Share

บทที่ 3

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
ทุกคนมองไปตามทิศทางที่เมิ่งจิ่นเหยาชี้ หลังจากที่สายตาทอดมองบนร่างของกู้จิ่งซี พวกเขาก็พากันสูดลมหายใจเย็นเยียบ

เมิ่งจิ่นเหยาบ้าไปแล้วหรือนี่?

เดิมทีกู้จิ่งซีเป็นว่าที่พ่อสามีของนาง บัดนี้ว่าที่ลูกสะใภ้จะกลายเป็นว่าที่ภรรยาหรือ?

หากกู้จิ่งซีและกู้ซิวหมิงเป็นคนรุ่นเดียวกัน เช่นนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร แต่กู้จิ่งซีเป็นบิดาของกู้ซิวหมิง เป็นผู้อาวุโส แล้วผู้อาวุโสจะแต่งภรรยาที่ควรเป็นเด็กรุ่นหลังได้อย่างไร?

นี่มันผิดหลักจริยธรรม

กู้จิ่งซีเป็นผู้ที่แม้ภูเขาไท่ซานถล่มตรงหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวอันน่าตกตะลึงของว่าที่ลูกสะใภ้ สีหน้าของเขาก็แตกร้าวในพริบตา ก่อนจะหรี่ตามองเมิ่งจิ่นเหยา

เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาสบสายตาอันเย็นชาของกู้จิ่งซี หัวใจของนางก็สั่นเทิ้ม หากบอกว่าไม่ประหม่าไม่หวาดกลัว นั่นคงเป็นการโกหก ทว่านางเลือกเด็กรุ่นหลานสองคนนั้นของสกุลกู้ไม่ได้ แต่กู้จิ่งซีกลับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด นางไม่มีทางถอยแล้ว หากกลับไปที่สกุลเมิ่ง สถานการณ์ก็คงไม่ดีไปกว่าการอยู่ในสกุลกู้

กู้ซิวหมิงทำผิดต่อนาง ทำให้นางเป็นที่ขบขันในวันวิวาห์ นางไม่อาจเป็นเจ้าสาวของกู้ซิวหมิง เช่นนั้นก็กลายเป็นมารดาใหม่ของกู้ซิวหมิง เป็นผู้อาวุโสของกู้ซิวหมิง วันหน้าค่อยจัดการกู้ซิวหมิง

เรื่องที่ไม่ดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือกู้จิ่งซีใช้การไม่ได้ ปีนั้นเขาได้รับบาดเจ็บจนป่วยเป็นโรคที่ไม่กล้าบอกใครเพื่อช่วยเหลือฮ่องเต้ มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่มีทางไม่ได้แต่งงานจนถึงวัยยี่สิบเก้า ต้องรับเด็กจากสายรองมาเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อสืบสกุล

แต่ถึงใช้การไม่ได้ก็ไม่มีปัญหา บุรุษใช้การไม่ได้คงไม่รับอนุภรรยามาเพิ่มความปวดหัวให้นาง

คนของสกุลกู้มองหน้ากัน คิดว่าเมิ่งจิ่นเหยาเสียสติไปแล้ว แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ที่ผ่านโลกมาครึ่งค่อนชีวิต เคยพบเจออุปสรรคมากมายก็ตกใจจนพูดไม่ออกเช่นกัน บรรดาแขกเหรื่อเองก็ซุบซิบนินทา

ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้จิ่งซีขมวดคิ้วเอ่ยปากว่า “แม่นางเมิ่ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังกล่าวสิ่งใดอยู่?”

เมิ่งจิ่นเหยารักษาความเยือกเย็นอย่างเต็มที่ พยายามทำให้เสียงของตัวเองดูสงบนิ่ง เอ่ยอย่างไม่เร่งรีบว่า “ท่านโหวกู้ มีคำกล่าวว่าบิดาเป็นหนี้ บุตรต้องชดใช้ ในทางกลับกันเมื่อบุตรเป็นหนี้ บิดาต้องชดใช้ก็เป็นหลักการเดียวกัน ท่านสั่งสอนบุตรไม่ดี เขาจึงหนีการแต่งงานไปกับสตรีนางอื่นในวันวิวาห์ ทำให้ข้ากลายเป็นที่ขบขัน ในฐานะที่ท่านเป็นบิดา ต้องรับผิดชอบชดใช้หนี้ก้อนนี้แทนเขา”

