เมื่อแต่งกายเรียบร้อยแล้ว นางก็แต่งเติมใบหน้าเล็กน้อย อย่างพิถีพิถันแต่มันก็ดูเหมือนใช้สีมาป้ายใบหน้าแบบคนที่มิเคยแต่งเติมใบหน้าตนเองมาก่อน แม้ผิวพรรณเดิมของนางจะดีมาก ผุดผาดไม่แพ้ผู้ใดแต่มันก็ถูกกลบด้วยหุ่นที่อวบอวนใหญ่กว่าคุณหนูอื่นๆ และการแต่งกายที่แก่เกินวัยไปมาก แต่งเติมใบหน้าก็มิเป็นจึงทำให้ดูงดงามน้อยไปกว่าที่ควรจะเป็นมาก แต่นางก็เคยชินกับตัวเองที่เป็นเช่นนี้มานานแล้วจึงมิได้มองเห็นข้อบกพร่องนี้ จากนั้นเมื่อแต่งกายตนเองจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรอเวลาเพียงครู่ จิบชาและกินขนมรองท้องไปเพียงเล็กน้อยเพราะนางตื่นเต้นมากที่จะได้ออกไปพบกับบุรุษที่นางพึงใจหนักหนา
เมื่อใกล้เวลานัดหมายเฟยฮวาก็เดินออกไปที่ขึ้นรถม้าที่หน้าจวนเสนาบดี กับเผยอันสาวใช้ของนาง จากนั้นนางขึ้นไปบนรถม้าอย่างอารมณ์เบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เมื่อรถม้าเดินทางไปถึงหน้าโรงเตี้ยมชั้นดีที่เป็นโรงเตี้ยมสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้นเพราะมันเป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง
ชาวบ้านทั่วไปมิอาจเข้าไปใช้บริการได้เพราะว่าราคาห้องพักแพงหูฉี่ และอาหารเลิศรสที่มีให้บริการก็แพงมากกว่าโรงเตี้ยมเท่าไปหลายเท่า แม้มันจะอร่อยล้ำเพียงใดชาวบ้านทั่วไปก็มิมีเงินพอจะจ่ายได้ ที่นี่จึงมีแต่แขกกระเป๋าหนักเท่านั้นมาใช้บริการโรงเตี้ยมแห่งนี้ มันจึงมีบรรยากาศที่เงียบสงบไม่มีคนพลุกพล่าน โดยเฉพาะชั้นบนที่เปิดเป็นห้องอาหารส่วนตัว และห้องพักแรมที่อยู่ชั้นสูงขึ้นไป
เฟยฮวาเมื่อเข้ามาในโรงเตี้ยมนี้แล้ว ก็สอบถามเสี่ยวเอ้อที่วิ่งมาต้อนรับว่า นางมาพบท่านอ๋องรุ่ยหยางเพราะว่ามีนัดหมายกันไว้ เสี่ยวเอ้อจึงพานางเดินขึ้นไปบนชั้นห้าของโรงเตี้ยมที่เป็นชั้นสูงสุดและห้องพักแพงที่สุดเช่นกัน แต่มีความเป็นส่วนตัวมาก เดินขึ้นไปถึงชั้นนบนนั้นแล้วแทบมิมีผู้คนเลยด้วยซ้ำ มีแต่ห้องที่เรียงกันเป็นแถวยาวไปจนสุดแนว เสี่ยวเอ้อพานางเดินไปจนสุดทางแล้วชี้บอกว่าห้องที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางรออยู่นั้นอยู่ริมสุดทางเดินนั้น
เฟยฮวาจึงเดินตรงไปตามที่เสี่ยวเอ้อบอกนาง ขณะที่เดินตรงไปนั้นเผยอันสาวใช้ที่เดินตามนางมาติดๆก็ถูกมือปริศนาตะปปเข้าที่ปากของนางในมือนั้นมีผ้าผืนเล็กๆอยู่ด้วย เมื่อเผยอันสูดกลิ่นแปลกที่อยู่ในผ้านั้นไปนางก็สลบไปทันที จากนั้นชายเจ้าของมือนั้นก็ลากนางเข้าไปในห้องๆหนึ่ง แต่การกระทำนี้มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากและเงียบกริบ จนแม้แต่เฟยฮวาที่เดินอยู่ข้างหน้านางนั้นก็ไม่ทันรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ นางยังคงเดินต่อไปจนถึงห้องริมทางเดินนั้น แล้วก็ยกมือเคาะประตูหนาหนักนั้นเบาๆ เสียงของท่านอ๋องรุ่ยหยางเอ่ยอนุญาติเบาๆ
