โอกาสที่หยิบยื่นมาตรงหน้าทำให้หัวใจที่แห้งแล้งของหลิวซินกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง ไม่ใช่แค่โอกาสในการมีงานทำ แต่เป็นโอกาสที่เธอจะได้ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองและยืนได้ด้วยลำแข้งอีกครั้งหนึ่ง น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของเธออย่างกลั้นไม่อยู่
"ขอบใจนะ...ขอบใจพวกเธอทั้งสองคนมากจริง ๆ" หลิวซินพูดได้เพียงเท่านั้นเพราะความตื้นตันใจจุกอยู่ที่ลำคอ
หานซูอวี้มองภาพตรงหน้าเงียบ ๆ ในใจรู้สึกขอบคุณครอบครัวหวงอย่างสุดซึ้ง และในขณะเดียวกันก็ยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นไปอีก
แม่คะ...นี่แหละคือชีวิตใหม่ของเรา แม่จะมีงานที่ดีทำ มีคนดี ๆ อยู่รอบกาย ส่วนหนู...หนูจะตั้งใจเรียน สอบเข้าโรงเรียนที่ดีที่สุด และคว้าทุนการศึกษานั่นมาให้ได้ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป!
หลังจากคนทั้งหมดพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยพวกเขาต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ภายในห้องรับแขกที่ตอนนี้ได้ถูกยกให้กับสองแม่ลูก หลิวซินนั่งลงบนเตียงมองลูกสาวที่กำลังจัดหนังสือเรียนที่นำมาด้วยแววตาซับซ้อน ในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้น
"ขอบใจนะลูก...ที่เป็นกำลังใจให้แม่"
หานซูอวี้หันมายิ้มให้มารดาก่อนจะเดินเข้ามานั่งเคียงข้างพลางยกมือของตนกุมมือของแม่ไว้ "แม่คะ ต่อจากนี้ไป พวกเราจะสู้ไปด้วยกันนะคะ หนูจะไม่ยอมให้ใครมารังแกแม่อีกแล้ว"
"จ้ะ...แม่เชื่อลูก"
"แล้วก็...มีอีกเรื่องหนึ่งที่หนูอยากจะขอแม่ค่ะ" หานซูอวี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "หนูอยากให้แม่เริ่มลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นนะคะ"
หลิวซินชะงักไปเล็กน้อย "ทำไมล่ะลูก? แม่ก็..."
"หนูกลัวว่าแม่จะป่วยค่ะ" หานซูอวี้พูดขัดขึ้นอย่างนุ่มนวล "การที่เราจะมีชีวิตที่ดีได้ สุขภาพต้องมาก่อนนะคะแม่ อีกอย่าง...แม่ของหนูเป็นคนสวยมากเลยนะคะ ถ้าแม่ดูแลตัวเองดี ๆ จะต้องสวยยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอนค่ะ"
คำพูดของลูกสาวทำให้หลิวซินหน้าร้อนผ่าว แต่เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยอย่างจริงใจ เธอก็พยักหน้ารับ
"จ้ะ...แม่จะพยายามนะ"
คืนนั้นหลังจากที่แม่ของเธอหลับไปแล้ว หานซูอวี้ก็นั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมกับสมุดและดินสอ ในหัวของเธอเต็มไปด้วยภาพเสื้อผ้าแฟชั่นจากโลกอนาคตที่เธอจากมา เด็กหญิงค่อย ๆ บรรจงวาดแบบร่างเสื้อผ้ามากมายลงบนกระดาษ...แบบเสื้อที่เรียบง่ายแต่เก๋ไก๋...แบบกระโปรงที่ดูทันสมัย
สไตล์การออกแบบที่เธอมั่นใจว่าจะต้องล้ำหน้ากว่าเสื้อผ้าในยุคนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับแฟชั่นที่ได้รับอิทธิพลมาจากฮ่องกงที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยม
นี่คืออีกหนึ่งเส้นทาง...เส้นทางที่จะทำให้เธอและแม่สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาใครอีกต่อไป
