นางกล่าวเตือนว่า “เห็นต้นไม้ต้นนั้นหรือไม่? ข้าแนะนำให้พวกเจ้าตัดต้นไม้ต้นนั้นทิ้งเสีย”นัยน์ตาของหลี่หรงหรงเปล่งประกาย“แบบนี้ ต่อให้เวินทิงอวิ๋นจะไล่ตามมาทัน แต่ก็ต้องล่าช้าเพราะหาเครื่องหมายไม่เจอ”นางเกลียดชังเวินทิงอวิ๋นมาก ครั้นนึกถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาแล้วน่ารำคาญยิ่งนัก“ทหาร”กู้หว่านเยว่ไม่ลังเล สั่งทหารมาตัดต้นไม้ต้นนั้นทันทีในเวลาต่อมานางได้สั่งให้คนตัดต้นไม้ที่มีเครื่องหมายเหล่านั้นทั้งหมด กระทั่งราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาจนวอดวาย“ครึ่งวันแล้ว ใกล้ถึงแล้วใช่หรือไม่?”ซูจิ่งสิงหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองหลี่หรงหรง นางอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้เมื่อถูกเขามองด้วยสายตาเย็นชากู้หว่านเยว่รีบเข้าไปดึงตัวเขา แล้วโวยวาย “จะขู่นางทำไม”“กลัวนางโกหกเจ้า”ถึงอย่างไรก็เป็นคนจากตลาดมืด ซูจิ่งสิงค่อนข้างระมัดระวังตัวนางหลี่หรงหรงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และมองไปทางกู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน “วางใจเถอะ ข้าไม่หลอกเจ้าหรอก”“ข้าเชื่อเจ้า”กู้หว่านเยว่ยอมให้โอกาสนางอีกครั้ง รถม้ากำลังขับเคลื่อนไปบนถนน ผ่านไปแล้วอีกครึ่งชั่วยามองครักษ์เงาพรวดเข้ามารายงาน“รายงานนายท่าน พบเกวียนสองคันไม่
แทบจะเสี้ยววินาทีหลังจากที่ถูกปืนยาชายิงใส่ก็ล้มลงภายในสามวินาที“ใคร ใครอยู่แถวนี้?”เมื่อเห็นสหายล้มลงอย่างฉับพลัน คนชุดดำที่คอยคุ้มกันเกวียนเหล่านั้นก็พลันตื่นตระหนก รีบหยุดเดิน จากนั้นก็กวาดมองไปรอบ ๆ ตัวซูจิ่งสิงลงมืออีกครั้ง เล็งเป้าไปยังคนชุดดำข้างหน้าแล้วทำการลั่นไกปืนใส่อีกฝ่ายสองสามีภรรยาให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เพียงแค่ไม่กี่นาที ก็ล้มคนชุดดำเหล่านั้นได้กู้หว่านเยว่ดีใจมาก “เดิมทีข้าคิดว่ายังต้องสู้กับพวกเขาอีกพักใหญ่ มีปืนยาชาพอง่ายขึ้นมาหน่อย”นางเก็บปืน แล้วแฉลบตัวเข้าไปตรวจสอบ พบว่าคนชุดดำทุกคนต่างหมดสติเรียบร้อยแล้วนางเปิดกล่องขนาดใหญ่บนเกวียน และตรวจสอบกล่องผ้าเหล่านั้นทีละกล่อง จนมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ภายในกล่องเป็นของที่มีมูลค่า จึงดึงเชือกที่ผูกติดกับวัวอย่างไร้ความปรานี จากนั้นก็ลากเกวียนสองคันเข้าไปในห้วงมิติ“คนชุดดำเหล่านี้ต่างปฏิบัติตามคำสั่งของตลาดมืด ในเมื่อได้ของมาอยู่ในมือแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ไม่ตั้งใจจะคร่าชีวิตของพวกเขา มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเปลี่ยนปืนธรรมดาเป็นปืนยาสลบหรอก“แล้วแต่เจ้า”ซูจิ่งสิงคิดเหมือนกับนางทั้งสองคนพ