นางก็เปิดเข้าไปด้วยใจที่ตื่นเต้นยิ่งนัก จึงไม่ได้คิดระวังตัวอันใด เมื่อเดินเข้าไปในห้องใหญ่นั้น นางก็เลี้ยวไปทางด้านซ้าย ก็พบโต๊ะอาหารตัวใหญ่บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่หลายจานด้วยกัน ท่านอ๋องรุ่ยหยางบุรุษในดวงใจของนางนั่งอยู่เพียงผู้เดียวและส่งยิ้มหล่อเหลามาให้นางอย่างกว้างขวาง เฟยฮวายิ้มตอบเขาไปอย่างตื่นเต้น แล้วก็เดินตรงเข้าไปหาเขา “ ท่านอ๋องส่งจดหมายให้ฮวาเอ๋อใช่ไหมเจ้าคะ นัดให้มาพบที่นี่ ”
อ๋องหนุ่มพยักหน้าให้นางน้อยแล้วเอ่ยว่า “ ใช่ข้าต้องการพบเจ้า เพราะข้าเพิ่งรู้สึกตัวว่าหลงรักเจ้าเข้าแล้ว ก็เลยอยากจะลองคบหากันเจ้าดู นั่งลงก่อนสิ ข้าสั่งอาหารมารอเจ้าหลายอย่าง เจ้าลองชิมดูว่าอาหารที่นี่เลิศรสสมกับราคาของมันหรือไม่ ” ฮวาเอ๋อยิ้มให้เขาน้อยๆ แล้วก็นั่งลงตามคำเชิญ จากนั้นอ๋องหนุ่มก็รินสุราดอกท้อให้นาง แล้วเอ่ยว่า “ เจ้าลองจิบสุราดอกท้อนี่ดูนะ ข้าสั่งมาเป็นพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ มันรสเลิิศมาก ข้าลองชิมดูแล้ว " เฟยฮวาแม้ไม่เคยดื่มสุราเลยด้วยซ้ำ แต่ความที่อยากจะเอาใจท่านอ๋องหนุ่มที่นางแอบรักเขามานานจึงได้ยอมยกจอกที่เขารินสุราให้นางนั้นขึ้นดื่มทันที
เมื่อดื่มไปเพียงเล็กน้อย ท่านอ๋องก็คะยั้นคะยอให้นางดื่มอีกเพื่อฉลองการคบหากันของทั้งสอง นางจึงดื่มเข้าไปอีกเพื่อเอาใจเขา จากนั้นเขาก็รินให้นางอีกจนเต็มจอกเล็กนั่น ฮวาเอ๋อไม่กล้าขัดใจเขาจึงดื่มเข้าไปอีกจนหมดจอกที่สอง จากนั้นนางก็เริ่มมึนเมาเล็กน้อย และความร้อนรุ่มที่ไม่เคยมาก่อนก็เกิดกับกายของนาง นางรู้สึกร้อนรุ่มจนอยากจะถอดอาภรณ์ของนางทิ้ง
ม้นางจะพยายามข่มใจมิให้ทำตามความต้องการนั้น แต่มันก็เริ่มมากมายขึ้น นางร้อนรุ่มจนแทบจะนั่งไม่ติด เหงื่อเริ่มแตกขึ้นมากมาย นางหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของท่านอ๋องรุ่ยหยาง เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมโต๊ะกลมใหญ่นั้นมาหานาง “ ท่านอ๋องเจ้าขา ข้าเป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกแปลกๆ มันร้อนรุ่มเหลือจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ ” อ๋องหนุ่มยิ้มเหยียดให้นางแล้วเอ่ยว่า “ ข้าจะช่วยเจ้าเองให้อาการนี้มันหายไป ” จากนั้นเขาก็ดึงมือนางให้ลุกขึ้นเดินไปที่เตียงกว้างนั้น พยุงนางนั่งลง แล้วเขาก็ถอดผ้าคาดเอวของนางออก
