Share

ตอนที่3

last update Last Updated: 2025-11-10 14:50:57

ตอนที่ 3 || ไท่จื่อเฉินจ้านผู้อ่อนโยน

เช้าวันหนึ่งในต้นฤดูหนาว ท้องฟ้าของมหานครฉงชิ่งแจ่มกระจ่างดุจผืนผ้าไหมที่เพิ่งถูกชะล้างจนสะอาดไร้ฝุ่นหมอก ลมหนาวพัดเอื่อย กลิ่นไม้ฟืนเผาใหม่ลอยคลุ้งคลอเคลียกับกลิ่นดอกเหมยแรกแย้มที่เพิ่งผลิดอกเหนือกำแพงวังหลวง เสียงระฆังยามเช้าจากอารามเต๋าแห่งหนึ่งดังกังวานก้องสะท้อนบนหลังคาเคลือบกระเบื้องเงา ปลุกให้มหานครตื่นขึ้นจากนิทราอันยาวนานของฤดูหนาว

ขบวนรถม้าของไท่จื่อจ้าวเฉินจ้านแล่นผ่านประตูเมืองท่ามกลางสายตาของประชาชนที่ต่างพากันก้มศีรษะให้เกียรติ เสียงลือเรื่องความกล้าหาญของเขาจากเมืองหนานจิ้งยังไม่ทันจางหายองค์ไท่จื่อผู้เสี่ยงชีวิตเข้ารักษาผู้ป่วยโรคระบาดโดยไม่หวั่นต่อความตาย บัดนี้กลับมาสู่นครหลวงอีกครั้งในฐานะบุรุษผู้มีเมตตาดั่งเทพเซียน

ม่านผ้าของรถม้าถูกแหวกออกเบา ๆ เผยให้เห็นบุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ไร้คราบฝุ่นหรือรอยเลือด ผิวพรรณสะอาดราวหยกขาวต้องแสงอรุณ แววตาอบอุ่นทอประกายเมตตา ทุกสายตาที่มองเห็นล้วนต้องหยุดนิ่ง เหมือนต้องมนตร์ของรอยยิ้มเพียงบางเฉียบที่แต้มอยู่บนริมฝีปากสีทับทิมของเขา

เสียงแซ่ซ้องดังทั่วถนน "ไท่จื่อผู้เปี่ยมเมตตา"หรือ"องค์รัชทายาทแห่งต้าเว่ยผู้ทรงคุณธรรม!" เด็กน้อยโปรยกลีบดอกเหมยตามหลังขบวน มารดาและหญิงสาวต่างมองตามด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม บางนางถึงกับยกชายเสื้อขึ้นซับเหงื่อที่ฝ่ามือ ทั้งที่อากาศหนาวเหน็บนัก

จ้าวเฉินจ้านเพียงพยักหน้ารับบ้าง โบกมือเบา ๆ บ้าง กิริยาอ่อนโยนราวกับสายน้ำ ทว่าในแววตาเรียบนิ่งนั้นกลับซ่อนความเย็นเยียบไว้ลึกจนยากอ่านออก เขายิ้มในแบบที่คนทั้งแผ่นดินเชื่อว่าจริงใจ ทั้งที่ในใจเพียงกำลังครุ่นคิดถึงกลเกมการเมืองที่รออยู่เบื้องหน้า

“งดงามและดูมีเมตตาราวท่านเทพลงมาอวยพรปวงประชา” เสียงพ่อค้าคนหนึ่งพึมพำพลางยกมือประสานคารวะ

“อ่อนโยนและหล่อเหล่าราวเทพเซียนสมดังคำร่ำลือ” หญิงชาวบ้านตอบด้วยแววตาเคลิ้มฝัน

แต่ใครเลยจะรู้ว่า ภายใต้ความอ่อนโยนนั้นกลับมีความเงียบงันของมีดสั้นและเข้มพิษซ่อนอยู่

จ้าวเฉินจ้านเป็นบุรุษที่รู้ดีว่าความอ่อนโยนคือเกราะชั้นดีของอำนาจ การแสดงออกอย่างอ่อนโยนทำให้ผู้คนยอมศิโรราบโดยไม่ต้องใช้ดาบฟันจนหลั่งโลหิตสักหยด