“อย่าเอ่ยถึงเขา!”เนี่ยชิงหลานกระทืบเท้า ใบหน้าฉายแววสับสนละคนโกรธเคือง ก่อนจะคว้าข้อมือของกู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ เราไม่ต้องไปกับเขาหรอก เราไปกันเองเถอะ”กู้หว่านเยว่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งเห็นเฉิงเซวียนเดินกะเผลกตามออกมาจากข้างใน“น้องหญิง เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่ได้มีอะไรกับนางนะ”กู้หว่านเยว่ “?” จากนั้นเซี่ยเหอก็เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม ยกสองมือคารวะ และกล่าวด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า“ชิงหลาน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เมื่อครู่ข้าเพียงแค่ช่วยคุณชายเฉิงตรวจอาการบาดเจ็บเท่านั้น”“อย่ามาเรียกข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกข้าว่าชิงหลาน?”เนี่ยชิงหลานไม่ไว้หน้านางเลยสักนิด ทั้งยังพูดจาอย่างตรงไปตรงมาทำร้ายจิตใจเซี่ยเหอนางยืนโซเซ สีหน้าซีดเผือด“คุณหนูเนี่ย....”เฉิงเซวียนขมวดคิ้วแน่น “น้องหญิง ทำไมเจ้าต้องบีบบังคับกันขนาดนี้ นางมีจิตใจงดงามเพียงนี้”“ข้าบังคับคนอื่นหรือ?”เนี่ยชิงหลานยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองอย่างงุนงงเกิดอะไรขึ้น?ทำไมเซี่ยเหอถึงอยู่ที่นี่?กู้หว่านเยว่ไม่สนิทกับเซี่ยเหอ ที่ได้เจอกันไม่กี่ครั้งก็เพราะเนี่ยชิงหลานและเฉิงเซวียน“ขอ
“เนี่ยชิงหลาน!”เฉิงเซวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนอดตะคอกเสียงดังไม่ได้ เนี่ยชิงหลานกลอกตาไปมา ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน“แฮก ๆ!”เฉิงเซวียนมีอาการไอขึ้นมา เซี่ยเหอจึงรีบเข้าไปตบหลังให้เขา “พี่ใหญ่เฉิง ท่านอย่าโกรธแม่นางเนี่ยเลย เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง เพราะข้าจึงกระทบความสัมพันธ์ของพวกท่านสองคน ข้า..... ข้าจัดจัดการตัวเอง ข้าจะเป็นฝ่ายไปเอง”นัยน์ตาของเซี่ยเหอวูบไหว จากนั้นหยดน้ำตาก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง นางมีร่างกายอ่อนแอ ทันทีที่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นลมล้มไปบนพื้นเฉิงเซวียนตกใจจนต้องเข้าไปประคองนาง สาวใช้ที่อยู่ข้างกายกล่าวเสียงต่ำ “คุณหนูเห็นรองเท้าของท่านขาด จึงนั่งเย็บรองเท้าให้ท่านทั้งคืน คงจะเหนื่อยล้ามาก วันนี้นางได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอีก จึงหมดสติไป”เฉิงเซวียนรู้สึกสะเทือนใจเรื่องที่ได้ยิน ไหนเลยจะกล้าขับไล่อีกฝ่าย รีบอุ้มนางกลับมาอยู่ในโรงเตี๊ยมทางนี้ชิงเหลียนและฉู่เฟิงรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้ให้สองสามีภรรยาฟัง ชิงเหลียนรู้สึกลำบากใจ “ทุกการกระทำของคุณหนูเซี่ยอยู่ในสายตาของเรา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของของคุณชายเฉิง เราส