มือหนาแหวกสาปเสื้อของนางจนหลุดออกจากไหล่มันขาวผ่องนั้น เขาดึงชุดคลุมตัวนอกของนางออกจนพ้นกายของนาง แล้วโยนมันทิ้งข้างเตียงนั่น ในกายอวบอั๋นขาวผ่องตอนนี้เหลือเพียงเอี๊ยมตัวบางๆของนางเท่านั้น อ๋องหนุ่มมองนางแล้วกลืนน้ำลาย หญิงผู้นี้เมื่อถอดอาภรณ์ออกแล้วก็งดงามมิใช่น้อย นางมีหน้าอกอวบใหญ่และผิวกายขาวผ่องยิ่งนัก ผุดผาดยิ่งกว่าหญิงอีกหลายๆคนที่เขาเคยผ่านมา แม้นางจะอวบอ้วนแต่ก็มีน้ำมีนวลยิ่งนัก เขาจึงเอื้อมมือหนาไปปลดไส้ไก่เส้นเล็กๆที่ผูกเป็นโบว์ไว้ด้านหลังของนางออกจนมันหลุดจากกัน เมื่อเอี๊ยมตัวบางหลุดลุ่ย
อ๋องหนุ่มแทบจะลืมหายใจ อกอวบใหญ่ของนางมีผลอิงเถาสีชมพูดูแล้วมิเคยผ่านชายใดมาก่อน อกอวบนั้นตั้งเป็นลูกงดงามยิ่งนัก มันขาวผ่องจนเขาอยากจะกลืนกินมันลงไป เมื่อคิดได้ดังนั้นอ๋องหนุ่มดันตัวนางนอนลงบนเตียงใหญ่นั้น แล้วเขาถอดผ้าคาดเอวออกอย่างรวดเร็วและถอดเสื้อคลุมของขาออก สลัดมันทิ้งลงไปกองข้างๆอาภรณ์ของนาง แล้วก็ขึ้นไปคร่อมร่างอวบนั้นทันที จากนั้นเขาประกบจูบนางอย่างรวดเร็ว เฟยฮวาตกตะลึงที่เหตุการณ์มันรวดเร็วจนนางไม่ทันตั้งตัว อ้าปากจะร้องจึงเป็นโอกาสให้ลิ้นสากของเขาสอดเข้าไปในปากเล็กนุ่มนิ่มนั้นทันที
อ๋องหนุ่มพบว่าปากของนางช่างหวานล้ำเหลือเกิน ยิ่งกว่าสตรีอื่นที่เขาเคยผ่านพบ ลิ้นสากเข้ารุกไล่เกี่ยวกันลิ้นเล็กๆของนางอย่างดูดดื่ม จนร่างอวบยินยอมให้เขาจูบอย่างเต็มใจ นางเรียนรู้อย่างรวดเร็วและลิ้นเล็กของนางก็เข้าเกี่ยวพันกับลิ้นสากของเขาอย่างดูดดื่ม อ๋องหนุ่มครางเบาๆ เขาติดใจนางเข้าเสียแล้ว ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มจนกลายเป็นเร่าร้อนรุนแรงขึ้น เมื่อจูบนางจนพอใจแล้ว เขาก็ไล้เลียลงไปที่แก้มนวลหอมกรุ่นของนาง
ไล้เลียใบหูเล็กขาวผ่องนั้นอย่างเมามัน แล้วก็เลื่อนใบหน้้าหล่อเหลานั้นลงไปตามลำคออวบขาวผ่องของนาง จนถึงอกอวบใหญ่ ใบหน้าคมฟอนเฟันมันอย่างมันเขี้ยว เขาพรมจูบและทำรอยไว้จนทั่วอกอวบใหญ่นั้น แล้วอ้าปากดูดดึงผลอิงเถาที่เขาหมายตาไว้แต่แรกนั้น ดูดมันจนแก้มตอบ ดูดยาวนาน แล้วปล่อย แล้วก้มลงดูดมันอีกเช่นทารกดูดนมมารดาก็มิปาน
ตำหนักของท่านอ๋องรุ่ยหยางผ่านไปสามปี คึกคักยิ่งกว่าเดิมมาก พระชายาเฟยฮวาคลอดบุตรีออกมาอีกหนี่งคน คราวนี้สมใจบิดาของนางยิ่งนักที่ในที่สุดจะได้ท่านหญิงน้อยๆเสียที เพราะเขาชมชอบบุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่จะมาวิ่งไล่ตามเขาต้อยๆ แล้วเรียกเขาว่าท่านพ่อเจ้าคะ มานานแล้ว แม่นมฟางตอนนี้ก็วุ่นวายเรื่องท่านหญิงตัวน้อย แต่ก็ได้พี่เลี้ยงที่คล่องงานแล้วสองนางมาช่วยกันดูแล นางแค่เฝ้ามองดูเท่านั้น ส่วนท่านชายน้อยก็วิ่งเล่นไปมาในตำหนักอย่างซุกซนยิ่งนัก ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลถึงสองคน เพราะท่านชายน้อยๆคนนี้ชอบปีนป่ายต้นไม้อย่างยิ่งพระชายาเฟยฮวาเมื่อท้องแก่ต้องคอแหบคอแห้งร้องเรียกท่านชายน้อยให้ลงมาจากต้นไม้เมื่อยามที่ทุกคนเผลอเขาก็จะตะกายขึ้นไปบนต้นไม้จนได้ ตอนนี้พระชายาพักฟื้นจากการคลอดจึงเป็นเผยอันที่ต้องคอยมาประกบท่านชายกับพี่เลี้ยงอีกสองคน เขาวิ่งเล่นอย่างรวดเร็วมากยิ่งมีพี่เลี้ยงคอยวิ่งไล่ตาม เขาก็จะสนุกสนานที่จะวิ่งหนี แต่อีกอย่างเขาชอบฝึกวิทยายุทธเป็นอย่างยิ่ง เขามักจะขอให้องครักษ์ของบิดาสอนเขา เขาจึงค่อนข้างจะเก่งกาจกว่าเด็กเล็กในวัยเดียวกันบางครั้งวิ่งซนและเหาะไต่ขึ้นไปบนที่ต่างๆตำหนัก ทำให้ข้าวของแตก
แม้แต่ริมหน้าต่างก็มิเว้นที่จะพากันไปสำรวจ จนมาจบลงที่พื้นห้อง ฟางหรงโยกขย่มร่างหนาอย่างร่านรัก แม่ทัพฉีก็อ้าปากดูดดึงยอดอกสีแดงระเรื่อที่ส่ายไปมาเหมือนยั่วยวนเขานั้นอย่างเมามัน เสียงเขาครางกระหึ่มในลำคอหนานั้น เขารู้สึกสุขสมเกินจะบรรยาย ดวงตาคมมองใบหน้ายั่วยวนของนางอย่างหลงไหล มือหนาบีบเค้นไปตามร่างกายอวบอิ่มของนางอย่างมันเขี้ยว เขาบีบสะโพกอวบอัดนั้นจนมันขึ้นสี และกระแทกนางอย่างเมามัน ทั้งสองลืมวันเวลาต่างผลัดกันโยกขย่มกันเช่นนั้นเมื่อเหนื่อยก็ผล็อยหลับไป แล้วตื่นมาโยกขย่มกันในอ่างอาบน้ำใบใหญ่นั้นอีก อย่างเร่าร้อน ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม “ ท่านพี่เจ้าขา ยังคิดว่าข้าด้อยกว่าเฟยฮวาอีกหรือไม่ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าจะไปหาบุรุษอื่นเพื่อพิสูจน์ดูว่าข้านั้นเด็ดกว่าหญิงเช่นเฟยฮวา ” นางเอ่ยขึ้นเหลียวมองใบหน้าคร้ามคมที่จ้องนางอยู่นั้น ขณะนั้นร่างหนากำลังขย่มนางอยู่ทางด้านหลัง เขาบีบสะโพกนางอย่างมันมือ “ ไม่แล้ว เมียรัก เจ้าเด็ดดวงที่สุด ข้าทั้งหลงทั้งรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ห้ามขาดที่เจ้าจะไปพิสูจน์กับบุรษอื่นอีก เพราะเจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ข้าจะรีบตบแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด ” ร่างหนาเอ่ยขึ้
หลังยามซื่อ (สิบโมงเช้า ) คนของจวนคหบดีเจีย ก็พาคหบดีเจียมาที่โรงเตี้ยมที่เมื่อวานบุุตรีของเขามาลงรถม้าที่หน้าโรงเตี้ยมตามที่บ่าวที่ขับรถม้าบอกเขาในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อวานเขาก็เมามายมากเพราะดื่มมาจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของท่านอ๋องรุ่ยหยาง เมื่อกลับถึงจวนเขาจึงเข้านอนทันที มิได้ถามไถ่ถามบุตรสาวว่ากลับมาถึงจวนแล้วหรือยัง แต่เมื่อตอนเช้านี้ สาวใช้ของนางเดินเข้ามาบอกเขาว่าคุณหนูมิได้กลับมาที่จวนเลยทั้งคืน