Share

บทที่ 12

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เพื่อที่จะจับปลา พวกเขาถึงกับไม่ไปรับโจ๊กผักจากนักการ!

ไม่ได้กินข้าวเช้า แถมยังจับปลาไม่ได้อีก

ซวยสุด ๆ ไปเลย!

กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขา “พวกเจ้าไม่มีความสามารถจับปลาไม่ได้ มันเกี่ยวอะไรกับข้า ลูกผู้ชายตัวโตตั้งหลายคนยังทำตัวเหมือนพวกไร้ค่า”

หลายคนโมโหจนแทบจะเป็นลมกับปากร้าย ๆ ของนาง แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหาเรื่อง ได้แต่โกรธอยู่ในใจ

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อ

ซูหัวหลินถูกทุบตีทั้งคืน นอนอยู่บนพื้นในสภาพร่อแร่ ไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อน

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากให้ซูอวี่แบก ส่วนบ้านรองก็ไม่มีผู้ชายคนอื่น นางจึงหันไปมองนางเฉียน

แต่คาดไม่ถึงเลยว่านางเฉียนกลับร้องโอ๊ยแล้วลงไปนั่งยอง ๆ “ท่านแม่ เท้าของข้าแพลง ข้าแบกท่านพี่ไม่ไหวหรอก”

“เจ้า นางสารเลว เมื่อกี้ยังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย” ซูหัวหลินโมโหจนกระอักเลือด นี่มันชัดเจนว่านางเฉียนจงใจไม่อยากแบกเขา

นางเฉียนกระชับห่อของที่อยู่บนตัวแน่น “ข้าต้องแบกเงินมากมายขนาดนี้ แล้วยังต้องแบกอาหารอีก ข้าแบกท่านไม่ไหวจริง ๆ ”

ซูหัวหลินเงียบเสียง

ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเงินที่ได้จากครอบครัวฝั่งแม่ของนางเฉียน ถ้าทำให้นางเฉียนโกรธ คงต้องอดตายแน่ ๆ

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางเลือกอื่น จึงเรียกพี่ใหญ่อย่างซูหัวหยางมาแบกซูหัวหลิน คนในบ้านใหญ่สบตากัน แม้จะไม่ได้โต้แย้ง แต่ในใจก็คิดคำนวณกันอยู่

บ้านรองเห็นแก่ตัวและไร้ประโยชน์ รู้แบบนี้แยกบ้านออกไปเหมือนกับบ้านสามก็ดี

ทุกคนออกเดินทางกันอย่างยากลำบาก

เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง นักการก็แจ้งให้ทุกคนทราบว่าวันนี้โชคดี เพราะอีกไม่ไกลก็จะถึงเมืองอูอวิ๋นแล้ว ถ้าไปถึงก่อนค่ำ ก็จะได้พักค้างคืนในเมือง

เมื่อทุกคนได้ยินว่าคืนนี้ไม่ต้องนอนบนพื้น พวกเขาก็มีแรงขึ้นมาในทันที ความเร็วในการเดินทางก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

พวกเขารีบเร่งกันสุดชีวิต และในที่สุดก็มาถึงเมืองอูอวิ๋นก่อนฟ้าจะมืด

เมืองอูอวิ๋นมีจุดพักม้า แต่จุดพักม้ามีไว้สำหรับขุนนางในราชสำนักที่เดินทางผ่านเท่านั้น พวกนักโทษที่ถูกเนรเทศไม่มีสิทธิ์พัก

ทุกคนมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ซุนอู่ให้นักการหลายคนไปจัดห้องพัก จากนั้นก็จัดให้คนที่เหลือพักรวมกันในห้องพักรวมขนาดใหญ่ เพื่อความสะดวกในการดูแล

