ขณะนั้นเหลียนฮวาที่ยกขนมหวานที่นางทำเองมาส่งให้กับท่านอ๋องพอดี เมื่อเขาอนุญาตหลังจากนางเคาะประตูแล้วนางก็เดินเข้าไปพร้อมกับถาดใส่จากขนมหวานที่นางทำเอง อ๋องหนุ่มจ้องมองขนมหวานในจานที่นางยกมาวางตรงหน้าเขา “ ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันทำขนมหวานนี้มาถวายท่านอ๋องเพคะ มันเหมาะกับน้ำชายามบ่ายยิ่งนัก พระองค์ลองชิมดูสิเพคะ " นางคะยั้นคะยอให้เขาชิมขนมหวานที่นางลงมือทำเองเพื่อเอาใจเขา
อ๋องหนุ่มหยิบขนมหวานที่เหลียนฮวาหลานสาวแม่นมทำขึ้นชิม เขารู้ว่านี่ก็เป็นสตรีอีกนางที่หลงรักเขา และเทียวมาเอาอกเอาใจเขาดังเช่นคุณหนูซ่ง แต่เหลียนฮวานั้นพำนักอยู่ในจวนของเขา จึงทำให้ได้พบปะกับเขามากกว่าสตรีนางอื่น แต่เขาก็ไม่ได้พึงใจนาง แม้จะนึกชอบใบหน้าหวานและรูปร่างที่อวบอิ่มขาวผ่องของนางก็ตาม แต่ก็เป็นตามวิสัยของบุรุษหนุ่มวัยฉกรรภ์ แต่ก็ไม่ได้คิดไปถึงว่าจะรับนางเข้าเรือนหลังของเขา ไม่ว่าในตำแหน่งใดเขาก็ไม่เคยคิดทั้งสิ้น
เขายอมชิมขนมหวานก็เพื่อให้นางยอมออกไปดังเช่นที่เขาทำกับคุณหนูซ่ง เพราะเขาก็รำคาญที่สตรีหลายๆนางพยายามเข้าหาเขาในทุกรูปแบบ บุรุษที่เคร่งขรึมและเอาการเอางานเช่นเขา มิได้ชอบสตรีที่ทอดสะพานให้ชายดังเช่นเหล่าสตรีทั้งหลายที่เพียรมาทอดสะพานให้กับเขา
แต่หากจำเป็นต้องเลือก เขาอาจจะเลือกซ่งม่านอี้เป็นชายาเพราะนางมีฐานะที่เหมาะสมกับเขา และเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจนาง คงจะพอรับนางมาเป็นชายาเสียก็เป็นได้ หากวัยของเขามากไปกว่านี้แล้วยังไม่พบสตรีใดที่พึงใจสักคน
เมื่ออ๋องหนุ่มกัดกินขนมหวานของเหลียนฮวาก็พบว่ามันอร่อยมาก เขาจึงได้หยิบกินไปอีกสองสามชิ้น แต่ระหว่างนี้เขาก็ก้มลงอ่านหนังสือตรงหน้าไปด้วย
แต่เมื่ออ่านไปได้เพียงครู่ก็รู้สึกร้อนรุ่มในกาย และอยู่ๆ ก็เกิดกำหนัดอย่างรุนแรง จนอยากจะเสพสมกับสตรียิ่งนัก อยู่ๆมันก็เกิดกำหนัดที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนเกินจะห้ามได้ เจ้าลูกชายตาเดียวของเขาที่ตอนนี้มันผงาดง้ำเกินจะห้ามปราม
ขณะนั้นเหลียนฮวาที่เมื่อเห็นท่านอ๋องทำเป็นไม่สนใจนางดังเช่นเคย นางจึงจะช่วยยกโถน้ำแกงไปวางที่ชั้นวางด้านริมผนัง แล้วก็จะกลับออกไปจากห้องนี้เงียบๆ แต่เมื่อนางหันกลับมาอีกครั้งเพื่อบอกลาเขา
นางก็ตกใจที่ใบหน้าของท่านอ๋องหนุ่มที่เห็นได้ชัดว่าเห่อแดงอย่างผิดปกติ นางสบกับดวงตาคู่คมของอ๋องหนุ่มที่บัดนี้เต็มไปด้วยไฟราคะที่กำลังลุกโพลงเกินจะระงับได้ของเขา แล้วก็ตกใจมาก ท่านอ๋องเป็นอะไรกัน
