Share

บทที่ 2 กลับบ้าน

last update Huling Na-update: 2025-07-21 20:28:20

บทที่ 2 กลับบ้าน

เมื่อรู้สึกถึงสายลมกรรโชกแรก และเสียงฟ้าร้องคำราม หลินซือเหยาที่ยืนอยู่ในเรือนเพียงลำพังก็ค่อย ๆ ถอดอาภรณ์ที่ชายหนุ่ม ที่ได้ชื่อว่าสามี เคยมอบให้ออกทีละชิ้น ทีละชิ้น หญิงสาวเปลี่ยนกลับไปเป็นชุดเดิมที่นางเคยสวมใส่เมื่อยามมาที่มิติแห่งนี้เป็นวันแรก

ชุดธรรมดา ๆ ไม่ได้เลิศหรูอะไร แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อตัวนางและมิติในอดีต ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรหรือใครที่นางรักอีกแล้ว นางก็ไม่คิดจะอยู่อีกต่อไป

หัวใจที่โดนเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกแล้วในยามนี้ หญิงสาวเดินฝ่าลมฝนออกไปยังบ่อน้ำเบื้องหน้า

ดวงตาไม่รักดีเผลอเหลือบมองแผ่นหลังที่คุ้นเคยของสามีของนางที่ยามนี้มีคนอื่นเคียงข้างกาย เขายืนประคองสตรีอีกคนแนบแน่นราวกับนางเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต

ซือเหยายิ้มจาง ๆ ยามนี้นางไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายมาห่วงใยหรือใส่ใจอีกต่อไปแล้ว ถึงกระนั้นเมื่อสบตากับสายตาที่เมินเฉยของเขาเพียงชั่วอึดใจ หัวใจที่นางเคยคิดว่ามันไร้ความรู้สึกแล้วก็กลับเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย

“ยังจะโง่ไม่เลิกอีก” นางบ่นว่าหัวใจของตน ที่มันเจ็บปวดกับท่าทางของสามี แต่ความลังเลก็หายไปเมื่อเสียงฟ้าร้องดังลั่น เหมือนเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างพร้อมแล้วกับการจากไป

ทันทีที่ฟ้าผ่ากระทบผิวน้ำซ้ำ ๆ หญิงสาวก็กระโจนลงไปในบ่อน้ำอย่างไม่ลังเล

เสียงน้ำแตกกระจายดังไปทั่ว บ่าวไพร่ที่อยู่แถว ๆ นั้น พากันแตกตื่นเมื่อเห็นพระชายาของจวนกระโดดน้ำ

“พระชายากระโดดบ่อน้ำไปแล้ว” หลายคนตะโกน หลายคนต่างกระโดดตามลงไป แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบอะไร

แม้เรื่องราวดูจะวุ่นวายแต่ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีกลับไม่แม้แต่จะเหลียวมอง ราวกับเรื่องราวเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ในเมื่อนางไม่จำเป็นกับเขาอีกแล้ว เพราะเขามีคนที่รักอยู่ข้างกายอยู่แล้ว

เขาทำเพียงกระชับอ้อมแขนรั้งตัวคนรักของเขาให้แนบเข้ามาแน่นขึ้น ก่อนจะก้มมองหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยสายตาอ่อนโยน ราวกับเสียงโวยวายด้านนอกไม่มีความหมายใด ๆ

“เข้าไปในเรือนกันเถอะ นางก็คงแค่เรียกร้องความสนใจ” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันไปสั่งบ่าวคนสนิท “ให้คนไปงมขึ้นมา หากตายก็ทำพิธีให้ หากอยู่ก็จับนางขังเอาไว้กับสาวใช้ที่ไม่รู้จักดูแลนายหญิงตนให้ดี”

หลี่อวิ้นรุ่ยปรายตามองไปที่บ่อน้ำเพียงชั่วครู่ เขาเป็นผู้เดียวที่ล่วงรู้ว่าซือเหยาไม่ใช่คนจากแคว้นอื่นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่นางมาจากอีกโลกหนึ่ง ซึ่งที่ใดนั้นเขาหาใส่ใจไม่ นางคงน้อยอกน้อยใจที่เขาให้ความสำคัญกับหวังอีเหมยมากกว่านาง หึงหวงที่เขาแต่งคนที่เขาหมายปองมาเนิ่นนาน

ช่างเถอะ เมื่อนางคิดได้คงกลับมาเอง ซือเหยารักเขา อย่างไรนางก็ไปจากเขาไม่ได้หรอก

สาวใช้ที่หลบอยู่ที่พุ่มไม้ใกล้ ๆ ถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลพรากเมื่อได้ยินคำนั้นของนายท่าน

