ปากหนาก็ดูดผลอิงเถาอย่างเมามัน ส่วนมือหนาก็คลำหาจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของนาง เขาขยำมันอย่างเมามัน แล้วก็ค่อยสอดนิ้วแกร่งเข้าไปแล้วเขี่ยเมล็ดดอกไม้งามนั้นไปมา เฟยฮวาครางกระเส่าทันทีอย่างเสียวซ่าน สะโพกอวบของนางโยกน้อยๆเข้าหามือหนาของเขาทันที
จากนั้นอ๋องหนุ่มสอดนิ้วแกร่งเข้าไปค่อยๆจนมันมิดด้าม เฟยฮวา กรีดร้องด้วยความเจ็บขึ้นทันที ใบหน้าคมคายจึงประกบจูบนางอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง จากนั้นเมื่อนางเคลิบเคลิ้มเขาก็ค่อยขยับนิ้วแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ เพื่อให้นางปรับตัวก่อน เขารู้ว่านางมิเคยชายมาก่อน เขาไม่อยากให้นางเจ็บตัวมากเกินไป
เขามิรู้มาก่อนว่าเขาอยากจะถนอมนางมากเพียงนี้ จากนั้นนิ้วแกร่งก็ค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง จนสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที มือหนาเปื้อนน้ำรักของนางจนเต็มมือ นางหอบหายใจเร็วๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย จากนั้นอ๋องหนุ่มก็ก้มลงไล้เลียร่องอวบนั้นไปมาอย่างเมามัน เขาดูดดึงเมล็ดดอกไม้เล็กๆนั้น ดูดจนมันบวมเป่ง เฟยฮวาร่อนสะโพกเข้าหาใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
จากนั้นอ๋องหนุ่มผุดลุกขึ้น ถอดเครื่องแต่งกายของตนที่เหลือจนหมดแล้ว ปลดปล่อยลำกายแกร่งออกมา แล้วก็ชักรูดกายแกร่งนั้นจนมันพรักพร้อมแล้วค่อยๆสอดลำกายนั้นเข้าไปในร่องอวบของนางช้าๆ เฟยฮวากรีดร้องด้วยความเจ็บ “ ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าคะ ข้าเจ็บ อย่านะ อย่า อ๊าย อ๊ายย ”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงจูบนางอีกครั้ง เพื่อจะหลอกล่อให้นางลืมความเจ็บปวดนี้ เขาเฝ้าจูบจนนางเคลิบเคลิ้มไปกับจูบที่ดูดดื่มนั้น เขาจึงค่อยๆผลักลำกายเข้าไปในร่องอวบนั้นจนสุดทาง จากนั้นค่อยๆขยับช้าๆ เพื่อให้นางปรับตัวก่อน ระหว่างนี้เขาก้มลงดูดดื่มผลอิงเถาของนางอีกครั้ง เขาติดใจมันเข้าแล้ว พร้อมกันคิดว่า เขาจะปล่อยนางไปได้หรือไม่ จากนั้นเขาค่อยๆขยับลำกายเข้าออกสุดออกสุดช้าๆ แล้วเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องใหญ่นั้น อ๋องหนุ่มกระแทกกายแกร่งแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเตียงใหญ่นั้นสั่นไหว หัวเตียงกระแทกผนักดัง กึก กึก ก้องไปทั่วห้องนั้น “ อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายย ” เฟยฮวาร้องครวญครางอย่างอดกลั้นไม่ได้อีกต่อไป นางโยกสะโพกอวบนั้นเข้าหากายแกร่งอย่างเร่าร้อนจนเป็นจังหวะเดียวกัน