เขาคือผู้สืบทอดของราชบัลลังก์คนต่อไปที่มีทั้งเสด็จปู่ เสด็จพ่อ และเสด็จอาผู้มากเล่ห์และโหดเหี้ยม สายเลือดนั้นไม่เคยเจือจางไปจากเขา เพียงแต่เขาเลือกจะซ่อนมันไว้หลังรอยยิ้มเท่านั้นเอง

‘พยัคฆ์ไม่คลอดบุตรเป็นสุนัขฉันใด มังกรย่อมมิใช่ไส้เดือนฉันนั้น’ คำนี้ไม่มีวันผิดสำหรับจ้าวเฉินจ้าน

แม้เขาจะชอบการแพทย์มากกว่าการทหาร แต่คนที่รู้จักเขาดีที่สุดต่างรู้ว่า เขาสามารถใช้พิษสังหารคนได้เงียบงันยิ่งกว่าคมดาบที่ฟาดฟันจนโลหิตสาดกระเซ็นเสียอีก เขามิใช่บุรุษที่ลงมือโดยไร้เหตุผล แต่เมื่อคิดลงมือแล้ว...

...ไม่มีทางให้ผู้ใดได้ลมหายใจกลับคืน

ข่าวลือเล่าขานว่าเขาเคยช่วยชีวิตขุนนางอาวุโสต้องสงสัยว่ามีใจคิดกบฏที่ป่วยหนัก แต่คนผู้นั้นกลับตายในอีกเจ็ดวันโดยไร้ร่องรอยพิษ มีเพียงกลิ่นหอมบาง ๆ จากยาสมุนไพรที่เฉินจ้านปรุงให้ติดอยู่ในลมหายใจสุดท้ายของเขาไม่มีหลักฐาน ไม่มีใครกล้าสงสัย และไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงอีก

‘เขาน่ะ น่ากลัวกว่าสามบุรุษแห่งต้าเว่ยรวมกันเสียอีก’ นั่นคือคำของแม่ทัพเก่าผู้หนึ่งที่สาบานว่าจะไม่หันหลังให้องค์ไท่จื่อหนุ่มแม้เพียงชั่วลมหายใจ

ขบวนรถม้าหรูหราหยุดลงตรงหน้าตำหนักบูรพา เมื่อม่านรถเปิดออก บุรุษสูงโปร่งในอาภรณ์ขาวก้าวลงมาด้วยท่วงท่าสง่า เส้นผมดำสนิทยาวสลวยถูกรวบไว้ด้วยปิ่นหยก เขาเหยียบพื้นหินเย็นชื้นด้วยความมั่นคง แววตาคมปลาบเพียงปรายมองชั่วขณะเดียวทำให้บ่าวไพร่ที่รอต้อนรับต่างก้มหน้าคุกเข่า

“ถวายพระพรองค์ไท่จื่อ ขอต้อนรับไท่จื่อกลับสู่ตำหนักบูรพา!” เสียงพร้อมเพรียงดังก้องราวสายฟ้าแลบกลางฤดูหนาว

เฉินจ้านเพียงยกมือเรียบง่าย พลางกล่าวเสียงเรียบ“ลุกขึ้นเถิด แล้วแยกย้ายไปทำหน้าที่ของพวกเจ้า เปิ่นไท่จื่อจะพักผ่อน”

ทุกคนรีบค้อมศีรษะ ถอนตัวอย่างระมัดระวังราวกลัวเหยียบเงาพระองค์ เหลือเพียงขันทีอาวุโสผู้หนึ่งรูปร่างผอมสูง ใบหน้าเรียว เขาคือ เฉากงกง หรือเฉาเซิ่ง ขันทีผู้ติดตามไท่จื่อมาตั้งแต่แรกประสูติ

เฉาเซิ่งก้าวออกมาสาวเท้าสามก้าว โค้งกายลงต่ำ “ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะไท่จื่อ ฝ่าบาทกับไท่ซ่างหวงทรงมีรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าที่ตำหนักเฉียนชิงทันทีที่เสด็จถึง”

เฉินจ้านเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตานิ่งสนิท “ให้เปิ่นไท่จื่อพักสักครู่มิได้เชียวหรือ”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีตอบเสียงเบา แต่เสียงนั้นสั่นจนแทบไม่กล้าหายใจต่อหน้าชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์กว่าอายุของตนถึงสิบแปดปี

เฉินจ้านนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นไม่ดัง แต่กลับเย็นยะเยือกอย่างประหลาด “ได้ เช่นนั้นก็ไปเข้าเฝ้าเสด็จอากับเสด็จปู่พร้อมท่านเดี๋ยวนี้... แต่...”

