Share

บทที่ 6

Author: เย่ชิงขวง
หากเป็นหลายปีก่อน การได้แต่งงานกับหานอ๋องถือว่าได้รับมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง แต่บัดนี้... หานอ๋องโดนยาพิษ อาการหนักถึงชีวิต มีข่าวลือว่าจะคงจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปีนี้

ยิ่งไปกว่านั้น หานอ๋องอารมณ์แปรปรวน โหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนเป็นผักปลา การแต่งงานกับพระองค์ ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายหรอกหรือ?

อัครเสนาบดีกู้พิจารณาพระราชประสงค์อย่างถี่ถ้วน

ลูกสาวคนที่สามของเขา ไม่เพียงแต่รูปโฉมอัปลักษณ์ ยังอ่านหนังสือไม่ออกสัก หานอ๋องมีกำลังทหารในมือ อำนาจเทียมฟ้า การมอบลูกสาวของเขาให้กับหานอ๋อง ไม่ใช่การดูหมิ่นหานอ๋องซึ่งหน้าหรือ?

ก่อนหน้านี้แม้ฮ่องเต้และหานอ๋องจะไม่ลงรอยกัน แต่ก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ แต่การแต่งงานครั้งนี้ อาจทำให้ฮ่องเต้และหานอ๋องต้องแตกหักกัน

มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุก หน้ามุ่ยคอตก

ฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ชอบจับคู่ให้คนอื่นเขาขนาดนั้น?

เพิ่งจะยกเลิกการหมั้นหมายไปหนึ่ง ก็มาอีกหนึ่ง หากฉันขายไม่ออกท่านคงไม่ยอมเลิกราสินะ?

ขันทีหม่าผู้มาประกาศราชโองการหัวเราะพลางเอ่ย “ฝ่าบาทตรัสว่า การแต่งงานของคุณหนูสามนั้นเป็นพระราชประสงค์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อน บัดนี้... บัดนี้เจ๋ออ๋องประชวรอาการหนัก เกรงว่าจะอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาของคุณหนูสาม จึงยกเลิกการหมั้นหมาย”

กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ

เมื่อวานยังแข็งแรงดี วันนี้กลับป่วยหนัก คิดจะหลอกใครกัน

“ฝ่าบาทตรัสว่า รู้สึกละอายใจต่อคุณหนูสาม จึงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้คุณหนูสามแต่งงานกับหานอ๋อง เทพสงครามแห่งแคว้นเย่ จากนี้ไปคุณหนูสามจะอยู่ใต้บังคับบัญชาเพียงของเขาผู้เดียวเท่านั้น โปรดรับราชโองการขอรับ”

ขันทีหม่ายื่นราชโองการให้นางตรงหน้า

กู้ชูหน่วนไม่ได้รับราชโองการ แต่กลับมองขันทีหม่าด้วยสีหน้ามีเลศนัย “กงกง หากเทพสงครามรู้ว่าท่านนำราชโองการนี้มา ท่านคิดว่าเทพสงครามจะจดจำท่านไว้พิเศษหรือไม่”

นางเน้นคำว่า “พิเศษ” สองพยางค์อย่างหนักแน่น

ร่างของขันทีหม่าสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวแวบผ่านแววตา

อัครเสนาบดีกู้ตวาดลั่น “บังอาจ ราชโองการของฝ่าบาท ไยเจ้าจึงกล้าขัดขืน รับราชโองการเดี๋ยวนี้”

“แล้วถ้าข้าไม่รับล่ะ”

“การขัดขืนราชโองการนั้น มีโทษถึงสามชั่วโคตร เจ้าไม่รับราชโองการ หมายจะให้ตระกูลอัครเสนาบดีถูกประหารทั้งตระกูลหรือ”

“ก็ประหารไปสิ ชาติหน้าเราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดีนี่เจ้าคะ”

กู้ชูหน่วนพูดจบ มุมปากแสยะยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะเดินจากไปอย่างลิงโลด ท่ามกลางสายตาที่ตะลึงงันของทุกคน

เฮือก...

