Share

บทที่ 1.1 กลับบ้านเดิม

last update Last Updated: 2025-07-01 11:56:12

บทที่ 1.1

กลับบ้านเดิม

เมิ่งหว่านชิง มองดูภาพเบื้องหน้าที่ค่อย ๆ ชัดเจน แล้วแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง

“เสวี่ยชิงเยี่ยนพาบุตรสาวกลับบ้านเดิม คารวะพี่ใหญ่ พี่สะใภ้”

กลับบ้านเดิม นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนที่นางจะแต่งเข้าจวนตระกูลเกาหรืออย่างไร ริมฝีปากของเมิ่งหว่านชิงในวัยสิบสี่ปียกยิ้มกว้าง

ดูเหมือนข้าจะย้อนเวลามาอย่างนั้นสินะ

หัวใจของนางเต้นระรัวความยินดีเอ่อล้นอยู่ในอก ได้เกิดใหม่อีกครั้ง ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทนผู้ใด ความแค้นในชาติก่อนข้าจะทวงคืนกลับทั้งต้น ทั้งดอก!

หากแต่ไม่ทันได้รื้อฟื้นความทรงจำในอดีตเพิ่มเติมเสียงของสตรีเบื้องหน้าก็ดังขึ้น

“ชิงเยี่ยน รีบลุกขึ้นเถิด เดินทางไกลเหนื่อยหรือไม่ เสี่ยวถิงยังไม่รีบรินน้ำชาให้น้องสามีข้าอีก โอ้ว! นี่คงเป็นชิงเอ๋อร์ของพวกเราใช่หรือไม่ งดงามแต่เยาว์วัยเหมือนเจ้าไม่มีผิด”

เมิ่งหว่านชิงถูกพาดพิงถึงก็จดจำได้ในทันที สองสามีภรรยาตรงหน้านี้ก็คือ เสวี่ยเกาเยี่ยน และ  จ้าวซูซิน ลุงและป้าสะใภ้ของนางนั่นเอง

หึ! ล้วนเป็นพวกหน้าซื่อใจคด

ในอดีตสองสามีภรรยาบ้านเสวี่ยคู่นี้แสร้งทำดี ตีสองหน้า จนมารดาของนางไว้วางใจนำสมบัติเก้ารุ่นของตระกูลเมิ่งมอบให้อีกฝ่ายช่วยดูแล สุดท้ายไม่เพียงถูกคดโกงไปจนหมดสิ้น แม้แต่ตัวของมารดาก็ยังถูกจ้าวซูซินวางอุบายขายไปเป็นอนุของกู้เฉินโม่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความแค้นทั้งหมดในอดีตของนาง

“เมิ่งหว่านชิง คารวะท่านลุง ท่านป้าสะใภ้ เจ้าค่ะ”

เด็กหญิงย่อตัวก้มหน้ากล่าวคำนับ ทว่ากลับลอบขบกรามแน่น หากสามารถทำลายจุดเริ่มต้นวันนี้ได้ ก็จะสกัดกั้นเหตุการณ์ในอนาคตได้ทั้งหมด ไม่เพียงช่วยเหลือมารดาให้รอดพ้นจากการแต่งไปเป็นอนุของกู้เฉินโม่ ชีวิตในวันหน้าของนางก็ไม่ต้องเป็นตัวแทนของกู้ฮวาหลันแต่งงานกับเกาอู๋ฮั่น 

คำพูดของกู้ฮวาหลันในชาติก่อนพลันผุดขึ้นมาในความคิด จนเด็กสาวเผลอขบกรามแน่น

“เมิ่งหว่านชิง เจ้ารู้หรือไม่ในคืนแต่งงานของเจ้า พี่สาวคนนี้ดูแลมารดาของเจ้าอย่างไร... ข้าก็แค่ให้นางได้เล่นสนุกกับคนงานในสวนประมาณสักเก้าคนสิบคนก็แค่นั้น... แม่ของเจ้าน่ะเก่งมากทีเดียว มอบความสุขให้คนงานเหล่านั้นถึงสามวันสามคืน ได้ยินว่าแม้แต่ตอนที่นางขาดใจตายคาเตียงไปแล้วพวกเขายังสนุกกันต่ออีกหลายรอบเลยทีเดียว”

“ชิงเอ๋อร์ช่างเป็นเด็กดี มา ๆ ป้าสะใภ้มีของขวัญพบหน้ามอบให้ จากวันนี้ไปพวกเราก็นับเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