เมื่อเปิดประตูห้อง ก็เห็นเตียงนอนสองแถวยาวเป็นสิบเมตร ดูอลังการมาก

นักโทษที่ฉลาดได้พุ่งเข้าไป จับจองที่นอนที่ดีที่สุดแล้ว

บนเตียงนอนโล่ง มีเพียงเสื่อฟางผืนเดียว ไม่มีแม้แต่ผ้าห่มคลุม

โชคดีที่เป็นช่วงฤดูร้อนแล้ว

อากาศแบบนี้ ไม่ห่มผ้าตอนกลางคืนก็ไม่หนาว

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ทุกคนต้องนอนบนพื้นดินมาตลอดทั้งคืน การได้นอนบนเตียงก็ถือว่าน่าพอใจมากแล้ว

ทุกคนนอนลงโดยไม่สนใจใด ๆ ไม่นานก็มีเสียงกรนดังลั่น

นางหยางและซูจื่อชิงออกแรงช่วยกันยกซูจิ่งสิงจากเกวียนขึ้นไปวางบนเตียง

กู้หว่านเยว่หยิบเศษเงินออกมา ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้นำน้ำอุ่นมาให้

“แช่เท้ากันเถอะ”

นางเรียกนางหยางและเด็ก ๆ ทั้งสองคน

เดินมาสองวันแล้ว การแช่เท้าก่อนนอนจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นมาก ซูจิ่นเอ๋อรีบเอาเท้าจุ่มลงในน้ำอุ่นด้วยความใจร้อน เจ็บจนต้องร้องออกมา

นางมีตุ่มพองขนาดใหญ่ขึ้นที่ฝ่าเท้า เจ็บเหมือนโดนเข็มทิ่ม

นางหยางรู้สึกสงสารจึงอุ้มนางไป ใช้ปลายเข็มเจาะตุ่มพองที่ฝ่าเท้าของนาง จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูร้อนพันเท้าของซูจิ่นเอ๋อไว้

ภายใต้แสงเทียนสลัว ซูจื่อชิงปาดน้ำตา เขาเข้าใจว่าต่อไปนี้จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่สามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้อีกแล้ว

กู้หว่านเยว่ไม่มีเวลาให้เศร้า ระหว่างทางที่ไปตักน้ำ นางได้ยินมาว่าสุสานหลวงที่ฮ่องเต้สุนัขสร้างขึ้นนั้นตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอูอวิ๋น หัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมาทันที

“ท่านพี่ ข้าถามอะไรหน่อยสิ”

กู้หว่านเยว่ค่อย ๆ คลานไปข้าง ๆ ซูจิ่งสิง

“ได้ยินมาว่าสุสานหลวงอยู่ใกล้ ๆ เมืองอูอวิ๋น ท่านรู้หรือไม่ว่าสุสานหลวงอยู่ที่ไหน?”

ซูจิ่งสิงมองนางอย่างลึกซึ้ง “เจ้าจะทำอะไร?”

สายตาคู่นั้นราวกับมองทะลุคนได้ กู้หว่านเยว่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ข้าแค่สงสัย...”

“อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอูอวิ๋น...” ตามที่ซูจิ่งสิงบอก เดิมทีที่นี่ไม่มีเมืองเล็ก ๆ แต่ฮ่องเต้เลือกสร้างสุสานหลวงไว้ที่ใกล้ๆ นี้ ดังนั้นคนงานจึงมารวมตัวกันจำนวนมาก จนกลายเป็นเมืองเล็ก ๆ ขึ้นมา

กู้หว่านเยว่ไม่ได้สนใจฟังคำพูดต่อจากนั้น สมองของนางมีแต่เรื่องสุสานหลวงอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ภารกิจกักตุนสินค้าที่ระบบมอบหมายให้นางมีทางรอดแล้ว!

ในตอนกลางคืน ขณะที่ทุกคนนอนหลับ กู้หว่านเยว่ก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบ ๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังสุสานหลวงทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอูอวิ๋น

สุสานหลวงยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด ด้วยนิสัยโลภมากของฮ่องเต้สุนัขนั่น ภายในสุสานหลวงต้องมีสมบัติซ่อนอยู่เป็นจำนวนมากแน่ ๆ

นางหายตัวเข้าไปในสุสานหลวงในชั่วพริบตา ดวงตาของนางเกือบจะบอดเพราะแสงสว่างเจิดจ้า

ห้องเก็บสมบัติเต็มไปด้วยทองคำแท่ง กองสูงราวกับภูเขาเล็ก ๆ บนชั้นวางก็เต็มไปด้วยทองคำแท่งที่ส่องประกายระยิบระยับ

ภายในกล่องเต็มไปด้วยเหรียญทองแดงจำนวนนับไม่ถ้วน และยังมีเครื่องประดับที่ทำจากโมรา หยก และไข่มุกที่ใช้สำหรับฝังร่วมในสุสาน...

รวยแล้ว รวยแล้ว!

นี่เป็นครั้งแรกที่กู้หว่านเยว่ได้เห็นทองคำมากมายขนาดนี้ ขาของนางอ่อนแรงจนแทบเดินไม่ไหว นางรีบกวาดทองคำในสุสานหลวงไปจนหมด

หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งของใด ๆ หลงเหลืออยู่ในสุสานหลวง ก่อนจะจากไป นางก็จุดไฟเผาสุสานหลวง

ฮ่องเต้สุนัขอยากสร้างสุสานให้ตัวเองงั้นหรือ?

ไม่มีทาง ตายแล้วก็เป็นผีเร่ร่อนไปเถอะ!

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น กู้หว่านเยว่เห็นว่าฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ก็รีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมจึงไม่ทันได้ตรวจสอบมิติ

เห็นทุกคนยังกรนอยู่ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วปีนขึ้นเตียงอย่างเงียบ ๆ

เมื่อหันกลับมา ก็สบเข้ากับสายตาอันลึกลับของซูจิ่งสิง

กรี๊ดดด!

กู้หว่านเยว่ปิดปากของตัวเองที่ส่งเสียงร้อง ทำตัวเป็นวัวสันหลังหวะ “ทะ ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เขาคงไม่ได้ตื่นตลอดหรอกนะ?

กู้หว่านเยว่รู้สึกกระวนกระวายใจ นางพยายามคิดหาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลอย่างบ้าคลั่ง

แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ซูจิ่งสิงมองนางอย่างลึกซึ้งแล้วก็เอ่ยขึ้น “เพิ่งตื่น นอนเถอะ”

ขณะพูด ก็หลับตาลง

เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่ได้รู้เรื่องอะไร ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนอนลง นางก็เข้าไปในมิติ

พอเข้าไป ก็เกือบจะหัวเราะจนฟันหลุด

“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ อาคารใหม่ ครัวอาหารเลิศรส ได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว

โฮสต์สามารถใส่วัตถุดิบใด ๆ ก็ตามลงไป ครัวอาหารเลิศรสจะรังสรรค์อาหารระดับห้าดาวจากเชฟชั้นนำให้กับท่าน”

กู้หว่านเยว่รีบโยนไข่ไก่หนึ่งฟองและข้าวสวยหนึ่งชามลงไป

หนึ่งนาทีต่อมา ข้าวผัดไข่ที่มีกลิ่นหอมจนน้ำลายไหลก็ส่งออกมาจากหน้าต่างของครัวอาหารเลิศรส

“หอมจัง น่ากินมาก...”

กู้หว่านเยว่เช็ดน้ำลายที่มุมปาก ถ้าไม่ติดว่าเงื่อนไขไม่อนุญาต นางคงอยากจะเอาข้าวผัดไข่ออกมากินให้หมดเดี๋ยวนี้เลย

หลังจากออกจากมิติด้วยความตื่นเต้น กู้หว่านเยว่ก็พลิกตัวไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะหลับสนิท

วันรุ่งขึ้น เหล่านักการปลุกนักโทษขึ้นมาและเอ่ยขึ้น “ใครจะไปซื้อของในเมือง จ่ายสิบตำลึง แล้วไปซื้อของกับพวกเราได้”

หลังจากผ่านเมืองอูอวิ๋นไปแล้ว ถ้าโชคไม่ดี ต่อไปอาจจะไม่มีเมืองอีกนาน

สิบตำลึงสามารถแลกโอกาสในการซื้อของได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี

หลี่ซือซือรีบให้สิบตำลึงแก่นักการ “ท่านนักการ พาข้าไปซื้อของด้วยเถอะ”

“ตามมาข้างหลัง” จางเอ้อร์กล่าวอย่างเย็นชา ไม่สนใจสายตาเว้าวอนของหลี่ซือซือ

คนในครอบครัวอื่น ๆ ก็ทยอยเอาเงินออกมา อยากจะไปซื้อของด้วย

ส่วนคนที่เหลือเหล่านั้นที่ไม่มีเงิน ก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ

“คุณหนูกู้ เจ้าก็ไปกับพวกเราด้วยสิ” จางเอ้อร์ยิ้ม “เจ้าไม่ต้องจ่ายเงิน!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณสำหรับนิยายอ่านสนุกมากค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1844

    กู้หว่านเยว่เกือบหลุดหัวเราะขอร้องล่ะ ก่อนที่เจ้าจะใส่ร้าย ช่วยดูก่อนได้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้หญิงนะลวนลาม? พระสนมโจวก็อุตส่าห์คิดได้เนาะจะเล่นงานคนอื่น กลับย้อนเข้าตัวเองนางในฐานะนางสนม ถ้าหากข่าวโดนหมอลวนลามเผยแพร่ออกไป นางก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนเช่นกัน ก่อนจะพูดอะไรไม่คิดเลย“เจ้ายิ้มอะไร?” สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางขมวดคิ้วแน่น‘เผยหยวน’ คนนี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ความตายอยู่ตรงหน้ายังสามารถยิ้มได้อีก“พระสนมโจวอยากพูดเหลวไหล ก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองสามารถพูดคำพูดที่เหลวไหลออกมาได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจเถียงกับนาง จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางพบว่าตัวเองพูดไม่ออก เสียงหายไปในพริบตาแล้ว“อืมๆๆ…” นางมองไปทางนางกำนัล นางกำนัลก็ทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่คอของตัวเองเช่นกัน“พระสนมโจวโปรดระวังคำพูดด้วย ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่พูดไม่ออกเช่นนี้แล้ว ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี อาจจะเอาชีวิตของพวกท่านก็ได้”กู้หว่านเยว่พูดจบก็เดินจากไปโดยตรงทิ้งพระสนมโจวที่ทำหน้าหวาดกลัวไว้คนเดียว“อืมๆๆ…”“อืมๆๆ!”พระสน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1843

    ฉีเยว่: นี่ข้าเป็นอะไร เหมือนกำลังโดนหลอกนางกำนัลเดินเข้ามากะทันหัน “องค์หญิง คุณชายชุยเข้าวังแล้วเพคะ”ดวงตาฉีเยว่เป็นประกาย และลืมเรื่องของพี่รองไปในพริบตาแล้ว“ชุยอวี้มาแล้ว? อยู่ไหน รีบพาข้าไปพบเขา!”นางยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ได้เดินย้อนกลับไปทางเดิมแล้ว“คุณชายเผยโปรดรอสักครู่” มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังกู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า หันกลับไปมอง พบว่าเป็นนางกำนัลแปลกหน้าคนหนึ่งนางเลิกคิ้ว “มีอะไร?”นางกำนัลเดินมาที่ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ และคำนับด้วยท่าทีที่ยังถือว่าสุภาพ “คุณชายเผย ได้ยินมาว่าท่านเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาเผย คิดว่าท่านคงเชี่ยวชาญวิชาแพทย์เหมือนหมอเทวดาเผย ไม่ทราบว่าช่วยไปตรวจดูอาการพระสนมของพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ?”ภายในห้องอันอบอุ่น ผู้หญิงแต่งกายหรูหราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ นางมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารักน่าเวทนา น่าจะเป็นพระสนมโจวกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยจะเทียบกับอาจารย์ได้อย่างไร ข้าน้อยยังเรียนวิชาแพทย์ของอาจารย์ได้ไม่ถึงครึ่งเลย”“ถ้าหากพระสนมไม่สบาย เหตุใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1842

    กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้โกรธองค์หญิงผู้ไร้เดียงสาท่านนี้“เชิญองค์หญิงหลบไปก่อน ข้าขอตรวจชีพจรให้องค์ชายรองก่อน” กู้หว่านเยว่วางกล่องยาลง ฉีเยว่พยักหน้า รีบหลบไปที่ด้านข้างกู้หว่านเยว่ยื่นมือออกไปจับชีพจรขององค์ชายรองสีหน้าเป่ยหมิงฉีอวี้ดูสับสน ลืมไปแล้วว่ากู้หว่านเยว่เป็นใครแม้แต่ฉีเยว่ที่อยู่ตรงหน้าก็เกือบจำไม่ได้“เหมือนองค์ชายรองจะถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างจริงจังก็ต้องถูกพิษอยู่แล้วและนางนี่แหละที่เป็นคนวางยาพิษเมื่อฉีเยว่ได้ยินก็ประหม่าทันที “พี่รองถูกพิษอะไร? อันตรายหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะ “เท่าที่ดูจากสัญญาณชีพจร พิษนี่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แค่ทำให้คนลืมเรื่องบางเรื่อง และไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย”ที่จริงเมื่อคืนนางสามารถฆ่าเป่ยหมิงฉีอวี้ทิ้งโดยตรงแต่คำนึงถึงเป่ยหมิงฉีอวี้ไม่ใช่คนเลว และมีส่วนร่วมในเรื่องของแคว้นโยวหลานน้อยมาก เป็นเพียงองค์ชายเจ้าสำราญคนหนึ่ง จึงไม่ได้ลงมือฆ่าเขา“ยังดีๆ” ฉีเยว่โล่งอกก่อน แต่หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้ว “แต่ลืมหลายสิ่งหลายอย่างเช่นนี้มันก็ผิดปกติอยู่นะ ตอนนี้พี่รองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร คุณชายเผย ท่า

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1841

    กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดพระสนมโจวเป็นแค่นางสนมคนหนึ่ง ถ้าหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางจริงๆ สามารถสั่งให้ทำการสืบสวนอย่างละเอียด แต่ผู้คนในวังต่างก็พูดถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง จะเห็นได้ว่าไม่อยากให้ตรวจสอบพระสนมโจวประกอบกับสิ่งต่างๆ ที่เห็นในห้องบรรทมของฮองเฮา และความรังเกียจในแววตาของเป่ยหมิงเต๋อเซิ่ง จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่เห็นไม่แน่ สามีที่ดีของฮองเฮา เป่ยหมิงเต๋อเซิ่งก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่ขาดไม่ได้เช่นกันแล้วหันมาดูกล้วยไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีในสวน ก็อดรู้สึกถากถางไม่ได้“เป่ยหมิงโยวหลานรู้เรื่องนี้หรือไม่?”หมอเทวดาเผยส่ายหัว“เรื่องนี้เป็นความลับของพระราชวัง ข้าเองก็รู้ความจริงเพียงผิวเผิน จากการสืบหาความจริงหลายทาง”“แม้ฝ่าบาทเอาใจใส่ฮองเฮามาก ถึงขั้นมาขอร้องข้าเพราะเรื่องของฮองเฮา”“แต่มีเรื่องมากมายที่เขาไม่รู้”กู้หว่านเยว่หรี่ตาเป่ยหมิงโยวหลานนะเป่ยหมิงโยวหลาน ถ้าหากเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้ามีชีวิตที่สุขสบายในมือของเจ้า วันข้างหน้าข้าจะบอกความจริงกับเจ้า อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องเป็นคนโง่ตลอดไป“พอแล้ว ท่านอย่ายุ่งกับเรื่องนี้มากนักเลย และ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1840

    หมอเทวดาไอกระแอมหนึ่งเสียง “ไว้ข้าค่อยจ่ายยาช่วยปรับจิตใจให้สงบก็แล้วกันเขาต้องรีบเผ่นแนบก่อน ไม่อยากได้ยินความลับอะไรจากที่นี่กู้หว่านเยว่ดูเหตุการณ์ไม่นาน ก็นำแผ่นกระเบื้องกลับมาวางตามเดิมอย่างเบามือที่สุด จากนั้นก็ลงจากหลังคาอย่างเงียบเชียบที่สุดหลังจากกลับมายังเส้นทางปกติแล้ว ก็บังเอิญเจอกับนางกำนัลน้อยสองสามคนกำลังจับกลุ่มคุยกันพอดีกู้หว่านเยว่เดินออกมาจากดงดอกไม้ สร้างความตกใจให้พวกนางไม่น้อย“ใครกัน?”“ข้าคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาเผย ออกมาชมแสงจันทร์ แต่กลับหลงทาง ไม่รู้ว่าพวกพี่สาวจะช่วยนำทางข้าได้หรือไม่” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างสุภาพและอ่อนโยนนางกำนัลเหล่านี้ต่างรู้จักหมอเทวดาเผย ครั้นได้ยินกู้หว่านเยว่บอกว่านางคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาเผย ก็วางใจ“ที่แท้ก็ศิษย์เอกของหมอเทวดาเผยนี่เอง เป็นพวกเราเองที่มีตาหามีแววไม่”นางกำนัลหนึ่งในนั้นเอ่ยว่า “ข้ารู้ที่อยู่ของหมอเทวดาเผย เชิญคุณชายตามข้ามาเถอะ”“เช่นนั้นคงต้องรบกวนพี่สาวแล้วล่ะ”นางกำนัลทั้งสองคนเดินนำทาง กู้หว่านเยว่พูดคุยกับพวกเขาไปเรื่อยเปื่อย“ข้ามาแคว้นโยวหลานเป็นครั้งแรก ในแคว้นโยวหลานแห่งนี้มีดอกไม้มากมายจริง ๆ”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1839

    เพียงแต่ทันทีที่บุรุษวัยกลางคนเดินรุดหน้าเข้าไปถึง สตรีผู้นั้นก็ยกมือตบอย่างเต็มแรง“อย่าเข้ามา บอกว่าอย่างเข้ามา......”“อ๊าก!”เล็บมือของสตรีผู้นั้นยาวมาก บนหน้าของบุรุษจึงเกิดเป็นบาดแผลเลือดซิบเขาร้องโอดครวญเสี่ยงต่ำน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ข้าให้พวกเจ้าตัดเล็บให้ราชินีแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงยังไว้ยาวเช่นนี้อยู่อีก?”“ฝ่าบาททรงระงับโทสะ”เหล่านางกำนัลต่างตัวสั่นงันงก พากันคุกเข่าลงพื้นเวลานี้ กู้หว่านเยว่ที่มองเหตุการณ์อยู่ด้านบนก็เข้าใจสถานะของคนเหล่านั้นในทันที ที่แท้สตรีที่กำลังคลุ้มคลั่งผู้นี้ก็คือราชินีแห่งแคว้นโยวหลาน ส่วนบุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้างก็คือราชาแห่งแคว้นโยวหลาน“มิน่าล่ะ พวกเขาถึงไม่อยากให้หมอผีของแคว้นโยวหลาน แต่ไปตามหมอเทวดาจากข้างนอกมาแทน”กู้หว่านบ่นงึมงำเหมือนอาการป่วยนี้ ต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ดี นับประสาอะไรกับยุคโบราณที่การแพทย์ยังล้าหลังเช่นนี้คาดว่าหมอผีของแคว้นโยวหลานคงจะหมดหนทางกับอาการป่วยของราชินีแล้ว ภายใต้ความจนปัญญาของเขา คงทำได้แค่เรียกหมอเทวดาเผยที่เลื่องลือว่าเป็นหมอแห่งปาฏิหาริย์เข้ามาแทนกู้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status