คำกล่าวนี้ฟังดูมีเหตุผลมาก บรรดาแขกเหรื่อต่างตกตะลึง แต่เมื่อใคร่ครวญคำกล่าวนี้ให้ละเอียด ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง

แต่กู้จิ่งซีกลับเอ่ยขออภัยว่า “เป็นข้าที่สั่งสอนบุตรไม่ดี เรื่องนี้ข้าจะชดใช้ให้แม่นางเมิ่ง หลานชายสองคนของข้ายังไม่ได้แต่งงาน ในเมื่อพวกเขาลุกออกมาแล้ว นั่นหมายถึงตกลงแต่งงานกับแม่นางเมิ่ง แม่นางเมิ่งสามารถเลือกระหว่างพวกเขาได้”

เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับว่า “ข้าไม่ถูกใจพวกเขาเลย กลับคิดว่าท่านโหวกู้ไม่เลว ท่านโหวกู้ไม่เพียงเปี่ยมไปด้วยความสามารถ แถมยังมีคุณธรรมดีเยี่ยม วันหน้าย่อมเป็นสามีดีมีความรับผิดชอบ” นางกล่าวพลางเบนสายตาไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากู้ “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านบอกว่าสามารถนำบุรุษที่ยังไม่ได้แต่งงานและไม่มีการหมั้นหมายของสกุลกู้มาให้ข้าเลือกได้ บัดนี้ข้าเลือกท่านโหวกู้ ไม่ทราบว่าคำพูดนี้ของท่านยังถือเป็นจริงอยู่หรือไม่?”

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ฟังคำกล่าวของนาง สายตาอดมองไปมาระหว่างบุตรชายกับเมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ กิ่งทองใบหยก ช่างเหมาะสมกันมาก

นางพลันตระหนักได้ว่าฉวยโอกาสนี้พายเรือตามน้ำ ให้บุตรชายแต่งภรรยาก็ไม่เลวเหมือนกัน บุตรชายป่วยเป็นโรคที่มิกล้าบอกใครทำให้ไม่อาจตบแต่งภรรยาได้ และกลายเป็นโรคทางใจของนาง บัดนี้มีสะใภ้สำเร็จรูป เช่นนี้บุตรชายก็มีคนรู้ใจที่คอยเอาใจใส่อยู่เคียงข้าง ไม่ต้องอยู่ว้าเหว่เพียงลำพังจนแก่เฒ่า

ถึงอย่างไรสกุลกู้ก็เกิดเรื่องน่าขบขันเช่นนี้ไปแล้ว ยังต้องกลัวว่าเรื่องน่าขบขันจะไร้เหตุผลยิ่งกว่านี้หรือ?

ดังนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จึงฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน ตอบเมิ่งจิ่นเหยาว่า “แม่นางเมิ่ง คำพูดของข้าย่อมถือเป็นจริง” นางหันศีรษะไปมองบุตรชายแท้ ๆ ของตน แล้วกล่าวต่อว่า “สกุลกู้ของเราเป็นคนรักษาสัจจะ มิใช่พวกคนที่ผิดคำพูด”

กู้จิ่งซีเอานิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ มองไม่ออกถึงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าเลย เขามองไปทางเมิ่งจิ่นเหยาอีกครา จ้องมองนานอยู่พักใหญ่ แล้วถามเสียบเรียบนิ่งว่า “แม่นางเมิ่ง เจ้าคิดดีแล้วหรือ?”

เมิ่งจิ่นเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า “ข้าคิดดีแล้ว”

เมื่อได้ยินคำกล่าว กู้จิ่งซีก็ลุกขึ้นเดินมาหานาง ก่อนจะดึงปลายผ้าแพรแดงอีกฝั่งหนึ่งไว้แล้วกล่าวกับสี่เหนียง [1] ว่า “อย่าให้เสียฤกษ์ดีเลย”

_________________________________

[1] สี่เหนียง คือ สตรี​ที่​บ้าน​เจ้าบ่าว​เชิญมาช่วย​แนะนำ​ขั้นตอน​ใน​พิธี​ต่างๆ​ แก่​บ่าวสาว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status