Share

บทที่ 12

last update Last Updated: 2024-11-24 20:35:27

ในขณะที่ทางฝั่งเด็กๆ กำลังเล่นจับนกกันอย่างสนุกสนาน ทางด้านเรือนใหญ่เองก็เริ่มเปิดประตูต้อนรับขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดีกับเจิ้งกั๋วกงที่ได้เลื่อนตำแหน่ง กู้ฟางเหนียงในฐานะฮูหยินตราตั้งจึงต้องออกมาช่วยสามี และแม่สามีต้อนรับแขกเหรื่อ แน่นอนว่าจ้าวลี่จ้ง และจ้าวลี่เจียเองก็ถูกลากให้มาต้อนรับบรรดาคุณหนู บุตรีผู้สูงศักดิ์ที่มาร่วมงานกับครอบครัวเช่นเดียวกัน

“ใกล้จะได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว จ้งเอ๋อร์ไปดูสิว่าแม่นมหลิ่วแต่งตัวให้เสี่ยวชีเสร็จหรือยัง”

“เจ้าค่ะท่านแม่” จ้าวลี่จ้งรับคำ ผละกายจากไปได้เพียงไม่นาน ก็มีเสียงขานนามดังก้อง

“องค์รัชทายาทเสด็จ”

เฉินซือหยางมาร่วมงานอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน บรรดาขุนนางทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างแตกตื่นตกใจ รีบค้อมกายทำความเคารพ พลางรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่มาร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากจะได้ประจบเอาใจจ้าวมู่แล้วยังได้ประจบเอาใจรัชทายาทอีกทาง ซึ่งเป็นผลดีกับตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในอนาคต

วันนี้เฉินซือหยางสวมฉลองพระองค์สีขาวลายมังกรทองประดับหยกพกประจำตำแหน่งเดินเข้ามาในจวนไท่เว่ย โดยมีจางกงกงติดตามข้างกาย ขนของขวัญแสดงความยินดีมาด้วยขบวนใหญ่

“ยินดีกับเจิ้งกั๋วกงที่ได้เลื่อนตำแหน่ง”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ล้วนแล้วแต่เป็นพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทที่ทรงให้โอกาสกระหม่อมได้ทดแทนคุณแผ่นดิน”

“มีขุนนางมากความสามารถเช่นเจิ้งกั๋วกงล้วนเป็นโชคดีของแผ่นดินต้าเฉินโดยแท้”

หนึ่งขุนนางหนึ่งว่าที่เจ้าแผ่นดินสรรเสริญเยินยอกันพอเป็นพิธี ก่อนที่จ้าวมู่จะเชื้อเชิญให้เฉินซือหยางนั่งตรงตำแหน่งประธาน

“เจิ้งกั๋วกงไปต้อนรับแขกเหรื่อเถิดไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนเรา”

เฉินซือหยางนั่งสังเกตการณ์ในงานสักพักก็เห็นจ้าวลี่จ้งบุตรสาวคนรองของจ้าวมู่เข้ามากระซิบกระซาบกับมารดาด้วยท่าทีร้อนใจ จากนั้นก็เห็นจ้าวมู่หันไปสั่งการคนรับใช้ในจวนด้วยสีหน้าเครียดขึง เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่เป็นที่สังเกตของแขกเหรื่อในงาน แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาไปได้

เฉินซือหยางส่งสายตาให้เว่ยอันไปสืบ เพียงครู่เดียวเว่ยอันก็กลับมารายงาน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“บุตรชายของเจิ้งกั๋วกงหายตัวไปพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เจิ้งกั๋วกงกำลังส่งคนออกตามหาอย่างลับๆ คาดว่าเป็นฝีมือของชาวเซียนเป่ย”

“สั่งองครักษ์เงาให้ช่วยตามหาอีกแรง”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

“พระองค์จะเสด็จไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ” จางเสี่ยวเหล่ยซักถามเมื่อเห็นว่าองค์เหนือหัวปลีกตัวออกจากห้องโถงหลัก

เฉินซือหยางโบกมือห้ามไม่ให้จางกงกงตามมา “ข้าจะออกไปสูดอากาศข้างนอกเสียหน่อย เจ้าไม่ต้องตามมา”

“แต่ว่าสถานการณ์เช่นนี้กระหม่อมเกรงว่า...”