“ ท่านอ๋องเพคะ ท่านไม่สบายหรือไม่ จะให้หม่อมฉันไปตามพ่อบ้านมาดูอาการท่านดีหรือไม่เพคะ ” นางเอ่ยขึ้นอย่างตกใจเพราะอยู่ๆ ทั้งใบหน้าและลำคอของท่านอ๋องก็กลายเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด แถมเหงื่อของเขายังไหลอาบใบหน้าอย่างมากมายอีกด้วย
ส่วนดวงตาคู่คมที่ปกติมักจะมองนางด้วยความเฉยชา ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆต่อนางทั้งสิ้น จนเหลียนฮวาชักจะเริ่มท้อใจแล้ว ว่านางคงจะไม่มีวันที่จะได้เป็นอะไรทั้งนั้นในชีวิตของท่านอ๋องหรู่หยาง กลับกลายเป็นว่านางมองเห็นความปรารถนาอย่างมากมายอยู่ในนั้น
อ๋องหนุ่มที่จับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างหมายมั่น เขากำลังเกิดกำหนัดอย่างมากมาย มากจนจะต้องได้รับการปลดปล่อยมันในตอนนี้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้แล้ว
เขาจึงเริ่มถอดอาภรณ์ตัวนอกออกแล้วโยนทิ้งไป แม้จะพยายามตั้งสติเอาไว้และพยายามจะอดทนอย่างถึงที่สุด แต่ตัวเขาเองก็แทบจะทนอาการที่มันเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วต่อไปไม่ได้
จนเมื่อเขาเงยหน้ามองไปอีกครั้งก็เกิดภาพหลอนเห็นเหลียนฮวาเดินเยื้องย่างมาหาเขาช้าๆ ร่างอวบอัดขาวผ่องของนางเปลือยเปล่า นางยกมือลูบไล้ร่างกายของตนเอง
แล้วมองสบตาของเขาอย่างหญิงที่ร่านร้อน เหมือนนางยั่วเมืองไม่มีผิด ถ้าเจ้าเสนอตัวให้ข้าถึงขนาดนี้ ข้าก็จะตอบสนองสิ่งที่เจ้าต้องการ
อ๋องหนุ่มสติขาดผึ่งลงในทันที เขากระโจนเข้าหานางแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่ม ในภาพหลอนที่ท่านอ๋องหนุ่มหนุ่มมองเห็น เป็นภาพของเหลียนฮวาอ้าปากรับลิ้นสากของท่านอ๋องหนุ่มอย่างเต็มใจ
แต่ในความเป็นจริงแล้วเหลียนฮวาดิ้นรนอย่างมากมายให้พ้นจากอ้อมกอดแข็งปานเหล็กกล้าของท่านอ๋องที่จับนางเอาไว้มั่น และบีบแก้มนางอย่างแรงทำให้จำต้องอ้าปากออกและลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของท่านอ๋องหนุ่มก็สอดเข้าไปควานชิมความหวานในปากของนางในทันที
ท่านอ๋องหนุ่มประกบจูบนางอย่างดูดดื่ม ในมโนสำนึกของเขาคิดว่าสตรีใต้ร่างที่เขากดนางลงนอนราบกับพื้นห้องนั้นยั่วยวนเขา เขาจึงจูบนางอย่างดูดดื่มและเหมือนเขาหิวโหยนางอย่างมาก ยิ่งจูบก็ยิ่งติดใจ จนเมื่อจูบเหลียนฮวาสตรีเจ้ามารยาที่ดิ้นรนอยากจะเป็นชายาของเขาจนกระทั่งพอใจแล้ว
เขาจึงได้ผลักร่างที่อ่อนระทวยเนื่องจากถูกเขาจูบอย่างดูดดื่มจนกระทั่งนางเองก็เผลอไผลโอนอ่อนตามบุรุษที่นางเองก็มีใจให้กับเขา และหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบหน้าแล้ว
