สามวันต่อมา คุณหนูเมิ่งมาเยี่ยมเยียนท่านอ๋องหรู่หยางที่จวนของเขา แต่พ่อบ้านซื่อที่ออกมาต้อนรับกล่าวว่า
“ ท่านคงจะเป็นคุณหนูเมิ่งใช่หรือไม่ ตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ขอรับ แต่ท่านอ๋องสั่งเอาไว้แล้ว หากคุณหนูเมิ่งมาพบให้เชิญไปรอในเรือนหลักก่อน ท่านอ๋องเข้าวังหลวงคงจะกลับมาในอีกไม่นานนี้แล้ว หรือไม่คุณหนูจะไปนั่งเล่นที่ศาลากลางบึงบัวก็ได้ขอรับ ข้าจะให้สาวใช้นำน้ำชากับขนมไปรับรอง ” พ่อบ้านซื่อแนะนำ
ส่วนเมิ่งลี่หลินรับคำพร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน “ ข้าจะไปนั่งเล่นที่ศาลาดีกว่า ลมคงจะเย็นสบายดีกว่าในเรือน ” แล้วนางกับสาวใช้ก็เดินกันไปตามเส้นทางที่พ่อบ้านชี้มือบอก ส่วนพ่อบ้านซื่อก็แยกไปสั่งการให้สาวใช้นำน้ำชาและขนมหวานไปรับรองว่าที่พระชายาที่อีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว
ส่วนเมิ่งลี่หลินเมื่อนั่งเล่นอยู่ในศาลาไดัครู่หนึ่ง นางก็เห็นสตรีนางหนึ่งที่แต่งกายหรูหราด้วยอาภรณ์ราคาแพงกำลังเดินเล่นอยู่ที่ในสวนท่ามกลางดอกไม้หลากสีสันที่ขึ้นไปพุ่มเบ่งบานอยู่เต็มไปหมด
สตรีนางนั้นมองไปแล้วแม้แต่สตรีด้วยกันเองยังรู้สึกว่านางงดงามบาดตายิ่งนัก ความระแวงพลันเกิดขึ้นในใจของเมิ่งลี่หลินทันที นางเกิดความรู้สึกสงสัยว่าสตรีนางนี้คือผู้ใด ยิ่งจับจ้องมองการแต่งกายเหมือนดังเช่นเป็นนายคนหนึ่งในจวนแห่งนี้ นางไม่ใช่สาวใช้อย่างแน่นอน
และนางก็ไม่เคยได้ยินว่าท่านอ๋องมีน้องสาวหรือญาติสาวๆเช่นนี้มาก่อน เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของพระสนมหยูที่ส่งคนไปทาบทามเพื่อขอหมั้นหมายนางให้กับท่านอ๋องแล้ว
เมิ่งลี่หลินดีใจนักที่อีกไม่นานนางจะได้แต่งเข้ามาเป็นพระชายาของชายที่นางกับเขาเคยรักกันมาก่อนตั้งแต่ยังรุ่นๆ ถึงแม้จะห่างเหินกันไปเกือบจะสิบปีแล้ว แต่นางดีใจนักที่เขายังไม่ได้แต่งงานรับสตรีใดเป็นชายาทั้งสิ้น ยังคงรักษาตัวไว้จนกระทั่งเขากับนางหวนกลับมาพบกันอีกครั้ง
แต่บัดนี้ ความคิดว่าเขาไม่มีสตรีอื่นใดในจวนเริ่มสั่นคลอน ยิ่งมองเพ่งพิศสตรีนางนั้นยิ่งไม่แน่ใจ ลี่หลินหวั่นใจนัก ว่าสตรีงดงามที่เห็นนั่นจะเป็นสตรีในเรือนหลังของท่านอ๋องที่อยู่มาก่อนที่นางจะแต่งเข้ามาด้วยซ้ำไป ลี่หลันตัดสินใจลุกขึ้น หลังจากที่ได้นั่งจิบชาไปแค่เพียงนิดหน่อย
