั้งที่พวกนางไม่ใช่คนโปรดของฮ่องเต้สักเท่าใด แต่วาสนากลับทำให้พวกนางมีพระโอรส แล้วนางเล่า นางเป็นที่โปรดปราน แต่สวรรค์กลั่นแกล้งนางถึงเพียงนี้เพราะเหตุใดกัน"รีบลุกขึ้นเถิดหลาน เจ้าไม่ต้องมากพิธีการ""ขอบพระทัยเพคะพระมเหสีรอง"พระมเหสีรองเหมยโบกมือเป็นการไล่บ่าวรับใช้นางกำนัลออกไปจากตำหนักให้หมด เหลือเพียงแม่นมคนสนิทของนางกับเหมยฮวาชิงและชิงฮุ่ย"ท่านอารู้ข่าวของตระกูลเจินรึยังเพคะ"เหมยฮวาชิงเป็นคนเริ่มบทสนทนาเรื่องของเจินเซียงกับพระมเหสีรองเหมยก่อน พระมเหสีรองเหมยยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย พลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status