จางเสี่ยวเหล่ยหุบปากฉับเมื่อเห็นสายตาแฝงแววตักเตือนจากองค์รัชทายาท ไม่กล้าทักท้วงใดๆ อีก ทำเพียงแอบกำชับองครักษ์เงาสองนายให้ดูแลองค์รัชทายาทให้ดี

เฉินซือหยางเหม่อมองสระบัวเบื้องหน้าจับตัวเป็นน้ำแข็งแผ่นบาง ไม่มีปลาสักตัวแหวกว่าย พอครุ่นคิดถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเสด็จพ่อก็ให้ปวดศีรษะ ในเมื่อตัวชูโรงหายตัวไปอย่างนี้ แล้วงิ้วเรื่องนี้เขาจะแสดงต่อได้อย่างไรเล่า

เฉินซือหยางถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม ร่างเล็กข้ามสะพานไม้ เดินเล่นไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีศาลาหอเก๋งท่ามกลางป่าท้อก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า จึงคิดจะเข้าไปนั่งชมป่าท้อคลายเครียดเสียหน่อย แต่พอก้าวเท้าเข้าไปในศาลาหลังน้อยเพียงก้าวกลับเห็นลูกท้อขาวอวบผลหนึ่งกลิ้งหลุนๆ ออกมาจากใต้โต๊ะเสียก่อน

“หือ? เด็กน้อยจากที่ใดกัน” เฉินซือหยางชักเท้าหลบลูกท้อขาวอวบลูกนั้น สายตาเคร่งขรึมมองตามร่างกลมป้อมกลิ้งไปกลิ้งมาคล้ายหาที่นอนหลับสบายจนใบหน้าบู้บี้ไปกับพื้นห้อง ริมฝีปากสีแดงระเรื่อดูดนิ้วนอนต่อไปอย่างสบายอุรา จนเฉินซือหยางอดยกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“นี่ๆ เจ้าหมูน้อย เหตุใดเจ้าถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้เล่า นี่!” องค์รัชทายาทจิ้มแก้มยุ้ยของจ้าวลี่หมิงเล่น ปลุกเด็กน้อยให้ตื่นจากนิทรา แต่เด็กอ้วนทำเพียงพลิกตัวหนีอย่างรำคาญ แล้วหลับต่อเสียอย่างนั้น

“(~﹃~)~zZ”

“เด็กขี้เซาเอ๊ย” เฉินซือหยางหยิกแก้มด้วยความมันเขี้ยว แต่คงจะหนักมือไปหน่อย จ้าวลี่หมิงถึงกับร้องไห้จ้าเลยทีเดียว

“แหง๊ .·´¯'(>▂<)´¯'·. ”

"ಠ╭╮ಠ"

จ้าวลี่หมิงลืมตามองคนใจร้ายที่กำลังก่อกวนเขาอย่างตัดพ้อต่อว่า ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ ดวงตากลมโตราวกับเมล็ดซิ่ง[1] ฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำตา

วินาทีที่เฉินซือหยางสบเข้ากับดวงตากลมโตคู่นั้น โลกพลันหยุดหมุน ทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน จิตวิญญาณคล้ายถูกดึงดูดเข้าไปในดวงตาสีนิลฉ่ำวาวแฝงประกายสีเขียวมรกตสดใส ข้างในอกร้อนผ่าว จิตใจสั่นไหวหลุดหายไปในห้วงกาลเวลาที่ผันผ่านมาเนิ่นนาน

“เกอเกอ?”