คำว่า “แต่” ทำให้เฉาเซิ่งถึงกับชะงัก

ไท่จื่อหนุ่มโน้มกายลงใกล้ขันทีที่เขาเคารพเสมือนบิดาคนที่สอง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มละไม แต่ในแววตากลับซ่อนประกายลึกลับ

“แต่เฉากงกงต้องเล่าให้เปิ่นไท่จื่อฟังเสียก่อน ว่าเหตุใดจึงเร่งร้อนเรียกเปิ่นไท่จื่อกลับจากหนานจิ้งราวกับเกิดเพลิงไหม้เช่นนี้”

เฉาเซิ่งหน้าเปลี่ยนสี “เอ่อ...” เสียงนั้นติดขัด มือที่กุมแส้ขนหางม้าอยู่เริ่มสั่น กว่าจะรู้ตัวว่าตนหลงกลก็เมื่อสายเกินไปเขามักลืมเสมอว่าไท่จื่อผู้นี้หาใช่เด็กชายที่เคยซุกหน้าซบตักตนเมื่อครั้งยังเยาว์อีกต่อไปแล้ว

เขาเติบโตเป็นมังกรหนุ่มเต็มตัวงดงามแต่ร้ายลึกเต็มไปด้วยเล่ห์กลและพิษร้ายซุกซ่อนเอาไว้รอบกาย

เฉินจ้านยืดกายตรงอีกครั้ง สีหน้ายังคงยิ้มละไมราวกับเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น “ไปเถิด” เสียงของเขานุ่มทว่าแฝงแรงกดดันจนเฉาเซิ่งรีบก้มศีรษะอีกครั้งก่อนถอยหลังออก

ทันใดนั้นลมหนาวพัดกลีบดอกเหมยปลิวว่อนเข้ามาในลานหิน ขณะไท่จื่อก้าวขึ้นรถม้าอีกครั้ง เสียงม้าฮึดฮัดเบา ๆ คล้ายรับรู้ความเย็นเฉียบที่ไม่ใช่จากฤดู หากแต่เกิดจากบุรุษผู้ก้าวขึ้นรถอีกคราต่างหาก

ด้านในรถม้ามีกล่องไม้ไผ่ใบเล็กวางอยู่ มันบรรจุเข็มเงินและขวดยาพิษที่เขาปรุงเองอาวุธของหมอผู้ไม่จำเป็นต้องมือเปื้อนโลหิตคนชั่ว

เฉินจ้านหยิบเข็มเล่มหนึ่งขึ้นมา หมุนเล่นในมือ แววตาเรียบสนิท“เสด็จปู่ เสด็จอา... พวกท่านเร่งเรียกข้ากลับ คงมีเรื่องสนุกให้ดูอีกกระมัง”

ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มจาง ๆ รอยยิ้มนั้นละม้ายความอ่อนโยนของเทพเซียน...แต่แฝงไว้ด้วยพิษสงของมังกรที่พร้อมกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางทางราชบัลลังก์

กลิ่นหอมของดอกเหมยยังลอยอ้อยอิ่ง แต่ในกลิ่นหอมนั้นมีแววเลือดเจือจางที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชังได้ท่านชังไป!   ตอนที่5