ร่างหนาก็กดกระแทกนางอย่างรุนแรง ทั้งสองครวญครางผสานกันอย่างสุขสมเหลือเกิน ทั้งสองกระตุกเกร็งเสร็จสมไปพร้อมๆกัน ร่างหนาปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปจนเต็มร่องอวบ จากนั้นก็พลิกร่างอวบของนางลงนอนคว่ำแล้วเขาก็ดึงสะโพกอวบขึ้นมาแล้วสอดลำกายใหญ่นั้นเข้าไปอีกครั้งจนมิดลำกาย แล้วโยกขย่มนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เขากระแทกสะโพกอวบนั้นอย่างเมามัน รุนแรงตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเฟยฮวาก็โยกเข้าหาร่างหนานั้นอย่างเร่าร้อน ด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดที่เขาวางยานางและนางก็รักเขาเต็มหัวใจ จึงยอมมอบกายให้เขาอย่างเต็มใจ นางอยากปรนนิบัติเขาให้มีความสุขที่สุด จึงร่อนสะโพกเข้าหาเขาอย่างเร่่่าร้อน เร้าใจเขาที่สุด
อ๋องหนุ่มกดกระแทกนางจากทางด้านหลัง เขากดให้นางนอนลงแนบบนฟูกหนานั้น แล้วสอดลำกายเข้าไปอีกครั้ง กดกระแทกนางอย่างเร่าร้อนรุนแรงอีกครั้ง ทั้งสองผลักกันรุกผลัดกันรับอย่างเร่าร้อน อ๋องหนุ่มสุขสมเกินจะบรรยาย เขาไม่เคยสุขสมกับสตรีผู้ใดเช่นนี้มาก่อน นางเป็นหญิงคนแรกที่เข้าถึงเขาได้ขนาดนี้ เสียงหัวเตียงกระทบผนังดังก้องผสานกับเสียงครวญครางของทั้งสองที่ดังออกไปนอกห้องนั้น องครักษ์สองคนที่ยืนเฝ้าหน้าห้องนั้น หันมามองหน้ากันด้วยหน้าที่แดงระเรื่อน้อยๆ แล้วยิ้มให้กัน
ทั้งสองบรรเลงเพลงรักกันจนกระทั่งเย็นย่ำ จนหมดแรงกันทั้งคู่ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไป กลางดึกคืนนั้น เหล่าองค์ชายที่มาตามนัดหมายเพราะรู้ว่าอ๋องรุ่ยหยางจะเผด็จศึกสตรีขี้เหร่ผู้นั้นในวันนี้แล้ว จึงพากันมารอหน้าห้องพักแรมแห่งนั้น เมื่อองครักษ์เข้าไปปลุกท่านอ๋องเบาๆ ท่านอ๋องหนุ่มหันไปมองร่างอวบที่นอนหมดแรงข้างๆเขา เขารีบยกผ้าผวยขึ้นคลุมตัวนางอย่างมิดชิดเกรงจะมีผู้อื่นเข้ามาเห็นนาง
จากนั้นเขาจึงย่องออกไปจากห้องนั้น แล้วออกไปพบเหล่าองค์ชายที่หน้าห้อง “ พวกเจ้าจะรีบมากันทำไมป่านนี้ คนจะหลับจะนอน ข้าเหนื่อยเหลือเกินอยากจะนอนพัก ” เขาหงุดหงิดใส่เหล่าพี่น้องของเขาที่พากันมาดึกดื่น ไม่หลับไม่นอน มากวนเขาที่พึงนอนไม่ได้เพียงครู่เดียวอีก เหล่าองค์ชายต่างทำหน้างงงันกัน ที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางหงุดหงิดใส่พวกเขา
“ พวกข้าก็มาดูผลงานของเจ้าอย่างไรเล่า เป็นอย่างไรบ้างกล้ำกลืนหญิงขี้เหร่เข้าไป เจ้าก็หลับหูหลับตาทำได้ดีนี่ ไม่น่าเชื่อเลย ว่าเจ้าจะใช้เวลาเผด็จศึกนางนานขนาดนี้ เจ้ารู้ไหม พวกข้ามารอเจ้านานแล้ว ตั้งแต่บ่ายคล้อย ได้ยินเสียงเจ้ากับนางดังลั่นไปทั้งชั้นนี้ด้วยซ้ำไป พวกข้ายังคิดว่าเจ้านี่ เล่นละครได้สมจริงเกินไปหรือเปล่า
