หลายคนเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ในทันที“องค์หญิงน้อยหมายความว่า จะเกณฑ์ผู้ลี้ภัยเหล่านี้มาหรือขอรับ?”เฮ่อหลานรู้สึกต่อต้านเล็กน้อย เพราะอย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนของตงโจว คนที่เกณฑ์มาจากภายนอกยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่คิดทรยศยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะเอาอะไรมาเกณฑ์ทหารเล่า?“เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องกังวล ผู้ลี้ภัยเหล่านี้เพียงต้องการที่พักพิงหากตงโจวสามารถเป็นที่พักพิงให้พวกเขาได้ ให้พวกเขามีกินมีดื่ม พวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธ”แน่นอนว่า การจะรับผู้ลี้ภัยจำนวนมากเช่นนี้กฎทหารก็ต้องตามมาด้วยมิฉะนั้น ภายในกองทัพจะเกิดความวุ่นวายในการควบคุมได้ง่ายมากเรื่องนี้กู้หว่านเยว่ไม่กังวล เพราะซูจิ่งสิงเชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างเป็นอย่างดี ในมิติมีบันทึกมากมายที่เขาเก็บไว้ กู้หว่านเยว่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด“สิ่งที่องค์หญิงน้อยกล่าวก็ถือเป็นวิธีการหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนนอก จะรับประกันได้อย่างไรว่าจะจงรักภักดีต่อตงโจวของเรา”มีคนเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลปัญหานี้ก็เป็นสิ่งที่เฮ่อหลานกังวลเช่นกัน เพียงแต่เมื่อครู่เขาไม่กล้าถามออกมาสายตาคมกริบของกู้หว่านเยว่จับจ้องไปที่เขา“ในอนาคตหากต้
“ที่แท้ก็คือเมล็ดพันธุ์ที่เทพเจ้าประทานลงมา”เหล่าขุนนางต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ ที่ราบแห่งความโกลาหลนั้นทรัพยากรไม่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ส่วนใหญ่แห้งแล้ง แม้แต่ที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ก็ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชพันธุ์ เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นด้วยเหตุนี้ทุกแคว้นจึงขาดแคลนเสบียงอาหาร แคว้นเล็ก ๆ หลายแห่งไม่มีกำลังมากพอที่จะทำสงคราม แค่เรื่องม้าศึกและเสบียงอาหารก็เป็นปัญหาใหญ่แล้วนี่ก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใดแคว้นเป่ยตี้ แคว้นเซียนหลิง และแคว้นโยวหลานจึงกลายเป็นสามแคว้นใหญ่ เพราะพวกเขามีอาณาเขตใหญ่ที่สุด ทั้งยังยึดครองพื้นที่ราบและทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ ม้าศึกและเสบียงอาหารจึงอุดมสมบูรณ์กว่าแคว้นอื่นมากนักนี่คือสภาพที่มีมาแต่เดิม ภายหลัง พวกเขายังรุกรานแคว้นเล็กอื่น ๆ เพื่อสั่งสมความมั่งคั่งอย่างรวดเร็วหากตงโจวสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารได้จริง ๆ ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถไปโจมตีเป่ยตี้ได้อย่างไรเสีย ตอนนี้เป่ยตี้ก็วุ่นวายอย่างหนักขอแค่แคว้นเซียนหลิงและแคว้นโยวหลานไม่ยื่นมือเข้ามาก็พอ“หากฝ่าบาทและองค์หญิงน้อยตัดสินใจที่จะโจมตีเป่ยตี้แล้ว พวกข้าย่อมติดตามไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”ทุกคนคุก
