เว่ยเยว่ซินเดินออกมาห้องนอน นางปรายดูเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่แต่ละจุดพลางครุ่นคิด
นางกำนัลที่ติดตามมาองค์หญิงเว่ยเยว่ซินถูกสังหารเสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์ครั้งนั้นและคาดว่ากู้เซียวอวิ้นได้เปลี่ยนสาวใช้ในตำหนักนางทั้งหมดเหมือนกัน
นางส่งสายตาเรียกสาวใช้ผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
“พระชายามีสิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ”
เว่ยเยว่ซินยืนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาพร้อมกล่าว “ข้าต้องการสมุนไพรเหล่านี้...ทั้งส่วนของต้นที่นำไปปลูกและตัวสมุนไพรแห้ง ...เจ้าช่วยเอาไปให้คนที่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้ข้าที”
สาวใช้รับมาอย่างนอบน้อมกล่าว “เพคะ..”
เว่ยเยว่ซินกล่าวต่อ “และจัดหาคนที่แข็งแรงมือไม้คล่องแคล่วมาสักสามสี่คนมาช่วยข้าทำแปลงสมุนไพรด้วย...ได้เรื่องอย่างไรรีบมาแจ้งข้า...ไปได้”
“เพคะ...หม่อมฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
จากนั้นนางก็หันไปเรียกคนสาวใช้คนอื่น ๆ “พวกเจ้าตามข้ามา...ไปดูพื้นที่สักหน่อยตรงที่สามารถทำแปลงสมุนไพรได้”
ห้องอักษร
กู้เซียวอวิ้นกำลังอ่านเอกสารรายงานเกี่ยวกับกองทัพ ได้ยินเสียงฝีเท้าดูรีบเร่งเข้ามา เงยหน้าขึ้นเห็นเป็นถึงพ่อบ้านโจวถิงจึงขมวดคิ้วถาม
“มีสิ่งใด”
โจวถิงคารวะอีกฝ่ายแล้วยืนกระดาษแผ่นหนึ่งออกไปพร้อมกล่าว
“พระชายาต้องการสมุนไพรขอรับ”
สายตาคมกริบกวาดตามองปราดหนึ่งส่งคืนพ่อบ้านโจวแล้วเอ่ย “จัดการตามที่พระชายาต้องการ”
พ่อบ้านโจวพลันเผยสีหน้าลำบากใจ กู้เซียวอวิ้นฉุดคิดว่าคงมีเหตุผลอื่นจึงเอ่ยอีกประโยค
“ไม่ต้องสนใจมูลค่า จัดการให้เรียบร้อย”
พ่อบ้านโจวจึงกล่าวขึ้นน้ำเสียงระมัดระวัง “สมุนไพรบางส่วนที่จวนไม่มีขอรับ ข้าน้อยได้ไปสอบถามที่สำนักหมอหลวงหลายตัวต้องไปซื้อที่ร้านขายยาของสำนักหมื่นพิษ ที่นั้นล้วนมีขายทั้งหมดทว่าหากตีเป็นมูลค่าก็เกือบหมื่นตำลึงขอรับ”
แววตาของกู้เซียวอวิ้นยังคงเรียบนิ่ง กล่าว “ข้ารู้แล้ว”
พ่อบ้านโจวรีบคารวะกล่าว “บ่าวจะรีบไปจัดการขอรับ”
คล้อยหลังพ่อบ้านโจวกู้เซียวอวิ้นก็ไออย่างแรง มือที่เขาปิดปากมีก้อนเลือดติดอยู่ องค์รักษ์ข้างกายกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ท่านอ๋อง...ให้ข้าตามท่านหมอเฉิงหยวนหรือไม่ขอรับ”
กู้เซียวอวิ้นยกมือห้าม “ไม่มีประโยชน์...หากไม่มียาถอนพิษอย่างไรก็ไร้ทางรักษา”