พูดจบจ้าวซูซินก็หยิบถุงหอมใบหนึ่งออกมามอบให้เด็กหญิงตรงหน้า

“ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไร้ราคาหวังว่าเจ้ากับลูกจะไม่รังเกียจ”

“พี่สะใภ้กล่าวอะไรเช่นนี้ ของขวัญจากท่านจะประเมินค่าได้อย่างไรกัน”

เสวี่ยชิงเยี่ยนนั้นเป็นคนซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยมจึงมองแผนการชั่วของผู้อื่นไม่ออก ทว่าเมิ่งหว่านชิงใช้ชีวิตมาถึงสองชาติจะไม่รู้ทันคนได้อย่างไร ดังนั้นในขณะที่มารดากำลังจะล้วงกำไลหยกออกมาจากแขนเสื้อมอบให้อีกฝ่ายเป็นของตอบแทน เด็กหญิงก็รีบคลานเข่าไปกอดคนเป็นป้า พร้อมกับแสร้งร้องไห้จนตัวสั่น

“ท่านป้าสะใภ้ช่างดีเหลือเกิน ข้ากับท่านแม่ตอนนี้หมดตัวแล้ว โชคดีที่มีท่านกับลุงใหญ่ให้เป็นที่พึ่ง”

ได้ยินคำพูดของลูกสาวเสวี่ยชิงเยี่ยนก็ตกใจจนตาโต แม้ว่าเมิ่งชิงหยวนผู้เป็นสามีจะตายไปแล้ว แต่เขาเป็นถึงทายาทแม่ทัพเก้ารุ่น ไม่พูดถึงที่ดิน อาคาร ร้านค้า เพียงแค่คลังเก็บสมบัติก็มีขนาดใหญ่กว่าจวนขุนนางขั้นสามเสียอีก จะกล่าวว่าหมดตัวได้อย่างไร

“ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดเรื่องอะไรกันพวกเรา...”

“อะไรนะ หมดตัวแล้ว! นี่หมายความว่าอย่างไร!!!”

จ้าวซูซินไม่รอให้คนพูดจบก็ลุกขึ้นโวยวาย สีหน้าที่อ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยเมตตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังบึ้งตึง

“ชิงเอ๋อร์!”

เมิ่งหว่านชิงฉวยโอกาสที่จ้าวซูซินลุกขึ้นแสร้งล้มหงายหลัง มารดาที่รักนางดั่งชีวิตก็รีบย่อตัวมาดูนางด้วยความห่วงใยในทันที

“พี่สะใภ้ เหตุใดต้องทำรุนแรงถึงเพียงนี้ด้วย ชิงเอ๋อร์บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”

“รุนแรงอะไรกัน ข้าก็แค่ลุกขึ้น เป็นลูกสาวของเจ้าที่อ่อนแอทรงตัวไม่อยู่เอง”

“น้องสาวเรื่องอื่นยังไม่ต้องเอ่ยถึง ตอนนี้ข้าต้องการคำอธิบายสมบัติเก้ารุ่นของตระกูลเมิ่งอยู่ที่ใดกัน”

เสวี่ยเกาเยี่ยนถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือของคนทั้งสอง เสวี่ยชิงเยี่ยนแม้เป็นคนซื่อตรงก็ไม่ใช่คนโง่งม ย่อมมองจุดประสงค์อีกฝ่ายออกในทันที

“สมบัติของตระกูลสามีจะอยู่ที่ใดแล้วอย่างไร ล้วนไม่เกี่ยวกับพวกท่าน”

“ท่านแม่ เราอย่าปิดบังท่านลุงใหญ่กับท่านป้าสะใภ้เลยนะเจ้าคะ”

“ชิงเอ๋อร์ เจ้า...”

“ที่ผ่านมาตระกูลเมิ่งนำทัพออกศึก ทหารมากมายที่ล้มตายในสนามรบ ท่านพ่อ ท่านปู่ ต่างก็ชดเชยและเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขา ทำให้เงินในจวนแทบไม่พอใช้ แม้แต่อาหารก็มีให้กินแค่วันละมื้อเท่านั้น ในสงครามครั้งสุดท้ายนี้ยังถึงกับเอาจวนไปจำนองแล้ว...”

“อะไรนะ!”