เจ้าบรรเลงเพลงรักกับนางอย่างกับที่เจ้ามีอะไรกับนางโลมอันดับหนึ่งอย่างนั้นแหละ มันยาวนานจนพวกข้าเกือบจะถอดใจลากลับไปก่อนแล้ว ถ้าไม่คิดว่าไหนๆเจ้าก็ทำภารกิจสำเร็จแล้ว คงต้องรอดูผลงานของเจ้าก่อน ไหนๆก็จะเสียม้าดีๆ ของพวกข้าไปตั้งห้าตัว ต้องพิสูจน์กันก่อนว่าเจ้าทำสำเร็จจริงๆ มิใช่ตบตาพวกข้าโดยการพานางโลมอันดับหนึ่งมาเข้าห้องแทนหญิงขี้เหร่ผู้นั้น ” องค์ชายห้าผู้ที่จะเสียม้าดีๆของตนไปเอ่ยด้วยความไม่ค่อยเช่ือว่าท่านอ๋องรุ่ยหยางจะมีอะไรกับหญิงขี้เหร่นั่นจริงๆ กลัวว่าเขาจะวางแผนตบตาด้วยการพาหญิงอื่นมาเข้าห้องแทน
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าขอเข้าไปดูหน่อยว่านางใช่หญิงขี้เหร่ผู้นั้นจริงหรือไม่ ข้าเกรงว่าเจ้าจะหลอกพวกเราโดยการพานางโลมอันดับหนึ่งมาเข้าห้องแทนหญิงผู้นั้น เพราะว่าจากเวลาที่เจ้าเผด็จศึกนางนั้นมันนานเกินไปหรือเปล่า ข้าแทบไม่น่าเชื่อว่าหญิงที่เจ้าเสพสุขด้วยจะเป็นนางจริงๆ “ ท่านอ๋องหนุ่มมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
" ข้าให้พวกเจ้าเข้าไปดูไม่ได้หรอก นางกำลังนอนอยู่ ไม่อยากให้นางตกใจที่เห็นชายตั้งหลายคนเข้าไปในห้องของนาง ” องค์ชายทั้งหลายหันมองหน้ากัน “ แล้วเจ้าจะพิสูจน์เช่นไรเล่า ถึงได้รู้ว่าเจ้าเสพสุขกับนางจริงๆหรือไม่ ”
ท่านอ๋องรุ่ยหยางทำหน้าลำบากใจยิ่งนัก “ ถ้าเช่นนั้น ข้าไม่รับเดิมพันแล้วก็ได้ แต่ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าเข้าไปดูนางเด็ดขาด ข้ายอมแพ้พนันพวกเจ้าและไม่รับของเดิมพัน เป็นอันว่าจบกันนะ กลับไปได้แล้ว ” ท่านอ๋องหนุ่มตัดสินใจเด็ดขาดรีบไล่พวกพี่น้องของเขากลับไปทันที เหล่าองค์ชายมีสีหน้าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหมอนี่มันแปลกๆนะ เหมือนหวงแหนหญิงในห้องนี้อย่างไรก็ไม่รู้ ถึงกับยอมไม่รับของเดิมพัน ทั้งที่เป็นสิ่งที่เขาอยากได้เป็นที่สุด ถึงได้ยอมรับการเดิมพันครั้งนี้ แต่นี่กลับยกเลิกง่ายๆ ทั้งที่ลงทุนมาขนาดนี้ น่าสงสัยจริง ๆ
“ เจ้าทำตัวน่าสงสัย ข้าชักอยากจะเห็นหญิงในห้องนั้นจริงๆ ว่าเป็นบุตรสาวขี้เหร่ของท่านเสนาบดีเฟยจริงหรือไม่ ” ท่านอ๋องหนุ่มชักสีหน้าสีบรรดาพี่น้องของเขา “ ข้าไม่ให้ดู ข้าจะเก็บไว้ดูผู้เดียว พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามายุ่งกับของๆข้า ” จากนั้นเขาก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่ใยดีพี่น้องของเขาอีก