    ตอนที่ 5 || ขอเลือกทางที่สามลมเย็นต้นฤดูวสันต์พัดเอื่อยผ่านลานหินอ่อนหน้า ตำหนักเฉียนชิง กลิ่นชาหอมกรุ่นลอยคลุ้ง เดิมทีควรเป็นบรรยากาศผ่อนคลายแต่บัดนี้กลับตึงเครียดอย่างหนักเพราะทายาทรุ่นต่อไปปฏิเสธการแต่งงานที่มังกรทั้งสองรุ่นตั้งใจกำหนดให้ไท่ซ่างหวงเอนหลังบนเก้าอี้แกะสลักมังกรเก้าเล็บ แววตาเรียบเฉยใต้คิ้วขาวจับจ้องหลานชายคนโปรดที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ส่วนเฉินจ้านเขากลับยืนสง่าไม่หลบตาทั้งเสด็จปู่และเสด็จอาผู้เป็นฮ่องเต้ มือทั้งสองข้างกำแน่นแนบข้างลำตัว“หึ! หากเจ้าจะยกเรื่องมารดาของเจ้ามาพูด เช่นนั้นข้าก็จะพูดให้กระจ่าง สตรีที่ทำร้ายมารดาจนตายเป็นบิดาของเจ้าที่ดื้อรั้นจะแต่งนางให้ได้ หากเจ้าดื้อดึงนี่มิใช่เจ้าอาจเดินรอยตามบิดาของเจ้าหรืออาจ้าน”จ้าวเหยียนจ้งที่รู้เรื่องในอดีตดีกว่าหลานชายกล่าวเสียงนิ่ง พลันภาพในอดีตก็หวนมาให้เขาเจ็บใจ เพราะหากเขาหนักแน่นไม่ยอมอ่อนข้อให้บิดาของเฉินจ้าน เหตุการณ์คงไม่จบลงเช่นนั้นแน่ ดังนั้นคราวเขาจะไปมีทางอ่อนข้อให้หลายรักเป็นแน่ สตรีเช่นเจียงเพ่ยหยูมันนางอสรพิษ!“ใช่แล้วจ้านเอ๋อ เสด็จอาเข้าใจเจ้านะเจ้าอายุยังน้อยย่อมเอาความรักชายหญิงเป็นที่ตั้งแต่เจ้า

  • ชังได้ท่านชังไป!   ตอนที่4

    ตอนที่ 4 ||เกิดในราชวงศ์เดิมก็ไม่ง่ายแสงอาทิตย์ยามเฉินเพิ่งส่องลอดม่านไหมบาง ๆ เข้าสู่ตำหนักเฉียนชิง กลิ่นกำยานหอมอ่อนลอยคลุ้งทั่วห้องโถง หยกขาวบนพื้นส่องแสงสะท้อนอ่อนโยน ขันทีน้อยสิบกว่าคนหมอบอยู่เรียงรายสองฝั่ง บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างมั่นคงจ้าวเฉินจ้านไท่จื่อแห่งต้าเว่ยเดินเข้ามาอย่างสงบนิ่ง แม้ยังไม่ทันเอ่ยคำ แต่สายตาทุกคู่ในตำหนักล้วนจับจ้องอยู่ที่เขาผู้เดียว วันนี้เป็นวันพิเศษถึงขั้นที่เฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ งดประชุมขุนนางในยามเช้า เพื่อร่วมอยู่ในที่เฝ้ากับไท่ซ่างหวงเพียงเพื่อรอหลานชายคนโปรดของราชวงศ์ภายในห้องพักผ่อนส่วนพระองค์ มีไท่ซ่างหวงในอาภรณ์ไหมสีดำปักลายดิ้นทองนั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้มังกรโอ่อ่า ใบหน้าแม้เต็มไปด้วยร่องรอยวัยชรา แต่แววตาคมปลาบยังฉายอำนาจเหนือผู้คนราวพญาอินทรี ส่วนตรงกันข้ามนั้นคือ เฟิ่งสุ่ยตี้อ๋อง ฮ่องเต้ผู้ครองราชย์มาสิบเจ็ดปี เขาอยู่ในอาภรณ์น้ำเงินเข้มตรงหน้าอกปักลวดลายมังกรคำรามสีทองอร่าม สีหน้าของหนุ่มใหญ่วัยต้นสี่สิบเรียบเย็นแต่แฝงความเอ็นดูคิดถึงหลานชายที่เขารักยิ่งกว่าบุตรตนเองเหตุผลนั้นไม่มีอันใดมาก เพราะจ้าวเฉินจ้านเกิ