“ฮูหยินท่านเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาหลายเพลาแล้ว คงจะล้ามากแล้ว ข้าน้อยจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านอาบนะเจ้าคะ”ชิงเหลียนคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข หลายวันนี้นางไม่ได้อยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่เลย บัดนี้ได้เจอกับฮูหยิน นางดีใจมากกู้หว่านเยว่ยืดเหยียดแขนขจัดความเกียจคร้าน ร่างกายของนางสบายตัวขึ้นไม่น้อย แต่ขาที่ใช้ขี่ม้าทำนางเจ็บระบม“ได้ เจ้าไปเตรียมน้ำร้อนเถอะ ข้าจะนอนพักสักครู่”นางเข้าไปพักผ่อนในห้อง ส่วนซูจิ่งสิงหมุนตัวออกไปเพิ่งมาถึงสถานที่แปลกตาเช่นนี้ครั้งแรก ด้วยนิสัยของเขามักจะชอบออกไปเดินสำรวจสถานการณ์ข้างนอกทางนี้ เฉิงเซวียนอุ้มเซี่ยเหอเข้ามาในห้อง หลังจากวางลงบนเตียงแล้วตั้งใจจะหมุนตัวเดินออกไปในจังหวะที่กำลังจะออกไป ข้อมือของเขากลับถูกดึงไว้“เจ้าอย่าไป”“เจ้าตื่นแล้ว?”เฉิงเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก หากนางไม่ฟื้นอีก เขาตั้งใจจะไปเชิญหมอมารักษานาง“พี่ใหญ่เฉิง อยู่กับข้าที่นี่เถอะ”หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาจากดวงตาของเซี่ยเหอ เห็นแล้วน่าสงสารยิ่งนักเฉิงเซวียนใจอ่อน แต่เขารู้ดีว่าบุรุษและสตรีไม่ควรใกล้ชิดกัน การอุ้มเซี่ยเหอกลับมาเช่นนี้ดูไม่ดีนัก“ข้าคงอยู่ในห้องกับ
“ต่อไปห้ามพูดจาเช่นนี้อีก”เซี่ยเหอหยิบถุงเงินหนึ่งถุงออกมา“ได้ยินว่าเมืองเกอปี้วุ่นวายมาก ที่นั้นมีคนค้ามนุษย์อยู่เป็นจำนวนมาก”นัยน์ตาของนางฉายแววบางอย่าง ทำให้สาวใช้ตะลึงงัน“คุณหนู ความหมายของท่านคือ?”“หลายวันมานี้นางบ่นอยากออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกเพียงลำพังมิใช่หรือ หากเราทำเช่นนี้ก็เท่ากับจัดการนางได้แล้ว”นัยน์ตาเย็นยะเยือกของเซี่ยเหอได้กวาดมองมาที่ใบหน้าของสาวใช้ ส่งสายตาเตือนอย่างเย็นชา “อีกอย่างเรื่องนี้มีแค่เราสองคนที่รู้ ตราบใดที่เจ้าไม่บอกผู้อื่น ผู้อื่นก็ไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน”นางลูบใบหน้าของสาวใช้เหมือนมีลับลมคมในบางอย่าง“ตอนนี้ข้ามีเพียงเจ้า ยามอยู่ข้างนอกเจ้าพึ่งพาข้าได้ แต่อย่าหักหลังข้าแล้วกัน”ครั้นถูกนางมองเช่นนี้ สาวใช้รู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วแผ่นหลัง กระทั่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สุดท้ายก็ฝืนพยักหน้าทางนี้เนี่ยชิงหลานหลังจากที่ขึ้นไปชั้นบนแล้วนางก็ยิ่งทวีความโกรธ เซี่ยเหอผู้นั้นมารยาสาไถเพียงนั้น เฉิงเซวียนยังจะเชื่อนางอย่างไม่น่าเชื่อ!“ช่างเถอะ ออกไปเดินเล่นคลายเครียดดีกว่า”เนี่ยชิงหลานหยิบกระบี่ออกมา แล้วลอยตัวจากไปกู้หว่านเยว่อาบน้ำเสร็จแล้ว ฉู่เ