นางไม่อาจจะทนนั่งเล่นอยู่ในศาลาแห่งนี้อย่างสบายใจอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรกได้อีกแล้ว เพราะในหัวออกร้อนรุ่มไปหมด นางต้องการรู้ให้ได้ ว่าสตรีที่เดินทอดน่องตามสบายเหมือนกับกำลังเที่ยวชมสวนในจวนของตนเองอยู่นั้นคือผู้ใด นางมีฐานะอะไรในตำหนักของท่านอ๋องหรู่หยาง
เมิ่งลี่หลินเดินนำหน้าสาวใช้มุ่งตรงไปที่ร่างงามของสตรีที่นางเห็นและแล้วก็มาบรรจบกันที่บนสะพานไม้ขนาดเล็กที่สร้างเอาไว้เพื่อทอดข้ามลำธารสายเล็กๆ ที่ไหลผ่านสวนดอกไม้หน้าหมู่เรือนจนกระทั่งไหลผ่านออกไปทางด้านหลังตำหนักแห่งนี้
เมื่อสตรีทั้งสองเดินไปพบกันที่บนสะพาน เมิ่งลี่หลินจ้องมองสตรีที่กำลังเดินสวนทางมาอย่างไม่ได้เป็นมิตรนัก ส่วนเหลียนฮวานั้นนางรู้แล้วว่าสตรีที่กำลังจ้องมองนางอย่างไม่คลาดสายตานั้นคือผู้ใด แต่เหลียนฮวาก็มิได้สนใจนางยังคงเดินขึ้นสะพานเพื่อจะข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งของสวนเพื่อจะเดินกลับไปที่เรือนของตนเอง
ในคราวแรกนั้นนางคิดจะเดินเล่นไปอีกครู่เพราะนางรู้ว่าเจ้าของจวนไม่อยู่ แต่เมื่อว่าที่คู่หมั้นของเขามาที่จวนเช่นนี้ อีกไม่นานเจ้าของจวนก็คงจะกลับมาเพื่อจะพบกับว่าที่คู่หมั้นของเขา เหลียนฮวาไม่อยากจะเห็นชายที่เคยบอกว่าเป็นสามีของตนเองพลอดรักกับสตรีอื่น
แม้นางจะพยายามตัดใจจากเขาแล้ว และหลบเลี่ยงเขาให้มากที่สุด เพื่อจะได้ไม่มีความผูกพันธ์กันไปมากกว่านี้ เพราะชีวิตในจวนแห่งนี้ของนางคงเหลือเวลาไม่มากแล้ว นับจากวันที่เขาทิ้งนางไปอย่างไม่ไยดีในวันงานเลี้ยงค่ำคืนนั้นแล้ว เหลียนฮวาก็หลบเลี่ยงเขาอยู่ตลอด นางอ้างว่านางไม่สบายเป็นไข้เพื่อไม่อยากจะพบหน้าเขา
เมื่อสตรีสองนางเดินมาบรรจบกันบนสะพานไม้ เมิ่งลี่หลินก็เอ่ยขึ้นว่า “ เจ้าคือญาติของท่านอ๋องหรือ ข้าไม่เคยรู้เลยว่าท่านอ๋องมีน้องสาวหรือญาติอยู่ในจวนนี้ ” เหลียนฮวายิ้มน้อยๆ ให้กับสตรีที่นางเพิ่งได้เห็นหน้าอย่างชัดเจนในวันนี้เป็นครั้งแรก “ มิใช่หรอกเจ้าค่ะ ข้าคือหลานสาวของแม่นมเหลียน "
เมิ่งลี่หลินเบ้ปากนิดๆ จ้องมองเหลียนฮวาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างไม่ปิดบัง พลางคิดว่าฐานะของหลานสาวแม่นม เหตุใดการแต่งกายถึงได้หรูหราเช่นนี้ แถมเครื่องประดับล้ำค่าที่นางสวมใส่
ลี่หลินคิดว่าล้วนแต่ราคาแพง สตรีที่มาอาศัยจวนผู้อื่นอยู่จะมีเงินหาซื้อเครื่องประดับล้ำค่าเช่นนี้สวมใส่เลยหรือ แต่เหตุที่นางสวมอาภรณ์และมีเครื่องประดับราคาแพงสวมใส่อีกสาเหตุหนึ่งก็คือนางเป็นสตรีของท่านอ๋องว่าที่สามีในอนาคตของนางเพียงเท่านั้น