หลายปีผ่านไป...หลังจากที่เปลวไฟแห่งโศกนาฏกรรมได้มอดดับลง และบาดแผลทั้งหมดได้รับการเยียวยาด้วยกาลเวลาและมิตรภาพภายในเรือนสี่ประสานในบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนจะสงบสุข... เสียงหัวเราะของเด็กแฝดชายหญิงที่ได้เติบโตขึ้นมากกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวน...คือบทเพลงที่ไพเราะที่สุดของบ้านหลังนี้และในวันนั้น...ก็ได้มีแขกคนสำคัญเดินทางมาเยี่ยม หนุ่มน้อยวัยสิบแปดปีของสถาบัน PUMC ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างสุภาพกับกางเกงแสล็คสีดำที่ดูสะอาดสะอ้าน...เดินเข้ามาพร้อมกับพ่อบุญธรรมทั้งสองคนของเขา ซึ่งก็คือหวังเฉียงและจ้าวลี่ที่ในอ้อมแขนได้อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งมาด้วย และเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เขาก็คือหลิวเหว่ย ลูกชายเพียงคนเดียวของผู้กองหลิว...บัดนี้จากเด็กชายวัยสิบสามปีได้เติบโตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มที่ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยน...สมกับเป็นลูกช
"ทุกคน! สวมหน้ากากป้องกันสารพิษ! ห้ามถอดออกเด็ดขาด!" เสียงที่เด็ดขาดของเกาซูอวี้ดังขึ้นเป็นคำสั่งแรก...เธอรู้ดีว่าควันที่มองเห็นตรงหน้านั้น...เต็มไปด้วยสารเคมีอันตราย ทีมแพทย์ภาคสนามทั้งหมดรีบสวมหน้ากากป้องกันอย่างรวดเร็ว...ก่อนที่พวกเขาจะพุ่งตัวเข้าไปในความโกลาหลเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยภาพของเปลวเพลิงที่ลุกโชน และเสียงระเบิดที่ดังขึ้นเป็นระยะ...ผสมผสานกับเสียงร้องครวญครางของผู้บาดเจ็บทั้งหมดตรงนี้คือความเป็นจริงที่โหดร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญ หวงจิง...ในฐานะศัลยแพทย์ทั่วไป...รับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่มีบาดแผลไฟไหม้รุนแรง อู๋ถิง...ในฐานะศัลยแพทย์ระบบประสาท...รับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บที่ศีรษะจากการระเบิด ส่วนเกาซูอวี้...เธอคือศูนย์บัญชาการของทีมแพทย์ภา
กลางดึกสงัดของกรุงปักกิ่ง...ท่ามกลางการหลับใหลของผู้คน ฉับพลันในวินาทีนั้นได้มีเสียงสัญญาณเตือนภัยระดับสูงสุดดังขึ้นกึกก้อง...ทำลายความเงียบของสถานีดับเพลิงในเขตชานเมือง หวังเฉียงกับจ้าวลี่...สองสหายนักดับเพลิง...กระโจนออกจากเตียงพักผ่อน...แล้วรูดเสาลงมายังชั้นล่างด้วยความเร็วสูงสุดพวกเขาและเพื่อนร่วมทีมต่างรีบสวมชุดป้องกันไฟที่หนักอึ้งอย่างคล่องแคล่ว...ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตึงเครียด...เพราะสัญญาณเตือนภัยระดับนี้...ย่อมหมายถึงหายนะ ภายในเวลาเดียวกันนั้น...ที่สถานีตำรวจกลางประจำเมือง หลี่หู่กำลังจะปิดแฟ้มสุดท้ายของวัน...แต่แล้ววิทยุสื่อสารก็ได้ดังขึ้น... "ประกาศถึงทุกหน่วย...เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงที่โกดังเก็บสารเคมี เขตอุตสาหกรรมไป๋หยาง...ขอให้ทุกหน่วยที่อยู่ใกล้เคียงรีบไปยังที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์และอพยพประชาชนโดยด่ว