เขาจึงได้เรียกคนขับรถม้ามาสอบถาม พบว่าเมื่อวานนางให้ไปส่งที่หน้าโรงเตี้ยมกวงไถ่ แล้วนางก็เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งนั้น สายๆวันนี้เขาจึงได้มาตามหานางด้วยตนเองเพราะเป็นห่วงนางเหลือเกินว่านางไปอยู่เสียที่ไหน เขาพอจะรู้ว่านางหลงรักท่านอ๋องรุ่ยหยาง คิดว่านางคงจะเสียใจยิ่งที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางแต่งงานไปแล้วกับหญิงอื่น เขาคิดไปว่านางคงจะไปดื่มเหล้าจนเมามายแล้วกลับจวนมิได้จึงได้นอนค้างที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น เพราะเขารู้ว่าโรงเตี้ยมแห่งนั้นมีห้องพักให้เช่าราคาแพงพอสมควรเพราะเป็นโรงเตี้ยมชั้นดี คนที่มาใช้บริการย่อมมีแต่พวกขุนนางและคหบดีหรือเป็นพวกราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีเงินพอที่จะจ่ายค่าที่พักและค่าอาห
เมื่อแม่ทัพฉีเจียอีและคุณหนูฟางหรงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะตัวกลมใหญ่หน้าห้องนั้น เสี่ยวเอ้อได้นำสุราที่เหลืออยู่ของทั้งสองและกับแกล้มของพวกเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้ด้วย ทั้งสองยกไหสุราซดกันต่อและตบไหล่ปลอบใจกันไปมาอย่างมิใครร่จะรู้เรื่องนัก จากนั้น เมื่อเมาได้ที่แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออกแล้วบ่่นออกมาว่าร้อนเหลือเกินฝ่ายเจียฟางหรงเห็นแม่ทัพฉีเจียอีถอดเครื่องแต่งกายออก นางก็ลงมือถอดของตนเองออกบ้างจนกระทั่งทั้งสองท้ากันว่าใครจะถอดอาภรณ์ได้เร็วกว่ากัน จนกระทั่งทั้งสองกายเปลือยเปล่าทั้งคู่ แม่ทัพฉีจ้องมองกายอวบขาวผ่องตรงหน้าเขาตะลึงงัน และมองใบหน้านางซ้อนไปมากับเฟยฮวา เขาหลงลืมตนไปชั่วครู่ จึงได้ดึงใบหน้าของเจียฟางหรงเข้ามาแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่มทันทีฝ่ายเจียฟางหรงนางมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วนึกไปถึงท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วก็คิดไปว่าบุรุษที่จูบนางอย่างดูดดื่มนี้คือท่านอ๋องรุ่ยหยาง นางจึงยกแขนเรียวนั้นขึ้นโอบรอบคอหนานั้นอย่างเต็มใจ คืนนี้นางจะแสดงฝีมือให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางดูว่านางก็งดงามและเร่าร้อนไม่แพ้กับเฟยฮวาเช่นกัน จากจูบดูดดื่มนั้นกลายเป็นเร่าร้อน แม่ทัพจูบนางจนพอใจ
