บทที่ 1.2
กลับบ้านเดิม
“ครอบครัวเดียวกันอะไร น้องสามีเจ้าแต่งออกไปแล้วก็นับเป็นคนนอก อย่าได้มาคิดยุ่งเกี่ยวกับเงินทองในบ้านเชียว ไม่อย่างนั้นแม้แต่ที่ซุกหัวนอนพวกเราก็ไม่อนุญาตให้เจ้าอยู่”
เสวี่ยชิงเยี่ยนได้ยินคำดูแคลนของจ้าวซูซินก็กำมือแน่น สองตาแดงก่ำ ตั้งแต่เล็กเพราะนางเป็นบุตรีของภรรยาเอก ส่วนพี่ชายเป็นบุตรชายของภรรยารอง ทำให้ไม่คุ้นเคยสนิทสนมกันอย่างที่พี่น้องควรจะเป็น แต่ที่ผ่านมานางก็มองอีกฝ่ายเป็นพี่ชายเสมอ แม้แต่ตำแหน่งขุนนางขั้นห้าของเขาในตอนนี้ก็เป็นนางที่ร้องขอสามีให้ทูลขอพระราชทานมาให้ ไม่คิดว่าสุดท้ายกลับได้รับผลตอบแทนเช่นนี้
“ตามกฎหมายของต้าเซี่ยเล่มที่สามสิบสอง บทที่หก กล่าวว่าหากสามีตาย ไร้ญาติผู้ใหญ่ให้พึ่งพา ไร้บุตรชายให้พึ่งพิง สตรีต้องกลับคืนตระกูลเดิม สัดส่วนสมบัติและมรดกก็จะถูกจัดแบ่งอย่างเหมาะสมเท่าเทียมกับบุตรคนอื่น ๆ พี่สะใภ้เล่าเรียนในหอเฟยเซียนมาหลายปีเรื่องพวกนี้หลงลืมไปหมดแล้วหรือ”
เสวี่ยชิงเยี่ยนในอดีตไม่เพียงเป็นบุตรีภรรยาเอกของท่านราชครู ยังนับเป็นสตรีอันดับหนึ่งที่ผู้คนยกย่อง ด้วยเพียบพร้อมทั้งศักดิ์ฐานะ มารยาท คุณธรรม และความรู้ หากไม่เพราะมีใจรักมั่นเพียงแม่ทัพเมิ่ง ตำแหน่งฮองเฮาในวันนี้นางก็สามารถครอบครองได้
“บังอาจ!”
เพียะ!!! เสียงฝ่ามือหนาของเสวี่ยเกาเยี่ยนฟาดลงบนใบหน้าของน้องสาวต่างมารดาจนคนล้มลง เมิ่งหว่านชิงรีบเข้าไปประคองคนเป็นแม่ ให้ลุกขึ้น ในใจอยากชักกระบี่สั้นในอกออกมาแทงคนตรงหน้าให้ตกตายเสียเดี๋ยวนี้ แต่เพื่อการใหญ่และอิสรภาพอันแท้จริงของนางและมารดา ความคับแค้นใจนี้จึงจำต้องอดทนเอาไว้
“เสวี่ยชิงเยี่ยน! เจ้ากล้าพูดจาใหญ่โตใส่ภรรยาของข้าผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเชียวหรือ”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบัน ก็ทำหนังสือขับข้าออกจากตระกูลเถิด ข้า... เสวี่ยชิงเยี่ยนให้สัญญาว่าสมบัติแม้แต่ชิ้นเดียวของตระกูลเสวี่ยข้าก็จะไม่หยิบเอาไป”
“เสวี่ยชิงเยี่ยน!!! เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ!”
ตั้งแต่เล็กเพราะเสวี่ยชิงเยี่ยนมีฐานะเป็นลูกสาวของฮูหยินเอก ส่วนเขาเป็นเพียงบุตรชายของฮูหยินรอง ทั้งที่เป็นบุตรชายคนโตเพียงคนเดียวของตระกูล ทว่ายามพบหน้านางกลับต้องก้มหัวไว้หน้าให้ถึงแปดส่วน เป็นที่น่าอับอายต่อผู้คน ฝังใจเสวี่ยเกาเยี่ยนมาหลายปี ครั้งนี้ได้เห็นนางตกต่ำต้องก้มหัวให้ตนแม้ในใจจะเสียดายสมบัติตระกูลเมิ่ง แต่ก็รู้สึกสมใจอยู่ไม่น้อย
“เสวี่ยชิงเยี่ยน วันนี้ข้าขอใช้ฐานะของผู้นำตระกูลเสวี่ยขับเจ้า...”