“ ข้าอยากจะถามเจ้าตรงๆ เจ้าเป็นอะไรกับท่านอ๋องของข้า ” เหลียนฮวาชะงักไป สตรีนางนี้ไม่มีความเป็นมิตรอย่างเปิดเผย ทำท่าหวงแหนท่านอ๋องจนออกนอกหน้า และดูไม่ใช่สตรีที่จิตใจกว้างขวางแม้แต่น้อย แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่านางจะมีนิสัยเช่นไรก็ตาม นางก็เป็นสตรีที่ท่านอ๋องรักและกำลังจะแต่งงานด้วย ก็คงมีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้กระมัง “ มิได้เป็นอะไรกัน ข้าบอกแล้วว่าข้าคือหลานสาวแม่นมเหลียน ”
แม้เหลียนฮวาจะยืนยันเช่นนั้น แต่ลี่หลินไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย และยิ่งจ้องมองเครื่องประดับทั่วกายของสตรีตรงหน้าอย่างเพ่งพิศ ยิ่งเห็นใกล้ๆก็ดูรู้ว่าเครื่องประดับเหล่านั้นล้วนมีราคาแพงลิบ ความริษยายิ่งบังเกิดขึ้นอย่างมาก จึงได้ตัดสินใจอย่างฉับพลันโดยไม่คิดไตร่ตรองใดๆ นางไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้น
เพียงแต่ทำทีเดินสวนทางกับเหลียนฮวาแล้วก็ทำทีซวนเซจนกระทั่งหล่นลงจากสะพานไม้ เหลียนฮวาที่ตกใจนัก
รีบไขว่คว้าร่างของสตรีที่กำลังจะหล่นร่วงลงไปจากสะพานไม้เอาไว้ด้วยสัญชาติญาณ แต่ว่าด้วยน้ำหนักของสตรีที่ร่วงหล่นลงไปทั้งตัว เหลียนฮวารับน้ำหนักไม่ไหว จึงได้เสียหลักแล้วพลัดตกจากสะพานหล่นร่วงลงไปด้วยกัน
เสียงของหนักหล่นน้ำดังตูมใหญ่ น้ำกระจายเป็นวงกว้าง บ่าวชายที่กำลังกวาดใบไม้อยู่ได้ยินเข้าก็รีบวิ่งมาดู และก็วิ่งกลับไปร้องเรียกให้คนมาช่วยสตรีสองนางที่หล่นลงไปในน้ำแล้ว สาวใช้ของเมิ่งลี่หลินกรีดร้องเสียงดังอยู่บนสะพาน ร้องเรียกให้คนมาช่วยนายหญิงของตน
ท่านอ๋องหรู่หยางเพิ่งเดินกลับเข้าจวนมาได้ยินเสียงบ่าวชายร้องเรียกให้ไปช่วยคนตกน้ำรวมถึงได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้ของลี่หลิน เขาจึงรีบวิ่งตรงไปที่ลำธารทันที ส่วนองครักษ์อีกสองคนที่เพิ่งจะกลับเข้ามาพร้อมกันก็วิ่งตามหลังนายของตนไปทันทีเช่นกัน
ท่านหมอมาตรวจอาการสตรีทั้งสองนางแล้วก็จัดยาเอาไว้ให้แล้วก็ขอตัวกลับไป โดยมีพ่อบ้านซื่อให้คนตามไปส่งเขาถึงที่จวน เมื่อท่านอ๋องยืนดูสาวใช้ของเมิ่งลี่หลินได้ให้ยานางดื่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตัดสินจะพานางกลับไปที่จวนพร้อมกับยาที่ท่านหมอจัดเอาไว้ นางกับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกัน นางไม่ควรจะนอนค้างคืนในตำหนักของเขา แม้นางจะป่วย แต่ก็พอจะเดินทางกลับจวนของพี่ชายของนางได้อยู่อ๋องหนุ่มจึงได้ตัดสินใจอุ้มเมิ่งลี่หลินที่ตอนแรกนางเหมือนไม่ยินยอมกลับไป อ้างว่านางรู้สึกปวดศีรษะแต่เมื่อท่านหมอยืนยันว่านางกับเหลียนฮวามิได้เป็นอะไรมาก แค่เพียงเหลียนฮวามีแผลฟกช้ำที่ขาของนางฟาดกับสะพานในขณะที่นางกำลังร่วงหล่นลงมาเพียงเท่านั้น ส่วนเมิ่งลี่หลินมิได้มีบาดแผลใด แค่เพียงอาการสำลักน้ำ“ เปิ่นหวางคิดว่าเจ้าควรกลับไปนอนพักผ่อนที่จวนของเจ้าจะดีกว่า กินยาที่ท่านหมอจัดให้แล้วก็นอนพักยาวๆ ให้หายดีแล้ว แล้วเปิ่นหวางจะไปเยี่ยมเจ้าที่จวนของพี่ชายเจ้าจะเหมาะสมกว่า ”แล้วเขาก็ช้อนอุ้มตัวของเมิ่งลี่หลินอย่่างไม่ได้สนใจความไม่พอใจของนาง แล้วก็อุ้มพางนางไปขึ้นรถม้าของเขาแล้วก็พานางกลับไปยังจวน โดยให้สาวใช้ของนางเข้า
ท่านอ๋องหรู่หยางเมื่อเห็นเมิ่งลี่หลินและเหลียนฮวาต่างก็พยายามตะเกียกตะกายอยู่กลางลำธารกันทั้งคู่ เขาก็โดดพุ่งลงไปในน้ำทันทีแล้วรีบว่ายตรงไปที่สตรีทั้งสอง แต่เขาไปถึงตัวของเมิ่งลี่หลินก่อน ส่วนนางเมื่อเห็นเขาก็รีบร้องเรียกและสำลักน้ำไปทันที อ๋องหนุ่มจึงได้รีบว่ายเข้าไปหานางแล้วรีบพาตัวนางขึ้นจากน้ำไปก่อน ส่วนเหลียนฮวาเขาคิดว่าองครักษ์ของเขาที่โดดน้ำตามหลังมาก็คงจะเข้าไปช่วยนางได้ทันและก็เป็นเช่นนั้น องครักษ์หลีกังที่เขาเองแอบมีใจให้กับเหลียนฮวาตั้งแต่ที่ได้พบหน้านางเมื่อเข้ามาอยู่ในจวนนี้ใหม่แล้วและพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดเกินเลยกับนาง ยิ่งนางกลับกลายมาเป็นสตรีของท่านอ๋องเขาจึงยิ่งพยายามหักใจไม่ให้คิดกับนางมากไปกว่านายหญิงคนหนึ่ง และยิ่งสงสารและเห็นใจที่ท่านอ๋องมีสตรีอื่นอีกนาง และก็กลับกลายเป็นความรักที่มิอาจจะเปิดเผยได้ เขาร้อนอกร้อนใจมาก ที่เห็นนางตะเกียกตะกายอยู่กลางลำธาร เขารีบว่ายน้ำตรงไปหาเหลียนฮวาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบคว้าตัวของนางเอาไว้ แล้วก็ลากเข้าฝั่งอีกด้านหนึ่งไปทันทีเมื่อเหลียนฮวาถูกองครักษ์หลีกังพาตัวขึ้นริมฝั่งน้ำไปอย่างทุลักทุเลแล้ว นางนั่งลงที่ริมฝั
