Masuk“อืม” ซูจิ่งสิงพยักหน้ากู้หว่านเยว่จับหน้าซูจิ่งสิงไว้ “พวกเราไปเจดีย์หนิงกู่กันก่อน”“ก็ดี”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กู้หว่านเยว่พูดถูก หากพวกเขามีจุดประสงค์จริง จะเป็นฝ่ายมาหาเองไม่สู้ทั้งสองคนหาโอกาสไปเจดีย์หนิงกู่สักครั้ง พอดีจะได้จัดการธุระสำคัญ ไม่แน่อาจล่อพวกเขาให้ปรากฏตัวหลังทั้งสองตัดสินใจได้แล้ว จึงไม่รอช้า ออกเดินทางไปเจดีย์หนิงกู่คืนนั้นเลยเนื่องจากตลอดทางของพวกเขา ยังต้องแวะไปดูภัยน้ำท่วมตลอดทาง ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้ขับเฮลิคอปเตอร์ไป แต่นั่งรถม้าไป“น้องหญิง ข้างหน้าก็คือสุ่ยโจวแล้ว คืนนี้พวกเราค้างกันที่นี่สักคืนเถอะ”ซูจิ่งสิงเปิดผ้าม่านรถม้า มองดูนอกรถม้า ที่นี่ใกล้เขตแดนของสุ่ยโจวแล้วกู้หว่านเยว่มองไปตามรอยแยกของผ้าม่าน เมื่อเห็นด้านนอกฟ้ามืดแล้ว จึงพยักหน้า“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พวกเราค้างแรมกันที่นี่สักคืน”ก่อนนี้ทั้งสองเคยมาสุ่ยโจว จึงคุ้ยเคยกับเมืองนี้ดีหลังจากรถม้าเข้าเมือง ฉู่เฟิงขับรถม้าไปหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน“พวกเจ้ารู้หรือยัง? ด้านหน้ามีคนโยนลูกแพรปักหาคู่”“นั่นเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเมืองสุ่ยโจวของพวกเรา คุณหนูสกุลหลอ”“เจ้าหมายถึงคุณ
กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้น จึงรับจดหมายมาจากมือซูจิ่งสิง หลังอ่านจบกลับขมวดคิ้วตัวอักษรบนจดหมาย นางไม่รู้จักกู้หว่านเยว่ถามระบบ “ระบบ ระบบ เจ้ารู้จักตัวอักษรบนจดหมายหรือไม่?”ระบบเงียบไปสักครู่ ต่อจากนั้นเสียงปฏิเสธดังขึ้น“นายหญิง ข้าเองก็ไม่รู้จักตัวอักษรบนจดหมาย”แม้แต่ระบบยังไม่รู้จัก ถ้าอย่างนั้นกู้หว่านเยว่เองก็จนปัญญา จึงบอกซูจิ่งสิงไปตามตรง“ตัวอักษรบนนี้ข้าเองก็ไม่รู้จัก”ซูจิ่งสิงถอนหายใจ “ไม่เป็นไร”เดิมทีเขาก็แค่ลองดูเท่านั้น ในเมื่อทุกคนไม่รู้จัก กู้หว่านเยว่เองก็ไม่รู้จัก ถือว่าเป็นเรื่องปกติ“ท่านพี่ ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อแคว้นอู๋วั่งมาก่อน?”ซูจิ่งสิงนวดขมับ “ไม่เพียงแค่เจ้าที่เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก พวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ก็ล้วนได้ยินชื่อแคว้นแห่งนี้เป็นครั้งแรก”เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงพูดอย่างนี้ กู้หว่านเยว่รู้สึกถึงความผิดปกติทันทีนางเสนอแนะ “ไม่สู้คัดเนื้อหาตอนหนึ่งในจดหมายออกมา แล้วติดประกาศหลวง ดูว่าในหมู่ราษฎรมีใครรู้จักตัวอักษรเหล่านี้หรือไม่?”ซูจิ่งสิงพยักหน้า “คงทำได้เพียงเท่านี้แล้ว”ในหมู่ชาวบ้านมีคนเก่งมากความสามารถ ขอให้มีคนเข้าใจตัวอั
กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วกล่าว “ที่ข้ายังมีตำราเลี้ยงหมูอีกหลายเล่ม รอให้กินอาหารเสร็จ จะให้นางกำนัลนำไปมอบให้ท่านที่จวน”นางหยางพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี”ตอนนี้กู้หว่านเยว่ยุ่งมาก อีกทั้งต้องตะลอนกับซูจิ่งสิงไปทั่ว โอกาสที่จะได้พบทั้งสองคนจึงน้อยมากหลังกินอาหารเสร็จ ทั้งสองคนส่งคนสกุลซูออกจากวังด้วยตัวเองกู้หว่านเยว่คิดว่าในเมื่อจะสร้างถนนกลางป่าซิงโต้วหนึ่งเส้น หากสร้างมาจากทางที่ราบแห่งความโกลาหลฝั่งเดียวคงชักช้าไม่สู้ให้ทางต้าฉีรับสมัครคนงานด้วย ให้พวกเขาสร้างถนนไปตามทางป่าซิงโต้วกู้หว่านเยว่บอกข้อเสนอนี้ให้ซูจิ่งสิงฟัง “ท่านพี่คิดเห็นเป็นเช่นไร?”ซูจิ่งสิงพยักหน้า “ดีมาก”ท้องพระคลังต้าฉีมั่งคั่ง ไม่ขาดแคลนเงิน อยากให้ราษฎรร่ำรวย หนทางที่ดีที่สุดคือสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายปีมานี้ ถนนคอนกรีตทั่วสารทิศก่อสร้างไปพอสมควรแล้ว“หากถนนเส้นนี้สำเร็จจริง เมื่อสร้างเสร็จจะกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์”ซูจิ่งสิงกล่าวอย่างสะท้อนใจ เรื่องเช่นนี้มีเพียงน้องหญิงของเขาที่กล้าทำกู้หว่านเยว่ดีใจอย่างมาก “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ท่านส่งราชโองการไปให้ขุน
สองสามีภรรยาหารือกันอยู่สักครู่ แล้วดูฎีกาต่ออีกสักพัก จึงนอนหลับไปพร้อมกันวันรุ่งขึ้น คนสกุลซูเข้าวังมาขอเข้าเฝ้าแต่เช้าท้องน้อยของซูจิ่นเอ๋อร์นูนขึ้นแล้ว บนใบหน้าคือความอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ กระทั่งการพูดการจาก็สุขุมขึ้นไม่น้อยนางพูดคุยสัพเพเหระกับกู้หว่านเยว่ “เมื่อวานได้ยินว่าหมอหญิงลั่วคลอดยาก โชคดีที่ได้แพทย์หญิงฝีมือสูงส่งไปทำคลอด ข้าแค่เดาก็รู้ว่าเป็นพี่สะใภ้ใหญ่”กู้หว่านเยว่แปลกใจมาก “เจ้าเองก็รู้เรื่องนี้หรือ?”“จวนองค์หญิงไม่ไกลจากจวนลั่ว เมื่อวานแม่ทัพเกาสั่งให้คนจุดประทัดหน้าจวน ข้าไปสืบดูจึงรู้ว่าหมอหญิงลั่วคลอดแล้ว”ซูจิ่นเอ๋อร์ได้ยินว่าตอนลั่วยางคลอดยากสถานการณ์คับขัน จึงรู้สึกเป็นห่วงท้องของตัวเองขึ้นมาบ้างกู้หว่านเยว่ลูบท้องนาง “ไม่ต้องเป็นห่วง ขอเพียงเจ้าทำตามที่ข้าเคยบอกเจ้าก่อนหน้านี้ ตำแหน่งต้องถูกต้องแน่นอน”ซูจิ่นเอ๋อร์หันมองซ้ายขวาเห็นทุกคนกำลังพูดคุยกัน ไม่ได้สนใจทางนี้ จึงแอบถามเสียงค่อย “พี่สะใภ้ใหญ่ ช่วยข้าดูได้หรือไม่ว่าในท้องข้าเป็นลูกชายหรือลูกสาว?”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้ว “ทำไมหรือ?”ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ้มเจื่อน “พี่สะใภ้ใหญ่อย่าเข้าใจผิด ก็ข้าไม