“พระชายา” นางอยากเข้าไปช่วย แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เป็นจริงอย่างคำของพระชายาว่า หากนางยังอยู่ก็จะเป็นอันตราย แม้จะเจ็บปวดใจที่ต้องทิ้งไป แต่สุดท้ายก็หันหลังและหนีออกจากจวนไปพร้อมหัวใจที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

วันเวลาผ่านไปไม่มีข่าวคราวใดของพระชายา หญิงสาวหายไปอย่างไร้ร่องรอย ร่างไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็หาไม่พบ แต่กลับไม่ได้มีใครสน เพราะนางไม่ได้มีตระกูลสูงส่งใดหนุนหลัง คนที่รู้จักก็เพียงแค่ในจวนเท่านั้น

สาวใช้ที่พยายามสืบข่าวทำได้แต่จากไปอย่างเงียบ ๆ และตัดใจไม่เข้าไปวุ่นวายใกล้ ๆ จวนแห่งนั้นอีก

“พระชายา…ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด จะจากไปแล้ว หรือได้กลับไปยังที่ที่ท่านจากมา ก็ขอให้ท่านอยู่อย่างดีและมีความสุขด้วยเถอะนะเจ้าคะ” ป้ายไม้ที่ถูกปักลงกับพื้น ไม่มีชื่อไม่มีแซ่ มีเพียงกระดาษเผาไปให้คนที่อยู่ห่างไกล ที่ยังคงลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

กลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่วทั้งกระท่อมไม้ไผ่ เสียงน้ำเดือดปุด ๆ ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หลินซือเหยารับรู้ได้ถึงผ้าห่มบาง ๆ ที่คลุมร่างของนางเอาไว้

แม้หัวจะยังรู้สึกปวด และลมหายใจก็ยังติดขัด แต่นางยังไม่ตาย มิหนำซ้ำ หญิงสาวค่อย ๆ กวาดตามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นบรรยากาศที่ไม่ได้แตกต่างไปจากยุคที่นางหนีสามีมาก็ถึงกลับถอนหายใจ

หญิงสาวเห็นชายคนหนึ่ง ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หน้าเตาไฟ ดวงตาคมของเขาจดจ้องอยู่ที่หม้อยา มือข้างหนึ่งคอยคนส่วนผสมในหม้อ อีกข้างก็คอยหยิบสมุนไพรใส่ลงไปอย่างชำนาญ

เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ยังเป็นแบบจีนโบราณ ยิ่งทำให้ใจของซือเหยาห่อเหี่ยวลงไปอีก นี่ไม่ใช่บ้านของนาง และยังไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน ดวงตาของนางเหม่อลอย ความเสียใจเข้าควบคุมร่างกายจนมันอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงไปหมด

แม้ที่นี่จะไม่ใช่จวนของสามีที่ทอดทิ้งนาง แต่ก็ไม่ใช่บ้านของนางอยู่ดี

“เจ้าฟื้นแล้ว” ชายหนุ่มหันกลับมาเห็นก็เร่งเดินเข้ามาหา” ชายหนุ่มวางไม้ที่ใช้คนหม้อยาลงก่อนจะลุกแล้วเดินตรงมาหานาง ทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวพยายามจะขยับลุกขึ้นเขาก็จะเข้าไปประคอง แต่หญิงสาวกลับสะดุ้งเล็กน้อย จนชายหนุ่มจำต้องหดมือกลับ ไม่ใช่เพราะความเสียดายแต่อดตำหนิตนเองไม่ได้ที่ไม่ระวังท่าทางตน

“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าเป็นหมออยู่ที่หมู่บ้านนี้ นามไป๋อวิ๋น”

หลินซือเหยาจ้องมองไปที่เพดานไม้ไผ่ของกระท่อมเล็ก ๆ ดวงตาของนางแห้งผาก ราวกับต่อมน้ำตาของนางเหือดแห้งไปหมดแล้วหลังจากผ่านเรื่องราวทั้งหมดมา

ความเงียบงันของค่ำคืนในป่า แตกต่างจากความเงียบของจวนโหวโดยสิ้นเชิง หากเป็นที่นั่น ทุกย่างก้าวของนางมีแต่สายตาเย็นชาจับจ้อง ทุกคำพูดของนางเต็มไปด้วยคำดูแคลน แม้แต่น้ำเสียงของสามี ก็มักจะราบเรียบ ไร้อารมณ์ ไม่มีความรัก ไม่มีความอาทร