เสียงของสองสามีภรรยาด้านหน้าร้องอย่างตกใจ เช่นเดียวกับเสวี่ยชิงเยี่ยนที่มองลูกสาวปั้นเรื่องใหญ่ด้วยความตื่นตระหนก

“ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าสะใภ้ เมื่อครู่ท่านบอกว่าพวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เช่นนั้นพวกท่านช่วยไถ่จวนแม่ทัพคืนให้พวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่บอกว่าตอนท่านตามีชีวิตอยู่มีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงท่านราชครู อาจารย์ขององค์ฮ่องเต้ เงินแค่สามพันตำลึงทองคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“ครอบครัวเดียวกันอะไร น้องสามีเจ้าแต่งออกไปแล้วก็นับเป็นคนนอก อย่าได้มาคิดยุ่งเกี่ยวกับเงินทองในบ้านเชียว ไม่อย่างนั้นแม้แต่ที่ซุกหัวนอนพวกเราก็ไม่อนุญาตให้เจ้าอยู่”

..........................................

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทสุดท้าย (จบ) เจ้าสำคัญที่สุด

    เมื่อกู้อิงโม่อุ้มเสวี่ยชิงเยี่ยนกลับเข้าเรือนไปแล้ว เมิ่งหว่านชิงก็เชิญหยางเทียนอี้ไปที่ศาลาด้านข้าง เพียงแต่เดินมาได้ไม่ไกลร่างเล็กก็ถูกโอบอุ้มจนตัวลอยจากพื้น “ฝ่าบาทจะทรงทำอะไรเพคะ” “ข้าเองก็หวาดกลัว อยากกลับเข้าห้องให้เจ้าปลอบโยนเช่นกัน” ได้ยินคนสูงศักดิ์ใช้อุบายเดียวกับบิดาเลี้ยงเมิ่งหว่านชิงก็อดที่จะขบขันไม่ได้ ก่อนจะสบตาเอ่ยถามสีหน้าจริงจัง “พระองค์ทำเช่นนี้คุ้มแล้วหรือเพคะ” “หากเจ้าหมายถึงเรื่องสละบัลลังก์ ตั้งแต่ต้นข้าก็ไม่เคยต้องการ” “เช่นนั้นพระองค์ต้องการอะไรกันพคะ” “ต้องการเป็นสวามีเพียงคนเดียวของเจ้า” ริมฝีปากบางยกยิ้มขบขันในทันทีที่ได้ยินความต้องการของคนตัวโต หากแต่หยางเทียนอี้กลับขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทีไม่ยินยอม “ชิงชิง ข้าไม่ยอมเป็นอนุหรอกนะ” คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นางบอกว่าจะให้เขาเป็นอนุชาย แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ความสงสัยก็คลายออกในทันที “ท่านแม่ของข้าเพียงแค่เอาคืนความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของท่านอารองกู้เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจให้เขาเป็นอนุจริงๆ” “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยินดี ชีวิตนี้ข้าจะมีเพียงเจ้าเป็นภรรยา และก็ไม่ยินยอม

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทสุดท้าย(1) เจ้าสำคัญที่สุด

    หลังจากเดินออกจากท้องพระโรงหยางเทียนอี้ก็กลับไปที่ตำหนักส่วนพระองค์ บรรดาขุนนางต่างเดือดดาลและคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องกลับมาขอร้องและยอมรับข้อเสนอของพวกตน จะมีบุรุษใดไม่รักอำนาจ ไม่ปรารถนาเป็นผู้นั่งบนบัลลังก์มังกร ดังนั้นพวกเขาแค่อดทนรออีกไม่กี่วันก็จะสามารถควบคุมหยางเทียนอี้เอาไว้ในฝ่ามือได้ เพียงแต่สิ่งที่เหล่าขุนนางคิดไม่ถึงก็คือ ตะวันไม่ทันตกดินหยางเทียนอี้ก็นำกำลังส่วนตัวควบม้าออกจากประตูเมืองตะวันออก"เกิดอะไรขึ้น นั่นไม่ใช่ฝ่าบาทของพวกเราหรือ เหตุใดพระองค์จึงออกจากเมืองอย่างกะทันหันเช่นนี้เล่า""เจ้าไม่รู้หรือไร เมื่อเช้านี้พวกขุนนางบีบบังคับให้ฝ่าบาทแต่งตั้งบุตรสาวของตนเองเป็นฮองเฮาและนางสนม พระองค์ไม่ยินยอมเป็นเครื่องมืออำนาจให้คนพวกนั้นจึงได้สละราชบัลลังก์แล้ว""สละราชบัลลังก์! เช่นนี้ต้าเซี่ยของพวกเราจะทำอย่างไร"เพียงสามวันข่าวลือเรื่องขุนนางบีบบังคับฮ่องเต้จนต้องสละราชบัลลังก์ลี้ภัยออกจากเมืองก็ถูกเล่าลือไปทั่วต้าเซี่ย ชาวเมืองต่างวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ถึงกระทั่งบางคนยังไปรวมกลุ่มกันที่หน้าประตูจวนของขุนนางเพื่อตะโกนด่าทอและสาบแช่ง ทั่วทั้งเมืองหลวงวุ่ยวายเกิดจลาจลกล