ตำหนักของท่านอ๋องรุ่ยหยางผ่านไปสามปี คึกคักยิ่งกว่าเดิมมาก พระชายาเฟยฮวาคลอดบุตรีออกมาอีกหนี่งคน คราวนี้สมใจบิดาของนางยิ่งนักที่ในที่สุดจะได้ท่านหญิงน้อยๆเสียที เพราะเขาชมชอบบุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่จะมาวิ่งไล่ตามเขาต้อยๆ แล้วเรียกเขาว่าท่านพ่อเจ้าคะ มานานแล้ว แม่นมฟางตอนนี้ก็วุ่นวายเรื่องท่านหญิงตัวน้อย แต่ก็ได้พี่เลี้ยงที่คล่องงานแล้วสองนางมาช่วยกันดูแล นางแค่เฝ้ามองดูเท่านั้น ส่วนท่านชายน้อยก็วิ่งเล่นไปมาในตำหนักอย่างซุกซนยิ่งนัก ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลถึงสองคน เพราะท่านชายน้อยๆคนนี้ชอบปีนป่ายต้นไม้อย่างยิ่งพระชายาเฟยฮวาเมื่อท้องแก่ต้องคอแหบคอแห้งร้องเรียกท่านชายน้อยให้ลงมาจากต้นไม้เมื่อยามที่ทุกคนเผลอเขาก็จะตะกายขึ้นไปบนต้นไม้จนได้ ตอนนี้พระชายาพักฟื้นจากการคลอดจึงเป็นเผยอันที่ต้องคอยมาประกบท่านชายกับพี่เลี้ยงอีกสองคน เขาวิ่งเล่นอย่างรวดเร็วมากยิ่งมีพี่เลี้ยงคอยวิ่งไล่ตาม เขาก็จะสนุกสนานที่จะวิ่งหนี แต่อีกอย่างเขาชอบฝึกวิทยายุทธเป็นอย่างยิ่ง เขามักจะขอให้องครักษ์ของบิดาสอนเขา เขาจึงค่อนข้างจะเก่งกาจกว่าเด็กเล็กในวัยเดียวกันบางครั้งวิ่งซนและเหาะไต่ขึ้นไปบนที่ต่างๆตำหนัก ทำให้ข้าวของแตก
แม้แต่ริมหน้าต่างก็มิเว้นที่จะพากันไปสำรวจ จนมาจบลงที่พื้นห้อง ฟางหรงโยกขย่มร่างหนาอย่างร่านรัก แม่ทัพฉีก็อ้าปากดูดดึงยอดอกสีแดงระเรื่อที่ส่ายไปมาเหมือนยั่วยวนเขานั้นอย่างเมามัน เสียงเขาครางกระหึ่มในลำคอหนานั้น เขารู้สึกสุขสมเกินจะบรรยาย ดวงตาคมมองใบหน้ายั่วยวนของนางอย่างหลงไหล มือหนาบีบเค้นไปตามร่างกายอวบอิ่มของนางอย่างมันเขี้ยว เขาบีบสะโพกอวบอัดนั้นจนมันขึ้นสี และกระแทกนางอย่างเมามัน ทั้งสองลืมวันเวลาต่างผลัดกันโยกขย่มกันเช่นนั้นเมื่อเหนื่อยก็ผล็อยหลับไป แล้วตื่นมาโยกขย่มกันในอ่างอาบน้ำใบใหญ่นั้นอีก อย่างเร่าร้อน ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม “ ท่านพี่เจ้าขา ยังคิดว่าข้าด้อยกว่าเฟยฮวาอีกหรือไม่ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าจะไปหาบุรุษอื่นเพื่อพิสูจน์ดูว่าข้านั้นเด็ดกว่าหญิงเช่นเฟยฮวา ” นางเอ่ยขึ้นเหลียวมองใบหน้าคร้ามคมที่จ้องนางอยู่นั้น ขณะนั้นร่างหนากำลังขย่มนางอยู่ทางด้านหลัง เขาบีบสะโพกนางอย่างมันมือ “ ไม่แล้ว เมียรัก เจ้าเด็ดดวงที่สุด ข้าทั้งหลงทั้งรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ห้ามขาดที่เจ้าจะไปพิสูจน์กับบุรษอื่นอีก เพราะเจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ข้าจะรีบตบแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด ” ร่างหนาเอ่ยขึ้