  • ชังได้ท่านชังไป!   ตอนที่3

    ตอนที่ 3 || ไท่จื่อเฉินจ้านผู้อ่อนโยนเช้าวันหนึ่งในต้นฤดูหนาว ท้องฟ้าของมหานครฉงชิ่งแจ่มกระจ่างดุจผืนผ้าไหมที่เพิ่งถูกชะล้างจนสะอาดไร้ฝุ่นหมอก ลมหนาวพัดเอื่อย กลิ่นไม้ฟืนเผาใหม่ลอยคลุ้งคลอเคลียกับกลิ่นดอกเหมยแรกแย้มที่เพิ่งผลิดอกเหนือกำแพงวังหลวง เสียงระฆังยามเช้าจากอารามเต๋าแห่งหนึ่งดังกังวานก้องสะท้อนบนหลังคาเคลือบกระเบื้องเงา ปลุกให้มหานครตื่นขึ้นจากนิทราอันยาวนานของฤดูหนาวขบวนรถม้าของไท่จื่อจ้าวเฉินจ้านแล่นผ่านประตูเมืองท่ามกลางสายตาของประชาชนที่ต่างพากันก้มศีรษะให้เกียรติ เสียงลือเรื่องความกล้าหาญของเขาจากเมืองหนานจิ้งยังไม่ทันจางหายองค์ไท่จื่อผู้เสี่ยงชีวิตเข้ารักษาผู้ป่วยโรคระบาดโดยไม่หวั่นต่อความตาย บัดนี้กลับมาสู่นครหลวงอีกครั้งในฐานะบุรุษผู้มีเมตตาดั่งเทพเซียนม่านผ้าของรถม้าถูกแหวกออกเบา ๆ เผยให้เห็นบุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ไร้คราบฝุ่นหรือรอยเลือด ผิวพรรณสะอาดราวหยกขาวต้องแสงอรุณ แววตาอบอุ่นทอประกายเมตตา ทุกสายตาที่มองเห็นล้วนต้องหยุดนิ่ง เหมือนต้องมนตร์ของรอยยิ้มเพียงบางเฉียบที่แต้มอยู่บนริมฝีปากสีทับทิมของเขาเสียงแซ่ซ้องดังทั่วถนน "ไท่จื่อผู้เปี่ยมเมตตา"หรือ"อง

  • ชังได้ท่านชังไป!   ตอนที่2

    ตอนที่ 2 ||สตรีเย็นชาแห่งอารามเมี่ยวจิงทิวเขาเหยียนซานยามเช้าอาบด้วยแสงตะวันแรก ดอกเหมยป่าบานสะพรั่งเกาะไอหมอกสีเงินที่คลี่คลุมตลอดแนวเขา เสียงระฆังจากอารามนางชี ‘เมี่ยวจิง’ ที่ตั้งอยู่บนไหล่เขา คนละด้านกับวัด ไถ่เหยียนซาน ดังก้องกังวานไปทั่วหุบเขาร่างเล็กของสตรีวัยสิบเจ็ดปีก้าวออกจากเรือนเล็กด้านหลังอารามด้วยกิริยาสงบด้านหลังนางมีสาวใช้หนึ่งคนติดตาม ร่างอรชรนั้นสวมชุดสีเทาเรียบง่ายตัดเย็บจากผ้าฝ้ายทอมือดูสะอาดสะอ้านม่านผมดำขลับของนางถูกรวบขึ้นเรียบร้อยปักด้วยปิ่นไม้จันทน์หอมเอาไว้ครึ่งศีรษะ ปล่อยเสียครึ่งศีรษะ เงางามยามที่นางเคลื่อนไหว ใบหน้านวลเนียนราวหยกสลักงดงามราวจันทร์ฉายในคืนเพ็ญ แต่ความงดงามของนางลดลงเสียสามในสิบส่วนเพราะนางวางสีหน้าสงบนิ่งจนยากจะคาดเดาอารมณ์หรือความคิด นางดูเย็นชาราวสตรีที่ตัดแล้วซึ่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาร่างอรชรมาหยุดที่ด้านหน้าศาลาทรงแปดเหลี่ยมข้างอารามทิศใต้ ที่ด้านในมีบุรุษสูงวัยนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงกลม ที่ตรงหน้าเขามีโต๊ะหินเรียบง่าย ที่วางป้านน้ำชาและถ้วยชา กับกระดานหมากล้อมพร้อมโถใส่เม็ดหมากสองโถ“ให้นางเข้ามาเถิด”เสียงทรงอำนาจนั้นถึงจะสูงวัยแล้ว แต่