สามวันต่อมา คุณหนูเมิ่งมาเยี่ยมเยียนท่านอ๋องหรู่หยางที่จวนของเขา แต่พ่อบ้านซื่อที่ออกมาต้อนรับกล่าวว่า“ ท่านคงจะเป็นคุณหนูเมิ่งใช่หรือไม่ ตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ขอรับ แต่ท่านอ๋องสั่งเอาไว้แล้ว หากคุณหนูเมิ่งมาพบให้เชิญไปรอในเรือนหลักก่อน ท่านอ๋องเข้าวังหลวงคงจะกลับมาในอีกไม่นานนี้แล้ว หรือไม่คุณหนูจะไปนั่งเล่นที่ศาลากลางบึงบัวก็ได้ขอรับ ข้าจะให้สาวใช้นำน้ำชากับขนมไปรับรอง ” พ่อบ้านซื่อแนะนำ ส่วนเมิ่งลี่หลินรับคำพร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน “ ข้าจะไปนั่งเล่นที่ศาลาดีกว่า ลมคงจะเย็นสบายดีกว่าในเรือน ” แล้วนางกับสาวใช้ก็เดินกันไปตามเส้นทางที่พ่อบ้านชี้มือบอก ส่วนพ่อบ้านซื่อก็แยกไปสั่งการให้สาวใช้นำน้ำชาและขนมหวานไปรับรองว่าที่พระชายาที่อีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว ส่วนเมิ่งลี่หลินเมื่อนั่งเล่นอยู่ในศาลาไดัครู่หนึ่ง นางก็เห็นสตรีนางหนึ่งที่แต่งกายหรูหราด้วยอาภรณ์ราคาแพงกำลังเดินเล่นอยู่ที่ในสวนท่ามกลางดอกไม้หลากสีสันที่ขึ้นไปพุ่มเบ่งบานอยู่เต็มไปหมด สตรีนางนั้นมองไปแล้วแม้แต่สตรีด้วยกันเองยังรู้สึกว่านางงดงามบาดตายิ่งนัก ความระแวงพลันเกิดขึ้นในใจของเมิ่งลี่หลินทันท
ท่านอ๋องหนุ่มไม่ได้สนใจในตัวเหลียนฮวาอีกแล้ว เขาเอาแต่จับจ้องสตรีที่เขาพบนางเข้าโดยไม่คาดคิด นางคือคุณหนูเมิ่งลี่ลหลิน คนรักเก่าของท่านอ๋องเมื่อครั้งเขายังรุ่นหนุ่ม นางกับเขาห่างเหินกันไปโดยที่ไม่ได้เลิกรากัน เพียงแต่ในตอนนั้นต่่างก็ยังอายุน้อยท่านอ๋องกับนางเคยรักกันมาก แต่นางจำต้องย้ายตามพี่ชายของนางไปที่เมืองฉางโจว เพราะพี่ชายของนางไปรับตำแหน่งเจ้าเมืองของที่นั่น แต่บัดนี้เขาย้ายกลับมารับตำแหน่งเจ้ากรมยุติธรรมแล้ว จึงย้ายครอบครัวกลับมาพำนักยังจวนของเขาที่ในเมืองหลวงตามเดิมท่านอ๋องหรู่หยางและสตรีนางนั้นต่่างจับจ้องมองกันเหมือนกับโลกนี้มีเพียงพวกเขาสองคนเพียงเท่านั้น และแล้วท่านอ๋องก็ออกเดินตรงไปหาสตรีนางนั้นที่เขาและนางต่างกำลังจับจ้องกันอย่างไม่คลาดสายตา เขาไม่ได้บอกอะไรกับเหลียนฮวาสักคำ เขาเดินไปสนทนากับสตรีนางนั้นแล้วก็พากันเดินเข้าไปในสวนดอกไม้แล้วก็หายไปเลย ส่วนเหลียนฮวาได้แต่จ้องมองทั้งสองที่พากันเดินลับหายไปจนลับตาโดยที่ตนเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้ ในอกของนางปวดแปลบยิ่งนัก ที่เห็นสามีในความลับเดินไปสนทนากับสตรีอื่นแล้วพากันเดินหายไป แถมเมื่อเขาได้พบสตรีนางนั้