หลังยามซื่อ (สิบโมงเช้า ) คนของจวนคหบดีเจีย ก็พาคหบดีเจียมาที่โรงเตี้ยมที่เมื่อวานบุุตรีของเขามาลงรถม้าที่หน้าโรงเตี้ยมตามที่บ่าวที่ขับรถม้าบอกเขาในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อวานเขาก็เมามายมากเพราะดื่มมาจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของท่านอ๋องรุ่ยหยาง เมื่อกลับถึงจวนเขาจึงเข้านอนทันที มิได้ถามไถ่ถามบุตรสาวว่ากลับมาถึงจวนแล้วหรือยัง แต่เมื่อตอนเช้านี้ สาวใช้ของนางเดินเข้ามาบอกเขาว่าคุณหนูมิได้กลับมาที่จวนเลยทั้งคืน เขาจึงได้เรียกคนขับรถม้ามาสอบถาม พบว่าเมื่อวานนางให้ไปส่งที่หน้าโรงเตี้ยมกวงไถ่ แล้วนางก็เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งนั้น สายๆวันนี้เขาจึงได้มาตามหานางด้วยตนเองเพราะเป็นห่วงนางเหลือเกินว่านางไปอยู่เสียที่ไหน เขาพอจะรู้ว่านางหลงรักท่านอ๋องรุ่ยหยาง คิดว่านางคงจะเสียใจยิ่งที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางแต่งงานไปแล้วกับหญิงอื่น เขาคิดไปว่านางคงจะไปดื่มเหล้าจนเมามายแล้วกลับจวนมิได้จึงได้นอนค้างที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น เพราะเขารู้ว่าโรงเตี้ยมแห่งนั้นมีห้องพักให้เช่าราคาแพงพอสมควรเพราะเป็นโรงเตี้ยมชั้นดี คนที่มาใช้บริการย่อมมีแต่พวกขุนนางและคหบดีหรือเป็นพวกราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีเงินพอที่จะจ่ายค่าที่พักและค่าอาห
เมื่อแม่ทัพฉีเจียอีและคุณหนูฟางหรงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะตัวกลมใหญ่หน้าห้องนั้น เสี่ยวเอ้อได้นำสุราที่เหลืออยู่ของทั้งสองและกับแกล้มของพวกเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้ด้วย ทั้งสองยกไหสุราซดกันต่อและตบไหล่ปลอบใจกันไปมาอย่างมิใครร่จะรู้เรื่องนัก จากนั้น เมื่อเมาได้ที่แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออกแล้วบ่่นออกมาว่าร้อนเหลือเกินฝ่ายเจียฟางหรงเห็นแม่ทัพฉีเจียอีถอดเครื่องแต่งกายออก นางก็ลงมือถอดของตนเองออกบ้างจนกระทั่งทั้งสองท้ากันว่าใครจะถอดอาภรณ์ได้เร็วกว่ากัน จนกระทั่งทั้งสองกายเปลือยเปล่าทั้งคู่ แม่ทัพฉีจ้องมองกายอวบขาวผ่องตรงหน้าเขาตะลึงงัน และมองใบหน้านางซ้อนไปมากับเฟยฮวา เขาหลงลืมตนไปชั่วครู่ จึงได้ดึงใบหน้าของเจียฟางหรงเข้ามาแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่มทันทีฝ่ายเจียฟางหรงนางมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วนึกไปถึงท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วก็คิดไปว่าบุรุษที่จูบนางอย่างดูดดื่มนี้คือท่านอ๋องรุ่ยหยาง นางจึงยกแขนเรียวนั้นขึ้นโอบรอบคอหนานั้นอย่างเต็มใจ คืนนี้นางจะแสดงฝีมือให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางดูว่านางก็งดงามและเร่าร้อนไม่แพ้กับเฟยฮวาเช่นกัน จากจูบดูดดื่มนั้นกลายเป็นเร่าร้อน แม่ทัพจูบนางจนพอใจ
