นอกจากม่านชิงเฉียว ก็ไม่มีผู้ใดรู้ส่วนผสมของโอสถหยดโลหิตมังกร แม้กระทั่งเจ้าสำนักหมื่นพิษก็ยังหาคำตอบนี้ไม่ได้ เขาพยายามคาดเดาจากข้อมูลสมุนไพรที่บุตรสาวใช้แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้
เจ้าสำนักหมื่นพิษคงไม่รู้ว่า เป็นเพราะคาดเดาผิดตั้งแต่แรกว่าจะต้องมีสมุนไพรล้ำค่าและหายาก
ทว่าความจริงแล้ว ส่วนผสมของโอสถหยดโลหิตมังกรคือสมุนไพรธรรมดาที่สามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป มูลค่าของพวกมันใช้เงินซื้อมาไม่ถึงตำลึงด้วยซ้ำ
เว่ยเยว่ซินปรายตามองส่วนผสมที่จัดเตรียมไว้คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เริ่มปรุงโอสถอีกครั้งและตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจนางเหมือนครั้งแรกที่เริ่มลงมือ พวกเขาต่างคุ้นชินว่านางกำลังปรุงขี้ผึ้งทาผิวอีกแล้ว
ตะวันคล้อยต่ำ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
เว่ยเยว่ซินยิ้มจนตาหยี กลิ่นนี้ถูกต้องแล้ว!! นางหยิบตลับงดงามใบหนึ่งแล้วใส่โอสถที่พึ่งตกผลึกเสร็จใส่ลงไป
คราวนี้ก็เหลือแค่ส่งมอบ
จ้าวลี่อิงยังคงมาตรวจชีพจรให้เว่ยเยว่ซิน ในขณะที่นางกำลังจับชีพจร เว่ยเยว่ซินก็เอ่ยขึ้น
“เรียนถามท่านหมอ ช่วงที่ข้าปรุงขี้ผึ้งระหว่างก้มเงยหน้าจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่เรื่อยๆ”
จ้าวลี่อิงขบคิดชั่วขณะแล้วยิ้มบาง ๆ กล่าว “เป็นอาการปกติของผู้ที่รับโอสถหยดโลหิตมังกรหัวใจกลับมาเต้นยังไม่ปกตินัก แต่พระชายาไม่ต้องกังวล ขอเพียงรักษาร่างกายเป็นอย่างดี ภายในหนึ่งถึงสองเดือนนี้ก็หายเป็นปกติแล้ว”
เว่ยเยว่ซินขมวดคิ้วแสร้งสงสัย “ข้าได้ทานหยดโลหิตมังกรเมื่อไรกัน?” จ้าวลี่อิงได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจแต่ก็สงบได้อย่างรวดเร็วแล้วอธิบาย
เว่ยเยว่ซินฟังพลางเบิกตากว้างแสดงสีหน้าซาบซึ้ง หลังจากจ้าวลี่อิงกลับไป นางก็หยิบตลับโอสถทิพย์ออกมาจากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องอักษร คนเฝ้าประตูเห็นนางเดินมาก็รีบออกมาต้อนรับ
“คารวะพระชายา”
“ช่วยไปเรียนท่านอ๋องว่าข้าขอพบ”
“พระชายารอสักครู่ผู้น้อยจะรีบเข้าไปรายงาน”
เว่ยเยว่ซินผงกศีรษะแล้วก็ยืนรอเพียงชั่วเดียว บ่าวคนนั้นก็ออกมา
“เชิญพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
กู้เซียวอวิ้นวางหนังสือในมือ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้ามาหาอีกฝ่ายพลางผายมือเชิญเว่ยเยว่ซินนั่ง
เว่ยเยว่ซินย่อคารวะอีกฝ่าย แล้วนั่งลงยื่นตลับโอสถออกไป “หม่อมฉันพึงทราบเพื่อช่วยชีวิตข้า ท่านอ๋องถึงกับเสียสละโอสถหยดโลหิตมังกรให้”
กู้เซียวอวิ้นหลุบตาต่ำมองตลับโอสถกล่าว “เป็นสิ่งที่ข้าควรจะต้องทำ...สิ่งนี้คือ?”
เว่ยเยว่ซินยิ้มเล็กน้อยกล่าว“นี่คือโอสถหยดโลหิตมังกร...”