งานแต่งของท่านอ๋องรุ่ยหยางและเฟยฮวามิได้เอิกเกริกนัก เพราะเฟยฮวามิอยากให้งานใหญ่นัก เพียงจัดให้ถูกต้องตามประเพณีก็เพียงพอแล้ว ทางวังหลวงส่งคนมาจัดการเรื่องงานให้ทั้งหมด คนจากในวังมาจัดการงานต่างๆตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น ราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ รวมถึงคหบดีทั้งหลายก็มาร่วมงานนี้ ต่างพากันนำของขวัญมาอวยพรท่านอ๋องและพระชายากันอย่างคับคั่งแม้มิได้เชิญแขกเหรื่อมากมาย แต่จำนวนแขกก็ยังมากมายอยู่ดีในงานมีอาหารและสุราชั้นดีเลี้ยงอย่างไม่อั้น มีคนนำหมูหัน และเป็ดย่างจำนวนมากมายมาให้เพื่อเลี้ยงแขกในงาน รสชาติของมันดังเช่นอาหารเหลาชั้นดี ในงานนั้นมีแต่เสียงอวยพรกันไม่ขาดสาย แขกเหรื่อต่างยกจอกขึ้นดื่มอวยพรท่านอ๋องรุ่ยหยางจนเขาต้องยกจอกขึ้นรับการดื่มอวยพรนั้นจนกระทั่งเมามายไม่น้อย ในโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่เป็นโต๊ะของคหบดีเจีย มีร่างของเจียฟางหรงนางนั่งดื่มสุราแล้วแอบเช็ดน้ำตาป้อยๆ นางไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะแต่งงานอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มิทันรู้ตัวท่านอ๋องก็จััดงานแต่งงานและมีพระชายาเรียบร้อยแล้ว นางคาดหวังไว้มากว่านางคงจะมีโอกาสได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องในสักวันหนึ่ง เมื่อก่อนนางก็เคยรู้้มาว่าเฟยฮวาบ
องค์ชายทั้งสองเห็นด้วยกับจึงแม่นมฟางเอ่ยขึ้นว่า “ เรื่องเพียงเท่านั้นมิต้องกังวล ข้ากับเจ้าห้าจะซื้อจวนเล็กๆให้นางอยู่เป็นส่วนตัวและจะให้ทรัพย์สินกับนางพอประมาณให้นางไว้เลี้ยงตนในอนาคต และให้นางอยู่ในฐานะหญิงอุ่นเตียงของพวกข้า ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นห่วงของนางในตอนนี้และอนาคต หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป พวกข้าจะจัดการมอบทรัพย์สินไว้ให้นางเอาไว้เลี้ยงตนมิให้ต้องลำบาก เพราะได้ชื่อว่าเคยเป็นเมียของพวกข้ามาก่อน ย่อมมิต้องลำบากอย่างแน่นอน ” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นและองค์ชายห้าพยักหน้าสนับสนุนความคิดเห็นของเขา เมื่อตกลงกันได้แล้ว แม่นมฟางโบกมือให้ทุกๆคนออกไปจากห้องนั้น แล้วนางก็ตามออกไปแล้วหันมาปิดประตูตามหลังไว้เพราะเกรงว่าสาวใช้คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาจะมองเข้าไปเห็นคนด้านใน แม่นมฟางเดินกลับเรือนตนเองไป ในใจก็ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาว แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาดังๆ เฮ้อ !! ช่างมันเถอะ ในเมื่อข้าวสารกลายไปเป็นข้าวสุกเสียแล้ว อย่างน้อยถ้าจะยัดเยียดหลานสาวของตนให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางก็คงยากที่จะสำเร็จ เพราะท่านอ๋องมิเคยมองหลานสาวของนางเลยด้วยซ้ำแถมเมื่อคืนหญิงผู้นั้นไม่อยู่แค่เพียงคืนเดียวก็วิ่งโร