แต่นี่เป็นความเงียบที่นางไม่คุ้นเคย เป็นความเงียบที่กว้างขวางเกินไป ปลอดโปร่งเกินไป แต่กลับเต็มไปด้วยความเวิ้งว้างในหัวใจ

มือของนางกำผ้าห่มที่ปกคลุมร่างแน่น หัวใจที่ควรจะแข็งแกร่งกลับบีบรัดแน่นจนหายใจลำบาก นางไม่รู้ว่าควรยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

‘ไม่มีใครตามหาข้า… ไม่มีใครแม้แต่จะเสียใจที่ข้าหายไป…’

ใช่แล้ว พวกเขาไม่เคยต้องการนางตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะในฐานะภรรยา ในฐานะพระชายา หรือแม้แต่ในฐานะคนคนหนึ่ง นางก็เป็นเพียงเงาที่ไม่มีตัวตน เป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่

นางไม่ได้หวังให้สามีรัก แต่ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่ง เขาจะปล่อยให้นางจมหายไปในบ่อน้ำโดยไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับมา แม้เพียงเสี้ยววินาที

นางหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับเต็มไปด้วยความขมขื่น

“เจ้ารู้สึกเช่นไร”

เสียงของไป๋อวิ๋นทำให้นางสะดุ้ง นางหันไปมองเขา ดวงตาของนางไม่มีแววแห่งความหวังหลงเหลืออีกต่อไป มีเพียงความว่างเปล่าที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งดวงตาคู่นั้น

“ข้า… ยังมีชีวิตอยู่หรือ” นางถามเสียงแผ่ว

ไป๋อวิ๋นมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า นางซีดเซียว อ่อนแอ ราวกับเพียงสายลมพัดผ่านก็สามารถปลิวหายไปได้ในทันที แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจมากกว่า คือแววตาของนาง

เขาเคยเห็นคนบาดเจ็บหนัก เคยเห็นคนที่สิ้นหวัง แต่ไม่เคยเห็นดวงตาคู่ไหนที่แห้งผาก ไร้ซึ่งน้ำตาเช่นนี้มาก่อน ราวกับว่าความเสียใจของนางลึกเกินกว่าจะร้องไห้ออกมาได้อีกแล้ว

“เจ้ารอดมาได้” เขาตอบ “และตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว”

“ปลอดภัย…” นางพึมพำ “ข้าควรรู้สึกยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่หรือ”

ไป๋อวิ๋นเงียบ เขาไม่มีคำตอบให้กับคำถามนั้น

ความปลอดภัยอาจมีอยู่ในทางกายภาพ แต่มิใช่ในหัวใจของนางอย่างแน่นอน หลินซือเหยาเบือนหน้าหนี ดวงตาของนางเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง มองดูสายลมที่พัดใบไม้ไหว

“บางที… ข้าไม่ควรรอด”

ไป๋อวิ๋นขมวดคิ้วแน่น เขามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาเหมือนถูกบีบรัดโดยไม่รู้ตัว

สตรีนางนี้… ผ่านอะไรมาบ้างกันแน่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ชายาของท่านโหวสิ้นใจแล้ว   บทที่ 4 ยิ้มได้อีกครา

    บทที่ 4 ยิ้มได้อีกคราตลาดยามบ่าย แม้หลายร้านเริ่มจะเก็บของแต่ก็มีหลายร้านเริ่มตั้งแผงใหม่ กลิ่นขนม กลิ่นซาลาเปา ฟุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ทำเอาซือเหยารู้สึกอยากจะลองกินแต่นางก็ไม่กล้าเอ่ย“ข้าจะมาซื้อสมุนไพรสักหน่อย แม้ว่าจะมีพวกนายพรานอาสาไปเก็บสม ุนไพร แต่บางอย่างก็ยังต้องมาซื้อจากร้านนี้” ซือเหยาฟังชายหนุ่มอธิบายแล้วก็เดินตามไป “เจ้าอยากได้อะไรหรือไม่” หญิงสาวส่ายหน้า ไป๋อวิ๋นที่เริ่มชินกับท่าทางราวกับใช้ชีวิตไปวัน ๆ ของนางแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกเขาเดินเข้าไปในร้านสมุนไพรเจ้าประจำ “อ้าว ท่านหมอเทวดา ไม่ได้เจอกันเป็นเดือน วันนี้ต้องการอะไรดีเล่า เดี๋ยวข้าจะลดราคาให้เป็นพิเศษ แต่เดี๋ยวก่อนนะ วันนี้ท่านหมอพาภรรยามาด้วยหรือ” น้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นและสายตาของเถ้าแก่ร้านยาทำให้ซือเหยาที่กำลังยืนดูบรรยากาศในร้านถึงกับสะดุ้งนางกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เป็นชายหนุ่มข้างกายที่พูดขึ้นก่อน “ไม่ใช่หรอกเถ้าแก่ นางเป็น...” ไป๋อวิ๋นหันไปมองที่หญิงสาว และเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับคิดว่าจะบอกว่านางเป็นอะไรดี ซือเหยาที่เห็นอีกฝ่ายยังไม่พูดอะไรออกมา ก็ตัดสินใจจะช่วยเขาตอบเอง “ข้าเป็นผู้ช่วยของท่านหมอเจ้าค

  • ชายาของท่านโหวสิ้นใจแล้ว   บทที่ 3 ก้าวหนี่งก้าว ถอยหลังสองก้าว

    บทที่ 3 ก้าวหนี่งก้าว ถอยหลังสองก้าว“ที่นี่ที่ไหน” ซือเหยาถามออกไป อย่างน้อย ๆ หากนางรู้ว่าตนอยู่ห่างจากจวนของสามีไม่ไกลจะได้แอบเข้าไปกระโดดบ่อน้ำเสียอีกรอบ“แคว้นหยาง เมืองชายแดนตะวันตก ที่นี่เป็นกระท่อมที่ข้าเปิ ดเป็นโรงหมอ” หลินซือเหยาคิด สามีเก่านางอยู่แคว้นฉู่ นี่คงเป็นอีกมิติหนึ่ง สุดท้ายนางก็ยังไม่ได้กลับบ้าน“เจ้าเป็นใครหรือ ชื่ออะไรมาจากที่ใด จะให้ข้าติดต่อคนที่บ้านให้หรือไม่” ชายหนุ่มถามยืดยาวแต่ซือเหยากลับตอบสั้น ๆ “ข้าไม่รู้” เพราะไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ใด และชายตรงหน้าคือมิตรหรือศัตรู นางจึงแสร้งทำเป็นความจำเสื่อมเอาไว้ก่อน ความกังวลกัดกินหัวใจ หากเขารู้ว่านางมาจากอีกมิติ มีความรู้ความสามารถ บุรุษตรงหน้าอาจคิดหาประโยชน์จากนางอย่างที่หลี่อวิ้นรุ่ยทำกับนางซือเหยาเลือกที่จะไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่ทำเป็นรู้ทุกสิ่ง สุดท้ายก็ได้กลายเป็นเพียงแค่คนประหลาด “ข้าจำอะไรไม่ได้เลย” ใบหน้าของไป๋อวิ๋นฉายแววประหลาดใจ บ่อน้ำที่นางตกลงไปมีความพิเศษ อีกทั้งชุดที่นางสวมใส่ตอนที่เขาพาร่างนางขึ้นมาก็แปลกตา และตัวเขาก็ไม่ใช่หมอธรรมดาแต่เป็นหมอเทวดาตามที่ชาวบ้านเรียก ไม่มีทางที่หญิงสาวตรงหน้

  • ชายาของท่านโหวสิ้นใจแล้ว    บทที่ 2 กลับบ้าน

    บทที่ 2 กลับบ้านเมื่อรู้สึกถึงสายลมกรรโชกแรก และเสียงฟ้าร้องคำราม หลินซือเหยาที่ยืนอยู่ในเรือนเพียงลำพังก็ค่อย ๆ ถอดอาภรณ์ที่ชายหนุ่ม ที่ได้ชื่อว่าสามี เคยมอบให้ออกทีละชิ้น ทีละชิ้น หญิงสาวเปลี่ยนกลับไปเป็นชุดเดิมที่นางเคยสวมใส่เมื่อยามมาที่มิติแห่งนี้เป็นวันแรก ชุดธรรมดา ๆ ไม่ได้เลิศหรูอะไร แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อตัวนางและมิติในอดีต ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรหรือใครที่นางรักอีกแล้ว นางก็ไม่คิดจะอยู่อีกต่อไปหัวใจที่โดนเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกแล้วในยามนี้ หญิงสาวเดินฝ่าลมฝนออกไปยังบ่อน้ำเบื้องหน้า ดวงตาไม่รักดีเผลอเหลือบมองแผ่นหลังที่คุ้นเคยของสามีของนางที่ยามนี้มีคนอื่นเคียงข้างกาย เขายืนประคองสตรีอีกคนแนบแน่นราวกับนางเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต ซือเหยายิ้มจาง ๆ ยามนี้นางไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายมาห่วงใยหรือใส่ใจอีกต่อไปแล้ว ถึงกระนั้นเมื่อสบตากับสายตาที่เมินเฉยของเขาเพียงชั่วอึดใจ หัวใจที่นางเคยคิดว่ามันไร้ความรู้สึกแล้วก็กลับเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย “ยังจะโง่ไม่เลิกอีก” นางบ่นว่าหัวใจของตน ที่มันเจ็บปวดกับท่าทางของสามี แต่ความลังเลก็หายไปเมื่อเสียงฟ้า

