นางยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ?"นอกจากเจ้าแล้ว ใครใส่ร้ายข้า""เจ้าพึมพำว่าข้าใส่ร้ายเจ้า เจ้าก็หาหลักฐานมาสิ หากเจ้าหาหลักฐานไม่ได้ ก็ยกแขนเสื้อขึ้น หากยังมีรอยประทับพรหมจรรย์อยู่ ก็ถือว่าข้าใส่ร้ายเจ้า"ทุกคนหันไปมองกู้ชูหลันอีกครั้งกู้ชูหลันโกรธจนหน้าเขียว แต่ก็ไม่กล้ายกแขนเสื้อขึ้นกู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ แล้วเรียกเซียวอวี่เชียนกับพวกมา "ยืนนิ่งทำไม ทำงานได้แล้ว""ทำงาน?"เซียวอวี่เชียนกับพวกมึนงง"ทำงานอะไร?""เดิมพันสักสองสามรอบ"เซียวอวี่เชียนกับพวกตาเป็นประกาย "คราวนี้เราจะแทงว่าใครชนะ""แน่นอนว่า...แทงข้าสิ""ตุบ..."เซียวอวี่เชียนเข่าอ่อนเล็กน้อย แต่หลิ่วเยว่กับอวี๋ฮุยถึงกับล้มคว่ำลงกับพื้นทุกคนมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาราวกับมองคนบ้า แม้แต่หลิ่วเยว่เองก็ยังส่งสายตาเช่นนั้น"ลูกพี่ แทงว่าพี่แพ้หรือ?”"พัวะ..."กู้ชูหน่วนตบศีรษะเขาไปหนึ่งป้าบ “พูดอะไร แทงข้าชนะสิ”“แทงพี่ชนะ?”เซียวอวี่เชียนกับพวกรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เดิมทีพวกเขายังหวังว่าจะได้เงินก้อนโตจากนางอีกสักครั้งหลังจากเมื่อวานชนะไปมาก ดูแล้วก็แค่โชคช่วย“ยัยขี้เหร่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการจะชนะในรอบชิงยากเย
เมื่อนึกถึงเมื่อวานที่หลิ่วเยว่พูดกับเขาว่า กู้ชูหลันแอบลอบกัด จึงทำให้เขาโดนพ่อดุด่าเซียวอวี่เชียนเบิกตากว้าง มองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความไม่เชื่อหรือว่า...ยัยขี้เหร่จะช่วยเขาแก้แค้น?เซียวอวี่เชียนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้ในเมืองหลวงอันสงบสุขนี้ ทำไมทุกคนถึงพูดถึงแต่ข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับกู้ชูหลันกันหมด ยัยขี้เหร่ฉลาดราวกับสุนัขจิ้งจอก นางจะยอมเดิมพันทั้งที่ตัวเองเสียเปรียบได้อย่างไรเซียวอวี่เชียนรู้สึกอบอุ่นใจ เสียงก็อ่อนโยนลง"ยัยขี้เหร่ ข้ารู้เจตนาของเจ้าแล้ว พวกเราไม่เดิมพันครั้งนี้แล้ว"กู้ชูหน่วนเบ้ปากใส่เขา"ก่อนหน้านี้ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า เจ้าไม่ยอม ยามนี้สายไปเสียแล้ว วันขึ้นหนึ่งค่ำของเดือนหน้าข้าจะแต่งงานกับเทพสงคราม เก็บน้ำลายที่ไหลย้อยของเจ้ากลับไปเถอะ อย่ามาเพ้อฝันในตัวลูกพี่ของเจ้าอีกเลย"เซียวอวี่เชียนงงงวยนางพูดอะไรเนี่ย?น้ำลายไหลย้อย?เขาเคยน้ำลายไหลย้อยเมื่อใดกัน?"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเทพสงครามเป็นคนเช่นไร แล้วเจ้ากล้าจะแต่งงานกับเขาอีกหรือ?" เซียวอวี่เชียนทำเสียงสูงอย่างฉับพลัน"รู้ อยู่ใต้หนึ่งคนอยู่เหนือหมื่นคน มีอำนาจ มีเงิน ใบหน้