ทุกคนอึ้งไป

กู้ชูหน่วนบ้าเกินไปแล้ว

กล้าขัดขืนราชโองการของฝ่าบาท นางไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ

กู้ชูหลันโกรธจัด ขวางทางนางไว้ “เจ้าอยากตายก็เรื่องของเจ้า แต่ห้ามลากตระกูลอัครเสนาบดีไปด้วย รับราชโองการเสียเดี๋ยวนี้”

“เหอะๆ น้องสาวนี่ใจกว้างนัก หากรักตระกูลอัครเสนาบดีจริง เจ้าก็ไปรับเองสิ”

“ฝ่าบาทเมตตาให้เจ้าแต่งงานกับเทพสงคราม ไม่ได้ให้ข้าแต่งเสียหน่อย”

“ถึงเจ้าจะเป็นลูกสาวอนุ แต่เจ้าก็สวยกว่าข้า ข้าว่าหากฝ่าบาทรู้ อาจจะเปลี่ยนใจให้เจ้าแต่งงานกับเทพสงครามแทนก็ได้”

“ถ้าข้าแต่งงานกับหานอ๋อง ข้าจะมีชีวิตอยู่หรือ”

กู้ชูหน่วนยกมือขึ้น “ใช่แล้ว ข้าแต่งงานก็ตาย ไม่แต่งก็ตาย ถ้าไม่แต่ง ยังมีคนในตระกูลอัครเสนาบดีอีกกว่าร้อยคนตายเป็นเพื่อนข้าในยมโลก จะได้ไม่เหงา เช่นนั้นข้าจะรับราชโองการทำไม ใครอยากรับก็รับไปสิ”

สามหาว

นางลูกสาวคนนี้สามหาวนัก

หากไม่ใช่เพราะขันทีหม่าอยู่ที่นี่ อัครเสนาบดีกู้คงสั่งให้คนโบยกู้ชูหน่วนจนตายไปแล้ว

เห็นนางเดินจากไปอย่างหยิ่งผยอง คนในจวนอัครเสนาบดีก็ยังคงตกตะลึงไม่ได้สติ

กู้ชูหน่วนไม่ใช่คนขี้ขลาด อ่อนแอ ไม่มีปากเสียงหรอกหรือ? วันนี้ผีเข้าหรือไร ถึงกล้าปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าทุกคน แถมยังปฏิเสธเทพสงครามผู้กุมอำนาจฟ้าดิน

นางจะไม่รู้หรือว่าเพียงแค่เทพสงครามกระดิกนิ้ว ตระกูลอัครเสนาบดีก็กลายเป็นเถ้าถ่านได้?

อี๋เหนียงห้าบ่นอุบอิบ “นายท่าน ดูคุณหนูสามสิเจ้าคะ นับวันยิ่งไม่อยู่ในร่องในรอย ถึงกับขัดขืนราชโองการ”

บัดนี้อัครเสนาบดีกู้ควบคุมกู้ชูหน่วนไม่ได้แล้ว เขาทำได้เพียงประจบประแจงขันทีหม่า มิให้ขันทีหม่าใส่ร้ายป้ายสีต่อหน้าฝ่าบาท มิเช่นนั้นตระกูลอัครเสนาบดีคงจะถึงคราววิบัติแน่

เขารีบมอบถุงทองคำให้แก่ขันทีหม่า พร้อมกับยิ้มอ่อนน้อม “กงกง ลูกสาวคนที่สามของข้าถูกข้าตามใจจนเสียคน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ท่านวางใจได้ ข้าจะสั่งสอนนางให้ดี และจะให้นางรับราชโองการให้ได้ ขอท่านโปรดกราบทูลฝ่าบาทด้วยคำพูดรื่นหูด้วยเถิด

“ในเมื่อคุณหนูสามไม่สบาย จึงรับราชโองการไม่ได้ อัครเสนาบดีกู้ เช่นนั้นท่านรับแทนนางก็แล้วกัน เมื่อถึงวันแต่งงานต้นเดือนหน้า แล้วขบวนเจ้าสาวของคุณหนูสามมาไม่ถึงจวนหานอ๋อง ตระกูลอัครเสนาบดีก็จงเตรียมตัวรับโทษสามชั่วโคตรเถิด”

อัครเสนาบดีกู้ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ขันทีหม่าก็มอบราชโองการให้กับเขา พร้อมกับถุงทองคำอัดแน่น ก่อนจะจากไป

อัครเสนาบดีกู้มองราชโองการในมือ แล้วมองตามขันทีหม่า ในใจร้อนรนอยู่ไม่สุข

ฝ่าบาทตั้งใจจะให้กู้ชูหน่วนแต่งงานกับหานอ๋อง พวกเขาไม่อาจขัดขืน ดูท่าแล้ว การต่อสู้ระหว่างฝ่าบาทและหานอ๋องนั้นร้ายแรงกว่าที่เขาคิด

ณ ห้องหนังสือ อัครเสนาบดีกู้มองราชโองการอย่างเหม่อลอย อี๋เหนียงห้ามาพร้อมกับน้ำแกงเห็ดหูหนู เอ่ยเสียงอ่อนหวาน “นายท่าน ยังคงคิดถึงเรื่องราชโองการอยู่หรือเจ้าคะ”

“อืม” รับราชโองการก็ท้ายทายหานอ๋อง ไม่รับราชโองการก็ท้ายทายฮ่องเต้ ไม่ว่าทางใด ก็ซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง

ดวงตาอี๋เหนียงห้าหลุกหลิก เอ่ยเสียงเนิบช้า “ได้ยินมาว่าหานอ๋องถูกทำร้ายเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้พิษเดิมกำเริบ ไม่อาจรักษาได้ คงจะสิ้นพระชนม์ก่อนสิ้นปีนี้ แต่ฝ่าบาทกำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง ทั้งยังรับองค์หญิงคนโปรดของฮ่องเต้แคว้นฉู่มาเป็นพระสนม อำนาจกำลังพุ่งถึงขีดสุด ถ้าจะต้องเลือกผิดใจกับฝ่ายใด ข้าคิดว่าควรเลือกฝ่ายหานอ๋องเสียมากกว่า เพราะถึงแม้พระองค์จะอำนาจมากเพียงใด แต่ก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน”

“ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่หานอ๋องกุมกำลังทหาร หากพระองค์คิดร้าย ตระกูลอัครเสนาบดีคงไม่มีทางรับมือได้...”

“แล้วนายท่านจะเลือกข้างหานอ๋องหรือเจ้าคะ”

อัครเสนาบดีกู้รีบส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่ หานอ๋องเดาใจยากนัก ต่อให้ข้าเขาข้างเขา เจาก็อาจจะไม่ช่วยข้า แถมยัง...” แถมอีกฝ่ายก็ไม่มีวันที่จะปกป้องเขาด้วย

ตระกูลอัครเสนาบดีต้องดำรงอยู่สืบไป จึงต้องพึ่งพาฝ่าบาท

อี๋เหนียงห้าอยู่เคียงข้างอัครเสนาบดีกู้มานาน เข้าใจความคิดของอัครเสนาบดีกู้เป็นอย่างดี

นางยิ้มเย้ายวน “เช่นนั้น นายท่านก็ควรยืนอยู่ข้างฝ่าบาทอย่างเต็มที่ ฝ่าบาทมิใช่ฝ่าบาทพระองค์เดิมแล้ว ขอเพียงนายท่านมุ่งมั่น ฝ่าบาทเองก็กำลังต้องการคนใช้งาน ไม่มีทางมองข้ามพวกเราแน่”

“เจ้าพูดถูก ถ้าจะต้องเลือกฝ่ายใด ก็ควรเลือกฝ่ายที่มั่นคง”

แม้กองทัพของแคว้นเย่ส่วนใหญ่จะอยู่ในมือหานอ๋อง แต่แม่ทัพเฒ่าเซียวก็ยังมีทหารอีกหลายแสน

ตระกูลเซียวภักดีต่อแผ่นดินมาช้านาน แม้ยามนี้จะยังไม่เข้าข้างฝ่ายใด แต่หากเกิดสงคราม แม่ทัพเซียวคงจะยืนข้างฝ่าบาท

“นายท่าน ข้าคิดว่านายท่านควรทูลฝ่าบาทให้คุณหนูสามเข้าศึกษาในสำนักบัณฑิตหลวง คุณหนูสามกำลังจะแต่งงานกับหานอ๋องอยู่แล้ว หากได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ก็จะเป็นประโยชน์ ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเคารพที่ฝ่าบาทมีต่อหานอ๋อง”

อัครเสนาบดีกู้ไตร่ตรองคำพูดของอี๋เหนียงห้า ก็เข้าใจความหมายของนาง

สำนักบัณฑิตหลวงเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในแคว้นเย่ รับแต่เชื้อพระวงศ์และผู้มีคุณูปการต่อแผ่นดิน คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์เข้าไปได้

ในแคว้นเย่ ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้เข้าเรียนในสำนักบัณฑิตหลวง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 566

    ลูกธนูทั้งสิบดอก ล้วนแต่พุ่งเข้ากลางเป้า ทุกคนต่างก็ตะลึงตาค้าง โดยเฉพาะองค์หญิงตังตังและฮ่องเต้เย่ที่สติหลุด ทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ เอาแต่มองกู้ชูหน่วนสะบัดมือตนเองแล้วพึมพำอะไรบางอย่างคนเดียว "ธนูนี่จะหนักเกินไปหรือเปล่า ทำเอาข้าปวดแขนไปหมด องค์หญิงตังตัง ธนูสิบดอก ดูเหมือนจะเข้าเป้าทุกดอกเลย ด่านแรกข้าชนะแล้วสินะ" องค์หญิงตังตังพลันได้สติทันที "จะได้ใจไปใย ยังเหลือการแข่งอีกสองด่าน" "เช่นนั้นเจ้าก็ตั้งโจทย์มาเลย รีบๆ แข่งให้จบ ข้าจะได้เลือกเครื่องประดับมาไว้ติดตัว" "ข้อที่สอง ยังคงเป็นธนูสิบลูก เพียงแค่เจ้ายิงให้เข้ากลางเป้าอีกครั้ง เจ้าก็จะชนะ แต่ว่า ครั้งนี้บนกระดานจะมีเหรึยญกษาปณ์ทองแดงแขวนเอาไว้ อีกทั้งเหรียญทั้งสิบจะส่ายไปมา หัวลูกศรของเจ้าต้องทะลุเหรียญกษาปณ์ทองแดง สุดท้ายพุ่งเข้ากลางเป้าพอดี" ซี้ดดด... ทั้งงานเดือดระอุ นี่จะยากเกินไปหรือเปล่า องค์หญิงตังตังหาเรื่องกลั่นแกล้งผู้อื่นแบบโจ่งแจ้งชัดเจน และเกินว่าเหตุไปหน่อยกระมัง แม้แต่ไทเฮาและฮ่องเต้เย่ก็ทนดูไม่ได้จนต้องเอ่ยเตือน "องค์หญิง เอาแต่พอดีเถอะ" "นางบอกเองว่าจะแข่งกับข้า ข้าไม่ได้ขอร้อ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 565

    กู้ชูหน่วนเอ่ย "เช่นนั้นหากข้าชนะล่ะ องค์หญิงจะทำเช่นไร" "เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร" "องค์หญิงเอ่ยเช่นนี้ อย่างไรข้าก็เป็นอาสะใภ้ของเจ้า หรือหากข้าชนะเจ้าแล้ว ต้องให้เจ้าคลานเข่าร้องเสียงเช่นสุนัขเหมือนกันหรือ" ประโยคนี้ กำลังแอบแดกดันว่าองค์หญิงตังตังคิดเล็กคิดน้อย และใจแคบ องค์หญิงตังตังอาจจะไม่รู้ถึงนัยยะแฝงของประโยคที่นางพูด แต่ไทเฮาเข้าใจทุกอย่าง นิ้วที่เห็นข้อต่อชัดเจนกำแน่นจนเสียงดังแกรบโดยไม่รู้ตัว "เอาเช่นนี้แล้วกัน หากเจ้าแพ้ ข้าจะขอของหนึ่งชิ้นจากในตำหนักองค์หญิงของเจ้า ถือเป็นรางวัลชนะเดิมพัน" "เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า" "องค์หญิงตื่นตระหนกขนาดนี้ คงไม่ได้คิดว่าข้าจะเอาชีวิตองค์หญิงกระมัง ข้าไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้นหรอก ของที่ข้าต้องการง่ายนิดเดียว เจ้าให้ได้เป็นแน่" องค์หญิงตังตังตั้งใจฟัง นางหลงกลกู้ชูหน่วนมาหลายหนแล้ว หากไม่ระบุของชนะเดิมพันมาให้ชัดเจน นางไม่มีทางรับปากส่งๆ เด็ดขาด ทว่ากลับเห็นกู้ชูหน่วนมองที่ข้อมือและสร้อยคอที่ว่างเปล่าของตนเอง พลางเอ่ยด้วยความหมองหม่น "พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่สวมใส่สร้อยแหวนเงินทอง บนตัวข้ากลับว่างเปล่า ไ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 564

    กู้ชูหน่วนคว้ามือที่ฟาดลงมาของนางเอาไว้ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "องค์หญิงตังตัง ลงมือทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เอาได้นะ" "บังอาจ เจ้ากล้าแช่งให้ข้าถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หรือ" "หากเจ้าไม่ทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่าได้อย่างไร สวรรค์คงจะอวยพรเจ้าเสียด้วยซ้ำ" "ตังตัง" ไทเฮาตะโกนเสียงขรึม ฝีปากของกู้ชูหน่วน นางได้เห็นมากับตาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้คนทุกคนที่นี่รวมกัน ก็ไม่อาจสู้ฝีปากนั่นของนางได้ "ทำความเคารพเสด็จอาของเจ้าเสีย" "เสด็จแม่..." องค์หญิงตังตังอารมณ์พลันหมองหม่นลงไปในพริบตา หากไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนใช้กลอุบาย นางไม่มีทางเสียเงินมากมายขนาดนั้นประมูลคัมภีร์ซือจิงไร้ประโยชน์มาจากลานประมูลเฟิงเซียงหรอก ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ นางไม่มีเงิน องค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ กลับถูกลานประมูลเฟิงเซียงจับตัว ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือ หลังจากเกิดเรื่อง นางจะไปหาเรื่องลานประมูลเฟิงเซียง แต่เสด็จแม่และเสด็จพี่ต่างก็บอกให้นางอดนทน บอกว่าลานประมูลเฟิงเซียงมีอิทธิพลนัก ไม่จำเป็นอย่าไปมีเรื่องด้วย "รีบทำความเคารพสิ" ใบหน้าขององค์หญิงตังตังราวกับถูกย้อมด้วย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 563

    "กู้ชูหน่วน เจ้าบังอาจนัก" "ใครใช้ให้ข้าเป็นอาสะใภ้ของท่านล่ะ ใครใช้ให้ข้าเป็นชายาของเทพสงครามล่ะ ข้าถึงได้มีสิทธิ์ที่จะอวดี สามหาวอย่างไรเล่า หากท่านไม่พอใจ ก็ไปหาเย่จิ่งหานได้เลย" หากไม่ใช่เพราะฐานะของนาง ฮ่องเต้เย่อยากจะมอบผ้าขาว ให้นางปลิดชีพตนเองเสียงตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ทันใดนั้น เขาก็พลันนึกขึ้นมาได้ "เหมือนข้าจะคิดออกแล้ว เป็นองค์หญิงตังตัง ตอนเด็ก ที่สวมอยู่บนคอขององค์หญิงตังตังก็คือดวงตารูปหัวใจ สีแดงราวกับเลือด ใครหลายคนต่างก็หัวเราะเยาะนาง ต่อมาองค์หญิงตังตังกริ้วหนัก จึงไม่สวมสร้อยเส้นนั้นอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้เห็นอีก" "เช่นนั้น ความหมายของท่านคือ ดวงตารูปหัวใจอยู่ที่องค์หญิงตังตังหรือ" "โดยทั่วไปควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ด้วยนิสัยขององค์หญิงตังตัง หากนางไม่ชอบสิ่งใด ก็จะโยนทิ้งไปทันที สร้อยเส้นนั้นไม่รู้ว่าถูกนางทิ้งไปหรือยัง" "วันนี้เป็นพิธีปฏิญาณตนเป็นผู้ใหญ่ขององค์หญิงตังตังใช่หรือไม่" "ใช่...ใช่น่ะสิ" "ไป พวกเราไปดูกัน" "เมื่อกี้เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ ขอเพียงแค่ช่วยเจ้าตามหาดวงตารูปหัวใจให้พบ เจ้าจะช่วยขับไล่กองทัพออกไปน่ะ" "ใช่น่ะสิ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 562

    "หรือเย่จิ่งหานต้องการจะเห็นข้าสิ้นแผ่นดินเช่นนั้นรึ เขาเองก็เป็นเสด็จอาแห่งแคว้นเย่" "นั่นสิ เพราะเขาคือเสด็จอาของแคว้นเย่ ฉะนั้นหลังจากที่แคว้นเย่สิ้นแผ่นดินแล้ว เขาก็จะปลุกระดมกองทัพอีกครั้ง ตีแคว้นหวาจนพ่ายแพ้ออกไป ถึงเวลานั้น หากเขาคิดจะนั่งบังลังก์ฮ่องเต้ ก็เป็นเรื่องที่ถูกหลักธรรมนองคลองธรรม ผู้ใดก็ไม่กล้าฝ่าฝืน ส่วนท่าน ก็จะกลายเป็นเด็กถูกทิ้งคนนั้นไป" ฮ่องเต้เย่มีคำพูดมากมายอยากจะตอกนางกลับไป ทว่ากลับคิดเหตุผลที่จะหยุดนางได้ไม่ออก กู้ชูหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ฉะนั้น ไม่สู้ท่านเลือกที่จะเชื่อข้า ข้ารับประกันว่าจะต้องทำให้เย่จิ่งหานออกมาจัดการแคว้นหวาได้ ทำให้แคว้นเย่ของพวกเรามั่นคงปลอดภัย" "เย่จิ่งหานจะฟังเจ้าหรือ" "แน่นอน เชื่อว่าฝ่าบาทคงเคยได้ยินว่าท่านอ๋องโปรดปรานข้าเพียงใด" "แต่เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้าด้วย" เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่คิดไปคิดมา ก็คิดไม่ออกว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ "ข้ากำลังตั้งท้องของเทพสงครามอยู่ไม่ใช่หรือ หลายวันก่อนข้าฝัน ฝันเห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมมาดลบันดาล บอกว่าเทพสงครามฆ่าคนมามากนัก พลังชั่วร้ายหนักหนาเกินไป ลูกจะ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 561

    กู้ชูหน่วนแคะหู พลางบ่นพึมพำอย่างเหลืออด "หนวกหู" "สามหาว ข้าคือฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ ประมุขผู้มีอำนาจสูงสุด เจ้าบังอาจกล้าไม่เคารพข้าเช่นนี้ ใครก็ได้ เข้ามา อ้ะ..." กู้ชูหน่วนสองมือกอดอก ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน "ฮ่องเต้ ข้าขอเตือนท่านว่า ก่อนจะตะโกนเรียกใคร คิดดูให้ดีๆ เสียก่อน ต่อให้ท่านเรียกเหล่าองครักษ์มาทั้งหมด ในฐานะที่ข้าเป็นชายาเอกของเทพสงคราม พวกเขาจะกล้าจัดการข้าหรือ" "เจ้า......" ฮ่องเต้หงุดหงิด นางผู้นี้ จงใจขู่เขาชัดๆ เพราะการตะโกนเสียงดังของเขา ทำให้เหล่าองครักษ์ตื่นตกใจ พากันเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า "กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงตะโกนเรียกกระหม่อมเพราะ..." องครักษ์ผู้เป็นหัวหน้าแอบเหลือบมองกู้ชูหน่วนปราดหนึ่ง มือพลอยกำด้ามดาบโดยไม่รู้ตัว "ข้าเรียกพวกเจ้าเสียเมื่อไหร่ เป็นถึงองครักษ์แห่งราชสำนัก หูพวกเจ้าแต่ละคนเป็นเช่นนี้ แล้วข้าจะวางใจให้พวกเจ้าคุ้มกันความปลอดภัยข้าได้อย่างไร" "พะยะค่ะๆๆ......" "ยังไม่รีบออกไปอีก" "พะยะค่ะ....." กลุ่มองครักษ์หลายคนเข้ามา แล้วออกไป เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status