“ ป้ารู้เรื่องของเจ้ากับท่านอ๋องแล้ว เมื่อคืนพวกเจ้าอยู่ในห้องนอนด้วยกันบ่าวไพร่มันนินทากันให้สนุกปาก เสียงดังออกไปนอกเรือน ป้าไปถามท่านอ๋องเมื่อเช้าก่อนที่ท่านจะออกไปราชการที่วังหลวงแล้วท่านอ๋องยอมรับกับป้าว่าเขารับเจ้าเป็นอนุ และได้เสียกับเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว จึงยอมให้เจ้าแต่งงานกับผู้ใดไม่ได้อีก เหลียนฮวาเกิดอะไรขึ้นไหนกันแน่ " แม่นมเหลียนที่เพิ่งรู้เรื่องที่ท่านอ๋องมอบเรือนหลังนี้ที่หรูหราเกินฐานะคนอาศัยให้เหลียนฮวาก็เพราะนางเป็นสตรีของท่านอ๋อง เหลียนฮวาใบหน้าร้อนผ่าว “ หลายวันก่อนข้าทำขนมแล้วนำไปให้ท่านอ๋องชิม แต่ท่านอ๋องเมื่อชิมขนมของข้าแล้ว เขาดูเหมือนมีอาการผิดปกติ เขาเข้าใจว่าข้าวางยาปลุกกำหนัดเขา แต่ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ และก็อย่างที่ท่านป้าทราบเจ้าค่ะ ข้าตกเป็นของท่านอ๋องในบ่ายวันนั้นและเมื่อคืนเขาก็…..มาที่เรือนนี้เจ้าค่ะ ”ป้าของเหลียนฮวาถอนใจ แม้นางจะเป็นแม่นมของท่านอ๋อง แต่นางก็รู้ดีว่าท่านอ๋องผู้นี้ถือตัวนัก การที่จะยอมรับแต่งงานกับเหลียนฮวารับนางเป็นชายานั้นไม่มีทางเป็นไปได้ และแม่นมก็เสียดายความงดงามของเหลียนฮวา อยากให้นางมีโอกาสที่ดีกว่าเป็นอนุในเรือนหลังของ
เมื่อกระแทกนางจนกระทั่งเสร็จสมไปอีกครั้งพร้อมๆกันแล้ว มือหนากดสะโพกอวบของนางลงแนบกับฟูกหนานั้น แล้วยกก้นงอนงามของนางขึ้นเล็กน้อย แล้วสอดลำกายใหญ่ของเขาเข้าไปอีกครั้งจนมิดลำกายนั้น แล้วขย่มนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขานอนคร่อมร่างล่ำสันบนร่างอวบอัดของนางจากทางด้านหลัง แขนแกร่งทั้งสองข้างก็ยันฟูกนอนเอาไว้เพื่อรับน้ำหนักของตนเองไม่ให้กดลงไปที่คนด้านล่างมากนัก แล้วโยกบั้นเอวขย่มร่างอวบของนางจากทางด้านหลังอย่างเร่าร้อน ทั้งสองต่างโยกขยับเข้าหากันอย่างรุนแรง ด้วยจังหวะรักเดียวกับ ส่วนปากก็ร้องครวญครางอย่างสุขสม เจ้าของจวนควงบั้นเอวกระแทกนางอย่างรุนแรง แล้วก็เหมือนสะโพกหนาของเขามีชีวิตของตัวมันเอง มันขย่มนางอย่างเร่าร้อน เขาสุขสมอย่างที่ไม่เคยมาก่อน เจ้าของจวนหนุ่มร้องครวญครางในลำคอหนาจนแสบไปหมด เมื่อต่างโยกเข้าหากันด้วยจังหวะที่ดุเดือดและเร่าร้อนจนเสร็จสมไปอีกครั้งแล้ว ร่างล่ำสันที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็จับสตรีใต้ร่างพลิกไปมาหลายท่วงท่าตามแต่ใจของตนเอง จนกระทั่งลงมานอนกระแทกร่างอวบของนางบนพื้นด้านล่างอย่างอย่างเมามัน เมื่อเสร็จสมเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ได้ จนรอบกายของทั้ง