“ไม่ได้!”
ในจังหวะที่เสวี่ยเกาเยี่ยนกำลังจะเอ่ยประโยคที่เมิ่งหว่านชิงรอคอย จ้าวซูซินก็เข้ามารั้งแขนเอ่ยขัดเขาขึ้น ก่อนจะกระซิบเสียงเบาสองสามประโยค สีหน้าของเสวี่ยเกาเยี่ยนก็เปลี่ยนไปในทันที
“ได้! เห็นแก่ที่พี่สะใภ้ของเจ้าขอร้อง เรื่องขับออกจากตระกูลข้าก็จะละเว้นให้ แต่เมื่อครู่เจ้าไม่เคารพผู้อาวุโสนับว่าทำผิดกฎบ้าน ลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพชนสามวัน เพื่อสำนึกผิด!”
พูดจบสองสามีภรรยาก็เดินจากไป เมิ่งหว่านชิงแม้จะหงุดหงิดที่แผนการไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ แต่อย่างน้อยก็ได้ทำให้มารดาของนางตาสว่างเห็นธาตุแท้ของสองสามีภรรยาคู่นี้เร็วขึ้น กล่าวได้ว่าลงแรงไปครั้งนี้ไม่ได้กำไรแต่ก็ไม่นับว่าขาดทุน
ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนนางจะต้องหาทางช่วยมารดาให้รอดพ้นจากแผนการร้ายของจ้าวซูซินให้ได้
เสวี่ยชิงเยี่ยนประคองบุตรีเข้าไปที่โถงบรรพชน ทันทีที่ดวงตากลมโตมองเห็นป้ายวิญญาณของบิดาและมารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว สองตาก็พลันแดงก่ำแสบร้อน หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้ม
“ท่านแม่”
เมิ่งหว่านชิงสัมผัสได้ถึงความเศร้าใจของมารดาจึงเอ่ยเรียกเสียงปลอบโยน เสวี่ยชิงเยี่ยนยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนหน้าออก ก่อนจะประคองบุตรสาวนั่งลงคุกเข่าบนฟูกรองด้านหน้า
“ธูปเจ้าค่ะฮูหยิน”
เจียงซิน เป็นสาวใช้ติดตามจากบ้านเดิม เติบโตมาพร้อมกับเสวี่ยชิงเยี่ยน ดังนั้นจึงรู้ใจผู้เป็นนายมากที่สุด ไม่ต้องเอ่ยปากธูปก็ถูกจุดมาให้คนทั้งสอง
เมิ่งหว่านชิงมองสาวใช้คนสนิทของมารดาแล้วชวนให้คิดถึงฮูหยินเอกตระกูลกู้ด้วยความคับแค้นใจ
เพราะมารดาของนางกับสาวใช้เจียงซินผู้นี้มีความผูกพันรู้ใจกันอย่างลึกซึ้ง หลังจากที่มารดาแต่งเข้าจวนตระกูลกู้ เจียงซินจึงถูกเหลียงฮุ่ยหลินภรรยาเอกของกู้เฉินโม่นำมาใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่เสวี่ยชิงเยี่ยนอยู่เสมอ
สุดท้ายเพราะไม่อยากเป็นภาระให้ผู้เป็นนายเจียงซินจึงได้ปลิดชีพกระโดดน้ำตาย กลายเป็นความเสียใจของเสวี่ยชิงเยี่ยนตลอดชีวิต
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกพาชิงเอ๋อร์มากราบไหว้พวกท่าน”
เมิ่งหว่านชิงก้มลงกราบไหว้บรรพบุรุษพลางขมวดคิ้วขบคิด ในอดีตเพราะต้องการทรัพย์สินของตระกูลเมิ่ง ดังนั้นในช่วงแรกเสวี่ยเกาเยี่ยนและภรรยาจึงดูแลนางกับมารดาเป็นอย่างดี เหตุการณ์ในวันนี้จึงไม่ได้เกิดขึ้นและไม่รู้ว่าจะกระทบต่อเรื่องราวใดในภายหน้าบ้าง
ทว่ากระทบแล้วอย่างไร นางรู้อนาคตก็เพื่อเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เดินซ้ำหนทางเดิม
..................................................