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้สีหน้าชิงเหลียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย“ช่วงก่อน ฮูหยินผู้เฒ่าฟู่เคยมาหนึ่งครั้ง แต่ว่าอยู่ในจวนองค์หญิงใหญ่เพียงครึ่งวัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงกลับไปด้วยความโมโห หลังจากนั้นไม่เคยมาอีกเลยเพคะ”กู้หว่านเยว่คาดเดาว่ายัยเด็กจิ่นเอ๋อร์น่าจะได้สติแล้ว รู้ว่าจะปล่อยให้คนอื่นมารังแกโดยไม่มีสาเหตุอีกต่อไปไม่ได้ จึงไล่ยายแก่นั่นไปซะระหว่างพูดคุยกันทั้งสองมาถึงตำหนักบรรทม กู้หว่านเยว่นวดขมับ“เจ้าออกไปก่อนเถอะ ไปแจ้งพวกท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็พวกจิ่นเอ๋อร์ว่าพวกเรากลับมาแล้ว”ชิงเหลียนพยักหน้า แล้วรีบจากไปทันทีกู้หว่านเยว่เข้าไปพักผ่อนในตำหนัก ตำหนักบรรทมแห่งนี้มีคนมาปัดกวาดทุกวัน การตกแต่งและภายในห้องเหมือนกับตอนนางจากไปยามค่ำ นางนอนหลับสนิท ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา เพียงเงยหน้าก็มองเห็นซูจิ่งสิงกำลังตรวจฎีกาอยู่หน้าโต๊ะ“ท่านพี่ ท่านมาตั้งแต่เมื่อใด?”กู้หว่านเยว่นวดขมับตั้งแต่ตั้งครรภ์ ความระแวดระวังตัวของนางลดต่ำลงมาก ถึงขนาดไม่สังเกตว่ามีคนเข้ามาในห้องซูจิ่งสิงหันมองนางแวบหนึ่ง “เจ้าตื่นแล้วหรือ?”“อยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว เห็นว่าเจ้านอนหลับอยู่จึงไม่ได้รบกวน
กู้หว่านเยว่รู้สึกสนใจ สนใจ สนใจอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงสีหน้าซูจื่อชิงเมื่อครู่ที่เหมือนท้องผูก รวมถึงทิศทางที่หญิงสาวผู้นี้จากมา กู้หว่านเยว่พอจะเข้าใจแล้ว “นี่ก็คือเรื่องยุ่งยากที่จื่อชิงบอกหรือ?”ชิงเหลียนก้มหน้า “เพคะ”กู้หว่านเยว่กระเดาะลิ้น “ดังนั้นหญิงสาวผู้นี้ถูกมอบให้จื่อชิง?”ชิงเหลียนพยักหน้า “ท่านอ๋องให้นางอยู่ในวังหลังเพคะ”กู้หว่านเยว่หมดคำพูด ในใจก่นด่าซูจื่อชิงไปแล้วหนึ่งยกเจ้าเด็กเวรคนนี้ไม่มีปัญญาจัดการปัญหา เลยให้คนมาอยู่ในวังหลัง รอให้นางกลับมาจัดการ ช่างเพ้อเจ้อเสียจริงกู้หว่านเยว่มองดูคนตรงหน้า “ผู้ตรวจการเกลือทางใต้ นามว่าหวังฉงสินะ? เจ้าคือบุตรสาวคนโตของหวังฉงหรือ?”กู้หว่านเยว่จำได้ว่า หวังฉงอายุไม่เกินสี่สิบ มากสุดก็สามสิบเจ็ดสามสิบแปดหวังโหรวเจาอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างโมโห “เจ้าเป็นใคร? ถึงขนาดกล้าเรียกชื่อเต็มของท่านพ่อ”นางเคยเห็นพระชายาผู้สำเร็จราชการแทน หน้าตาไม่ใช่อย่างนี้แน่นอน อีกอย่างต่อให้เป็นพระชายาผู้สำเร็จราชการแทน ก็ควรเรียกพ่อนางว่าใต้เท้าหวังตกลงหญิงสาวตรงหน้าโผล่มาจากไหน เหตุใดจึงไร้มารยาทเช่นนี้ ถึงขนาดกล้าเรียกชื่อเต็มของพ่