  • ชายาของท่านโหวสิ้นใจแล้ว   บทที่ 1 คืนก่อนงานมงคลสมรส

    บทที่ 1 คืนก่อนงานมงคลสมรสเสียงสายลมหวีดหวิวพัดผ่านเรือนพักของหลินซือเหยา หญิงสาวก้าวเดินไปอย่างมั่นคงแม้ในใจจะว่างเปล่า ตั้งแต่วันที่นางตัดสินใจจะจากไป หัวใจของนางก็ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว ไ ม่มีความเจ็บ ไม่มีความโกรธ และไม่มีแม้กระทั่งน้ำตานางมาหยุดยืนอยู่ริมบ่อน้ำอีกครั้ง คืนนี้ฟ้าปิดสนิท ไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีดวงดาว มีเพียงสายลมเย็นที่พัดผ่านเหมือนค่ำคืนที่พานางข้ามมิติมายังโลกนี้หลินซือเหยายืนอยู่ริมบ่อน้ำ หญิงสาวมองเงาสะท้านของตนเองที่สั่นไหวตามระลอกคลื่นของน้ำ กระแสลมเริ่มพัดโหมเหมือนกับมีพายุ แต่นี่คือสิ่งที่หญิงสาวรอคอย“ข้าคิดว่าข้าจะมีความสุขที่นี่…” นางพึมพำกับตัวเองเสียงเบา “แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ความฝันที่ข้าหลอกตัวเองมาตลอด”ซือเหยาหลับตาลง ความทรงจำไหลย้อนกลับมาครั้งหนึ่งหญิงสาวเคยอยู่ในอีกยุค เพราะขับรถฝ่าพายุจึงทำให้เธอมาโผล่ที่ยุคนี้ วันแรกที่นางมาถึง นางทั้งสับสนและหวาดกลัว นางเป็นเพียงหญิงสาวจากยุคที่ไกลออกไป แต่เพราะความรู้และทักษะจากยุคเดิม นางจึงสามารถช่วยเขาได้ ตอนแรกคิดว่าเป็นโชคชะตา ที่สวรรค์เมตตาพามาพบกับคนที่มีด้ายแดง แต่ไม่นึกเลย ต่อให้นางทำดีแค่ไหน

  • ชายาของท่านโหวสิ้นใจแล้ว   บทนำ

    บทนำเสียงประทัดดังสนั่น ท้องฟ้ายามค่ำคืนถูกแต่งแต้มด้วยแสงโคมและริ้วธงมงคล ผู้คนต่างร่วมแสดงความยินดีกับพิธีสมรสของท่านโหวหนุ่มผู้กุมอำนาจสูงสุดในแคว้น เสียงดนตรีบรรเลงขับขาน เสียงหัวเราะเบิกบานดังไปทั่วทุกแห่งท่า มกลางแสงคบเพลิงที่ลุกโชนอยู่หน้าจวนโหว เสียงฆ้องกังวานแว่วก้องไปทั่วบริเวณ ประกาศให้ผู้คนรับรู้ถึงพิธีสมรสอันยิ่งใหญ่ของท่านโหวหนุ่ม ผู้เพิ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจสูงสุดในแคว้น ขบวนเจ้าสาวถูกต้อนรับเข้าสู่จวนอย่างสมเกียรติ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังนางผู้เป็นสตรีในดวงใจของเขา นางผู้ได้รับชัยชนะในหัวใจของชายที่สูงศักดิ์แต่ท่ามกลางความชื่นมื่นในค่ำคืนนี้ มีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นเหมย หญิงสาวในอาภรณ์เรียบง่ายยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย มือของนางกำชายอาภรณ์แน่นราวกับต้องการยึดเหนี่ยวบางสิ่งเอาไว้ในใจดวงตาของนางจับจ้องไปยังจวนโหว สถานที่ที่เคยเป็นเสมือนบ้านของนาง สถานที่ที่นางเคยฝากหัวใจ ฝากความหวัง และฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับบุรุษเพียงผู้เดียวนางเคยอยู่ข้างเขาในวันที่เขาไร้หนทาง เคยต่อสู้ฝ่าฟันไปด้วยกัน ยอมเอ่ยวาจาอ้อนวอนขุนนางผู้ทรงอำนาจ ยอมยื่นมือเปื้อนเลือดเพ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status