เมื่อครู่ท่านอ๋องกำลังยิ้มหรือ... เป็นไปได้อย่างไร“อ่อ... ที่แท้ก็เป็นการลงโทษตามกฎบ้านตระกูลเสวี่ยนี่เอง”“เจ้าค่ะ ท่านลุงบอกว่าท่านแม่ไม่เคารพผู้อาวุโส ลบหลู่ท่านป้าสะใภ้”“ผู้อาวุโส? หากลำดับดูแล้วมารดาของนางเป็นบุตรีในภรรยาเอกของท่านอาจารย์ ส่วนฮูหยินของท่านเป็นสะใภ้ของบุตรชายจากภรรยารอง ท่านเสวี่ยดูเหมือนท่านจะลำดับความอาวุโสผิดไปหน่อยนะ”“เป็นกระหม่อมที่เลอะเลือน ขอท่านอ๋องโปรดอภัย”“พี่ชายกล่าวผิดแล้ว หากท่านแม่เป็นผู้อาวุโสของจวนทำไมท่านป้าสะใภ้ถึงได้จัดเรือนเล็กด้านหลังให้พวกเราพัก ไม่ใช่เรือนหลักด้านหน้าเล่าเจ้าคะ”“โอ้ว! ยังให้อยู่ที่เรือนเล็กด้านหลังด้วย กฎบ้านท่านเสวี่ยช่างเยี่ยมยอดจริงๆ”“ข้าเองก็คิดเหมือนพี่ชาย กฎบ้านเสวี่ยยอดเยี่ยมมากจริงๆ บางเรื่องก็ชวนให้ข้ารู้สึกสับสน”“รู้สึกสับสนอย่างนั้นหรือ”รุ่ยอ๋องเอ่ยถามเสียงสูง พลางหันมามองเด็กหญิงตรงหน้าในใจนึกอยากรู้ว่าอีกฝ่ายยังมีละครฉากใดที่ต้องการแสดงให้เขาดูอีก“เจ้าค่ะ ตอนที่ข้ากับท่านแม่มาถึงท่านลุงใหญ่ถามถึงสินเดิมและสมบัติของตระกูลเมิ่งบอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่พอข้าบอกว่าตระกูลเมิ่งไม่มีทรัพย์มีเพียงหนี้สิ
บทที่ 2.1ทวงคืนสถานะเมิ่งหว่านชิงหยุดเท้าที่ริมสระบัว ก่อนจะทอดสายตามองไปยังศาลาแปดเหลี่ยมซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในความทรงจำเดิมวันนี้ รุ่ยอ๋อง หรือ องค์ชายเก้าหยางเทียนอี้ น้องชายคนโปรดของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะมาที่จวนเสวี่ยเพื่อคุยเรื่องงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตกับเสวี่ยเกาเยี่ยน ริมฝีปากบางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จดจ้องสายตาไปยังบุรุษวัยยี่สิบต้นๆ ผู้มีรูปร่างโดดเด่น ท่าทีสง่างาม แม้ไม่เคยหน้าแต่เมิ่งหว่านชิงก็คาดเดาได้ในทันทีจะว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นรุ่ยอ๋องอย่างแน่นอน เท้าเล็กขยับเตรียมกระโจนลงสระบัว ทว่ากลับถูกอวี้หรุนสาวใช้ข้างกายจับแขนเอาไว้เสียก่อน“คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ”“สั่งสอนคนที่รังแกท่านแม่ของข้าอย่างไรเล่า”พูดจบก็สลัดแขนจากสาวใช้กระโจนลงสระบัวในทันที โดยจงใจทิ้งตัวให้เสียงกระแทกน้ำดังก้องไปทั่วทั้งสวน เพื่อดึงสายตาของคนในศาลาข้างสระฝั่งตรงข้าม“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”อวี้หรุนขมวดคิ้วเล็ก นางจำได้ว่าคุณหนูของตนไม่เพียงเชี่ยวชาญการขี้ม้า ยิงธนู ฟันดาบ เรื่องว่ายน้ำนี้ก็ชำนาญไม่แพ้ผู้ใด เหตุใดตอนนี้จึงทำท่าราวกับจะจมน้ำเล่าหรือว่าคุณหนู... นางจะเป็นตะคริวไม่คิดให้มากความอวี้หรุนก