สมาชิกของสำนักบัณฑิตหลวงสามารถไปวางเดิมพันที่เวทีประลองได้ เพื่อทายว่าใครจะเป็นผู้ชนะหากมีการเดิมพันส่วนตัว เหล่าอาจารย์ประจำเวทีประลองก็จะทำหน้าที่เป็นพยานหากผู้ใดแพ้แล้วไม่ยอมชำระหนี้ ชายผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิในการสอบคัดเลือกขุนนางตลอดชีวิต ไม่สามารถเข้ารับราชการได้ส่วนหญิงสาวจะถูกตีหน้า ครอบครัวจะต้องแบกรับความอัปยศไปตลอดกาล และไม่มีใครในแคว้นเย่กล้าแต่งงานด้วยดังนั้น การเดิมพันในสำนักบัณฑิตหลวงจึงไม่มีใครกล้าเบี้ยวหนี้พวกหลิ่วเยว่พยายามห้ามปราม แต่ห้ามไม่ได้ ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็มาถึงเวทีประลอง นำเงินสองแสนตำลึงของตนและเงินที่ยืมมาจากเซียวอวี่เชียนอีกสองแสนตำลึงไปวางเดิมพันทั้งหมด"น้องห้า หากข้าชนะ ประเดี๋ยวอย่ามานั่งร้องไห้นะ""รอเจ้าชนะก่อนแล้วค่อยพูด"ขณะที่กู้ชูหลันวางเดิมพัน มือของนางสั่นเทา หัวใจเต้นรัววันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของนางในสำนักบัณฑิตหลวงแล้ว ด้วยข่าวลือจำนวนมากในเมืองหลวง นางคงไม่สามารถเรียนต่อในสำนักบัณฑิตหลวงได้อีกแล้วนี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเอาเงินสองแสนตำลึงที่เคยเสียไปกลับคืนมากู้ชูหลันกัดฟัน ตัดสินใจเดิมพันกับกู้ชูหน่วนอย่างเป็นทางการนางทนไม่
"จุ จุ จุ คุณหนูสามตระกูลกู้เป็นคนโง่เขลา คุณหนูห้าตระกูลกู้เป็นหญิงร่านมากรัก ส่วนคุณหนูสองตระกูลกู้ก็คงไม่ใช่คนดีอะไรหรอก""นั่นสิ ต่อไปนี้หากจะแต่งงานก็อย่าไปแต่งกับคุณหนูของจวนอัครเสนาบดีเชียวนะ เพราะลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ดูจากนิสัยของกู้ชูหน่วนกับกู้ชูหลันแล้ว กู้ชูหลันก็คงไม่ต่างกัน"กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่าคนอื่นจะนินทานางอย่างไร นางมองไปที่การเดิมพันในสนามประลองอย่างไม่ละสายตาในบรรดาการเดิมพันทั้งหมด มีการแทงพนันเจ๋ออ๋องมากที่สุด ส่วนกู้ชูอวิ๋นเมื่อเทียบกับครั้งก่อนจำนวนน้อยลงไปมาก คงกระทบเพราะเรื่องของกู้ชูหลันแต่สำหรับนาง...ไม่มีใครแทงพนันนางเลยคนในสำนักบัณฑิตต่างร้องตะโกน"เดิมพันคุณหนูสามตระกูลกู่ อัตราการจ่ายหนึ่งต่อห้าร้อย รีบๆ เดิมพันเถอะ หากพลาดโอกาสนี้ต้องรออีกห้าปีเลยนะ"ดวงตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกายหนึ่งต่อห้าร้อย?หมายความว่าหากนางชนะ วางเงินหนึ่งตำลึงจะได้เงินถึงห้าร้อยตำลึงกู้ชูหน่วนหันหลังกลับทันที แล้วยื่นมือออกไป "พวกเจ้าต้องมีเงินติดตัวมาแน่ๆ ใช่หรือไม่ ข้าขอยืมก่อน ข้ารับประกันว่าพวกเจ้าจะได้กำไรกลับไปจำนวนมากแน่"เซียวอวี่เชียนสงสัยขึ้นมา “มิใช่ว่าเ