อ๋องหนุ่มดันร่างอวบของเหลียนฮวานอนราบลงกับพื้นพรมหนานุ่มที่ปูบนพื้นในห้องหนังสือนั้น เพราะเขาทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เจ้าลูกชายของเขามันผงาดง้ำจนเกินจะทน ดิ้นรนอยากจะสอดประสานกันนางเต็มทีแล้ว
ท่านอ๋องหนุ่มสอดลำกายแกร่งของเขาเข้าไปในร่องอวบของหญิงร่านตรงหน้า ที่บัดนี้อาภรณ์หลุดลุ่ยเพราะมือหนาที่ทั้งดึงทั้งทึ้งอาภรณ์ของนางออกอย่างไม่ปราณี จนอาภรณ์ที่ทำจากเนื้อผ้าบางเบาฉีกขาดเป็นทางยาว อ๋องหนุ่มไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น
เขาคิดไปว่านางทำตัวเอง ดิ้นรนอยากจะเป็นชายาของเขา จนถึงกับวางยาปลุกกำหนัดในขนมหวานที่นางทำมาให้กับเขา สตรีแพศยาร่านชาย อยากจะได้บุรุษจนตัวสั่น ขนาดเขาไม่มีท่าทีชอบพอนางเลย แค่เพียงไม่อยากจะหักหาญน้ำใจนางเวลาที่เทียวมาเอาอกเอาใจเขา เพราะเห็นแก่แม่นมของเขา จึงได้โอภาปราศัยกับนางโดยดี แม้จะนึกรำคาญดวงตาฉ่ำหวานที่นางมักจะมองสบกับเขาในบางครั้ง และทำสะเทิ้นอายหลบตาเขา เหมือนนางแอบมีใจให้กับเขา
อ๋องหนุ่มเองก็พอจะมองออก แต่เขาไม่ได้คิดกับนางเป็นอื่นเลย แค่เพียงเห็นว่าเป็นคนในบ้าน ฐานะดีกว่าสาวใช้นิดหน่อย เพราะเป็นหลานสาวของแม่นมของเขา แต่ก็ไม่ได้ถือว่านางอยู่ในฐานะเดียวกัน
แม้บัดนี้เขาจะเหลือสติเพียงเล็กน้อยที่พยายามจะฝืนตนเอง แต่ยาปลุกกำหนัดนั้นเป็นชนิดร้ายแรงยิ่งนัก มันทำให้เขาขาดสติไปทันที เขาสอดเจ้าลูกชายเข้าไปในร่องอวบของหญิงตรงหน้าแล้วเร่งกระแทกนางอย่างรุนแรงและเพิ่มเป็นเร่าร้อนอย่างรวดเร็ว
เหลียนฮวากรีดร้องเสียงดัง “ โอ้ย !! ท่านอ๋องหยุดเถอะเพคะ ได้โปรด หม่อมฉันเจ็บ เจ็บเหลือเกิน ” นางกรีดร้องและพร่ำอ้อนวอนท่านอ๋องหนุ่มที่ตอนนี้ผสานกายอวบใหญ่แข็งแกร่งของเขากับร่องอวบของหล่อนจนแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกันแล้ว
อ๋องหยุ่มยกยิ้มเหยาะหยัน แพศยานัก รนหาที่เอง วางแผนชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นมาเอง แล้วตอนนี้จะมาทำดีดดิ้นไม่ยินยอมขึ้นมา สายไปแล้ว เพราะเจ้าทำตัวเอง จึงได้มาเป็นเช่นนี้ อ๋องหนุ่มคำราม และก็ค่อยๆขยับลำกายอวบใหญ่ที่แข็งขึงเข้าออกในร่องสวาทที่แม้จะมีน้ำรักหล่อเลี้ยงเอาไว้บ้าง แต่มันก็คับแน่นมาก
คับจนเขาเองเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ก็ฝืนทนเอาไว้นางไม่เคยชาย แต่ก็ยังกล้าที่จะวางยาปลุกกำหนัดบุรุษเสียได้ คงจะอยากได้เขาเป็นสามีจนตัวสั่น และตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้สมใจที่เจ้าต้องการ