  • ชังได้ท่านชังไป!   ตอนที่1

    ตอนที่ 1||สองมังกรหาลือต้นยามซวีลมหนาวจากทิศเหนือพัดกรูเข้าสู่มหานครฉงชิ่ง อาณาจักรต้าเว่ย เป็นสัญญาณบอกว่าฤดูหนาวกำลังมาเยือนอีกครา...ใต้แสงโคมแดงที่ไหวระริกในตำหนักจื่อเฉินในวังหลวงส่วนหน้า จนบังเกิดเงาสะท้อนบนผนังเป็นภาพแกะสลักแล่นไหวราวกับสัตว์เทพเหล่านั้นกำลังขยับเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวาภายในโถงกว้างของตำหนักบัดนี้กลับไร้เสียงผู้คน ขันทีและมหาดเล็กถูกขับออกไปหมดสิ้นโดยเฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ มังกรผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน บรรยากาศจึงสงบและเป็นส่วนตัวในห้องในยามนี้มีสองร่างที่นั่งเผชิญหน้ากันบนเก้าอี้ไม้สลักมังกร ตรงกลางคือโต๊ะไม้แกะสลักมังกรคาบลูกแก้วสวรรค์ กลางโต๊ะมีป้านน้ำชาวางอยู่ ผู้หนึ่งวัยราวสามสิบตอนปลาย อีกผู้ราวหกสิบปีทั้งสองบุรุษ จะเป็นใครไปได้หากมิใช่ เฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ ‘จ้าวเจิ้งหรง’ และพระบิดาของเขา ‘จ้าวเหยียนจ้ง’ ไท่ซ่างหวง เอกบุรุษผู้เป็นใหญ่ยิ่งกว่าฮ่องเต้ ทั้งสองขณะนี้กำลังนั่งเผชิญหน้าโดยมีชุดป้านน้ำชากับกระดานหมากล้อมอยู่ตรงกลางแม้เหยียนจ้งจะล่วงเลยเข้าสู่วัยชรา แต่ดวงเนตรยังคมกริบราวเหยี่ยวเฒ่า แฝงอำนาจที่ทำให้แม้แต่โอรสอย่างเฟิ่งสุ่ยตี้ฮ่องเต้ยังต้องสำรวมกิริยายา

  • ชังได้ท่านชังไป!   บทนำ

    บทนำ||สตรีลึกลับท้องฟ้ายามพลบค่ำขมุกขมัว กลิ่นดินหลังฝนตกใหญ่ยังลอยคละคลุ้งในอากาศ เสียงขบวนรถม้าจำนวนหลายสิบคันกำลังมุ่งหน้าลงใต้ เสียงเกือบม้าเหยียบย่ำลงบนถนนดินขรุขระซึ่งมีแอ่งน้ำขังเป็นตะหลุก“หม่าจงเจ้าไปเร่งท้ายขบวนหน่อยใกล้ค่ำแล้ว แถวนี้บรรยากาศไม่ดี”บุรุษบนหลังอาชาพ่วงพีสีดำสนิทตะโกนสั่งบุรุษอีกคนซึ่งขี่ม้าตีคู่อยู่ด้านข้างรถม้าคันโต ชายผู้นั้นรับคำสั่งแล้วบังคับบังเหียนพาม้าย้อนกลับไปยังท้ายขบวน ยิ่งดวงอาทิตย์จวนอัสดงบรรยากาศพลันเย็นยะเยือกขบวนดังกล่าวกำลังเคลื่อนผ่านช่องทางคับแคบ สองด้านเป็นภูผาขนาบ เส้นทางทอดยาวกว่าสิบลี้ดูอันตรายจนผู้คุ้มกันต่างระวังภัย พอท้ายขบวนเข้ามาอยู่ในช่องเขาคับแคบเสียงโห่คำรามจะดังลั่น“ฆ่าให้สิ้น! แล้วปล้นเอาทรัพย์พวกมันมาให้หมด!”ก้อนหินใหญ่ถูกปล่อยให้กลิ้งลงมาขวางเส้นทางด้านหน้าและปิดท้ายขบวน รถม้าคันหน้าสุดถูกบังคับให้หยุดกึกพร้อมเสียงม้ากรีดร้องเสียงแหลมสูง ทุกชีวิตพลันชักกระบี่ออกมาเตรียมสู้ตายทันที แล้วกองโจรกว่าร้อยชีวิตก็ถาโถมลงมาจากยอดทิวเขาด้านบนสองฟากเขา ร่างสกปรกเต็มไปด้วยรอยสัก หน้าตาถมึงทึง แววตาเปี่ยมด้วยความกระหายในเลือดเนื้อและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status