Masukกู้หว่านเยว่ลูบไปบนหัว แล้วดึงปิ่นปักผมออกมาหนึ่งเล่ม ดูจากภาพรวมไม่มีความพิเศษใด แต่ด้านบนฝังไข่มุกทะเลตะวันออกที่กลมกลึงเอาไว้หนึ่งเม็ด“หากใครได้อันดับหนึ่ง ข้าจะประทานปิ่นนี้แก่คนผู้นั้น”ขณะที่พูด ได้วางปิ่นนั้นไว้บนถาดตรงหน้า เมื่อได้ยินคำพูดของกู้หว่านเยว่ สตรีสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานแข่งขันในวันนี้กำหมัดอย่างลืมตัว ในใจแอบคาดหวังขึ้นมาสายตาที่มองสบกันแฝงด้วยความท้าทาย นี่เป็นสิ่งที่พระนางฮองเฮาประทานด้วยพระองค์เอง หากสามารถครอบครองปิ่นอันนี้ นั่นคือสัญลักษณ์ของเกียรติยศภายหน้าฐานะในหมู่สตรีสูงศักดิ์ของเมืองหลวงก็จะสูงขึ้นด้วย อนาคตเรื่องการแต่งงานก็จะมีหน้ามีตาอย่างมากจู๋ซือจิ้งรีบก้าวออกมา “ขอบพระทัยพระนางฮองเฮา”วันนี้การแข่งขันขี่ม้าตีคลีจัดขึ้นโดยนาง กู้หว่านเยว่เพิ่มของรางวัลในงาน ถือเป็นการให้เกียรตินาง ถือเป็นการส่งเสริมนางในใจจู๋ซือจิ้งย่อมตื้นตัน จึงรีบเชิญกู้หว่านเยว่และซูจิ่นเอ๋อร์ไปนั่งประจำที่“พระนางฮองเฮาที่ประทับตรงนี้จัดไว้เพื่อพระองค์โดยเฉพาะ ที่นี่สามารถมองเห็นภาพการแข่งขันในสนามได้อย่างชัดเจนเพคะ” จู๋ซือจิ้งรีบอธิบายกู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วพยักห
“ฮองเฮาทรงมีเคล็ดลับใด ที่ทำให้ผิวกายนุ่มลื่นเป็นพิเศษหรือเพคะ?”ลั่วยางเองก็เป็นหมอ ย่อมรู้ดีว่ายาบางชนิดสามารถทำให้ผิวนุ่มลื่นเงาวับ ดุจผิวของทารกอย่างเช่นแป้งฝุ่น หากนำมาพอกหน้าวันละนิด สามารถทำให้ผิวกายนุ่มลื่นอย่างมากเพียงแต่แป้งฝุ่นใช้เยอะไม่ได้ โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ หากใช้แล้วจะเสี่ยงแท้งได้ลั่วยางรู้ว่าวิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่สูงส่ง ย่อมรู้เรื่องเหล่านี้ อีกทั้งเคล็ดลับในการดูแลผิวพรรณ ก็ต้องปลอดภัยเช่นกันกู้หว่านเยว่กระแอมเสียงหนึ่ง ถูกทั้งสองคนจ้องจนรู้สึกเขิน จึงยื่นมือมาลูบไล้ใบหน้าตัวเองนางจะมีเคล็ดลับส่วนตัวได้อย่างไร เวลางานยุ่งขึ้นมากระทั่งหน้าก็ยังลืมล้าง เคล็ดลับเพียงหนึ่งเดียวน่าจะเป็นน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ในมิติกระมัง“ไม่มีเคล็ดลับ ไม่มีเคล็ดลับหรอก”“พี่สะใภ้ใหญ่กำลังหลอกข้าแน่นอน หากไม่มีเคล็ดลับใบหน้าจะขาวผ่องเช่นนี้ได้อย่างไร ไหนว่าในร้านดอกท้อวิจัยเครื่องสำอางออกมามากมายไม่ใช่หรือ วันหน้าข้าจะลองไปหาที่ร้านว่ามีเครื่องสำอางที่ข้าใช้ได้หรือไม่”ซูจิ่นเอ๋อร์มองดูใบหน้าในกระจก แล้วมองดูกู้หว่านเยว่ ทนไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียวจริงๆกู้หว่านเยว่ต้องยอมแพ
