ผู้คนต่างทอดถอนใจ นึกถึงตอนนั้นที่ 'หลานซือเยว่' ไต่เต้าจากนางกำนัลข้างกายองค์ชายเก้าหรือเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ จนได้เป็นถึงกุ้ยเฟย ทั้งที่พระนางมีพระชนมายุมากกว่าเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ถึง 7 ชันษา กลับกุมหทัยองค์จักรพรรดิไว้อย่างเหนียวแน่น หากไม่เพราะคนงามอายุสั้น เสียชีวิตหลังคลอดบุตรแล้วละก็คงไม่มีหลี่ฮองเฮาในวันนี้ ถึงกระนั้นตำแหน่งกุ้ยเฟยก็ถูกปล่อยให้ว่างไว้ ไม่มีพระสนมนางใดปีนป่ายถึงตำแหน่งนี้สักคน แม้แต่ซูโม่หลันพระสนมคนโปรดที่หน้าตาเหมือนกับหลานกุ้ยเฟยราวกับแกะยังได้ดำรงตำแหน่งแค่เต๋อเฟย เห็นได้ชัดถึงความรักใคร่ที่เฉินเทียนอี้ฮ่องเต้มีให้กับหลานซือเยว่
“สวรรค์กลั่นแกล้งโฉมสะคราญโดยแท้”
ขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งเปรยขึ้น คนส่วนใหญ่ต่างเออออคล้อยตาม ทอดถอนใจกับชะตาชีวิตอันแสนรัดทนของหญิงงาม ผิดกับเจิ้งกั๋วกงที่มุมปากกระตุกตั้งแต่เฉินซือหยางหยิบปิ่นหงส์ออกมาแล้ว ปิ่นปักผมของหญิงสาวจะเหมาะกับบุตรชายของเขาได้อย่างไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายหวังดี? (ประสงค์ร้าย) เขาเองก็ไม่อยากทำตัวเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก
“จะรังเกียจได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อองค์รัชทายาทมีน้ำพระทัยต่อบุตรชายของกระหม่อมถึงเพียงนี้”
“เจิ้งกั๋วกงกล่าวเช่นนี้เราก็สบายใจ”
เฉินซือหยางยิ้มสุภาพ วางปิ่นหงส์ในจุดที่คิดว่าจ้าวลี่หมิงจะหยิบได้ง่าย แล้วถอยไปนั่งรอชมเรื่องสนุก
จ้าวลี่หมิงถูกพาไปเปลี่ยนชุด ป้อนนมกลับมาหน้าตาผ่องใส เด็กน้อยตาปรือเล็กน้อย พอกินอิ่มแล้วก็เริ่มง่วง แต่กลับถูกมารดาอุ้มมาปล่อยไว้ในกองข้าวของมากมายจนเขาตาลาย เด็กน้อยร้องเรียกหามารดาเสียงอ้อแอ้เห็นมารดาชี้ชวนให้เขาหยิบของชิ้นนั้นชิ้นนี้ แต่เขาง่วงนอนแล้วจึงออกอาการไม่พอใจ เมื่อมารดาไม่ยอมกล่อมเขานอนเสียที จ้าวลี่หมิงเลยอาละวาดขว้างปาข้าวของ หยิบชิ้นไหนชิ้นนั้นถูกปาทิ้งจนหมด ทำเอาบ่าวรับใช้วิ่งวุ่นเก็บกวาด
เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ ขว้างตุ๊กตาเสือออกไปไกลลิบ ก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นสิ่งหนึ่งส่องแสงแวววาวหลากสีล่อตาล่อใจ และยังมีกลิ่นหอมหวานน่าทาน จ้าวลี่หมิงไม่รอช้าคว้าปิ่นหงส์ขึ้นมาแทะจนน้ำลายยืด ชอบมากจนไม่ยอมปล่อยมือ
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง เมื่อทุกคนเห็นว่าสิ่งที่จ้าวลี่หมิงเลือกนั้นคือสิ่งใด ปิ่นหงส์ล้ำค่าสูงศักดิ์ยิ่งนัก หากเป็นเด็กหญิงเลือกสิ่งนี้ทายได้ว่าอนาคตของนางคงสูงส่งดุจดั่งตะวันฉาย อาจได้เป็นถึงมารดาแห่งแผ่นดิน พอเด็กชายหยิบมันขึ้นมาก็ออกจะแปลกๆ อยู่สักหน่อย หรือต้องทายว่าในอนาคตเด็กคนนี้จะได้เป็นฮองเฮา?
“ชีชี ดูท่าเจ้าจะชอบของที่ข้าให้นะ”
เฉินซือหยางได้ยินคนในงานวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา จึงยิ่งกระพือลมโหมไฟเข้าไปพูดคุยกับจ้าวลี่หมิง เรียกเสียงซุบซิบนินทาถึงความสนิทสนมขององค์รัชทายาทกับบุตรชายของเจิ้งกั๋วกง
พวกเขาถึงขั้นเรียกชื่อเฉพาะกันแล้ว!