เขาผู้นี้รูปงามอย่างหาใดเปรียบไม่ได้ มีออร่าสูงส่ง และแม้แต่การเดินก็ยังมีความสง่างามที่เหนือโลก"คารวะอาจารย์ซ่างกวานยามเช้า"ทุกคนกล่าวทักทายอย่างเคารพและหลีกทางให้ซ่างกวานฉู่พยักหน้าช้าๆ "สวัสดียามเช้า"กู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย "ท่านอาจารย์มาที่สนามประลองได้อย่างไร หรือว่าท่านจะมาเล่นพนันด้วย?""วันนี้ศิษย์ทั้งสามของข้าล้วนเข้ารอบชิง ข้าจึงต้องมาให้กำลังใจ"ทุกคนอดเข้ามาใกล้และร้องตะโกนไม่ได้ว่า "ท่านอาจารย์ซ่างกวานจะลงพนันด้วยหรือ? โอ้พระเจ้า ท่านอาจารย์ซ่างกวานมีสายตาอันเฉียบแหลม คนที่ท่านลงพนันต้องชนะแน่นอน เรายังลังเลอะไรอยู่ ไปลงพนันตามท่านเถอะ""ใช่แล้ว แทงตามท่านอาจารย์ซ่างกวานชนะแน่นอน"หลิ่วเยว่เสียใจมาก หากรู้เช่นนี้ก็คงไม่หยิบเงินออกมาแล้วคนในสนามประลองต่างยิ้มอย่างสุภาพ "ท่านอาจารย์ซ่างกวาน ท่านลงพนันใครหรือ"ซ่างกวานฉู่หยิบเงินหนึ่งพันตำลึงออกมาจากตัวราวกับเสียดาย"ข้าไม่มีอะไรติดตัว เงินหนึ่งพันตำลึงนี้คือเงินเก็บทั้งหมดของข้า ข้าพนัน...คุณหนูสามตระกูลกู้"เฮือก...หลายคนล้มลงพนัน พนัน พนัน พนัน...พนันกู้ชูหน่วนรึ?วันนี้อาจารย์ซ่างกวานป่วยหรือไม่? ทำไมท่าน
ไม่นาน โต๊ะเตี้ยตัวหนึ่งก็ถูกตั้งทางขวามือของนาง นางกำนัลพาเยี่ยเฟิงมายังที่นั่งกู้ชูหน่วนเลิกคิ้วเยี่ยเฟิง ชาวเมืองธรรมดาก็มีที่นั่งด้วยหรือ?แล้วทำไมกู้ชูอวิ๋นถึงไม่มีที่นั่ง?ฝ่ามือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของกู้ชูอวิ๋นกำแน่น ความร้อนรนฉายวาบขึ้นบนใบหน้าอ่อนหวานนางนึกว่าขันทีจะตั้งโต๊ะอีกตัวหนึ่ง แต่นางรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา จึงได้แต่กระซิบถามนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ"ช่วยถามหน่อยได้หรือไม่ว่าขาดโต๊ะไปตัวหนึ่งหรือเปล่า"นางกำนัลส่ายหน้าอย่างงุนงง "ไม่นี่เจ้าคะ ที่นั่งข้างหน้าจัดไว้เพียงเท่านี้""ผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศไม่มีที่นั่งหรือ? ข้าเห็นสามอันดับแรกของแคว้นอื่นก็มีกันทั้งนั้น" ว่ากันด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ นางก็มิได้ด้อยกว่าชิวเฟิงแต่อย่างใด แต่เหตุใดชิวเฟิงถึงมีที่นั่ง ทว่านางกลับไม่มี"ข้าทาสไม่รู้หรอกเจ้าค่ะ"คนไม่น้อยพากันมองมาที่กู้ชูอวิ๋น แต่ละคนสุมหัวกระซิบกระซาบแม้กู้ชูอวิ๋นจะเป็นลูกสาวอนุ ทว่านางนั้นมากความสามารถ ไม่ว่าจะไปที่ใดก็มีแต่คนชื่นชม ไม่มีผู้ใดติฉินนินทานางแต่เพราะกู้ชูหน่วนและกู้ชูหลัน วันนี้ไม่ว่านางจะเดินไปที่ใดก็มีแต่ชี้นิ้วตำหนิ ทำเอานางโมโหยิ่งนักก
กู้ชูหน่วนเงี่ยหูฟัง ยังพอได้ยินบทสนทนาของพวกเขาบ้าง"อัครเสนาบดีกู้ ท่านสอนลูกสาวเก่งยิ่งนัก ลูกสาวเก่งกาจทั้งสามคน ได้เรียนที่สำนักบัณฑิตหลวงกันหมด คุณหนูสามกับคุณหนูห้ายิ่งแล้วใหญ่ น่านับถือเสียจริง"คำพูดเย้ยหยันนี้ ทำเอาอัครเสนาบดีกู้ไฟสุมทรวง ทว่าใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม "ชมกันเกินไป""ดูสิ ข้าถึงได้บอกว่าลูกสาวของอัครเสนาบดีกู้น่ะ ไม่ว่าคนไหนเดินไปที่ใดก็มีแต่คนจับจ้อง พวกเจ้าไม่เชื่อหรือ" ขุนนางคนนั้นเอ่ยยั่วยุอัครเสนาบดีกู้ระงับไฟโกรธที่โหมกระหน่ำในอกเขาไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย คนจากสำนักบัณฑิตหลวงที่นั่งตรงข้ามต่างเหยียดหยามกู้ชูหลัน เขาจะไม่เห็นได้อย่างไรเขาเดือดดาลเกิดเรื่องเช่นนี้ แต่กู้ชูหลันกลับยังมีหน้าปรากฏตัวในงานประลองศิลปะประลองศิลปะที่ทำให้เขาเดือดยิ่งกว่าก็คือ ไม่รู้ว่าใครมันปากพล่อย เที่ยวพูดไปทั่วว่าหลันเอ๋อร์เสียบริสุทธิ์ ทำเอาจวนอัครเสนาบดีอับอายขายขี้หน้า เขาก็กลายเป็นตัวตลกให้เหล่าขุนนางหัวเราะเยาะยิ่งพบเจอกับคำพูดส่อเสียดมากขึ้น อัครเสนาบดีกู้จึงเอ่ยเสียงขุ่น "อย่างน้อยลูกสาวข้าก็ได้เรียนที่สำนักบัณฑิตหลวง โดยเฉพาะลูกสาวคนที่สองของข้า ชื่อเสียงเป็นที่
กู้ชูหน่วนกัดแอปเปิล มือหนึ่งยื่นออกไปค้ำกับที่นั่ง ขวางทางเดินเอาไว้"ช้าก่อน กงกง น้องห้าสะเทือนใจอย่างหนัก หัวสมองไม่ปกติสักเท่าไร นางไม่รู้ด้วยซ้ำตัวเองพูดอะไรอยู่ เหตุใดต้องถือโทษคนบ้าด้วยเล่า"เมื่อเห็นกู้ชูหน่วน ท่าทีของขันทีหม่าก็อ่อนน้อมลงมาก ก่อนจะยิ้มเอ่ย "ที่แท้ก็คุณหนูสามนี่เอง นางผู้นี้ทำลายชื่อเสียงคุณหนูสาม แต่ท่านกลับยังเมตตาคนคิดแค้น ช่างน่านับถือเสียจริง""พี่น้องตระกูลเดียวกัน ย่อมมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ผ่านเป็นแล้วก็ให้ผ่านไป ขอกงกงโปรดละเว้นด้วยเถิด"ประโยคนั้นทำให้ภาพจำของกู้ชูหน่วนที่มีต่อขุนนางบู๊บุ๋นเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากแม้คุณหนูสามจะไม่เอาถ่าน หน้าตาขี้เหร่ไปเสียหน่อย แต่อย่างน้อยก็จิตใจงดงามสองตาของขันทีหม่าล่อกแล่ก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม "ในเมื่อคุณสามเอ่ยปากขอ เช่นนั้นก็ไว้ชีวิตนางก็แล้วกัน ใครก็ได้ พาตัวออกไป"ประโยคที่โบยให้ตายเมื่อครู่ ทำเอากู้ชูหลันเข่าทรุด ยามนี้ทำได้เพียงยอมให้องครักษ์ลากตัวออกไปนางรู้ว่าชีวิตของนาง จบเห่แล้วกู้ชูอวิ๋นฉลาดกว่านาง รู้ว่าหากโวยวายต่อไป คนตกที่นั่งลำบากรังแต่จะเป็นพวกนาง ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝ
“แก้วมังกร...” อี้เฉินเฟยหน้าเปลี่ยนสี อยากจะเข้าไปชิงมา ทว่าร่างกายกลับอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ไม่เป็นไปตามที่เขาควบคุมเลยแม้แต่น้อย นายท่านหลันจะอยากชิงแก้วมังกร ทว่ามือขวาที่ยื่นออกไปกลับถูกเข็มขัดของกู้ชูหน่วนรัดเอาไว้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว สายตาเยี่ยเฟิงเย็นเยียบ ต้องการสู้สุดแรงเกิด ยกมีดขึ้นมาแล้วสับแขนขวาของนายท่านหลันอย่างแรงจนขาดเป็นท่อน "อ้ากกก..." นายท่านหลันร้องโหยหวน แขนกระเด็นออกไปกลางอากาศพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาเป็นสายฝน เจ็บเหลือเกิน...... เจ็บจนนายท่านหลันสีหน้าเหยเก มือขวาของเขาถูกเยี่ยเฟิงตัดขาดทั้งเป็นเช่นนี้เสียได้ กู้ชูหน่วนไม่มีเวลาไปสนใจนายท่านหลัน วิ่งไปทางหน้าผาตามสัญชาตญาณ "อาหน่วน..." อี้เฉินเฟยโมโหสุดขีด ตกตะลึงจนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เยี่ยเฟิงที่เดิมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารนายท่านหลัน เห็นกู้ชูหน่วนที่รู้ทั้งรู้ว่าทะเลโลหิตอยู่ตรงหน้า กลับยังวิ่งไปโดยไม่สนใจอะไรอีก จึงจำต้องปล่อยนายท่านหลันไปก่อน แล้ววิ่งตามไปด้วย แก้วมังกรกลิ้งตกหน้าผา กู้ชูหน่วนวิ่งตามไปพลางใช้ผ้าผูกเอวของตัวเองห่อแก้วมังกรเอาไว้ "ฟึบ......" ผ
“ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าตายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันเลยเถอะ” นายท่านหลันพูดพลางปล่อยมืออย่างกะทันหัน ปล่อยให้ดาบทิ่มแทงเข้าไปในร่างของเขา ทันทีที่พลิกมือขวาของตัวเองมีดสั้นพลันปรากฏขึ้นในมือ มุมปากของเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย ทันใดนั้นก็เสียบมีดเข้าไปบนหน้าอกของเยี่ยเฟิงที่กำลังเอนตัวเข้ามาใกล้เขา ขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนปลดผ้าพันเอวแล้วรวบรวมกำลังภายในไว้บนนั้น ทำให้ผ้าพันเอวราวกับลูกงูที่มีมันสมองพุ่งเข้าไปรัดเอวของเยี่ยเฟิงเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงเยี่ยเฟิงเข้ามาอยู่ข้างกายตนเอง หลบจากคมมีดของนายท่านหลันได้อย่างหวุดหวิด นายท่านหลันโจมตีครั้งแรกไม่สำเร็จ จึงโจมตีอีกครั้ง เขารวบรวมกำลังเป็นลูกไฟ ลูกไฟแดงเพลิงล้วนแต่แฝงไว้ด้วยพลังเผาไหม้และทำลายล้าง หากสัมผัสโดนลูกไฟ ก็จะลุกไหม้กลายเป็นกองเพลิงและมอดดับไปในที่สุด หรือเน่าสลายกลายเป็นศพ เยี่ยเฟิงหยิบขลุ่ยหยกของอี้เฉินเฟยมาจากบนพื้น วางบนริมฝีปากของตนแล้วเริ่มบรรเลงช้าๆ วิทยายุทธของเขาธรรมดา แต่การโจมตีด้วยเสียงกลับรุนแรงยิ่ง เสียงขลุ่ยกลายเป็นเกราะคุ้มกัน ทำให้ลูกไฟเหล่านั้นถูกกันอยู่ด้านนอก ไม่ว่าอย่าง
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่