เฉินซือหยางยื่นมือสั่นเทาลูบใบหน้าเล็กๆ ของจ้าวลี่หมิงอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ เด็กชายไม่รู้เลยว่าขณะที่เขาสบตากับจ้าวลี่หมิงอยู่นั้น หยาดน้ำตาอุ่นร้อนไหลออกมาเป็นสาย หยดลงบนใบหน้าอวบอิ่มของจ้าวลี่หมิงราวกับสายฝน จนเด็กน้อยหยุดร้องไห้ไปด้วยความงุนงง

“แอ๊ะๆ”

มือป้อมตบใบหน้าขาวแปะๆ เฉินซือหยางจึงได้สติกลับมา ยังงุนงงไม่หายว่าเมื่อครู่ตนเองเป็นอะไรไป เขารู้แค่ว่าไม่อยากปล่อยให้เด็กคนนี้คลาดสายตาไปแม้เพียงครู่ คล้ายกับว่าเขายึดติดกับคนผู้นี้เสียแล้ว

เฉินซือหยางรวบตัวเด็กน้อยขึ้นมาอุ้มแนบอก มือเล็กป้อมยังตบแก้มของเขาเล่นไม่หยุดคล้ายชอบใจในความนุ่มนิ่ม แต่เขาหาได้ขุ่นเคืองไม่ รู้สึกพึงพอใจด้วยซ้ำที่ได้รับสัมผัสนุ่มนิ่มหอมกลิ่นแป้งนมจากตัวเด็กน้อย จนเขาอดที่จะดอมดมแก้มยุ้ยเบาๆ ไม่ได้

“นี่! เจ้าชื่อว่าอะไรหรือ อยากย้ายไปอยู่กับข้าหรือไม่ ตำหนักอี้ชิ่งของข้ากว้างใหญ่มากนะ รับรองว่ามีที่ให้เจ้าคลานเล่นเยอะกว่าจวนไท่เว่ยแน่นอน” เฉินซือหยางชักชวนเด็กน้อยด้วยท่าทีจริงจัง กะว่าพอกลับไปจะให้เสด็จพ่อเอ่ยปากขอคนกับเจิ้งกั๋วกงให้ได้

จ้าวลี่หมิงเอียงคอมองคนที่พูดคุยกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวคนแปลกหน้าเลยสักนิด เด็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้โต้ตอบกลับ เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังลอดออกมาจากเก๋งหลังน้อย เด็กน้อยทั้งสองคนหยอกล้อกันด้วยความเบิกบาน ผิดกับความร้อนรุ่มใจของกลุ่มคนที่กำลังเดินตรงมาทางนี้

“ถ้าเสี่ยวชีเป็นอะไรไปละก็ แม่จะลงโทษพวกเจ้าให้หนักเลยคอยดู” กู้ฟางเหนียงคาดโทษบุตรสาวเสียงหนัก

เด็กแสบทั้งสามถูกหิ้วมาจากต้นท้อด้านหลังจวนในสภาพดูไม่จืด จ้าวลี่จู จ้าวลี่จิน และจ้าวลี่หลินผมเผ้ายุ่งเหยิงเต็มไปด้วยเศษใบไม้ใบหญ้า ชุดกระโปรงหรูฉวินเนื้อดียับยุ่ง บางแห่งมีรอยขาดยากปะชุนจำต้องทิ้งอย่างเดียว หลังจากเด็กทั้งสามโดนสอบสวนด้วยลำแข้งของจ้าวลี่จ้ง จึงยอมรับสารภาพว่าทิ้งน้องเอาไว้ในศาลาแปดเหลี่ยมเพียงลำพัง แต่เพราะก่อนหน้านี้มีสาวใช้เข้ามาตามหาจ้าวลี่หมิงแล้วรอบหนึ่งแต่ไม่พบ ทุกคนถึงได้ร้อนอกร้อนใจกันไปหมด โดยเฉพาะกู้ฟางเหนียงที่เดินเร็วจนแทบเหาะไปยังศาลาหลังน้อยในป่าท้อ จนลืมไปเลยว่าตัวเองสูงวัยแล้ว