ลั่วยางเพิ่งอยู่ไฟเสร็จไม่นาน ทว่าใบหน้ากลับแดงระเรื่อ รูปร่างก็ฟื้นฟูไปได้เจ็ดแปดส่วน นางสวมชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินเข้ม ด้านนอกมีผ้าคลุมห่มไว้อีกชั้นกู้หว่านเยว่กวัดมือเรียกนาง “อุ้มลูกมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ลั่วยางจะปฏิเสธได้อย่างไร สายตาที่มองกู้หว่านเยว่เต็มไปด้วยความตื้นตัน หากไม่มีกู้หว่านเยว่ ก็ไม่มีนางกับลูกน้อย“เจิ้งเอ๋อร์คารวะพระนางฮองเฮา” นางอุ้มลูกประสานมือคารวะ จากนั้นอุ้มเด็กน้อยเข้าไปใกล้เด็กทารกตัวกลมที่เหมือนหิมะ ทำให้สตรีว่าที่ท่านแม่ทั้งสองซึ่งใกล้คลอดบนรถม้าชื่นชอบยิ่งนัก กู้หว่านเยว่หยอกเขาอยู่สักครู่ จึงถามลั่วยาง “เจ้าจะไปที่ใด?”ใบหน้าลั่วยางมีความสดใส “อยู่ไฟในจวนจนแทบจะอุดอู้ตายอยู่แล้ว ได้ยินว่านอกเมืองจัดงานแข่งขันขี่ม้าตีคลี จึงคิดว่าจะพาลูกน้อยไปชมเพคะ”ซูจิ่นเอ๋อร์ยื่นหัวออกมา “พี่หญิงลั่ว บังเอิญเสียจริง ข้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ก็จะไปงานแข่งขันพอดีเลย”กู้หว่านเยว่เป็นฝ่ายเชื้อเชิญ “รถม้าของข้ากว้างขวางมาก เจ้าอุ้มลูกขึ้นมาด้วยกันเถอะ ระหว่างทางพวกเราจะได้พูดคุยกันด้วย”ลั่วยางดีใจมาก จึงรีบกล่าว “ขอบพระทัยพระนางฮองเฮาเพคะ”กู้หว่านเยว่มองนางกำนัลแว
กู้หว่านเยว่ต้องมาฟังเรื่องหวานชื่น จึงกุมขมับอย่างระอาใจ “ครั้งหน้าอย่าพูดเรื่องพวกนี้กับข้า ข้าไม่อยากฟัง”ซูจิ่นเอ๋อร์หัวเราะเสียงเจื่อนไปสองที รอให้กู้หว่านเยว่กินอาหารเช้าอยู่ด้านข้างก่อนนางจะมาถึง กู้หว่านเยว่กินอาหารไปครึ่งหนึ่งแล้ว ดังนั้นซูจิ่นเอ๋อร์จึงไม่ได้รอนานนัก เพียงไม่นานกู้หว่านเยว่ก็กินอาหารเช้าเสร็จซูจิ่นเอ๋อร์หันซ้ายแลขวา “แม้พี่สะใภ้ใหญ่จะไม่แต่งหน้า ทว่ายังคงงดงามโดดเด่นดุจนางฟ้ามากกว่าผู้ใด”กู้หว่านเยว่สั่งการชิงเหลียนไม่กี่ประโยค บอกนางว่าหากมีเรื่องด่วนให้รีบไปหานางนอกวัง เมื่อได้ยินคำชื่นชมของซูจิ่นเอ๋อร์ จึงหัวเราะอย่างแง่งอน “ไม่เกินจริงขนาดนั้นหรอก ปากของเจ้ายิ่งฉอเลาะมากขึ้นแล้วนะ”ซูจิ่นเอ๋อร์ส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจ ทั้งที่นางพูดความจริง ใบหน้าเช่นนี้ของพี่สะใภ้ใหญ่ไปอยู่ที่ไหนก็โดดเด่นทั้งนั้น!เมื่อใดที่ปรากฏตัว ต้องดึงดูดสายตาของทุกคนแน่นอนเมื่อมองดูผิวกายของกู้หว่านเยว่ที่ขาวผ่องดุจหิมะ ซูจิ่นเอ๋อร์ส่องกระจกดูตัวเอง “ทั้งที่ตั้งท้องเหมือนกัน พี่สะใภ้ใหญ่เหตุใดผิวของท่านจึงขาวผ่องขนาดนี้ แต่ใบหน้าข้ากลับเต็มไปด้วยตุ่ม นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไม่ตอบ ถือว่ายัยเด็กคนนี้ได้ตามต้องการแล้วเมื่อกลับไปถึงวังหลวง