อีกหนึ่งเดือนต่อมา การแต่งงานของท่านเจ้ากรมยุติธรรมกับเมิ่งลี่หลินอดีตน้องสาวก็เกิดขึ้น ทั้งสองแต่งงานกันโดยจัดพิธีการที่เรียบง่ายมาก เพราะอยากจะจัดพิธีเป็นการภายในที่มีแต่เพียงญาติและมิตรสหายเพียงเท่านั้น เมิ่งลี่หลินนั้นรู้สึกมีความสุขมากที่นางตัดสินใจเลือกบุรุษที่รักนางมากเช่นอดีตพี่ชายของนาง เขารักนางเพียงผู้เดียว ไม่เคยมีสายตาไว้มองสตรีใดทั้งสิ้น หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่กี่เดือนเมิ่งลี่หลินก็ตั้งครรภ์และหลังจากนั้นก็ให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่านเจ้ากรมยุติธรรมพี่ชายของนาง และนางไม่เสียใจเลยสักนิดที่ตัดสินใจเลือกเขา เพราะเขารักนางจริงๆ ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุขส่วนตำหนักท่านอ๋องนั้นก็ไม่แพ้กัน หลังจากแต่งงานได้ไม่นานเหลียนฮวาก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรแฝดชายหญิงคู่หนึ่งให้กับท่านอ๋อง พระสนมหยูนั้นดีใจมาก หลงรักหลานทั้งสองจนคอยแวะเวียนมาที่ตำหนักของบุตรชายเพื่อช่วยเลี้ยงดูหลานทั้งสองอยู่บ่อยๆครั้ง ในบางครั้งถึงกับนอนค้างที่ตำหนักอ๋องของบุตรชาย เพราะเล่นกับหลานจนเย็นย่ำ ไม่อยากจะเดินทางกลับเข้าวังหลวง เหลียนฮวานั้นเป็นมารดาที่โชคดีมาก นอกจากลูกทั้งสองไม่ร้องกวนโยเยแล
ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายที่เฝ้าแอบหลงรักน้องสาวของตนเองมาหลายปีแล้ว บัดนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยนางไปหาบุรุษใดอีกแล้ว ท่านเจ้ากรมหนุ่มตัดสินใจเดินเข้ามาทางด้านหลังของนาง เอามือปิดปากนางจนสลบไป แล้วอุ้มนางขึ้นพาเดินดุ่มไปที่ห้องนอนใหญ่ของเขา แล้ววางนางลงบนเตียงนอน มือหนาลงมือถอดอาภรณ์ของนางออก จนร่างอ้อนแอ้นที่เมื่อเปิดเปลือยอาภรณ์หมดสิ้นแล้ว กลับอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือดีนัก ร่างหนาแข็งเกร็งขึ้นทันทีเมื่อเห็นเรือนร่างขาวผ่องของน้องสาวนอกไส้เต็มตา ส่วนสัดของนางอวบอัดมากกว่ายามที่นางสวมใส่อาภรณ์เสียอีก ผิวพรรณของนางเนียนผ่องไปหมด เช่นนี้แล้วเขาจะอดใจไม่หลงไหลนางได้อย่างไร เขาเพียงแค่ต้องเก็บงำความรู้สึกนั้นเอาไว้ แต่บัดนี้เมื่อนางถูกบุรุษอื่นปฏิเสธนาง เขาจึงคิดว่าเขาจะแต่งงานกับนางเสีย เพราะอย่างน้อยเขาก็รัักนางมาก ไม่คิดจะทำให้นางเสียใจโดยการมีสตรีอื่นใดนอกจากนาง เขาวางร่างงามลงบนเตียงแล้วถอยออกมายืนมองนางด้วยแววตาครึ้มไปด้วยความเสน่หา ค่อยๆถอดเครื่องแต่งกายของเขาออกจนเรือนร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าแล้วขึ้นคร่อมร่างอวบอัดของน้องสาวนอกไส้ที่เขาเองดูแลนางมานับจากบิดามาร
เหลียนฮวาพูดไม่ออก นางเข้าใจที่เขาพูด เพราะนางเองที่ยอมจะแต่งงานไปกับคุณชายเสิ่นอี้หนานทั้งที่ไม่ได้รักเขาก็เพราะนางเสียใจและเจ็บปวดที่เขากำลังคิดจะหมั้นหมายกับคุณหนูเมิ่ง และที่เขาทอดทิ้งนางถึงสองครั้งติดๆกัน ทำให้นางแน่ใจว่าในใจของเขานั้นคงไม่มีนางอยู่ในนั้นอย่างแน่แล้ว จึงตัดสินใจจะแต่งงานกับบุรุษที่ดีเช่นคุณชายเสิ่น แม้จะไม่ได้รักเขา แต่นางคิดว่าหากอยู่ร่วมกันไป นางคงจะรักเขาได้ในสักวันหนึ่ง แต่เมื่อมาคิดดูแล้วมันก็เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมาก นางสงสารคุณชายเสิ่นเหลือเกินในตอนนี้ แต่ความเป็นจริงแล้ว แม่นมเหลียนนั้นได้ไปพบคุณชายเสิ่นอีหนานแล้วเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง และเขายอมตกลงที่จะช่วยให้แผนการณ์บีบบุรุษที่ไม่รู้ใจตัวเองให้ตัดสินใจ ส่วนเหลียนฮวานั้นเป็นผู้เดียวที่ไม่รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้คือการจัดฉาก ที่จวนเสิ่นไม่ได้มีการจัดเตรียมงานแต่งใดๆ ทั้งนั้น เพียงเป็นความร่วมมือเพื่อช่วยให้เหลียนฮวากับท่านอ๋องได้ลงเอยกันได้เพียงเท่านั้ เพราะโอกาสนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่แม่นมเหลียนจะให้กับท่านอ๋องหรู่หยาง หากเขาไม่คิดจะทำอะไร แต่กลับยอมปล่อยให้เหลียนฮวาแต่งงานออกไปจริงๆ แ
“ อ๊าา อื้อ.. อู๊ยยย อื้อ… อ๊าายย อ๊าา ” นางร้องครางออกมาทั้งที่ถูกเขาจูบอย่างดูดดื่ม นางรู้สึกยิ่งเสียวซ่านยิ่งขึ้นเมื่อเขาเลียไล้วนเวียนลงมาที่อกอวบใหญ่ของนางอีกครั้ง ใช้ปลายลิ้นดุนดันตวัดเน้นย้ำๆที่ปลายถันที่ชูชันแข็งเป็นไต ก่อนจะอ้าปากครอบครองเต้าอวบของนางจนเต็มปาก ดูดอย่างแรงและตวัดลิ้นเลียไล้ไปพร้อมๆกัน จนเหลียนฮวาแอ่นอกอวบขึ้นหาใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ร้องครวญครางแทบจะขาดใจ เพราะนางเสียวเสียวเหลือเกิน มือบางนั้นทั้งกดศีรษะที่มีผมดกหนาและมีกว้านสีเงินครอบเอาไว้นั้นอย่างแรง กดจนศีรษะของเขาแนบชิดกับอกอวบของนาง กดให้แนบชิดไปกับสองเต้าของนางที่แอ่นเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่งเหลียนฮวาเสียวจนร่องอวบของนางเปียกแฉะไปหมด เผลอโยกสะโพกอวบร่อนขึ้นสูงอย่างหลงลืมตนไปหมดแล้ว เวลานี้นางต้องเขา ต้องการให้เขาสัมผัสร่องอวบของนางแทบจะบ้าอยู่แล้ว แต่ท่านอ๋องหนุ่มยังคงอยากจะปลุกปั่นนางให้ถึงที่สุด เขาคายอกอวบของนางออกจากปากหนาของเขา แล้วเลื่อนตัวลงต่ำไปอีก ต่ำลงไป จนกระทั่งลมหายใจร้อนผ่าวของเขารดที่เนินอวบของนาง มือหนาแหวกร่องอวบของนางออก แล้วใช้ริมฝีปากค่อยๆดึงเชือกที่ผูกบริเวณส