“องค์รัชทายาท” กู้ฟางเหนียงรีบร้อนเข้ามาในศาลาแปดเหลี่ยมเห็นองค์รัชทายาทนั่งผ่อนคลายอารมณ์อยู่ด้านในเพียงลำพัง ก็อุทานเสียงเบาด้วยความประหลาดใจ แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นก้อนกลมๆ ในอ้อมแขนขององค์รัชทายาทแล้วก็ถึงกับเสียกิริยาลืมตัวโผเข้าหาบุตรชาย จนเฉินซือหยางต้องรีบโยกตัวหลบ

“เสี่ยวชี!”

“เสี่ยวชี?”

“ขอประทานอภัยเพคะ นี่คือ ‘จ้าวลี่หมิง’ บุตรชายของหม่อมฉันเองเพคะ”

“จ้าวลี่หมิง!" เฉินซือหยางตะลึงมองเด็กน้อยในอ้อมแขน เมื่อรู้ว่าเด็กน้อยเป็นใคร เขายิ่งพออกพอใจกับแผนการนี้ของเสด็จพ่อยิ่งนัก

"จ้าวลี่หมิง เสี่ยวชีอย่างนั้นหรือ งั้นข้าเรียกเจ้าว่า ‘ชีชี’ ดีหรือไม่” เฉินซือหยางทวนคำ ยกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาเผชิญหน้า ยิ้มหยอกล้อจ้าวลี่หมิงไม่ยอมปล่อยมือ สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนในศาลาแปดเหลี่ยมยิ่งนัก ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทเป็นพยัคฆ์ร้ายหน้านิ่ง หนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม[2] หรอกหรือ แล้วที่แย้มยิ้มจนตายิบหยีเช่นนี้คืออะไร ข่าวลือช่างทำร้ายผู้คนโดยแท้ เห็นๆ อยู่ว่าพระองค์เป็นแค่เด็กร่าเริงผู้หนึ่ง

กู้ฟางเหนียงตกตะลึงอยู่เป็นครู่กับความสนิทสนมของเด็กทั้งสอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าการที่ให้องค์รัชทายาทซึ่งเป็นถึงผู้นำแผ่นดินคนต่อไปอุ้มบุตรชายของตนคงไม่ค่อยเหมาะนัก นี่ก็ใกล้จะถึงฤกษ์จัดพิธีจวาโจวของจ้าวลี่หมิงแล้วด้วย หากให้แขกเหรื่อรอนานคงไม่เป็นการดี จึงเอ่ยปากขอคนกับเฉินซือหยาง

“เอ่อ... ใกล้ถึงอาหารมื้อกลางวันแล้ว เชิญองค์รัชทายาทเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่เรือนหลักด้วยกันเถอะเพคะ”

เฉินซือหยางพยักหน้ารับส่งๆ มือเล็กยังไม่ยอมปล่อยจ้าวลี่หมิง กลับอุ้มไว้แนบอก แล้วเดินนำไปก่อนคล้ายไม่เห็นท่าทางยื่นมือมาจะอุ้มเด็กน้อยของกู้ฟางเหนียง

“เชิญจ้าวฮูหยิน”

“ส่งเสี่ยวชีให้หม่อมฉันอุ้มดีหรือไม่เพคะ”

เฉินซือหยางส่งจ้าวลี่หมิงให้อย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก หากจะอุ้มเด็กน้อยเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยคงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่จึงตัดใจปล่อยมือจากร่างนุ่มนิ่มของเด็กน้อยแต่โดยดี