จงหลี่เปิดจดหมาย อ่านอย่างละเอียดทีละคำ หลังจากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดน้ำแข็งและหิมะละลาย “น้องเล็กชนะแล้ว”เขาถือจดหมายมาที่หลังโต๊ะและดูซ้ำอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีคำไหนตกหล่น“ชนะแล้ว”“พวกเราชนะแล้วจริงๆ?”เมื่อเหล่าขุนนางที่รออยู่ข้างล่างด้วยความกังวลได้ยินคำว่า ‘ชนะ’ แต่ละคนทำหน้าดีใจอย่างเหลือเชื่อ“สวรรค์ กองทัพห้าแสนคนถูกตีจนถอยแล้ว”“องค์หญิงน้อยเก่งจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าองค์หญิงน้อยสามารถช่วยพวกเรา”“เยี่ยมไปเลย ครั้งนี้ตงโจวของเรารอดแล้ว” บางคนถึงกับดีใจจนน้ำลายไหลจงหลี่สงบสติอารมณ์แล้วกล่าว “แม้กองทัพห้าแสนคนถูกตีจนถอยแล้ว แต่มันแค่ชั่วคราว ตราบใดที่แคว้นเป่ยตี้ยังไม่ล่มสลาย พวกเขาก็อาจจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง”ทุกคนเงยหน้ามองจงหลี่ หนึ่งในขุนนางอาวุโสกล่าวอย่างลังเล “องค์ชาย ความหมายของท่านคือ พวกเราจะไปตีเป่ยตี้หรือ?”“ถูกต้อง”จงหลี่พยักหน้าบนท้องพระโรงเงียบสงัดทันทีไม่ใช่ว่าคนของแคว้นตงโจวรักตัวกลัวตาย เพียงแต่ตลอดหลายร้อยพันปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่ใช่สายเลือดนักรบ ตงโจวไม่เคยเป็นฝ่ายเปิดศึกก่อน และไม่ไปรุกรานแคว้นเพื่
องค์หญิงน้อยแห่งตงโจวนำทหารชั้นยอดห้าสิบคน เข้าโจมตีค่ายศัตรูยามวิกาล สร้างความเสียหายให้กับกองทัพห้าแสนคนอย่างหนักในเวลาสิบวันดวงตาเป่ยหมิงโยวหลานสั่นระริกทุกคำล้วนเป็นอักษรทั่วไป แต่เมื่อนำมารวมกัน ทำไมเขาถึงอ่านไม่เข้าใจ?“องค์ชาย”ทันใดนั้นมีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากข้างนอก เขาตรงไปที่ตรงหน้าเป่ยหมิงโยวหลานและกระซิบเบาๆ “แย่แล้วองค์ชาย คนของเป่ยตี้มาถามหาความรับผิดชอบ”เป่ยหมิงโยวหลานโมโหจนแค่หัวเราะออกมา “เป่ยตี้ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ข้ายังไม่ทันถามหาความรับผิดชอบกับพวกเขา พวกเขากลับกล้ามาถามหาความรับผิดชอบกับข้า?”“ทูตของเป่ยตี้บอกว่า ดินปืนที่พวกเราส่งไป ระเบิดเองในค่าย ส่งผลให้ทหารตายไปอย่างน้อยห้าหมื่นคน เป่ยตี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ต้องการคำอธิบายจากพวกเรา”สีหน้าทหารดูเคร่งเครียดมากเช่นกัน เป่ยตี้ทำอะไรอยู่กันแน่ แพ้สงครามไม่ว่า ยังกล้ามาหาเรื่องแคว้นโยวหลานอีก?“แม้แต่ดินปืนที่เป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของแคว้นโยวหลานก็ยืมให้แคว้นเป่ยตี้ไปแล้ว พวกเขาใช้ไม่เป็นเอง กลับมาโทษว่าดินปืนของแคว้นโยวหลานไม่ดี?” ถังซือโมโหจนกำหมัดแน่นแคว้นเป่ยตี้ช่างเนรคุณจริงๆ“หุบปาก” เป