องค์รักษ์มู่หยาง แค่นเสียงอย่างโกรธแค้น “พวกมันตั้งใจบีบให้พระองค์ใช้กำลังภายใน”
องค์รักษ์มู่เยี่ยนรับผ้าเช็ดมือจากกู้เซียวอวิ้นก็เอ่ยขึ้น “หวังว่าพวกมู่เหอจะสามารถหาสมุนไพรได้”
กู้เซียวอวิ้นโบกมือให้คนออกไป เขามิได้เกรงความตายเพียงแต่กังวลหากเขาเป็นอะไรไป เรื่องสงครามคงมิไม่มีผู้ใดจัดการได้อีกทั้งองค์หญิงเว่ยเยว่ซินย่อมผู้นั้นก็คงไม่ปลอดภัย คงต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าและตอนนี้นางอยากจะทำสิ่งใดก็คงต้องตามใจไปก่อน ชายหนุ่มทบทวนเรื่องราวก่อนที่จะแต่งงานเขาได้เคยสืบเรื่องราวขององค์หญิงเว่ยเยว่ซินผู้นี้มาบ้าง แม้จะมีข้อมูลว่านางสนใจสมุนไพรแต่ก่อนหน้าไม่เห็นนางจะสนใจเรื่องราวเหล่านี้ แต่ละวันเหมือนนางจมปลักอยู่กับความคิดของตนเอง ไร้ชีวิตชีวา ทำให้เขาหมดความสนใจจะสานสัมพันธ์กับนาง
ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ คงเป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้นางลุกขึ้นมาลองทำสิ่งใหม่ ๆ เรื่องราวดี ๆ มักเกินหลังเหตุการณ์เลวร้ายผ่านไป
สวนบุปผา
สาวใช้สี่ห้าคนเดินตามหลังเว่ยเยว่ซินไปยังสวนดอกเหมยกุ้ยด้านหลัง พวกมันกำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ เว่ยเยว่ซินยืนมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“พวกเจ้าช่วยจัดการดอกไม้เหล่านี้ออกไปให้หมด...ข้าจะเตรียมดินปลูกสมุนไพร”
สาวใช้น้อยผู้หนึ่งเบิกตากว้างขึ้น จากนั้นนางก็ถอยออกมาอย่างแนบเนียนคล้ายไปรายงานใครสักคน
เว่ยเยว่ซินยืนกำชับเหล่าสาวใช้จัดการถอนต้นดอกไม้และพรวนดิน...พวกสาวใช้ต้นห้องย่อมไม่เคยทำสวนมาก่อนมือไม้ก็อ่อนนุ่มบอบบางไร้เรี่ยวแรง ยิ่งทำก็ยิ่งดูเกะกะมากกว่าได้งาน เว่ยเยว่ซินถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“หยุด!!...ไปหาคนที่มือไม้แข็งแรงกว่านี้สักหน่อยมาเถอะ”
ขณะนั้นก็มีสาวใช้อาวุโสผู้หนึ่งเดินปรี่เข้ามาอย่างรีบเร่ง นางเดินมาใกล้ก็คารวะ
“พระชายาอย่าพึ่งโมโหจะเสียสุขภาพ...เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้...ให้บ่าวจัดการให้ดีหรือไม่เจ้าค่ะ”
เว่ยเยว่ซินหันมามองผู้ที่กล่าว นางคือหลัวมามาถือว่าเป็นคนเก่าคนแก่ของจวนอ๋อง แม้กระทั่งชินอ๋องยังให้เกียรตินางหลายส่วน นางมาด้วยท่าทีสุภาพ เว่ยเยว่ซินก็ไม่เสียมายาทเอ่ยด้วยน้ำเสียงละมุน
“รบกวนหลัวมามาแล้ว...ข้าอยากจะเตรียมดินปลูกสมุนไพร...หากสามารถทำเป็นโรงปลูกจะดียิ่ง”
ชินอ๋องได้กำชับไว้ ช่วงนี้ให้ดูแลพระชายาไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หลัวมามาจึงกล่าวอย่างเอาใจ