หลังจากคนทั้งหมดยกขบวนกลับมายังห้องโถงในเรือนหลัก จ้าวมู่เห็นบุตรชายปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนค่อยถอนหายใจโล่งอก สั่งบ่าวรับใช้ยกอาหารขึ้นโต๊ะ ทั้งเป็ดแปดทรัพย์ ปลาเก๋าสามรส ผัดแปดเซียน และที่ขาดไม่ได้คือบะหมี่อายุยืนยาว อาหารมากมายหลายอย่างทยอยยกขึ้นโต๊ะ จ้าวมู่คารวะองค์รัชทายาทพอเป็นพิธี และลุกขึ้นกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน

“ขอบคุณพี่น้องในราชสำนักทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับข้าและบุตรชายของข้าในครั้งนี้ จ้าวมู่ขอคารวะทุกท่านหนึ่งจอก ดื่ม!”

“ดื่ม!!”

เหล่าขุนนางดื่มด่ำกับสุราอาหาร และพูดคุยกันเสียงเซ็งแซ่ บรรยากาศผ่อนคลายเป็นกันเองอย่างที่สุด บางคนก็มาคารวะสุราทั้งยกย่องชื่นชมจ้าวลี่หมิงเป็นการใหญ่ ทำเอาคนเป็นพ่ออย่างจ้าวมู่ปลื้มอกปลื้มใจยิ่งนัก

"บุตรชายของท่านท่าทางองอาจห้าวหาญยิ่ง เติบใหญ่ขึ้นมาคงดำเนินตามรอยบิดาได้เป็นแม่ทัพใหญ่เฉกเช่นเดียวกัน พยัคฆ์ไม่ออกลูกสุนัขโดยแท้” เสนาบดีกรมพิธีการซูเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่เช่นกันยกยอจ้าวลี่หมิงเสียเกินจริง เพราะหน้าตาอวบอ้วนน่ารักนั้นถอดเค้าความงามของกู้ฟางเหนียงมาไม่มีตกหล่น พอเติบโตแล้วคงไม่พ้นเป็นคุณชายหน้าหยกแห่งเมืองผิงอาน แต่ใครเล่าจะไม่ชมชอบคำเยินยอที่ว่าบุตรชายเหมือนตนผู้เป็นบิดา

“มิกล้าๆ บุตรสุนัขของข้าได้รับคำชมจากท่านถือเป็นวาสนายิ่งแล้ว ข้าหวังแค่ว่าอนาคตเขาจะราบรื่น มีวาสนาสูงส่งเช่นเดียวกับเต๋อเฟย” จ้าวมู่ยกยอซูโม่หลันบุตรสาวของเสนาบดีซูกลับ ทำเอาเสนาบดีซูหัวเราะชอบใจ

“มีท่านเป็นแบบอย่างเช่นนี้ เขาจะไม่ได้ดีได้อย่างไร”

ทั้งสองผลัดกันชมเจ้าคำข้าคำ แต่เฉินซือหยางที่นั่งอยู่ด้านข้างจ้าวมู่ไม่ได้สนใจ เพราะความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ร่างเล็กของจ้าวลี่หมิง เห็นเด็กน้อยดูดหมี่อายุยืนเส้นยาวเข้าปากจนแก้มป่อง ปากเล็กๆ เคี้ยวหงุบหงับๆ เหมือนกระต่ายตัวน้อย ก็อดยกยิ้มมุมปากกับท่าทางน่าขบขันของเจ้าตัวเล็กไม่ได้

เฉินซือหยางเสวยพระกระยาหารไปด้วย มองท่าทางน่ารักน่าใคร่ของจ้าวลี่หมิงไปด้วย รู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ถูกปากเขาเป็นพิเศษ เฉินซือหยางเสวยได้มากขึ้น จางกงกงที่คอยคีบอาหารถวายอยู่ด้านข้างก็รีบจดจำรายการอาหารบนโต๊ะไปด้วย กะว่ากลับวังคราวนี้จะให้ห้องเครื่องทำมาถวายองค์รัชทายาทบ้าง หรือจะหน้าหนาเอ่ยปากขอพ่อครัวจวนไท่เว่ยกลับตำหนักอี้ชิ่งด้วยเลย

หลังทุกคนอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อหลัก ไม่นานอาหารว่างก็ถูกยกขึ้นโต๊ะอีกครั้ง พร้อมๆ กับงิ้วที่ขึ้นแสดงบนเวที เพื่อสร้างความรื่นเริงให้กับแขกเหรื่อในงาน ขณะเดียวกันด้านในห้องโถง เหล่าข้ารับใช้ได้ปูพรมสีแดงผืนใหญ่ และจัดวางข้าวของที่ใช้ในการเสี่ยงทายในพิธีจวาโจวเอาไว้ มีทั้งคัมภีร์ต่างๆ กระดาษ พู่กัน จานฝนหมึก ตราประทับ ลูกคิด สมุดบัญชี ของเล่นอย่างม้าไม้ ตุ๊กตาเสือ และกลองป๋องแป๋ง เครื่องดนตรีก็มีมากมายทั้งฉิน ผีผา และเซียว[3] อาวุธที่ทำขึ้นจากไม้อย่างดาบเล่มใหญ่ กระบี่ หน้าไม้ ธนูก็ล้วนไม่ขาดสิ่งใด นอกจากนี้ยังมีตั๋วแลกเงินปึกใหญ่ เครื่องประดับศีรษะหรือกวานที่ทำมาจากทองคำหรูหรา หยกพกแกะสลักจากหยกเหอเถียนล้ำค่า กระทั่งขนมทานเล่นหลายชนิดล้วนมีครบ ให้จ้าวลี่หมิงได้เลือกตามใจชอบ

เฉินซือหยางมองสิ่งของวางเรียงรายอยู่บนพรมผืนใหญ่แล้วยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ร่างเล็กเดินนำครอบครัวตระกูลจ้าวมาร่วมความครึกครื้นในพิธี ก่อนจะล้วงบางสิ่งออกมาจากอกเสื้อ

“วันมงคลดีๆ เช่นนี้ เราจะไม่ร่วมวงด้วยได้อย่างไร นี่คือปิ่นที่เสด็จแม่ของเรารักมาก เป็นของดูต่างหน้าที่เก็บเอาไว้นานแล้ว หวังว่าเจิ้งกั๋วกงจะไม่รังเกียจ” เฉินซือหยางคลี่ผ้าแพรเนื้อดีออก เผยให้เห็นปิ่นปักผมรูปพญาหงส์ ทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ประดับขนนกกระเต็นสีฟ้าเงางามล้ำค่าหายาก ตัวเรือนฝังเพชรพลอยหลากสีเปล่งประกายเจิดจรัสดุจดวงดารา เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าขุนนางภายในงาน เพราะปิ่นหงส์ชิ้นนี้งดงามสูงค่าไม่ต่างจากมงกุฎหงส์[4] ของหลี่ฮองเฮาเลยแม้แต่น้อย

“ข่าวลือที่ว่าหลานกุ้ยเฟยเกือบได้ครองตำแหน่งฮองเฮาที่แท้ก็เป็นเรื่องจริงหรือนี่”

เสียงกระซิบกระซาบเกี่ยวกับปิ่นหงส์ที่องค์รัชทายาทนำมาร่วมในพิธีจวาโจวของบุตรชายเจิ้งกั๋วกง และเรื่องที่หลานกุ้ยเฟยเกือบจะได้เป็นฮองเฮาในเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ดังก้องไปทั่วงาน

[1] เมล็ดอัลมอนด์

[2] หนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม หมายถึง แสร้งยิ้ม

[3] เซียวหรือขลุ่ยเป่า เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ต้งเซียว เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่า มีขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น เดิมเป็นเครื่องดนตรีของชนชาติเชียงที่อยู่ในเขตพื้นที่เสฉวนและกันซู่

[4] มงกุฎหงส์หรือเฟิ่งกวาน (凤冠) เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงฐานันดรศักดิ์แห่งองค์จักรพรรดินีหรือฮองเฮา
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 244