บทที่ 1.3กลับบ้านเดิม“ใกล้ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ฮูหยินกับคุณหนูโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรับอาหารที่ห้องครัว อวี้หรุนฝากดูแลฮูหยินกับคุณหนูด้วย”“อืม! ไม่ต้องห่วง ข้ารับรองว่าจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องฮูหยินกับคุณหนูแน่นอน”อวี้หรุน สาวใช้ติดตามจากจวนแม่ทัพเมิ่งบอกด้วยน้ำเสียงเจือความขุ่นเคืองใจ เมื่อเช้านี้ตอนที่มาถึงจวนตระกูลเสวี่ย เพราะฮูหยินต้องการพบปะพี่น้องเป็นการส่วนตัว นางกับเจียงซินจึงรออยู่ที่ด้านนอก ไม่คาดคิดว่ากลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้คนอื่นมารังแกนายทั้งสอง“ข้ากับชิงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”เสวี่ยชิงเยี่ยนสังเกตเห็นสีหน้าไม่พอใจของสาวใช้คนสนิท ก็คาดเดาความคิดนางได้ในทันที เพื่อไม่ให้นางไปก่อเรื่องใหญ่จึงพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายลง เมิ่งหว่านชิงมองดูอวี้หรุนด้วยสายตารู้สึกผิดอยู่ในที แม้ว่าอวี้หรุนจะมีสถานะเป็นสาวใช้เช่นเดียวกับเจียงซิน ทว่าแท้จริงแล้วนางคือหนึ่งในทหารฝีมือดีของกองทัพตระกูลเมิ่ง เกิดและเติบโตในสนามรบ การต่อสู้ไม่เป็นสองรองใคร ทว่าข้อเสียของนางก็คือนิสัยมุทะลุยอมหักไม่ยอมงอ ยอมตายไม่ยอมถอย สุดท้ายก็ถูกเหลียงฮุ่ยหลินใช้จุดนี้มาเล่นงานแน่
บทที่ 1.2กลับบ้านเดิม“ครอบครัวเดียวกันอะไร น้องสามีเจ้าแต่งออกไปแล้วก็นับเป็นคนนอก อย่าได้มาคิดยุ่งเกี่ยวกับเงินทองในบ้านเชียว ไม่อย่างนั้นแม้แต่ที่ซุกหัวนอนพวกเราก็ไม่อนุญาตให้เจ้าอยู่”เสวี่ยชิงเยี่ยนได้ยินคำดูแคลนของจ้าวซูซินก็กำมือแน่น สองตาแดงก่ำ ตั้งแต่เล็กเพราะนางเป็นบุตรีของภรรยาเอก ส่วนพี่ชายเป็นบุตรชายของภรรยารอง ทำให้ไม่คุ้นเคยสนิทสนมกันอย่างที่พี่น้องควรจะเป็น แต่ที่ผ่านมานางก็มองอีกฝ่ายเป็นพี่ชายเสมอ แม้แต่ตำแหน่งขุนนางขั้นห้าของเขาในตอนนี้ก็เป็นนางที่ร้องขอสามีให้ทูลขอพระราชทานมาให้ ไม่คิดว่าสุดท้ายกลับได้รับผลตอบแทนเช่นนี้“ตามกฎหมายของต้าเซี่ยเล่มที่สามสิบสอง บทที่หก กล่าวว่าหากสามีตาย ไร้ญาติผู้ใหญ่ให้พึ่งพา ไร้บุตรชายให้พึ่งพิง สตรีต้องกลับคืนตระกูลเดิม สัดส่วนสมบัติและมรดกก็จะถูกจัดแบ่งอย่างเหมาะสมเท่าเทียมกับบุตรคนอื่น ๆ พี่สะใภ้เล่าเรียนในหอเฟยเซียนมาหลายปีเรื่องพวกนี้หลงลืมไปหมดแล้วหรือ”เสวี่ยชิงเยี่ยนในอดีตไม่เพียงเป็นบุตรีภรรยาเอกของท่านราชครู ยังนับเป็นสตรีอันดับหนึ่งที่ผู้คนยกย่อง ด้วยเพียบพร้อมทั้งศักดิ์ฐานะ มารยาท คุณธรรม และความรู้ หากไม่เพราะมีใจรักมั่