“เรื่องนี้หาได้ยุ่งยาก...ภายในหนึ่งเดือนเรือนเพาะปลูกจะต้องเรียบร้อยเพคะ”
เว่ยเยว่ซินพยักหน้าพอใจ กล่าว “รบกวนหลัวมามาแล้ว”
“มิกล้า มิกล้า” หลัวมามากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม
ช่วงเวลารอโรงเพาะปลูกสมุนไพร เว่ยเยว่ซินก็ใช้เวลานี้ในการฟื้นฟูร่างกาย แม้จะมีสมุนไพรไม่มากแต่โอสถบำรุงดี ๆ สำหรับนางนับว่าเป็นเรื่องง่ายดาย
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โรงเพาะปลูกของเว่ยเยว่ซินก็เสร็จเรียบร้อย ภายในนั้นยังเป็นห้องปรุงโอสถของนางอยู่กลางโรงโถงขนาดใหญ่ สามารถมองไปทั่วบริเวณไม่กลัวว่ามีผู้ดักซุ้มมองนางปรุงโอสถ
ทว่า เริ่มแรกนางหาได้ปรุงโอสถ กลับเป็นขี้ผึ้งอย่างดีหลายตลับ นางถือขี้ผึ้งหนึ่งตลับไปยืนอยู่หน้าบ่าวรับใช้ในสวนผู้หนึ่ง
“ข้าเห็นว่าที่มือขวาของเจ้ามีรอยแผลเป็นเอานี้ไปใช้สิ รับรองว่ารอยนั้นจะหายไป ผิวเจ้าจะกลับมาเรียบเนียนกว่าเคย”
เด็กสาวผู้นั้นเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะเกรงว่าผู้อื่นจะรังเกียจนางจึงพยายามปกปิดมาตลอด ไม่คาดว่าจะถูกพบเห็นเข้า ได้ยาขี้ผึ้งนางไม่ดีใจและกลับหวาดกลัว นางจะถูกส่งกลับไปทำงานที่โรงซักล้างใช่หรือไม่ นางรีบก้มหมอบต่ำกล่าว
“พระชายา...ได้โปรดอย่าส่งหม่อมฉันกลับไปที่โรงซักล้างเลยเพคะ” ทั้งเสียงและร่างกายของนางสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่
เว่ยเยว่ซินขมวดคิ้วกล่าว “ข้าให้ของ เหตุใดเจ้าจึงได้กล่าวเป็นอื่น”
กัวผิงสาวใช้ขั้นหนึ่งได้รับคำสั่งจากหลัวมามา มาช่วยดูแลตำหนักพระชายา นางเห็นเหตุการณ์ก็รีบเดินเข้ามาแล้วกล่าว
“พระชายาประทานสิ่งของให้ ยังไม่รีบขอบพระทัยอีก”
เด็กสาวพลันได้สติรีบกล่าว
“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ”
กัวผิงหันมาคารวะเว่ยเยว่ซินแล้วกล่าว “ขออภัยพระชายา คนสวนในที่นี่ถูกจัดสรรมาอย่างรีบเร่ง จึงขาดการอบรมสั่งสอนไปบ้างขอพระชายาอย่างได้ถือสา”
เว่ยเยว่ซินพยักหน้าเข้าใจ นางรู้มาบ้างว่าคนเหล่านี้ล้วนมาจากครอบครัวชาวนาที่มีพื้นฐานเพาะปลูก จึงโบกมือกล่าว
“ข้าหาได้ถือสา...นี่ขี้ผึ้งเจ้าก็เอาไปใช้ได้สิ”
แววตากัวผิงสว่างวาบขึ้นมา นางรีบย่อคารวะ “ขอบพระทัยพระชายาเพคะ”
จากนั้น เว่ยเยว่ซินก็เดินตรวจทั่วบริเวณสวนสมุนไพร แจกขี้ผึ้งให้กับสาวใช้ที่มีปัญหาผิวพรรณด้วยตนเอง กัวผิงที่เดินตามอยู่เงียบ ๆ เริ่มมีสีหน้าประหลาดขึ้นเล็กน้อย
นางเองก็ได้รับขี้ผึ้ง
ในใจของนางพลันแว่วคำถามหนึ่งขึ้นมา...
หรือผิวของนางเองก็ไม่เรียบเนียน?
ตอนที่ 4 เพราะงดงาม นอกจากม่านชิงเฉียว ก็ไม่มีผู้ใดรู้ส่วนผสมของโอสถหยดโลหิตมังกร แม้กระทั่งเจ้าสำนักหมื่นพิษก็ยังหาคำตอบนี้ไม่ได้ เขาพยายามคาดเดาจากข้อมูลสมุนไพรที่บุตรสาวใช้แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้ เจ้าสำนักหมื่นพิษคงไม่รู้ว่า เป็นเพราะคาดเดาผิดตั้งแต่แรกว่าจะต้องมีสมุนไพรล้ำค่าและหายาก ทว่าความจริงแล้ว ส่วนผสมของโอสถหยดโลหิตมังกรคือสมุนไพรธรรมดาที่สามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป มูลค่าของพวกมันใช้เงินซื้อมาไม่ถึงตำลึงด้วยซ้ำ เว่ยเยว่ซินปรายตามองส่วนผสมที่จัดเตรียมไว้คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เริ่มปรุงโอสถอีกครั้งและตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจนางเหมือนครั้งแรกที่เริ่มลงมือ พวกเขาต่างคุ้นชินว่านางกำลังปรุงขี้ผึ้งทาผิวอีกแล้วตะวันคล้อยต่ำ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เว่ยเยว่ซินยิ้มจนตาหยี กลิ่นนี้ถูกต้องแล้ว!! นางหยิบตลับงดงามใบหนึ่งแล้วใส่โอสถที่พึ่งตกผลึกเสร็จใส่ลงไป คราวนี้ก็เหลือแค่ส่งมอบจ้าวลี่อิงยังคงมาตรวจชีพจรให้เว่ยเยว่ซิน ในขณะที่นางกำลังจับชีพจร เว่ยเยว่ซินก็เอ่ยขึ้น “เรียนถามท่านหมอ ช่วงที่ข้
ตอนที่ 5 สร้างชื่อเสียง เฉิงหยวนค่อย ๆ หยดยาลงบนเลือดสีดำม่วง เขาจับจ้องมองสีเลือดที่ค่อย ๆ เปลี่ยนสีมีสีแดงแจมขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอกอย่างแรง แม้จะถอนพิษไม่ได้แต่นับว่ายังดีเฉิงหยวนยุ่งอยู่กับการปรุงโอสถระงับพิษของกู้เซียวอวิ้น หลายวันแล้ว วันนี้คงได้มีเวลาผ่อนคลายบ้าง ขณะกำลังเอนกาย สายตาเหลือบไปเห็นตลับยาที่วางทิ้งเอาไว้ ขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้ว่าเป็นยาแก้พิษที่มู่เยี่ยนนำมา ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจเอนกายกำลังจะหลับตาลงสายลมอ่อนพัดโชยกลิ่นหนึ่งเข้ามาแตะจมูก เขาพลันลืมตาเบิกกว้างขึ้น กระโดดลุกขึ้นแล้วเดินไปคว้าตลับยานั้นขึ้นมาดูดวงตาบอกว่าชายหนุ่มตกตะลึงสุดขีด รีบเอาเข็มมาทิ่มเม็ดยาจากนั้นก็รีบทดสอบบางอย่าง เขาจับจ้องมองปฏิกิริยาในถ้วยยาจนเหงื่อหยดเต็มใบหน้าเลือดค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาด อย่างที่ควรเป็น“ไม่น่าเชื่อ...นี่คือยาตัวนั้นจริง ๆ หรือนี่” เฉิงหยวนคว้าตลับตาแล้ววิ่งออกไป องค์รักษ์หน้าห้องมองหมอเทวดาที่มีท่าทีลุกลนด้วยแววตาฉงนห้องอักษร “มู่เยี่ยน ๆ” เสียงตะโกนเรียกอย่างไร้มารยาทในจวนอ๋องดังขึ้นกู้เซียวอวิ้นเงยนหน้าขึ้นมา เอ่ย “นั่นเสีย
ตอนที่ 6 กล่าวส่งเดช กู้เซียวอวิ้นเดินนำหน้าเฉิงหยวนมายังเรือนของเว่ยเยว่ซิน สาวใช้ที่เฝ้าอยู่บริเวณหน้าประตู ชำเลืองมองมาเห็นชายหนุ่มก็รีบเดินมาย่อคารวะ “คารวะท่านอ๋อง” “พระชายาไม่อยู่ในเรือนหรือ?” “เรียนท่านอ๋อง พระชายาอยู่ในเรือนสมุนไพรเพคะ” ได้ยินเช่นนั้น กู้เซียวอวิ้นก็หันกายเดินไปอีกทาง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยของหญิงสาวกลุ่มใหญ่คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย พอไปถึงภาพตรงหน้าชวนให้ตกตะลึงอยู่บ้าง กัวผิงเห็นชิงอ๋องก็ตกใจรีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย “คารวะท่านอ๋อง” บ่าวรับใช้พอได้ยินคำนั้นก็ต่างหยุดชะงักทั้งการกระทำและวาจา พวกนางต่างรีบพากันหมอบต่ำไม่กล้าเงยหน้า เกิดความเงียบสงัดขึ้นในทันที เว่ยเยว่ซินเห็นกู้เซียวอวิ้นแววตาก็มีประกายยินดีอย่างไม่ปกติ นางลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย ใบหน้าประดับรอยยิ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอ่อนหวาน “ท่านอ๋องมาเยี่ยมเยือนถึงเรือน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับการคำนับอีกฝ่ายแล้วเบี่ยงกายเล็กน้อย พร้อมแนะนำ “
หญิงสาวอรชรผู้หนึ่งกระโจนลงจากหน้าผาท่ามกลางเสียงกระบี่แว่วแผ่วเป็นการหลบหนีจากการตามล่าที่ไม่มีทางรอดหัวหน้าคนชุดดำตะโกนลั่น “ตามลงไป! ตายก็ต้องเห็นศพ!”แต่ยังไม่ทันเคลื่อนไหว ก็มีเงาคนกระซิบเร่งข้างหู“หัวหน้า! มีกำลังคนจำนวนมากกำลังมาทางนี้!”สีหน้าของหัวหน้าคนชุดดำเปลี่ยนไปทันทีเขาตัดสินใจรวดเร็ว “ล่าถอย!”แม้จะรอดจากการตามล่าแต่บาดแผลทั้งภายนอกและภายในก็สาหัสเกินเยียวยาม่านชิงเฉียว หญิงสาวผู้นั้น...สิ้นลมหายใจกลางเงาไม้และเสียงสายลมขณะที่วิญญาณหลุดออกจากร่างนางนั่งเหม่ออยู่กลางความว่างเปล่าไม่มีความเจ็บ ไม่มีเสียงรอบข้างราวกับถูกแขวนลอยอยู่เหนือทุกสิ่งทันใดนั้น...เสียงกระบี่ดังแว่วขึ้นจากด้านบนหน้าผาพร้อมเสียงของสตรีผู้หนึ่งดังกึกก้อง “ข้ายอมตาย!!”ร่างของหญิงงามในชุดสูงศักดิ์พุ่งตกลงมากระแทกสายน้ำเป็นฟองวงกว้าง ไม่นาน...มีหญิงอีกคนกระโจนตามลงมาเสียงร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความสิ้นหวัง นางคือบ่าวรับใช้คนสนิทม่านชิงเฉียวลุกขึ้น มองเหตุการณ์เบื้องล่างด้วยความสนใจดวงตาสะท้อนภาพสตรีผู้หนึ่งยอมแตกละเอียดดั่งหยกแต่ไม่ยอมเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ภายในใจของม่านชิงเฉียวเ
ตอนที่ 2 ชะตาลิขิตม่านชิงเฉียวลืมตาขึ้นในความมืด ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ จากความทรงจำของเว่ยเยว่ซินอย่างเงียบงันหญิงงามผู้นี้...เกิดมาพร้อมรูปโฉมเหนือสามัญชน หากแต่ชะตากลับอาภัพยิ่งนัก หัวใจของนางแตกสลายเพราะชายคนรักถูกสังหารเพียงเพราะพยายามยับยั้งการแต่งงานทางการเมืองของนางม่านชิงเฉียวทอดถอนใจให้กับโชคชะตาอันน่าเวทนาของอีกฝ่าย ขณะนั้นเอง ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างเงียบงัน ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งก้าวเข้ามา แม้ภายในห้องจะไร้แสงตะเกียง แต่เขาก็มองเห็นว่านางลืมตาตื่นอยู่ฝีเท้าของเขาชะงักเล็กน้อย ดวงหน้าฉายแววโล่งอก เขายกมือโบกให้สาวใช้ออกไป ก่อนจะก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ แล้วนั่งลงที่ขอบเตียง"รู้สึกอย่างไรบ้าง...ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นดุจฤดูใบไม้ผลิม่านชิงเฉียวปรายตามองอีกฝ่าย ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไร้กลิ่นอายสังหารเฉกเช่นในวันก่อน บัดนี้เขาสวมอาภรณ์หรูหราสีคราม มวยผมรวบขึ้นสูง ครอบด้วยกวานหยก ใบหน้าแลดูหล่อเหลาและสง่างามดุจจันทร์ท่ามกลางสายลมอ่อนนางกะพริบตาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา "มึนหัวเล็กน้อยเพคะ"นางมิได้โกหก...นางกำลังมึนหัวจริง ๆ เพราะ
ตอนที่ 6 กล่าวส่งเดช กู้เซียวอวิ้นเดินนำหน้าเฉิงหยวนมายังเรือนของเว่ยเยว่ซิน สาวใช้ที่เฝ้าอยู่บริเวณหน้าประตู ชำเลืองมองมาเห็นชายหนุ่มก็รีบเดินมาย่อคารวะ “คารวะท่านอ๋อง” “พระชายาไม่อยู่ในเรือนหรือ?” “เรียนท่านอ๋อง พระชายาอยู่ในเรือนสมุนไพรเพคะ” ได้ยินเช่นนั้น กู้เซียวอวิ้นก็หันกายเดินไปอีกทาง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยของหญิงสาวกลุ่มใหญ่คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย พอไปถึงภาพตรงหน้าชวนให้ตกตะลึงอยู่บ้าง กัวผิงเห็นชิงอ๋องก็ตกใจรีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย “คารวะท่านอ๋อง” บ่าวรับใช้พอได้ยินคำนั้นก็ต่างหยุดชะงักทั้งการกระทำและวาจา พวกนางต่างรีบพากันหมอบต่ำไม่กล้าเงยหน้า เกิดความเงียบสงัดขึ้นในทันที เว่ยเยว่ซินเห็นกู้เซียวอวิ้นแววตาก็มีประกายยินดีอย่างไม่ปกติ นางลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย ใบหน้าประดับรอยยิ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอ่อนหวาน “ท่านอ๋องมาเยี่ยมเยือนถึงเรือน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับการคำนับอีกฝ่ายแล้วเบี่ยงกายเล็กน้อย พร้อมแนะนำ “
ตอนที่ 5 สร้างชื่อเสียง เฉิงหยวนค่อย ๆ หยดยาลงบนเลือดสีดำม่วง เขาจับจ้องมองสีเลือดที่ค่อย ๆ เปลี่ยนสีมีสีแดงแจมขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอกอย่างแรง แม้จะถอนพิษไม่ได้แต่นับว่ายังดีเฉิงหยวนยุ่งอยู่กับการปรุงโอสถระงับพิษของกู้เซียวอวิ้น หลายวันแล้ว วันนี้คงได้มีเวลาผ่อนคลายบ้าง ขณะกำลังเอนกาย สายตาเหลือบไปเห็นตลับยาที่วางทิ้งเอาไว้ ขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้ว่าเป็นยาแก้พิษที่มู่เยี่ยนนำมา ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจเอนกายกำลังจะหลับตาลงสายลมอ่อนพัดโชยกลิ่นหนึ่งเข้ามาแตะจมูก เขาพลันลืมตาเบิกกว้างขึ้น กระโดดลุกขึ้นแล้วเดินไปคว้าตลับยานั้นขึ้นมาดูดวงตาบอกว่าชายหนุ่มตกตะลึงสุดขีด รีบเอาเข็มมาทิ่มเม็ดยาจากนั้นก็รีบทดสอบบางอย่าง เขาจับจ้องมองปฏิกิริยาในถ้วยยาจนเหงื่อหยดเต็มใบหน้าเลือดค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาด อย่างที่ควรเป็น“ไม่น่าเชื่อ...