คำเรียกขานในอดีต...ได้ทำลายกำแพงที่แข็งกร้าวของดาราสาวจอมวีนลงอย่างสิ้นเชิง...หลินซินซินมองใบหน้าที่สงบนิ่งของนายแพทย์หนุ่มตรงหน้าซ้อนทับกับภาพของเสี่ยวเทียน...เด็กชายขี้อายข้างบ้านเมื่อสิบกว่าปีก่อนด้วยรอยยิ้ม "คุณ...ออกไปก่อนได้ไหมคะ" เธอหันไปบอกผู้จัดการส่วนตัวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ฉัน...อยากจะคุยกับคุณหมอเป็นการส่วนตัว" เมื่อภายในห้อง VIP เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน...หยางเทียนก็กลับเข้าสู่โหมดแพทย์ "ผมขออนุญาตนะครับ" เขาพูดพลางเดินเข้าไปใกล้เธอและยกมือขึ้นสัมผัสบาดแผลที่ศีรษะของเธอที่ได้รับการทำแผลขั้นต้นมาแล้ว สัมผัสที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพของหยางเทียนขณะที่กำลังตรวจบาดแผลที่ศีรษะ...ได้ทำลายกำแพงทั้งหมดในใจของหลินซินซินลง... หลังจาก
อีกสองปีต่อมา...หลังจากที่เหล่าแพทย์ยุคใหม่ได้สร้างตำนานบทแรกของตนเอง...โจวเทา...แพทย์หนุ่มผู้ขยันขันแข็งแห่งแผนกศัลยกรรมกระดูกได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขาได้รับทุนให้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลังที่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง...ในประเทศเยอรมนี และในวันนี้...คือวันแห่งการจากลา...ภายในสนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่ง...ทีมพี่ใหญ่ทั้งหมด...ได้มารวมตัวกันเพื่อส่งเพื่อนคนสำคัญของพวกเขา "นายต้องตั้งใจให้มากนะ" เกาซูอวี้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะรู้สึกใจหายเล็กน้อยก็ตาม หลังจากเธอกล่าวจบก็มาถึงคราวของซ่งอวิ๋นเซิงสามีสุดที่รักของเธอบ้าง "เทคนิคที่เยอรมนีล้ำหน้ามาก...เรียนรู้ให้ได้มากที่สุด...แล้วนำมันกลับมาพัฒนาบ้านเรา" ชายหนุ่มลูกสองกล่าวแนะนำในฐานะอาจารย์&
ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องของฤดูหนาว...ที่ปีนี้มีประกาศว่าอากาศจะหนาวเย็นมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา อู๋ถิงที่กำลังเดินทางอยู่บนรถประจำทางไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าตัวกำลังจะต้องได้เข้าร่วมกับอุบัติเหตุหมู่ครั้งใหญ่อย่างไม่ตั้งใจ ในขณะที่เขากำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกของรถโดยสารคันใหญ่ สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้เกิดขึ้น รถโดยสาร ที่กำลังเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ได้แล่นไปทับแผ่นน้ำแข็งสีดำที่ซ่อนอยู่ภายใต้หิมะเบาบางบนท้องถนน เอี๊ยด! เสียงล้อรถที่เสียดสีกับพื้นน้ำแข็งอย่างรุนแรงดังขึ้น...ตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความตกใจของผู้โดยสาร และหลังจากนั้นภาพทุกอย่างพลันหมุนคว้างร่วมกับเสียงกรีดร้อง อีกทั้งเสียงโลหะดังสนั่นรวมถึงเสียงกระจกที่แตกละเอียดดังผสมปนเปกันไปหมด...&nbs