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทที่ 20.4 ตัดความสัมพันธ์

    องค์ฮ่องเต้หยางเทียนจงได้ยินว่ารุ่ยอ๋องกลับเข้าเมืองมาช่วยเมิ่งหว่านชิงก็หัวเราะเสียงดังก้องอย่างพึงพอใจ น้องชายของเขาผู้นี้เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊ แต่กลับเป็นเพียงบุรุษอ่อนแอ ปล่อยให้สตรีนางหนึ่งควบคุมจิตใจ หนีออกไปได้แล้วอย่างไร เขาแค่ใช้แผนการเล็กๆ น้อยๆ ล่อสตรีแซ่เมิ่งผู้นั้นเข้ามา น้องชายผู้โง่เขลาก็วิ่งกลับมาติดกับเช่นเดิม "บัลลังก์นี้เป็นของข้า ใครก็ไม่สามารถมาแย่งชิงไปได้" กล่าวจบหยางเทียนจงก็เดินผ่านประตูข้างตรงไปยังท้องพระโรง มองเก้าอี้บัลลังก์มังกรด้วยสายตาแดงก่ำ ทั้งยินดี แล้วเศร้าหมองไปพร้อมๆ กัน ภาพในวันวานสะท้อนกลับมาในความทรงจำ ครั้งหนึ่งเบื้องหน้าบนเก้าอี้มังกรตัวนี้เคยมีบิดานั่งอย่างสง่า เก้าอี้หงส์ด้านข้างก็มีมารดาผู้งดงามนั่งเคียงข้าง ทอดสายตารักใคร่อ่อนโยนมองดูเขาและหยางเทียนอี้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้างอ่อนโยนมองไปที่พื้นกลางห้องโถง "เสด็จพี่อุ้มๆ ข้าเจ็บ" เสียงของหยางเทียนอี้ในวัยเยาว์ยามหกล้มร้องขอให้เขาโอบอุ้มยังคงชัดเจนในความทรงจำ เพียงแต่เมื่อหลับตาลงและลืมขึ้นอีกครั้งทุกอย่างก็ล้วนจางหายเหลือเพียงห้องโถงที่ว่างเปล่าโดดเดี่ยว โดดเดี่ยวแล้ว

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทที่ 20.3 ตัดความสัมพันธ์

    "นี่ไม่ใช่รุ่ยอ๋อง!"ทหารที่วิ่งนำทางเข้ามาในคุกหลวงร้องบอก เมิ่งหว่านชิงขมวดคิ้วแน่นไม่คิดว่านางวางแผนการอย่างรัดกุมถึงเพียงนี้กลับยังพลาดท่าให้กับฮ่องเต้ทรราช ดังนั้นจึงรีบสั่งให้คนของตนรีบถอยออกในทันที เพียงแต่ให้นางดำเนินการรวดเร็วมากมายเพียงใด ก็ยังคงช้ากว่าคนวางแผนการ ยามเมื่อออกพ้นประตูคุกหลวงมาก็พบว่าเบื้องหน้าถูกล้อมด้วยทหารจำนวนมาก อีกทั้งคนที่นำทหารมาจับกุมตนยังเป็น..."เกาอู๋ฮั่น!!"มือเรียวกำเข้าหากันแน่น ในชาติก่อนหลังสงครามเมืองประจิมเสร็จสิ้น นางกลับเมืองหลวงก็ถูกเขาลอบวางแผนจับตัวและสังหารอย่างโหดเหี้ยม ไม่คิดว่าในชาตินี้เหตุการณ์ก็ยังคงวนมาให้นางถูกเขาจับกุมอีกเช่นเคย"ฮูหยินคนเก่งของข้า สามีมารับกลับจวนแล้ว""ผู้ใดเป็นฮูหยินของเจ้ากัน!!"เมิ่งหว่านชิงโต้กลับเสียงแข็งกร้าวดุดัน ยิ่งคิดถึงเรื่องราวในชาติก่อน สายตาคมเรียวก็มองชายตรงหน้าด้วยความคับแค้นใจ"เมิ่งหว่านชิง เจ้าใช้สถานะฮูหยินของข้าทูลขอตรานำทัพจากฝ่าบาท เท็จทูลเอาความดีความชอบใส่ตน กล่าวหาว่าข้าเป็นคนไร้ความรับผิดชอบหนีทัพ หากไม่เพราะฮ่องเต้ทรงปรีชาและเชื่อใจตระกูลเกาตอนนี้ตระกูลเกาของข้าถูกประหารทั้งตระกูล