    ‘เปิดตำหนักลับฉบับวายป่วง’ สำนักข่าวเถียนเถียนรายงานสดจากตำหนักจินหลวน นักข่าวนิรนาม : “มีคนบ่นว่าพระเอกเรื่องนี้ไม่เหมือนพระเอกจริงหรือไม่ขอรับ” สวีจิ้งเฟิ่ง : “ผู้ใดบอกให้นักเขียนผู้นั้นให้บทเด่นกับท่านพ่อมากเกินไปเล่า” สวีจิ้งเฟิ่งแบมืออย่างช่วยไม่ได้ นักเขียน : “C £ C

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 243

    "หยางหยาง! เจ้าไปไหน..." ไป่ชิงถงยังไม่ทันซักไซ้ไล่เลียง สวีจิ้งเฟิ่งก็ตรงดิ่งเข้าหาภรรยาด้วยความยินดี "ชีชี เจ้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าเสียทั่ว มากับข้าเร็วเข้า" สวีจิ้งเฟิ่งอุ้มสวีชิงเทียนให้ท่านย่า จูงมือภรรยาออกไปท่ามกลางเสียงโวยวายอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของไป่ชิงถง "หยางหยางเจ้า

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 242

    "เจ้าชอบแบบนี้เองหรอกหรือ" สวีจิ้งเฟิ่งขยับกายเข้าออกเนิบช้า บดคว้านโพรงรักจนถ้วนทั่วสลับกับตอกตรึงหนักเน้นลึกจนถึงแก่น "เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อ...ย อ่ะ" ไป่ชิงถงส่ายหน้าไม่อยากจะยอมรับเลยว่าสวีจิ้งเฟิ่งทำแบบนี้เขายิ่งเสียวซ่านมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก "งั้นหรือ แล้วแบบนี้เล่า" สวีจิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 241

    "อย่าว่าลูก! จ้ำม่ำแบบนี้สิดี กอดแล้วนุ่มนิ่มจะตาย แล้วที่ว่าไม่เหมือนเจ้า ไม่เหมือนตรงไหน ดูผมนี่สิ หน้าก็เหมือนกันแทบจะถอดเค้ามาจากเจ้า มีแค่ตาสีมรกตคู่นี้ที่เหมือนข้า" ไป่ชิงถงประท้วง มองสามีตาเขียว ลูกเหมือนสวีจิ้งเฟิ่งขนาดนี้ เขาไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แค่ชอบกินเหมือนเขานิดหน่อยทำมาเป็นโวยวาย

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 240

    ด้วยความเพียรพยายามมุมานะอุตสาหะกกไข่แทนภรรยาของสองพ่อลูกแซ่สวี ในที่สุดไข่ใบน้อยก็เริ่มกะเทาะเปลือกออกมาแล้ว "อีกนิด ลูกทำได้ เจาะเปลือกบนหัวออกก่อนแบบนั้นแหละ" เสียงพ่อลูกแซ่สวีให้กำลังใจลูกน้อยดังขึ้นเป็นระยะ ไม่นานหงส์ทองตัวน้อยกับมังกรเหมันต์ก็โผล่ศีรษะเล็กๆ ออกมา ดวงตาใสแจ๋วสองคู่มองคนน

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 239

    "ไม่ค่อยดี" สวีเฟยหลงมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด "ข้าจะเข้าไปดูหน่อย" "หยางเอ๋อร์..." สวีเฟยหลงห้ามไม่ทัน ร่างสูงของบุตรชายหายเข้าไปในห้องเสียแล้ว "ท่านตาเสร็จหรือยัง ชีชีจะคลอดแล้วเหมือนกันนะ" "รอก่อน ข้าทำคลอดมารดาเจ้าอยู่ อย่ามาวุ่นวาย" หลินไท่หน้าซีด ถ่ายพลังให้หลินเส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status