เดิมทีพระราชวังก็ใหญ่อยู่แล้ว ในวังที่กว้างใหญ่มีเพียงกู้หว่านเยว่คนเดียว นางรู้สึกไม่ค่อยชิน“ต้องหาอะไรทำหน่อย”กู้หว่านเยว่เข้าไปในมิติก่อน แล้วเก็บสมุนไพรในแปลงที่โตเต็มที่เข้าไปในคลังสินค้า แล้วมาตรงหน้าครัวอาหารเลิศรส กดปุ่มรับโค้กและไก่ทอด สุดท้ายเด็ดองุ่นที่สุกงอมอีกเล็กน้อย ค่อยกลับเข้ามาในตำหนักบรรทมจากนั้นหยิบตำราแพทย์ติดมือมาหนึ่งเล่ม กู้หว่านเยว่อ่านหนังไปพลาง กินอาหารไปพลาง“หลายวันนี้ให้ส่งฎีกามาให้ข้าที่นี่” กู้หว่านเยว่สั่งการหนึ่งประโยค “หากแนวหน้ามีข่าวใด ให้รีบส่งมาที่ตำหนักเฟิ่งอี๋เป็นอันดับแรกเช่นกัน”ชิงเหลียนพยักหน้า “พระนางวางใจเถอะเพคะ บ่าวจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้”“ใช่สิ หากอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมีราชกิจก็ให้มาหาข้าที่นี่”กู้หว่านเยว่เอ่ยโดยไม่เงยหน้ามอง จากนั้นดื่มโค้กเข้าไปอีกหนึ่งคำ ถึงได้เงยหน้ามองชิงเหลียน“เจ้าจะเอาสักแก้วหรือไม่?”ชิงเหลียนรู้จักสิ่งนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยชิมแล้ว รู้สึกขมและซ่าปร่าเล็กน้อย เหมือนฮองเฮาจะปรุงขึ้นด้วยสมุนไพรบางชนิดนางไม่สนใจสิ่
กู้หว่านเยว่ยืนส่งลาอยู่บนประตูเมือง เมื่อเห็นแผ่นหลังของซูจิ่งสิงไกลออกไปเรื่อย ๆ ถึงเก็บสายตากลับมา แล้วลูบท้องตัวเองจิ่นเอ๋อร์ควงแขนกู้หว่านเยว่ “พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่นานพี่ใหญ่ก็กลับมาแล้ว”กู้หว่านเยว่ยิ้มหน้าบาน “ข้าไม่เป็นห่วงหรอก ข้าเองก็เชื่อว่าพี่ใหญ่ของเจ้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”นางรู้จักความสามารถของซูจิ่งสิงดี นี่คือความเชื่อมั่นที่มีต่อสามีซูจิ่นเอ๋อร์เป็นห่วงพี่สะใภ้ใหญ่จะคิดไม่ตกระหว่างตั้งครรภ์ ถึงตอนนั้นจะทำให้ร่างกายแย่ไปด้วย บัดนี้เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้ จึงโล่งอก“พี่สะใภ้ใหญ่คิดเช่นนี้ได้ ข้าเองก็วางใจ”ก่อนพี่ใหญ่จะออกเดินทางกำชับนักหนา ให้นางต้องดูแลพี่สะใภ้ใหญ่และหลานในท้องให้ดี ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็รู้หน้าที่ตัวเอง ดังนั้นเมื่อซูจิ่งสิงจากไป นางจึงรีบมาอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่ทันที“ใช่สิ พี่สะใภ้ใหญ่ อีกไม่กี่วันภายในเมืองหลวงจะจัดงานขี่ม้าตีคลี ท่านจะเข้าร่วมหรือไม่เพคะ?”ซูจิ่นเอ๋อร์คิดหาสารพัดวิธีแก้เบื่อให้กู้หว่านเยว่งานขี่ม้าตีคลีที่ว่า ก็คือการแข่งขันขี่ม้าตีคลี แต่ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่ใช่ให้กู้หว่านเยว่ไปลงแข่งข