เขารู้ว่าเรื่องนี้คือจุดอ่อนของฝ่าบาทเขาเงยหน้าขึ้น มองเป่ยหมิงโยวหลานอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง และถามอย่างคาดเดา“ตงโจวกำลังจะจบเห่แล้ว แต่ข้าน้อยดูสีหน้าท่าน เหมือนไม่ค่อยดีใจเลย ท่านยังกังวลเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ไม่มีอะไร”เป่ยหมิงโยวหลานส่ายหัวและมองชาในมือแวบหนึ่ง หลังจากกลับมาสองวัน มักจะมีเงาของกู้หว่านเยว่ปรากฏขึ้นในหัวของเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะเซียมซีนั่น…กู้หว่านเยว่เป็นคนมีความสามารถจริงๆ บางทีพวกเขาอาจสามารถลองร่วมมือกันแต่น่าเสียดาย เขาเห็นผลประโยชน์ของแคว้นโยวหลานมาก่อนเสมอ ใครก็ตามที่ขัดขวางแคว้นโยวหลานรวมที่ราบแห่งความโกลาหลเป็นหนึ่งเดียว ข้าจะฆ่าอย่างไม่ปรานี“หวังว่านางจะยังมีชีวิต” เป่ยหมิงโยวหลานพึมพำเบาๆ มั่นใจแล้วว่าครั้งนี้ตงโจวแพ้สงครามแน่นอนทันใดนั้นเอง มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในโรงน้ำชากะทันหันเขาโบกข่าวสารในมือ“ทุกคนรีบมาดูเร็ว ทุกคนรีบมาดูเร็ว ข่าวต้นฉบับจากศาลาพักม้า ผลสงครามระหว่างตงโจวกับเป่ยตี้ มาดูกันว่าใครจะเป็นคนแรกที่ซื้อ!”เมื่อได้ยินเสียงคนคนนั้น ทุกคนต่างพากันไปมุงพร้อมกับยื่นมือ “ให้ข้าดู ให้ข้าดู!” เรื่องที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในหอน้
กองทัพศัตรูบีบเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือเรื่อย ๆ ทหารของเป่ยตี้ทำได้เพียงหนีไปทางตะวันออกเฉียงใต้กองทัพที่อยู่ข้างหลังยิ่งไล่ประชิด คนที่อยู่ข้างหน้าก็ยิ่งหนีเร็วขึ้น“ตูม!”เสียงระเบิดจากดินปืนดังขึ้นจากแนวหลังของกองทัพยิ่งทำให้คนที่อยู่ข้างหน้าตกใจกลัวจนหัวหด และเร่งความเร็วในการหนีหมอกหนาทึบ ทุกคนเหมือนแมลงวันไร้หัวข้างหน้าเร่งหนีไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ข้างหลังก็ไล่ตามคนข้างหน้าทันใดนั้นรองแม่ทัพร้องลั่นเขาไม่ทันสังเกตว่าเบื้องหน้าที่มีหมอกปกคลุมหนาทึบนั้นเป็นหน้าผา ขี่อยู่บนหลังม้ายิ่งหยุดไม่ทัน จึงพุ่งตกจากหน้าผาสูงโดยตรงทหารที่ตามหลังมาติดๆ ไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคนและหมานับไม่ถ้วนกลิ้งตกจากเนินเขา “ตูมๆๆ” เสียงระเบิดดังขึ้นหิมะที่ปกคลุมหุบเขาทั้งสองข้างได้รับผลกระทบ เกิดการถล่มลงมาฝังทหารทั้งเป็น“อ๊า!”เสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ของทหารดังลั่นไปทั่วทุกทิศ ทั้งกองทัพตกอยู่ในความโกลาหล เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี พวกเขามองไม่เห็นเลยว่าภัยอันตรายมาจากทิศใด หลังจากเกิดความโกลาหลกับคนส่วนหนึ่ง คนอื่นก็เริ่มหลงทิศ ทั้งกองทัพวุ่นวายไปหมด“จุดระเบิด!”กู้หว่าน