คิ้วเรียวกระบี่ของกู้เซียวอวิ้นขมวดเข้า แววตาแหลมคมจ้องมองตลับโอสถ เขาหยิบขึ้นเปิดดูข้างใน
เว่ยเยว่ซินยิ้มแฝงเอียงอายกล่าว “คุณหนูเจ็ดจากสำนักหมื่นพิษมอบให้ข้า...เอ่อ..นางมอบให้เพราะชื่นชอบในความงามของข้า”
กู้เซียวอวิ้นชะงักงัน หากเป็นผู้อื่นอาจจะมองว่าเว่ยเยว่ซินช่างกล่าววาจาเหลวไหล ทว่าเมื่อเป็นกู้เซียวอวิ้นก็จะต่างออกไป เพราะตอนที่ม่านชิงเฉียวยอมขายโอสถหยดโลหิตมังกรให้เขาได้กล่าวมาหนึ่งประโยค
“เห็นแก่ที่ชินอ๋องหล่อเหลา ข้าจะขายให้ท่านหนึ่งเม็ด”
กู้เซียวอวิ้นเงยหน้าสบตากับเว่ยเยว่ซิน แววตากระจ่างใสนั้นแฝงความซุกซน แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ว่างเปล่าไร้ความรู้สึก ชายหนุ่มยื่นตลับคืนกล่าว
มู่หยางชำเลืองมองไปยังมู่เยี่ยนส่งสายตาแฝงความจนใจ
“ข้าไม่อาจรับเอาไว้...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะข้าจัดการคุ้มครองเจ้าบกพร่องสิ่งที่ทำล้วนสมควร”
มุมปากของเว่ยเยว่ซินเหยียดยิ้ม “ข้าคาดเอาไว้อยู่แล้ว ว่าท่านจะปฏิเสธ...” เว่ยเยว่ซินยืนมือไปรับตลับยาคืนพร้อมกับวางตลับยาอีกตลับลงไปกล่าว
“ยานี้?...” กู้เซียวอวิ้นขมวดคิ้วอย่างแปลกใจอีกครั้ง
“ข้ามีวาสนาไม่น้อย...คุณหนูเจ็ดเอ็นดูข้ายิ่งนัก นางยังมอบยาถอนพิษให้ข้าอีกหนึ่งกระปุก...ข้าแบ่งมามอบให้ท่านหวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธอีก”
หากกล่าวปฏิเสธอีกย่อมไม่เหมาะสมอีกฝ่ายอาจจะเกิดเรื่องค้างคาใจ กู้เซียวอวิ้นยื่นมือออกไปรับกล่าว
“พระชายาช่างมีน้ำใจนัก” เมื่ออีกฝ่ายรับไปแล้ว ก็ถือว่าหมดหน้าที่เว่ยเยว่ซินจึงลุกขึ้นกล่าว “ไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว”
กู้เซียวอวิ้นผงกศีรษะให้อีกฝ่าย พอหญิงงามออกไปชายหนุ่มก็ส่งสายตาให้กู้เยี่ยนนำยาไปเก็บ
ในสวนสมุนไพร
บ่าวรับใช้งานสวนที่กำลังพรวนดินกำลังพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“จริงด้วย...ใบหน้าผ่องใสผิวเนียนละเอียดขึ้นมากจริง ๆ”
สาวใช้ผู้หนึ่งเดินมาได้ยินฉุดคิดบางอย่าง นางรีบไปสาวใช้งานสวน เดินหาครู่หนึ่งก็เห็นเป้าหมายรีบเดินเข้าไปหา
“น้องสาว..เจ้า ใช่คนที่พระชายามอบขี้ผึ้งให้หรือไม่”
เด็กสาวพยักหน้าตอบ สาวใช้คนนั้นก็เบิกตากว้าง “ข้าขอดูมือด้านมือขวาของเจ้าหน่อยสิ” ไม่ทันได้รับอนุญาตนางก็จับมืออีกฝ่ายดูทันที
“ไม่มี รอยแผลเป็นนั้นหายไปแล้ว...อ่า น้องสาวคนดี ขี้ผึ้งตลับนั่นยังเหลือหรือไม่”
เด็กสาวไม่กล้าโกหกพยักหน้าตอบ
หญิงสาวเบิกตากว้างแววตาประกายยินดี “น้องสาวคนดี พี่สาวซื้อต่อเจ้าได้หรือเปล่า..นี้เจ้าดูนี้สิ” จากนั้นนางก็ถอดเสื้อออกเปิดให้ดูแผลบริเวณหน้าอก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“เจ้าก็มีบาดแผลคงเข้าใจความทุกข์ใจของข้า...ขายให้ข้าเถอะนะ...ทำงานที่นี่ข้าพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เจ้าต้องการเท่าไร”
เด็กสาวมองดูแผลจากนั้นก็กล่าว “พระชายาให้ข้า...ข้ามิกล้านำมาขายหรอก”
หญิงสาวรีบกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องนี้นอกจากข้ากับเจ้าจะไม่มีผู้ใดรู้”
เด็กสาวส่ายหน้า “ท่านเข้าใจผิดแล้ว” จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องพักแล้วถือตลับขี้ผึ้งออกมายื่นให้หญิงสาวกล่าว
“พี่นำไปใช้ เถอะข้าไม่กล้าคิดเงิน”
หญิงสาวมองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง....กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เจ้าคงไม่ล้อพี่สาวเล่นหรอกนะ”
เด็กสาวยิ้มสดใส “ข้ามิกล้า”
หญิงสาวยิ้มอย่างกว้าง “น้องสาวเจ้าชื่ออะไร...ข้าอิงเจา...ต่อไปมีอะไรเจ้าเรียกใช้พี่สาวคนนี้ได้เลย”
เด็กสาวยิ้มตอบ “ข้าเหยาชุน...ขอบคุณพี่สาวที่เมตตา” แน่นอนว่าขี้ผึ้งที่เว่ยเยว่ซินทำเองย่อมเป็นขี้ผึ้งอันดับหนึ่ง
ทุกคนที่ได้ใช้ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าทำให้ผิวหน้าเนียนละเอียดใสกระจางดั่งหยกชั้นดี
ทว่า ยังมีผู้หนึ่งที่ยังไม่ได้ใช้มัน สาวใช้ชั้นหนึ่งกัวผิง
ตอนที่ 75 พระราชทานรางวัล ข่าวเรื่อง รัชทายาทก่อกบฏ แผ่สะเทือนไปทั่วทั้งวังหลวงราวกับเสียงฟ้าผ่ากลางวัน ตำหนักต่าง ๆ ปิดเงียบ ขุนนางในราชสำนักพากันเฝ้ารอฟังรับสั่งอย่างกระวนกระวายภายในตำหนักหลิงฮวา ซูเยียนฮองเฮา สั่งปิดตำหนักทันทีหลังเสด็จกลับประกาศว่าทรง ขอทบทวนความผิดของตนในฐานะมารดา ตลอดหลายวันไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าออก ฮองเฮาเพียงประทับนิ่งอยู่ในห้องพระอักษร เสียงท่องพระสูตรแผ่วเบา...แทนที่เสียงบัญชาการอันเฉียบขาดที่เคยก้องเหล่าสนมในตำหนักอื่นต่างพากันหวาดผวา ไม่มีใครกล้าขยับ แม้เพียงกระซิบก็คล้ายมีหูเงาเฝ้าฟังทว่าในตำหนักจื่อหลัว กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิงภายในห้องบรรทมที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นสมุนไพรเวินกุ้ยเฟย ประทับพิงหมอนสูงอย่างสงบ บุตรชายแรกเกิดหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของนาง เสียงลมหายใจเบา ๆ แผ่วชิดอกนางกำนัลคนสนิทเดินเข้ามาช้า ๆ ก่อนคุกเข่าลงเสียงของนางแผ่วเบาแต่ชัดถ้อยชัดคำ“รัชทายาทถูกปลดแล้วเพคะ ตอนนี้ถึงแม้จะบาดเจ็บ แต่ก็ถูกคุมตัวไว้ในคุกหลวงเรียบร้อย”เวินกุ้ยเฟยพยักหน้าเบา ๆไม่ได้เอ่ยคำใด ริมฝีปากมีรอยยิ้มจางแต่สายตายังคงมองบุตรในอ้อมแขนอย่างอ่
ตอนที่ 74 ก่อกบฏตำหนักจื่อหลัว ห้องรอประสูติ ยามสายบรรยากาศภายในห้องสงบนิ่ง ทุกสายตากำลังจับจ้องที่ประตูด้านในเสียงของทารกยังไม่ดังขึ้น แต่สายลมเย็นแปลกประหลาดกลับไหลเข้ามาผ่านบานหน้าต่างที่เปิดไว้ฮ่องเต้กู้เสียนหรง ประทับอยู่เงียบ ๆ เบื้องหน้าพระโต๊ะชาซูเยียนฮองเฮา และ พระสนมสองนาง นั่งสงบเรียบร้อยเคียงข้าง ทุกคนต่างจับตาเวลานาทีสำคัญที่กำลังจะมาถึง เสียงร้องของทารกน้อยก็ดังขึ้นจากห้องด้านใน สักพักหมอหลวงก็เปิดประตูออกก้มศีรษะลงลึกแล้วเอ่ยเสียงดังชัด “ทรงประสูติพระโอรสพ่ะย่ะค่ะ!” ซูเยียนกำลังจะลุกขึ้นกล่าวคำแสดงความยินดีทว่า เสียงฝีเท้าหนัก และเสียงเปิดประตูอย่างไร้มารยาท ก็ดังขึ้นจากภายนอกประตูตำหนักเปิดผาง ดึงดูดความสนใจนางไปก่อนจะปรากฏร่างสูงในอาภรณ์ตะวันออกเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน เบื้องหลังคือกำลังองครักษ์ติดตามนับสิบองค์รัชทายาท กู้ซ่งหยวน เดินตรงเข้ามากลางตำหนักแล้วทรุดกายคำนับแต่ท่าทีกลับไม่แฝงความเคารพแม้แต่น้อย“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกมาเยี่ยมกุ้ยเฟยที่คลอดบุตรในวันนี้”น้ำเสียงของเขานุ่มนวล หากแฝงความเย้ยหยันเจืออยู่ลึก ๆ อย่างไม่ปิดบังฮองเฮ
ตอนที่ 73 กลิ่นคาวเลือดตำหนักเสวียนหยาง ห้องทรงอักษรยามค่ำ “ฝ่าบาท...ผู้บัญชาการเหลียนเหวินจื่อ ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋อี้กล่าวรายงานเสียงแผ่วเบา ฮ่องเต้ละสายพระเนตรจากเอกสารกล่าว “ให้เข้ามา” ร่างสูงในชุดดำก้าวเข้ามาอย่างเงียบงัน ก่อนจะคุกเข่าลงด้วยความเคารพ“ฝ่าบาท...กระหม่อมมีเรื่องเร่งด่วนต้องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” พระขนงขมวดเพียงเล็กน้อยเป็นเชิงอนุญาตให้พูดต่อเหลียนเหวินจื่อ ก้มหน้าก่อนเอ่ยเสียงนิ่งเรียบ “ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา...มีการเคลื่อนไหวผิดปกติขององค์รักษ์บางส่วนภายในวังหลวงพ่ะย่ะค่ะเส้นทางลาดตระเวนมีการสลับกำลังโดยไม่ผ่านคำสั่งตรง และบางคนมีติดต่อบุคคลนอกวังในยามวิกาล”ฮ่องเต้ทรงนิ่งฟังโดยไม่แทรก เหลียนเหวินจื่อกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม “กระหม่อมเห็นว่าป้องกันไว้ดีแก้ เมื่อสักครู่จึงได้เรียกหน่วยเสริมจากหน่วยเงานอกเมืองเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”บรรยากาศในห้องทรงอักษรเยียบลงอย่างชัดเจนแสงคบเพลิงยังคงไหวอยู่ข้างฝา แต่พระเนตรของฮ่องเต้กลับนิ่งลึกดั่งทะเลไร้คลื่น กล่าวมาถึงนี้ เหลือเพียงคำว่า มีคนคิดก่อกบฏเท่านั้นที่เหลียนเ
ตอนที่ 72 รอลมบูรพาสารชัยชนะจากชายแดนตะวันออกระบุชัดเจนว่า ทั้งแคว้นเฟิงเหลียนและแคว้นหลงซีส่งทูตมอบตัว ยอมจำนน พร้อมบรรณาการล้ำค่าบรรยากาศในท้องพระโรงไม่เคร่งขรึมดังเช่นเคย เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ยืนเรียงกันอย่างมีระเบียบ แววตาหลายคู่เปล่งประกายด้วยความยินดีกล่าวพูดคุยกันอย่างสนิทสนม หลังจากเสด็จออกจากท้องพระโรง ฮ่องเต้ก็บอกกับขันทีข้างกาย “ไปตำหนักจื่อหลัวก่อน”ตำหนักจื่อหลัว เวินกุ้ยเฟยประทับอยู่บนตั่งไม้แกะลาย ลูบถ้วยชาร้อนเบา ๆ พลางทอดพระเนตรไปยังสวนด้านนอกอย่างสงบเมื่อเสียงขันทีหน้าตำหนักเอ่ยรายงานว่า ฮ่องเต้เสด็จมา นางก็กำลังขยับพระวรกายหมายจะลุกขึ้นทำความเคารพโดยพลันแต่ยังไม่ทันลุกเต็มที่ ฮ่องเต้กู้เสียนหรงก็เสด็จเข้ามาด้วยพระพักตร์แจ่มใส พระหัตถ์ยกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงห้าม“ช่วงนี้เจ้าไม่ต้องทำความเคารพแล้ว”เวินกุ้ยเฟยชะงัก แล้วรีบโน้มพระวรกายเล็กน้อย“หม่อมฉันขอบพระทัยในพระเมตตาเพคะ”น้ำเสียงอ่อนน้อมของนางเต็มไปด้วยความสำนึกในพระกรุณา ฮ่องเต้ทรงก้าวเข้าไปประคองพระนางให้ประทับลงอย่างอ่อนโยน“ช่วงนี้เจ้าควรพักมากกว่าเคลื่อนไหว”พระสุร
ตอนที่ 71 ยอมจำนนตำหนักรัชทายาท ยามค่ำแสงโคมส่องใบหน้าของรัชทายาทกู้ซ่งหยวน ที่กำลังทอดพระเนตรสารจากชายแดนตะวันออกพระขนงขมวดแน่นขณะอ่านจบนิ้วเรียวยาวบีบกระดาษในมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว“เมืองซือกวงตกภายในวันเดียว…”พระสุรเสียงทุ้มต่ำคล้ายรำพึง หากในนัยน์ตากลับมีแต่ความร้อนรนไม่ใช่เพราะความยินดี แต่เพราะความหวั่นไหว“...ตำแหน่งของข้า คงไม่มั่นคงอีกต่อไปแล้ว”ครั้งนี้ รัชทายาทไม่เร่งเสด็จไปตำหนักของฮองเฮาเฉกเช่นเคย พระองค์ลุกขึ้นยืนช้า ๆ พระวรกายสูงโปร่งเคลื่อนไปยังหน้าต่าง มือประสานหลังแน่นราวกดกลั้นบางอย่างไว้ในอกพระเนตรทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเพียงความมืดที่ล้อมรอบตำหนักครู่หนึ่ง พระองค์หันกลับมาสายตาคมวาบไปยังองครักษ์ลับที่ยืนเงียบอยู่มุมห้อง“จัดการแผนที่เตรียมไว้ได้เลย”องครักษ์โค้งศีรษะรับคำ ก่อนจะหายไปในความเงียบของเงามืดชายแดนตะวันออก ค่ายบัญชาการใหญ่ของทัพเยี่ยนโจว ภายในกระโจมบัญชาการอันสงบงัน แสงคบเพลิงส่องสว่างรอบด้าน เงาทหารยามยืนตรงแน่นิ่งหน้าทางเข้าชินอ๋องกู้เซียวอวิ้นประทับอยู่บนตั่งไม้สูง สีหน้าเรียบเฉยขณะทอดพระเนตรไปยังแขกรับเชิญสองกลุ่มต
ตอนที่ 70 ตีเมืองชายแดนตะวันออก นอกเขตเมืองซือกวงเสียงโลหะปะทะดังกระหึ่มทั่วสนามรบธงรบของแคว้นเยี่ยนโจวโบกสะบัดอยู่กลางกลุ่มควันฝุ่นคลุ้งเสียงฝีเท้าทหารกระทืบพื้นพร้อมเสียงโห่ร้องแผดลั่นเสียงตะโกนของทหารจากแคว้นเฟิงเหลียนดังลอดควันไฟ สายตาแตกตื่นจับจ้องกองกำลังที่เคลื่อนทัพอย่างเป็นระเบียบ ราวกับไม่เหน็ดเหนื่อยแม้ผ่านศึกหนักการเคลื่อนไหวของทัพเยี่ยนโจวรวดเร็ว ประสานกันอย่างแม่นยำ ราวกับมองเห็นการเคลื่อนทัพของศัตรูล่วงหน้าทหารบางนายจากแคว้นหลงซียังไม่ทันตั้งโล่ก็ถูกซัดล้มราวถูกมืออสูรตวัดใส่“พวกมันคือกองทัพปีศาจ...ของชินอ๋อง!”ภายในเวลาไม่นาน ศึกแนวหน้าก็แตกพ่ายแตรศึกของแคว้นเฟิงเหลียนดังขึ้นเป็นสัญญาณถอยแต่ก็สายเกินไปทั้งที่เป็นกับดักของแคว้นเฟิงเหลียนกับแคว้นหลงซี ทั้งที่รวมมือกัน แต่ก็ไม่อาจจะต้านกองทัพเยี่ยนโจวและในเช้าวันถัดมากองทัพของชินอ๋องก็บุกเข้าประชิดประตูเมืองซือกวงเสียงค้อนเหล็กกระแทกประตูเมืองดังระลอกแล้วระลอกเล่าก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงโซ่เหล็กขาดสะบั้นทัพปีกซ้ายของเจาอวี๋พุ่งทะลวงเข้าด้านข้างขณะที่ชินอ๋องนำกองหน้าตรงบุกเข้าใจกลางประตูทหารบนกำแพง