นี่คือยาตัวนั้นจริง ๆ หรือนี่” เฉิงหยวนคว้าตลับตาแล้ววิ่งออกไป องค์รักษ์หน้าห้องมองหมอเทวดาที่มีท่าทีลุกลนด้วยแววตาฉงนห้องอักษร “มู่เยี่ยน ๆ” เสียงตะโกนเรียกอย่างไร้มารยาทในจวนอ๋องดังขึ้นกู้เซียวอวิ้นเงยนหน้าขึ้นมา เอ่ย “นั่นเสีย
ตอนที่ 4 เพราะงดงาม นอกจากม่านชิงเฉียว ก็ไม่มีผู้ใดรู้ส่วนผสมของโอสถหยดโลหิตมังกร แม้กระทั่งเจ้าสำนักหมื่นพิษก็ยังหาคำตอบนี้ไม่ได้ เขาพยายามคาดเดาจากข้อมูลสมุนไพรที่บุตรสาวใช้แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้ เจ้าสำนักหมื่นพิษคงไม่รู้ว่า เป็นเพราะคาดเดาผิดตั้งแต่แรกว่าจะต้องมีสมุนไพรล้ำค่าและหายาก ทว่าความจริงแล้ว ส่วนผสมของโอสถหยดโลหิตมังกรคือสมุนไพรธรรมดาที่สามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป มูลค่าของพวกมันใช้เงินซื้อมาไม่ถึงตำลึงด้วยซ้ำ เว่ยเยว่ซินปรายตามองส่วนผสมที่จัดเตรียมไว้คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เริ่มปรุงโอสถอีกครั้งและตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจนางเหมือนครั้งแรกที่เริ่มลงมือ พวกเขาต่างคุ้นชินว่านางกำลังปรุงขี้ผึ้งทาผิวอีกแล้วตะวันคล้อยต่ำ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เว่ยเยว่ซินยิ้มจนตาหยี กลิ่นนี้ถูกต้องแล้ว!! นางหยิบตลับงดงามใบหนึ่งแล้วใส่โอสถที่พึ่งตกผลึกเสร็จใส่ลงไป คราวนี้ก็เหลือแค่ส่งมอบจ้าวลี่อิงยังคงมาตรวจชีพจรให้เว่ยเยว่ซิน ในขณะที่นางกำลังจับชีพจร เว่ยเยว่ซินก็เอ่ยขึ้น “เรียนถามท่านหมอ ช่วงที่ข้
ตอนที่ 3 ไม่เรียบเนียน เว่ยเยว่ซินเดินออกมาห้องนอน นางปรายดูเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่แต่ละจุดพลางครุ่นคิด นางกำนัลที่ติดตามมาองค์หญิงเว่ยเยว่ซินถูกสังหารเสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์ครั้งนั้นและคาดว่ากู้เซียวอวิ้นได้เปลี่ยนสาวใช้ในตำหนักนางทั้งหมดเหมือนกัน นางส่งสายตาเรียกสาวใช้ผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ “พระชายามีสิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ” เว่ยเยว่ซินยืนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาพร้อมกล่าว “ข้าต้องการสมุนไพรเหล่านี้...ทั้งส่วนของต้นที่นำไปปลูกและตัวสมุนไพรแห้ง ...เจ้าช่วยเอาไปให้คนที่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้ข้าที” สาวใช้รับมาอย่างนอบน้อมกล่าว “เพคะ..” เว่ยเยว่ซินกล่าวต่อ “และจัดหาคนที่แข็งแรงมือไม้คล่องแคล่วมาสักสามสี่คนมาช่วยข้าทำแปลงสมุนไพรด้วย...ได้เรื่องอย่างไรรีบมาแจ้งข้า...ไปได้” “เพคะ...หม่อมฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้” จากนั้นนางก็หันไปเรียกคนสาวใช้คนอื่น ๆ “พวกเจ้าตามข้ามา...ไปดูพื้นที่สักหน่อยตรงที่สามารถทำแปลงสมุนไพรได้” ห้องอักษรกู้เซียวอวิ้นกำลังอ่านเอกสารรายงานเกี่ยวกับกองทัพ ได้ย
ตอนที่ 2 ชะตาลิขิตม่านชิงเฉียวลืมตาขึ้นในความมืด ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ จากความทรงจำของเว่ยเยว่ซินอย่างเงียบงันหญิงงามผู้นี้...เกิดมาพร้อมรูปโฉมเหนือสามัญชน หากแต่ชะตากลับอาภัพยิ่งนัก หัวใจของนางแตกสลายเพราะชายคนรักถูกสังหารเพียงเพราะพยายามยับยั้งการแต่งงานทางการเมืองของนางม่านชิงเฉียวทอดถอนใจให้กับโชคชะตาอันน่าเวทนาของอีกฝ่าย ขณะนั้นเอง ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างเงียบงัน ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งก้าวเข้ามา แม้ภายในห้องจะไร้แสงตะเกียง แต่เขาก็มองเห็นว่านางลืมตาตื่นอยู่ฝีเท้าของเขาชะงักเล็กน้อย ดวงหน้าฉายแววโล่งอก เขายกมือโบกให้สาวใช้ออกไป ก่อนจะก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ แล้วนั่งลงที่ขอบเตียง"รู้สึกอย่างไรบ้าง...ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นดุจฤดูใบไม้ผลิม่านชิงเฉียวปรายตามองอีกฝ่าย ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไร้กลิ่นอายสังหารเฉกเช่นในวันก่อน บัดนี้เขาสวมอาภรณ์หรูหราสีคราม มวยผมรวบขึ้นสูง ครอบด้วยกวานหยก ใบหน้าแลดูหล่อเหลาและสง่างามดุจจันทร์ท่ามกลางสายลมอ่อนนางกะพริบตาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา "มึนหัวเล็กน้อยเพคะ"นางมิได้โกหก...นางกำลังมึนหัวจริง ๆ เพราะ
หญิงสาวอรชรผู้หนึ่งกระโจนลงจากหน้าผาท่ามกลางเสียงกระบี่แว่วแผ่วเป็นการหลบหนีจากการตามล่าที่ไม่มีทางรอดหัวหน้าคนชุดดำตะโกนลั่น “ตามลงไป! ตายก็ต้องเห็นศพ!”แต่ยังไม่ทันเคลื่อนไหว ก็มีเงาคนกระซิบเร่งข้างหู“หัวหน้า! มีกำลังคนจำนวนมากกำลังมาทางนี้!”สีหน้าของหัวหน้าคนชุดดำเปลี่ยนไปทันทีเขาตัดสินใจรวดเร็ว “ล่าถอย!”แม้จะรอดจากการตามล่าแต่บาดแผลทั้งภายนอกและภายในก็สาหัสเกินเยียวยาม่านชิงเฉียว หญิงสาวผู้นั้น...สิ้นลมหายใจกลางเงาไม้และเสียงสายลมขณะที่วิญญาณหลุดออกจากร่างนางนั่งเหม่ออยู่กลางความว่างเปล่าไม่มีความเจ็บ ไม่มีเสียงรอบข้างราวกับถูกแขวนลอยอยู่เหนือทุกสิ่งทันใดนั้น...เสียงกระบี่ดังแว่วขึ้นจากด้านบนหน้าผาพร้อมเสียงของสตรีผู้หนึ่งดังกึกก้อง “ข้ายอมตาย!!”ร่างของหญิงงามในชุดสูงศักดิ์พุ่งตกลงมากระแทกสายน้ำเป็นฟองวงกว้าง ไม่นาน...มีหญิงอีกคนกระโจนตามลงมาเสียงร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความสิ้นหวัง นางคือบ่าวรับใช้คนสนิทม่านชิงเฉียวลุกขึ้น มองเหตุการณ์เบื้องล่างด้วยความสนใจดวงตาสะท้อนภาพสตรีผู้หนึ่งยอมแตกละเอียดดั่งหยกแต่ไม่ยอมเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ภายในใจของม่านชิงเฉียวเ