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทที่ 20.2 ตัดความสัมพันธ์

    เหตุการณ์รุ่ยอ๋องสังหารเหอไทเฮาแพร่กระจายไปทั่วทั้งแคว้นต้าเซี่ย เมิ่งหว่านชิงที่ได้รับข่าวขบกรามแน่น ตั้งแต่ต้นตัวนางก็ไม่ไว้ใจองค์ฮ่องเต้อยู่แล้ว หากแต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้แผนการใส่ความร้ายแรงเช่นนี้ "ท่านแม่ทัพไม่ทราบว่าท่านเรียกประชุมด่วนเช่นนี้มีเรื่องอันใดหรือขอรับ"รองแม่ทัพฉาง ที่ตอนนี้ยอมรับในตัวเมิ่งหว่านชิงแล้วเอ่ยถามด้วยความเคารพ หญิงสาวจึงหยิบป้ายบัญชาการทหารออกมาวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้า สร้างความตื่นตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างยิ่งคืนป้ายบัญชาการ นี่ไม่เท่ากับนางกำลังถอนตัวจากกองทัพหรือ"ท่านแม่ทัพ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร"รองแม่ทัพตงเอ่ยถามด้วยความร้อนรน ก่อนหน้านี้เขายอมรับว่าดูแคลนที่นางเป็นสตรี แต่หลังจากได้ร่วมทัพแม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ กลับทำให้เขานับถือนางจากใจจริง“ข้ามีบางเรื่องต้องจัดการ ตำแหน่งแม่ทัพนี้จึงไม่อาจรับผิดชอบได้อีก"เพราะตัดสินใจที่จะเข้าเมืองไปช่วยหยางเทียนอี้ ดังนั้นเมิ่งหว่านชิงจึงไม่อาจครองตำแหน่งแม่ทัพนี้เอาไว้ได้ ดวงตาเรียวหันไปทางเซี่ยหลิงซางก่อนจะมอบจี้หยกประจำตระกูลเมิ่งและป้ายบัญชาการกองทัพบูรพาให้กับเขา"พี่ชายหลิงซาง ต่อจากนี้ขอฝากกองกำลั

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทที่ 20.1 ตัดความสัมพันธ์

    “ไทเฮาเสด็จ!”เสียงรายงานดังมาจากด้านหน้าตำหนักรับรอง หยางอี้เทียนขมวดคิ้วหนา แน่นอนว่าเขาในฐานะอดีตองค์ชายการพบปะกับไทเฮานั้นเป็นเรื่องปกติ ทว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นคนสั่งการลงทัณฑ์สังหารต้วนอ๋อง พระโอรสเพียงหนึ่งเดียวของเหอไทเฮา แน่นอนว่าด้วยเหตุและผลการพบปะครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายในภายหลัง รุ่ยอ๋องจึงให้คนออกไปปฏิเสธการเข้าพบของเหอไทเฮา“ไปทูลไทเฮาว่าข้าไม่สะดวกพบพระองค์”สายตาคมมองบรรดาขันทีนางกำนัลที่ถูกส่งมายืนนิ่งไม่ไหวติง ก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่านี่ต้องเป็นแผนการยืมมือฆ่าคนแน่ๆ และเป็นเช่นที่เขาคาดการณ์ เมื่อประตูตำหนักรับรองถูกเปิดออก ร่างของสตรีในชุดสูงศักดิ์ปรากฏอยู่เบื้องหน้า“ไทเฮามีเรื่องต้องการสนทนากับรุ่ยอ๋องตามลำพัง พวกกระหม่อมไม่ขออยู่รบกวน ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”พูดจบคนทั้งหมดก็ออกไปยืนที่ด้านนอกตำหนัก ปากบอกว่าไม่ต้องการรบกวน แต่การกระทำชัดเจนว่าเป็นการควบคุมให้คนทั้งสองอยู่ร่วมกันในตำหนัก“ถวายพระพรไทเฮา”“เจ้าสังหารลูกของข้ายังต้องมาเสแสร้งต่อหน้าข้าอีกทำไมกัน”เหอไทเฮากัดฟันเอ่ยเสียงสั่น สองแก้มอาบไปด้วยหยาดน้ำ สองตาแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status