ในห้องหอที่มีการจัดกำยานชนิดพิเศษสำหรับค่ำคืนในการเข้าหอและมีการเตรียมสุราและอาหารมงคลเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงเจ้าบ่าวที่กำลังรับการดื่มอวยพรจากเหล่าคนสนิท และสหายสามสี่คนที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองสมรสที่รีบด่วนนี้ แม่นมเหลียนที่ยินดีนักที่ในที่สุดท่านอ๋องก็ยอมแต่งงานรับเหลียนฮวาเป็นพระชายาเอกของเขาเสียที เพราะทั้งสองมีหนังสือสมรสด้วยกันแล้ว แถมท่านอ๋องยังเป็นผู้ที่บังคับให้เหลียนฮวาลงนามด้วยตนเอง เป็นอันว่าเป็นนี้หลานสาวของนางกลายเป็นพระชายาอย่างถูกต้องของท่านอ๋องหรู่หยางที่กว่าจะรู้หัวใจตนเองก็เกือบจะสาย เมียรักเกือบจะหนีไปแต่งงานกับชายอื่นที่เห็นคุณค่าของนางกว่าเขา ( ตามแผนของพระสนมหยูนั่นเอง แต่ที่จริงไม่มีเจ้าบ่าวที่ไหนทั้งนั้น ) เมื่อเจ้าบ่าวเดินย่างกรายเข้ามาในห้องหอ เหลียนฮวาก็เบือนหน้าหนีเขาไปทางอื่นอย่างแสนงอน แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่านางคงจะหนีเขาไปไม่พ้นแล้ว “ ฮวาเอ๋อ ในที่สุดเจ้าก็หนีเปิ่นหวางไม่พ้น เจ้าเป็นเมียของเปิ่นหวาง คิดจะหนีไปแต่งงานกับชายอื่น มันไม่มีทางเป็นไปได้ เปิ่นหวางไม่มีทางปล่อยเจ้าไป ต่อให้ต้องลากเจ้ากลับมา เปิ่นหวางก็จะทำ ”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสีย
ท่านอ๋องหรู่หยางกำลังคิดหาทางจะทำเช่นไร ที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนกับทุกฝ่าย และเขาเองก็จะไม่ต้องเสียเหลียนฮวาไป เขาตัดสินใจยอมให้เหลียนฮวาได้พักผ่อนอยู่ที่ตำหนักของพระมารดาไปก่อน ส่วนเขายอมกลับไปที่จวนเพื่อแก้ปัญหาเสียก่อนถึงจะไปรับนางกลับมาด้านพระสนมหยูเรียกแม่นมเหลียนเข้ามาปรึกษากันเรื่องบุตรชายที่ปากแข็งนัก ทำให้แม่นมเหลียยจำต้องเล่าความจริงทุกอย่างให้พระสนมฟัง พระสนมหยูถอนหายใจออกมา แต่แล้วก็ตัดสินใจเอ่ยว่า “ เจ้าลูกคนนี้ปากก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ก็ขัดขวางเขาเสียทุกทีที่เขาจะออกเรือนไป มันยังไงกันแน่ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เรามาวางแผนให้เจ้าคนปากแข็งยอมตัดสินใจเสียที ว่าตกลงจะเลือกใคร บอกว่าเลือกคุณหนูเมิ่ง แต่ก็มาวอแวเหลียนฮวาไม่หยุดหย่อน ถึงกับตามนางเข้ามานอนในตำหนักของข้าทั้งที่ร้อยวันพันปี ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มก็ไม่คิดจะกลับเข้ามานอนในตำหนักแม่ ที่จริงตามสตรีมานี่เอง เอาละข้านึกออกแล้ว ให้เจ้าไปทำตามนี้ก็แล้วกัน ” แล้วพระสนมหยูก็ค่อยๆแจกแจงแฝนการพิสูจน์ใจของบุตรชายว่าเป็นเช่นใดกันแน่ ให้แม่นมเหลียนฟัง “ ดูสิว่าเจ้าลูกปากแข็งมันจะทำอย่างไร ส่วนข้าไม่รั