บทที่ 1.1กลับบ้านเดิมเมิ่งหว่านชิง มองดูภาพเบื้องหน้าที่ค่อย ๆ ชัดเจน แล้วแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง“เสวี่ยชิงเยี่ยนพาบุตรสาวกลับบ้านเดิม คารวะพี่ใหญ่ พี่สะใภ้”กลับบ้านเดิม นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนที่นางจะแต่งเข้าจวนตระกูลเกาหรืออย่างไร ริมฝีปากของเมิ่งหว่านชิงในวัยสิบสี่ปียกยิ้มกว้างดูเหมือนข้าจะย้อนเวลามาอย่างนั้นสินะหัวใจของนางเต้นระรัวความยินดีเอ่อล้นอยู่ในอก ได้เกิดใหม่อีกครั้ง ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทนผู้ใด ความแค้นในชาติก่อนข้าจะทวงคืนกลับทั้งต้น ทั้งดอก!หากแต่ไม่ทันได้รื้อฟื้นความทรงจำในอดีตเพิ่มเติมเสียงของสตรีเบื้องหน้าก็ดังขึ้น“ชิงเยี่ยน รีบลุกขึ้นเถิด เดินทางไกลเหนื่อยหรือไม่ เสี่ยวถิงยังไม่รีบรินน้ำชาให้น้องสามีข้าอีก โอ้ว! นี่คงเป็นชิงเอ๋อร์ของพวกเราใช่หรือไม่ งดงามแต่เยาว์วัยเหมือนเจ้าไม่มีผิด”เมิ่งหว่านชิงถูกพาดพิงถึงก็จดจำได้ในทันที สองสามีภรรยาตรงหน้านี้ก็คือ เสวี่ยเกาเยี่ยน และ จ้าวซูซิน ลุงและป้าสะใภ้ของนางนั่นเองหึ! ล้วนเป็นพวกหน้าซื่อใจคดในอดีตสองสามีภรรยาบ้านเสวี่ยคู่นี้แสร้งทำดี ตีสองหน้า จนมารดาของนางไว้วางใจนำสมบัติเก้ารุ่นของตระกูลเม
บทนำหวนคืน“เกาอู๋ฮั่น ท่าน... แค่ก!”น้ำเสียงแผ่วเบาสั่นเครือเอ่ยถาม ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา แต่แม้จะบาดเจ็บปางตายนางก็ยังคงจดจ้องรอคอย... รอคอยคำอธิบายจากชายผู้เป็นสามี ดวงตาคมแดงก่ำจดจ้องใบหน้าของเขาด้วยความปวดร้าวผิดหวัง ในขณะที่สองมือสองเท้าถูกมัดเอาไว้หากแต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงยกยิ้มดูแคลน สาวเท้าเข้ามาประชิดแล้วใช้ดาบในมือแทงเข้าที่กลางอกของนาง ด้วยสายตาเยือกเย็น“อั๊ก! ทะ... ทำไมถึงได้...”“ทำไมน่ะหรือ... เมิ่งหว่านชิง สตรีใจทรามหยาบช้าเช่นเจ้า กล้าถามคำถามนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ”สตรีใจทรามหยาบช้า คิ้วเรียวเล็กขมวดมุ่น ความเจ็บปวดจากคมดาบเมื่อครู่เทียบกับประโยคนี้ของเขาแล้ว กลับสร้างความเจ็บปวดให้นางมากกว่านับร้อยนับพันเท่า“เกาอู๋ฮั่น เจ้ามันคนไร้คุณธรรม สามปีก่อนข้าก้าวเท้าเข้าจวน ยังไม่ทันเข้าประตูเรือนหอ มารดาของเจ้าก็ร้องขอให้ข้าออกรบแทนเจ้า เจ้าไม่เพียงไม่สำนึกบุญคุณของข้า ยังกล้าร่วมมือกับสตรีหน้าหนาผู้นี้ทรยศข้า!”เมิ่งหว่านชิงตวัดสายตามองไปทางสตรีที่ยืนข้างกายเขา กู้ฮวาหลัน พี่สาวบุญธรรมของนาง“ก่อนหน้านี้เป็นข้าที่ตาบอด ถึงได้มองสตรีงูพิษเช่นเจ้าไม่ออก”“สตรีงูพิษ