งานแต่งของท่านอ๋องรุ่ยหยางและเฟยฮวามิได้เอิกเกริกนัก เพราะเฟยฮวามิอยากให้งานใหญ่นัก เพียงจัดให้ถูกต้องตามประเพณีก็เพียงพอแล้ว ทางวังหลวงส่งคนมาจัดการเรื่องงานให้ทั้งหมด คนจากในวังมาจัดการงานต่างๆตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น ราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ รวมถึงคหบดีทั้งหลายก็มาร่วมงานนี้ ต่างพากันนำของขวัญมาอวยพรท่านอ๋องและพระชายากันอย่างคับคั่งแม้มิได้เชิญแขกเหรื่อมากมาย แต่จำนวนแขกก็ยังมากมายอยู่ดีในงานมีอาหารและสุราชั้นดีเลี้ยงอย่างไม่อั้น มีคนนำหมูหัน และเป็ดย่างจำนวนมากมายมาให้เพื่อเลี้ยงแขกในงาน รสชาติของมันดังเช่นอาหารเหลาชั้นดี ในงานนั้นมีแต่เสียงอวยพรกันไม่ขาดสาย แขกเหรื่อต่างยกจอกขึ้นดื่มอวยพรท่านอ๋องรุ่ยหยางจนเขาต้องยกจอกขึ้นรับการดื่มอวยพรนั้นจนกระทั่งเมามายไม่น้อย ในโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่เป็นโต๊ะของคหบดีเจีย มีร่างของเจียฟางหรงนางนั่งดื่มสุราแล้วแอบเช็ดน้ำตาป้อยๆ นางไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะแต่งงานอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มิทันรู้ตัวท่านอ๋องก็จััดงานแต่งงานและมีพระชายาเรียบร้อยแล้ว นางคาดหวังไว้มากว่านางคงจะมีโอกาสได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องในสักวันหนึ่ง เมื่อก่อนนางก็เคยรู้้มาว่าเฟยฮวาบ
องค์ชายทั้งสองเห็นด้วยกับจึงแม่นมฟางเอ่ยขึ้นว่า “ เรื่องเพียงเท่านั้นมิต้องกังวล ข้ากับเจ้าห้าจะซื้อจวนเล็กๆให้นางอยู่เป็นส่วนตัวและจะให้ทรัพย์สินกับนางพอประมาณให้นางไว้เลี้ยงตนในอนาคต และให้นางอยู่ในฐานะหญิงอุ่นเตียงของพวกข้า ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นห่วงของนางในตอนนี้และอนาคต หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป พวกข้าจะจัดการมอบทรัพย์สินไว้ให้นางเอาไว้เลี้ยงตนมิให้ต้องลำบาก เพราะได้ชื่อว่าเคยเป็นเมียของพวกข้ามาก่อน ย่อมมิต้องลำบากอย่างแน่นอน ” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นและองค์ชายห้าพยักหน้าสนับสนุนความคิดเห็นของเขา เมื่อตกลงกันได้แล้ว แม่นมฟางโบกมือให้ทุกๆคนออกไปจากห้องนั้น แล้วนางก็ตามออกไปแล้วหันมาปิดประตูตามหลังไว้เพราะเกรงว่าสาวใช้คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาจะมองเข้าไปเห็นคนด้านใน แม่นมฟางเดินกลับเรือนตนเองไป ในใจก็ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาว แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาดังๆ เฮ้อ !! ช่างมันเถอะ ในเมื่อข้าวสารกลายไปเป็นข้าวสุกเสียแล้ว อย่างน้อยถ้าจะยัดเยียดหลานสาวของตนให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางก็คงยากที่จะสำเร็จ เพราะท่านอ๋องมิเคยมองหลานสาวของนางเลยด้วยซ้ำแถมเมื่อคืนหญิงผู้นั้นไม่อยู่แค่เพียงคืนเดียวก็วิ่งโร