จ้าวลี่หมิงหันไปตามเสียงเรียก จำได้ว่าเป็นพี่ชายที่เล่นกับเขาอยู่เป็นนานก่อนหน้านี้ เลยคิดว่าพี่ชายจะมาเล่นกับเขาอีกเป็นแน่ ร่างอวบอ้วนจ้ำม่ำจึงคลานไปหาอีกฝ่าย มือป้อมเกาะเข่าเฉินซือหยางพยายามยืดตัวพูดคุยด้วย เกาะไปเกาะมาสายตาของเด็กน้อยก็เหลือบไปเห็นหยกพกสีสวยลวดลายงดงามและยังมีลูกแก้วสีสันสดใสแบบที่เขาชอบ เด็กน้อยจึงคว้ามาเป็นของตน แต่ออกแรงดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก จ้าวลี่หมิงตั้งใจดึงอย่างจริงจัง ออกแรงจนดวงหน้าเล็กๆ น่ารักแดงก่ำ เฉินซือหยางเห็นดังนั้นก็ถึงกับหัวเราะชอบใจ
“ชีชีอยากได้อันนี้หรือ” เฉินซือหยางปลดหยกพกสลักลายมังกรคาบแก้วออกมาแกว่งตรงหน้าจ้าวลี่หมิง ตัวมังกรเหยียบเมฆมงคลทะยานสู่ฟากฟ้า สลักมาจากหยกจักรพรรดิสีเขียวมรกตน้ำงามทอประกายงดงามจับตา ดวงตามังกรประดับโกเมนสีแดงสดราวกับมีชีวิต ในปากคาบโอปอลหลากสีตัดกับพู่ห้อยสีแดงสด ด้านบนมีอักษร ‘阳’ ซึ่งคือชื่อของเขาสลักอยู่ส่องแสงระยิบระยับ ล่อลวงให้เด็กน้อยอยากครอบครองเป็นเจ้าของ
“แอ๊”
เห็นจ้าวลี่หมิงพยายามไขว่คว้า เฉินซือหยางจึงมอบให้เด็กน้อยแต่โดยดี ผิดกับสีหน้าไม่น่าดูของจางกงกงยิ่งนัก
“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
จางเสี่ยวเหล่ยเอ่ยยั้ง หยกพกชิ้นนี้บ่งบอกถึงตำแหน่งฐานะขององค์รัชทายาท เห็นป้ายหยกเหมือนเห็นตัว ทั้งยังสามารถสั่งการกรมกองต่างๆ ได้ตามใจปรารถนา ใช้เข้าออกวังหลวงโดยไม่ต้องรายงานล่วงหน้า หากนำไปใช้ในทางที่ผิดอาจเกิดเรื่องร้ายแรงตามมาได้ แน่นอนว่าองค์รัชทายาทย่อมรู้ถึงความสำคัญของหยกพกชิ้นนี้ดี ขุนนางที่เข้าร่วมงานเลี้ยงเองต่างก็รู้ดีเช่นกัน แล้วเหตุใดองค์รัชทายาทพอเอ่ยปากจะให้ก็ให้อย่างง่ายดาย แถมให้เด็กน้อยที่ยังพูดไม่ได้คนหนึ่ง ทำเอาเหล่าขุนนางอิจฉาจ้าวลี่หมิงแทบตายอยู่แล้ว
เฉินซือหยางปรายตามองจางกงกง ตักเตือนว่าอย่าได้บังอาจมาก้าวก่ายการตัดสินใจของเขาอีก เด็กชายเห็นจ้าวลี่หมิงชอบของสองสิ่งที่เขามอบให้จนไม่ยอมปล่อยมือ ก็อดลูบศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“ชอบหรือไม่”
“แอ๊”
“องค์รัชทายาททรงทำเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะกระมังพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวมู่กล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ ไม่เข้าใจว่าองค์รัชทายาททำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่
“เราถูกชะตากับบุตรชายผู้นี้ของท่านยิ่งนัก หวังว่าท่านจะพาเขาไปเยี่ยมเยือนที่ตำหนักอี้ชิ่งของข้าบ่อยๆ ได้หรือไม่”
พอนึกขึ้นมาว่าก่อนหน้านี้เป็นองค์รัชทายาทที่ตามหาบุตรชายของเขาจนเจอ ทั้งยังช่วยดูแลอยู่เป็นนาน คาดว่าองค์รัชทายาทที่เป็นบุตรชายเพียงพระองค์เดียวของฮ่องเต้คงเหงา อยากมีเพื่อนเล่น เลยถูกใจเสี่ยวชีของเขาเข้าพอดี เรื่องนี้ก็นับว่าพอเข้าใจได้ ถึงอย่างไรบุตรชายของเขาก็หน้าตาน่ารักมากนี่นะ คงไม่แปลกที่องค์รัชทายาทจะถูกอกถูกใจเสี่ยวชีของเขาถึงเพียงนี้ คิดได้ดังนั้นจ้าวมู่จึงค้อมกายคารวะไม่อาจปฏิเสธคำขอขององค์รัชทายาทได้
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่ก็สายมากแล้ว ราชกิจมากมายรอให้สะสาง เราคงต้องขอตัวแล้ว”
“น้อมส่งเสด็จองค์รัชทายาท” จ้าวมู่กล่าว
“น้อมส่งเสด็จองค์รัชทายาท”
บรรดาขุนนางในงานค้อมกายส่งเสด็จองค์รัชทายาท แต่ก่อนกลับเฉินซือหยางยังไม่ลืมบอกลาจ้าวลี่หมิงอย่างอาลัยอาวรณ์
“ชีชี ข้ากลับก่อนนะ อย่าลืมมาเล่นที่วังข้าบ่อยๆ ล่ะ”
“แอ๊”
เด็กน้อยรับคำ โบกมือลาอย่างน่ารักน่าใคร่ จนเฉินซือหยางอยากอุ้มคนกลับวังด้วย เฉินซือหยางตัดใจจากมาอย่างไม่ใคร่พอใจนัก เพราะยังต้องไปรายงานผลกับเสด็จพ่อ เขาจะมัวโอ้เอ้อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว