LOGINตอนเช้าเพิ่งตื่นมา พวกเขาสองคนก็รออยู่ด้านนอก เขากับกู้หว่านเยว่ยังไม่ได้กินอาหารเช้า“พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” ซูจิ่งสิงเห็นคนทั้งสองมองหน้ากันไปมา มีตาหามีแววไม่ จึงทำหน้าเข้มแล้วไล่แขกซูจื่อชิงถึงได้รู้สึกตัว แล้วยิ้มอย่างเขินอาย “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ได้กินอาหารเช้าสินะ? ถ้าอย่างนั้นน้องขอตัวลาไปก่อน ไว้ตอนบ่ายค่อยกลับมา”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้างกันเห็นทั้งสองคนรีบจากไป จึงหันมองซูจิ่งสิงอย่างจนปัญญา“ดุเหลือเกิน”ซูจิ่งสิงกอดเอวกู้หว่านเยว่ ทำหน้าอาลัยอาวรณ์“ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอะไรคือฮ่องเต้ไม่ว่าราชการตอนเช้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นนิ้วมือออกมาแตะปลายจมูกซูจิ่งสิง“ฮ่องเต้พูดอย่างนี้ อยากเป็นทรราชหรือเพคะ”ซูจิ่งสิงกระแอมหนึ่งเสียง สีหน้าเปลี่ยนเป็นขึงขังไม่น้อยเขาย่อมไม่เป็นทรราชก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง“ไปกินอาหารเช้าก่อน กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าจะไปจัดการธุระ เจ้าพักอยู่ในตำหนักให้ดี”เมื่อนึกถึงฎีกาที่กองพะเนินเหมือนภูเขา ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วแน่นกู้หว่านเยว่พยักหน้า พอดีอาหารเช้าเป็นสิ่งที่นางชอบทั้งนั้น จึงกินอย่างเอร็ดอร่อยไปหนึ่งมื้อ
ซูจิ้งได้เห็นภาพนี้ ความกังวลในใจลดลงไม่น้อยเขากังวลมาตลอดว่าซูจื่อชิงจะไม่รู้จักแยกแยะ แต่ดูจากตอนนี้ ลูกชายรู้จักแยกแยะมากกว่าผู้ใดเมื่อการทารข้าวฉันท์ครอบครัวจบลง กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกลับไปในวัง ทั้งสองคนเดินทางติดต่อกัน ยามวิการก็ไม่อยากจัดการเรื่องใดอีก จึงพักผ่อนโดยตรงหลังนอนหลับเต็มอิ่ม เช้าวันรุ่งขึ้น ซูจื่อชิงมารออยู่ข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ นอกจากนี้คนที่มาขอเข้าเฝ้ายังมีเว่ยเฉิง“องค์ชายน้อยล่ะ?”สายตาเว่ยเฉิงตัดพ้อ สอนได้แค่ไม่กี่วัน นักเรียนก็หายไปแล้วกู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วให้ทั้งสองคนนั่ง “จ้านจ้านยังไม่กลับมา ยังอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหล”เว่ยเฉิงถอนหายใจ แล้วกุมขมับอย่างจนปัญญา “เอาเถอะ เอาเถอะ ขอให้ตอนที่องค์ชายน้อยกลับมาอย่าลืมสิ่งที่กระหม่อมเคยสอนก็พอ”กู้หว่านเยว่สีหน้าขึงขัง “รอให้ได้พบเขา ข้าจะบอกเขาแทนราชครู ว่าท่านคิดถึงเขา”ใบหน้าเว่ยเฉิงแดงเถือก “กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่เป็นห่วงว่าองค์ชายน้อยจะลืมทำการบ้าน แต่องค์ชายอายุยังน้อย ชอบเที่ยวเล่นก็เป็นเรื่องปกติ”เว่ยเฉิงไม่รู้เลย ที่จ้านจ้านยังอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหลไม่ใช่เพื่อเที่
เดิมทีซูจิ่นเอ๋อร์พูดเช่นนี้โดยไม่มีเจตนา ทว่ากลับตรงใจกู้หว่านเยว่พอดิบพอดีความคิดของกู้หว่านเยว่ตรงกับซูจิ่นเอ๋อร์ ในเมื่อทำลายกระปุกพิษและสังหารฮ่องเต้ชีไปแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งแคว้นอู๋วั่งวุ่นวายโกลาหลไปหมด ไม่สู้ฉวยโอกาสนี้จัดการแคว้นอู๋วั่งให้สิ้นซากเสีย“ที่จิ่นเอ๋อร์ว่ามาไม่ผิดเลยสักนิด ในเมื่อพวกเขาไม่มีคุณธรรม ไม่สู้พวกเราก็หาโอกาสบุกไปโจมตีพวกเขาเสีย”กู้หว่านเยว่หันมองซูจิ่งสิง สองสามีภรรยาหารือกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว“ก่อนพวกเราจะกลับมา ข้าได้เขียนจดหมายถึงเจ้าหนึ่งฉบับ โดยให้เหยี่ยวทองส่งมา เจ้าได้รับหรือไม่?”ซูจื่อชิงได้ยินดังนั้น จึงรีบพยักหน้า“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ จดหมายที่พวกท่านเขียนถึงข้า ข้าล้วนได้รับทั้งสิ้น อีกอย่างข้าได้สั่งการตามเนื้อหาในจดหมายแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนกำลังฝึกทหารเรือ”ซูจื่อชิงรีบกล่าว “ยังให้ผู้บัญชาการเรียบชายฝั่งเริ่มสร้างเรือรบ ตอนนี้น่าจะเสร็จไปพอสมควรแล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างพอใจ ตอนนี้ซูจื่อชิงทำงานได้น่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หนักแน่นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย เขาจึงรู้สึกวางใจ“ส่วนเรื่องรายละเอียด ชั่วขณะหนึ่งข้าก็อธิบาย
ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ้มอย่างดูแคลน “แม่สามีข้า...ตอนนี้นางยังเอาตัวไม่รอด จะมีเวลามาสนใจข้าได้อย่างไร”นางหยางยังไม่รู้สึกตัวซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนหัวข้อ ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไปนางไม่ใช่เด็กสาวที่จริงใจต่อผู้อื่นโดยไม่คิดจะป้องกันตัวแม้แต่น้อยเหมือนในอดีตแล้ว ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าฟู่ไม่อยากอยู่ร่วมกับนาง นางก็มีสารพัดวิธีทำให้อีกฝ่ายเจ็บใจ“ท่านแม่วางใจเถอะ บัดนี้พี่ใหญ่ของข้าเป็นฮ่องเต้ พี่รองเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ตระกูลฝั่งมารดาคือจวนกั๋วกง ตัวข้าเองก็เป็นองค์หญิงใหญ่ ไม่มีใครรังแกข้าได้หรอก”เมื่อก่อนซูจิ่นเอ๋อร์ขี้เกรงใจมากเกินไปคิดแต่อยากจะอยู่ร่วมกันกับคนสกุลฟู่ให้ดี ไม่อยากใช้อำนาจข่มใคร ไม่เคยวางท่าขององค์หญิงใหญ่ กลับทำให้พวกเขานึกว่าตัวเองรังแกได้ง่าย ๆแต่ลืมไปว่าสันดานคนก็คือรังแกผู้อ่อนแอกว่า พวกเขานึกว่าซูจิ่นเอ๋อร์รังแกได้ง่าย ๆ จึงยิ่งได้คืบจะเอาศอกนางหยางจับมือซูจิ่นเอ๋อร์อย่างคนที่เคยผ่านโลกมาแล้ว กล่าวเตือน “อย่าทำจนน่าเกลียดเกินไป อย่างไรก็เป็นมารดาของสามีเจ้า เขาอยู่ตรงกลางก็ลำบากใจ ระวังจะกระทบความสัมพันธ์ของพวกเจ้า”ซูจิ่นเอ๋อร์ถอนหายใจเฮือ
ในใจซูจื่อชิงแอบค่อนขอดไม่เพียงถอนพิษเร็วเท่านั้น แต่ยังทำเรื่องใหญ่สำเร็จได้อีกหนึ่งเรื่อง“ใช่สิ ในจดหมายของพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ยังพูดถึงเรื่องใดอีก เมื่อไหร่พวกเขาจะกลับมาอยู่พร้อมหน้ากับพวกเรา?” ซูจิ่นเอ๋อร์รู้สึกอดรนทนไม่ไหวแล้ว นางหยางที่อยู่ข้างกันยิ่งทำหน้ารอคอย เพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้กินข้าวกับลูกชายและลูกสะใภ้“นั่นนะสิ พี่ใหญ่เจ้ากับพี่สะใภ้เจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่? ข้าจะได้ให้พวกบ่าวไปเตรียมต้อนรับพวกเขา”ซูจื่อชิงมองจดหมายแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างคาดคะเน “จดหมายฉบับนี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่เขียนให้ข้าจากกลางทะเล กว่าจะกลับมาถึงก็ต้องใช้เวลาอีกสิบกว่าวัน อย่ารีบร้อน รอให้ผ่านไปอีกสิบกว่าวันค่อยเตรียมตัวเถอะ”“นานขนาดนั้นเชียว” ใบหน้านางหยางเผยความผิดหวัง เมื่ออายุมากขึ้นย่อมหวังจะให้ลูกหลานมารายล้อมบัดนี้จ้านจ้านไม่อยู่ต้าฉี ซูจิ่งสิงกับกู้หว่านเยว่ก็งานยุ่งตลอดเวลาซูจิ่งเอ๋อร์มองดูก็รู้ว่านางหยางผิดหวัง จึงรีบเอ่ยปลอบ “ท่านแม่ ท่านจะทุกข์ใจไปไย? อีกไม่นานพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ก็กลับมาแล้ว”ซูจิ้งที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยขึ้นมาบ้าง “ขณะนี้เด็กทั้งสองคนเป็นฮ่องเต้กับฮองเ
กู้หว่านเยว่ถอดชุดเสื้อผ้าที่ปลอมตัว เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีฟ้า ท้องน้อยนูนขึ้นเล็กน้อยนางลูบท้อง “อีกไม่กี่เดือนก็จะคลอดออกมาแล้ว”สีหน้าซูจิ่งสิงประหม่าขึ้นมา “พวกเราไปที่ราบแห่งความโกลาหลเถอะ”“ทำไมหรือ?”“การคลอดครั้งที่แล้วอันตรายเกินไป”เมื่อไปที่ราบแห่งความโกลาหล มีเขากับจงหลีคอยคุ้มกันกู้หว่านเยว่หัวเราะ “หากกลัวอันตราย ไยต้องไปที่ราบแห่งความโกลาหล เข้าไปในมิติโดยตรงก็สิ้นเรื่อง”ภายในมิติปลอดภัยที่สุดกู้หว่านเยว่แค่ล้อเล่น แต่ซูจิ่งสิงกลับขบคิดข้อเสนอแนะของนางอย่างจริงจัง“น้องหญิง ที่เจ้าพูดมามีเหตุผล รอให้ถึงตอนที่เจ้าใกล้คลอด พวกเราเข้าไปในมิติโดยตรง ซ่อนตัวอยู่ในนั้น ช่วงเวลานั้นจะไม่ทำสิ่งใดเลย รอให้เจ้าคลอดอย่างปลอดภัยค่อยออกมา”ซูจิ่งสิงทำหน้าขึงขัง ทำให้กู้หว่านเยว่กุมหน้าผากอย่างจนใจ“ท่านพี่ ท่านคงไม่เอาจริงหรอกนะ?”“หรือสีหน้าข้ายังจริงจังไม่พอหรือ?” ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่อย่างจนปัญญา เห็นชัดเจนว่าเขาจริงจัง“สตรีคลอดลูกเป็นเรื่องใหญ่ ครั้งที่แล้วตอนเจ้าคลอดลูกพวกเราถูกไล่ล่า ตอนนี้เมื่อนึกย้อนดูในใจข้ายังรู้สึกกลัว หลังจากครุ่นคิด มีเพียงพวกเรา