กู้หว่านเยว่รู้จักเนี่ยชิงหลานเป็นอย่างดี นางไม่มีทางทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้แล้วจากไปอย่างแน่นอนนี่คือลายมือของชิงหลานใช่หรือไม่?”นางเองก็ไม่คุ้นลายมือของเนี่ยชิงหลานสักเท่าไหร่ เฉิงเซวียนพยักหน้าอย่างลำบากใจ“เป็นของน้องหญิง”“ในจดหมายชิงหลานได้เขียนไว้ว่านางจะไปอินซานเพียงผู้เดียว”จดหมายฉบับนี้เขียนไว้สั้นมาก กู้หว่านเยว่มองหาข้อความอื่นไม่เจอเลยเฉินเซวียนทั้งกังวลทั้งโกรธเคือง “น้องหญิงชักเอาแต่ใจตัวเองเกินไปแล้ว อินซานเป็นคนของตลาดมืด นางไปที่นั่นเพียงลำพัง หากคนที่นั่นรู้สถานะของนาง ได้จบเห่แน่นอน”เขาโกรธจนพูดไม่ถูก กู้หว่านเยว่ชำเลืองมองเขาด้วยสายตาราบเรียบแวบหนึ่ง“ชิงหลานจากไปเพียงลำพัง เพราะใครเล่า?”นางเองก็โกรธเช่นกัน“คุณชายเฉิงไม่รู้ไม่ได้นะ”“ข้า...”เฉิงเซวียนเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีไปชั่วขณะ เขาเพียงแค่สงสารเซี่ยเหอ แต่ในใจมีเพียงน้องหญิงผู้เดียว“ข้าจะรีบไปหานางที่อินซานเดี๋ยวนี้” ทันทีที่เฉิงเซวียนพูดจบก็รีบออกไปครั้นมองตามแผ่นหลังของเขา กู้หว่านเยว่ก็พลันขมวดคิ้ว จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปสั่งให้ชิงเหลียนเก็บของในตอนนั้นเองซูจิ่งสิงกลับมาจากข้างนอกพ
สีหน้าของเฉิงเซวียนดูเคร่งขรึมลง และรีบหุบปาก เห็นได้ชัดว่าถึงแม้เขาจะปากเสีย แต่ก็ยังเป็นห่วงเนี่ยชิงหลาน“ออกเดินทางกันเถอะ”เขาหยิบสัมภาระขึ้นรถม้าทันที เซี่ยเหอได้แต่เดินตามเขาไปกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเองก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้า ระยะทางไปอินซานนั้นไม่ไกลนัก ทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องรีบขี่ม้ารถม้าค่อย ๆ ออกจากเมืองเกอปี้ หลังจากเดินผ่านถนนมาแล้วห้าสาย ก็มาถึงบริเวณด้านนอกของหุบเขาแห่งหนึ่งกู้หว่านเยว่เปิดม่านออกดูที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทรายสีเหลืองอร่าม ดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศีรษะกลายเป็นสีเหลืองขมุกขมัวเพราะการบดบังของฝุ่นที่ตลบอบอวล โดยมีสายลมอันโหดร้ายของหุบเขาพัดออกมาเป็นครั้งคราว ทำให้รู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย“พระชายา!”เสียงตะโกนของเฉิงเซวียนดังขึ้นด้านหลัง กู้หว่านเยว่จึงหันกลับมอง จึงเห็นเขาตะโกนว่า “ในหุบเขาอินเฟิงมีโจรอยู่เป็นจำนวนมาก ระวังตัวกันด้วย”“รู้แล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางให้ระบบค่อยตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบอยู่ตลอด“คุณชายเฉิง ข้างหน้านั้นอันตรายมากใช่หรือไม่?”เซี่ยเหอรู้สึกเสียใจขึ้นมา ในตอนที่ออกเดินทาง นางไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีโจรมากมายเพียงนั้น“อื้อ”
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป