Home / แฟนตาซี / ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย / ตอนที่ 22 :  พันธะ(ของเด็กสาว) และ สัญญา(ของเด็กหนุ่ม)

Share

ตอนที่ 22 :  พันธะ(ของเด็กสาว) และ สัญญา(ของเด็กหนุ่ม)

last update Last Updated: 2025-04-10 00:12:59

〝ทาส...  งั้นเหรอ?〞

เดี๋ยวก่อนสิเฮ้ย!!

ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดหล่ะก็....

ความเข้าใจของฉันตามที่เรียนมาในวิชาประวัติศาสตร์... ความหมายของคำๆนี้ก็คงประมาณว่า เป็นพวกคนที่ถูกผู้เป็นนายกดขี่ ข่มเหงอย่างไร้ความเป็นธรรม.... 

ถูกใช้งานอย่างหนักโดยไม่ให้พักผ่อน แบบเดียวกับสัตว์แรงงาน ทั้งยังไม่ได้รับผลตอบแทน  แล้วยังถูกเลือกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ เป็นเพียงแค่สิ่งของเพื่อใช้งานจนตายเท่านั้น....

ที่โลกนี้ ก็มีของแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?

...แต่จะว่าไปแล้ว  ตั้งแต่มาที่โลกนี้ เราก็อยู่แต่ในที่ปลอดภัยกับในปราสาทมาตลอดเลยนี่นา ยกเว้นในดันเจี้ยนบ้าๆนี่หล่ะนะ...

แถวเขตชายแดนหรือห่างจากตัวเมืองหลวงก็คงจะมีสินะ  ไอ้พวกประมาณว่า พวกเขตสลัม...  การค้ามนุษย์หรือการค้าของเถื่อน...

แต่เอาเถอะ...  ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนหรือที่โลกไหน ก็ต้องมีเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว... 

ก็ความต้องการของมนุษย์มันไม่มีที่สิ้นสุดนี่นา  ความสงบสุขไม่มีทางอยู่คู่กับกิเลสของมนุษย์...  ไม่สิ...กับสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจอยู่แล้ว...

〝ฮึก...〞

〝........〞

          หลังจากที่กรรู้ความจริงของ『ตราทาส』จากปากของเคลเบรอส  ทำให้เขาครุ่นคิดเล็กน้อย แต่เพราะเสียงสะอื้นของมีอาที่ยังคงร้องไห้มาตลอดยังไม่จบลง เลยทำให้กรดึงสติกลับมายังความเป็นจริงอีกครั้ง

แต่จะว่าไปแล้ว... ตัวเราที่เกิดมาในยุคสมัยที่สงบสุขเนี่ยโชคดีจริงๆแฮะ อย่างน้อยก็มากกว่าสมัยก่อนหล่ะนะ....  

แตกต่างจากมีอา....  ทั้งที่เธอก็อายุเท่ากับเราแท้ๆ  แต่ประสบการณ์และความหนักหน่วงของชีวิตคงแตกต่างกันอย่างลิบลับแบบเทียบไม่ติดแน่นอน...

...เพราะงั้นตัวเราคงไม่เข้าใจความรู้สึกขมขื่นแบบนั้นของมีอาหรอก....

แต่ถึงจะไม่เข้าใจ  ก็มีเรื่องที่ฉันควรทำอยู่แล้วนี่น๊ะ....

〝เธอ.... นั่งพักไปก่อนก็แล้วกัน...  เดี๋ยวฉันจะไปเก็บไอเทม....〞

〝ฮึก... อื้ม….〞

          และพอมีอาตอบกรด้วยเสียงสั่นๆ เพราะยังคงสะอื้นอยู่ไม่หาย กรก็ประคองมีอาที่ยังนั่งพับเพียบร้องไห้อยู่แบบนั้นซักครู่เพื่อให้เธอนั่งด้วยตัวเองได้  ก่อนที่จะผละตัวออกมา แล้วเดินออกไปจากตัวมีอาเพื่อให้เธอครุ่นคิดและปรับอารมณ์อยู่คนเดียวเพียงลำพัง....

❖❖❖❖❖

〝ดีขึ้นรึยัง?〞

〝อา....  ขอโทษด้วยนะ  ฉันไม่เป็นไรแล้ว〞

          แล้วหลังจากที่กรใช้เวลามากกว่า 10 นาทีในการตรวจสอบดรอปไอเทม แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้างของกรเพื่อให้มีอาปรับอารมณ์ตัวเองเท่านั้น  และดูเหมือนสิ่งที่กรทำนั้นจะเป็นคำตอบที่ถูกแล้ว  นั่นเพราะพอกรเดินเข้าไปถามอาการมีอาหลังจากนั้น เธอก็ตอบกลับกรด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเช่นเคย แต่ถึงแบบนั้นใบหน้าของเธอก็ยังคงดูอมทุกข์ไม่เปลี่ยนแปลง

〝อืม..... ถ้างั้น——〞

〝ขะ...ขอร้องหล่ะ!  ได้โปรดเถอะ….อย่าทิ้งฉันเลยนะ!!!〞

〝!?〞

          และถึงแม้เธอจะเลิกร้องไห้และกลับมาพูดกับกรด้วยน้ำเสียงปกติแล้ว แต่พอกรเริ่มที่จะพูดอะไรบางอย่าง  มีอาก็ดันตะโกนขัดจังหวะกรขึ้นทั้งที่ยังนั่งพับเพียบอยู่ เหมือนกับช่วงแรกๆที่เธอยังไล่ตามกรไม่มีผิด นั่นเลยทำให้กรตกตะลึงปนมึนงงเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจการกระทำของมีอา

〝หมายความ... ว่ายังไง?〞

〖เจ้าหนู....  สำหรับเจ้าแล้ว  คำว่า『ทาส』คือตัวตนแบบไหนงั้นเหรอ?〗

〝เอ๋?  เอ่อ ก็....  ต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย… ถูกใช้แรงงานโดยที่บ่นไม่ได้.... ถูกแบ่งชนชั้นและกีดกันอย่างไม่เป็นธรรม...  ประมาณนี้ละมั้ง〞

          แต่กรที่ถามมีอาเพื่อหวังคำตอบจากเธอ เคลเบรอสก็กลับเป็นฝ่ายถามกรกลับแทนเหมือนกับครั้งที่แล้วซะอย่างงั้น  กรเองก็ไม่ได้ใจแคบ รวมทั้งอยากจะรู้ว่าโลกแห่งนี้จัดลำดับชนชั้นยังไงก็เลยตอบเคลเบรอสไปแบบนั้น แต่กรกลับได้คำตอบที่น่าตกใจกลับมาแทน...

〖อืม... คร่าวๆก็คงแบบนั้น  เพียงแต่ที่เจ้าเข้าใจมันดูน้อยไปหน่อย.... ความหมายของทาสที่คนทั่วไปนิยามกันหน่ะ คือ .....พวกที่ชั้นต่ำยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ต่างหาก!〗

〝!!!?〞

          แล้วกรที่ได้ยินคำตอบก็ตะลึงไปชั่วขณะ  แต่มีอาที่นั่งอยู่ข้างหน้าของกรที่ได้ยินเหมือนกันก็ถึงกับไหล่กระตุกอย่างแรงเพราะถูกเคลเบรอสตอกย้ำสถานะอันแสนต่ำต้อยของตัวเองยังไงอย่างงั้น

ต่ำกว่าสัตว์อีกงั้นเหรอ?

นี่พูดเกินจริงไปรึเปล่า...  ไม่สิ...นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเปรียบเทียบไร้สาระซักหน่อย...

แต่ว่า....  ที่โลกเดิม... ถึงทาสที่ว่า  จะถูกใช้แรงงานเหมือนสัตว์จริงๆก็เถอะ….

แล้วถึงจะลงโทษหรือเฆี่ยนตีทาสได้ตามใจชอบ...  แต่ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะมีกฎ ห้ามกระทำการใดกับทาสจนถึงแก่ความตายหรืออะไรเทือกๆนั้นอยู่นี่นา

แต่ถ้าต่ำกว่านั้นหล่ะก็...

งั้นก็หมายความว่า....  สามารถฆ่าแกงกันได้ตามใจเลยนะสิ... นั่นมันพอๆกับผักปลาเลยนี่หว่า!

〖แล้วก็นะคุณหนู... ข้าขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน! เจ้าหนู...ฟังแล้วอย่าตกใจเชียวหล่ะ!〗

〝ยังมีที่น่าตกใจกว่านี้อีกเหรอ?〞

〖อา...  นั่นเพราะ ตราทาส ของคุณหนูคนนี้หน่ะ มันไม่ใช่ของธรรมดาเลยหน่ะสิ....〗

〝หืม...  แล้วมันคือ ?〞

          แล้วกรที่ยังตกตะลึงกับการถูกแบ่งชนชั้นของทาสในโลกนี้ยังไม่หาย ก็ต้องตกตะลึงมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเคลเบรอสคิดจะบอกความจริงอีกข้อแก่กร และเพราะมีอาอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบคำถามหรือพูดคุยกับกรได้ ทั้งยังนั่งตัวสั่นเพราะถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำจนพูดห้ามเคลเบรอสไม่ออกแม้จะพยายามอ้าปากและเค้นเสียงออกมาแล้วก็ตาม เคลเบรอสจึงขอโทษมีอาครั้งนึง ก่อนที่จะบอกความจริงที่น่าตกใจยิ่งกว่ากับกรอีกครั้ง เห็นได้ชัดเลยว่าเคลเบรอสให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์แบบนายบ่าวมากกว่ากับมีอา มันจึงเลือกที่จะเตือนกรแทนที่จะรักษาน้ำใจกับมีอา แต่ที่จริง... นั่นเป็นเพราะเคลเบรอสเชื่อใจกรที่จะไม่เปลี่ยนท่าทีเมื่อรู้ความจริงต่างหาก

〖มันเป็นตราเวทย์แบบพิเศษที่ตราไว้สำหรับกบฏของศาสนจักร.... 『ตราทาสพันธะนอกรีต』 นั่นแหล่ะ... คือชื่อของมัน〗

〝!!!?〞

          แล้วกรที่ได้ยินคำตอบของเคลเบรอส ก็ตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีกตามระเบียบ เพียงแต่กรไม่ได้แสดงความกังวลนั้นออกมาทางสีหน้าเลยซักนิดเดียว แต่ภายในใจของเขาตอนนี้กลับมีแต่เรื่องที่มีอาเป็นทาสหมุนวนอยู่เต็มไปหมด

กบฏ..... งั้นเหรอ?

ไม่สิ...  เมื่อกี้เจ้าหมามันพูดถึงเรื่องของศาสนจักรด้วย  คงเป็นประเภทว่า...  เป็นพวกกลุ่มสาวกที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของศาสดา.... ประมาณพวกทูตสวรรค์หรืออะไรทำนองนั้นในโลกที่แสนแฟนตาซีนี้ละมั้งนะ...

แล้วรับคำสอนหรือคำสั่งมา เพื่อใช้ลงโทษคนที่ทำผิดบทบัญญัติอีกต่อนึง คร่าวๆก็คงประมาณนี้... ส่วนถ้าถามว่าฉันมโนเป็นฉากๆแบบนี้ได้ยังไงนะเหรอ.... ก็ตอบได้เลยว่า... 

.

.

.....ก็เรื่องแบบนี้มันมีออกบ่อยไปนี่นา... ในอนิเมะกับเกมหน่ะ...

ที่โลกนี้เองก็มีหล่ะสินะ

แต่ก็อย่างว่าแหล่ะนะ...  ไม่ว่าโลกไหน ก็ต้องมีอยู่แล้ว...

เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนอ่อนแอนี่นา... มันก็ต้องมีกันบ้างหล่ะนะ... ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจหน่ะ...

〝คะ คุณหมา...  ทำไม...〞

〝.........〞

          ขณะที่กรกำลังคิดถึงเหตุผลต่างๆนานาอยู่ในหัว มีอาที่ตกตะลึงยิ่งกว่ากร ก็เพิ่งเปล่งเสียงออกมาได้ แต่ก็ทำได้แค่พูดออกมาเบาๆด้วยเสียงสั่นๆอีกครั้งเท่านั้น เป็นเชิงถามกับเคลเบรอสว่า  ทำไมถึงบอกเรื่องนี้กับกรด้วย  ยังไงอย่างงั้น 

          แต่กรที่ได้ยินแบบนั้น แม้จะเริ่มมีความคิดสงสารมีอาขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความคิดของเขาก็ยังคงเยือกเย็นอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เลยทำให้เสียงของมีอาที่พูดเบาๆออกมาแบบนั้น ส่งผ่านสติของกรออกไปภายนอกเพราะมัวแต่ใช้สมาธิในการหาเหตุผลของคำตอบที่เคลเบรอสบอกเขามา เป็นดั่งสำนวนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวายังไงอย่างงั้นเลย

อืม.... จากที่เจ้าหมาบอกมาก็พอจะเข้าใจแล้วหล่ะ...  ว่าโลกนี้ คำว่า『ทาส』มันหนักหนาสาหัสขนาดไหน... แค่เป็นทาสธรรมดาก็คิดว่าน่าสงสารแย่แล้วแท้ๆ

...แต่ถ้าถึงกับถูกตีตราว่าเป็นกบฏของศาสนาด้วยเนี่ย คงหนักหนากว่ากันเป็นสิบ ไม่สิ...ร้อยเท่าเลยหล่ะมั้งนะ

พอนึกภาพที่มีอา ถูกประชาชนที่เป็นสาวกโห่ไล่ออกเลยหล่ะ...

เพราะงั้นในสังคมปกติของโลกนี้  สถานภาพของมีอาคงจะ...  อยู่ในชนชั้นที่ต่ำต้อยจนน่าใจหายเลยหล่ะ...

พอเข้าใจเลย...  ว่าทำไมเธอถึงต้องขอร้องเราขนาดนั้นพอถูกเปิดเผยความจริง...

อืม... ก็ถ้าเป็นตัวเราคนก่อน ที่เติบโตขึ้นมาตามค่านิยมของสังคมที่ยึดถือความยุติธรรม และความเท่าเทียมในการดำเนินชีวิตฟังแบบนี้เข้าไป คงรู้สึกเศร้าสลดจับจิตเพราะสงสารมีอาแหงๆ...

เพียงแต่... ตัวเราในตอนนี้  ไม่ใช่แบบนั้น.... 

ตัวฉันในตอนนี้รู้ซึ้งถึงแก่นแล้วว่า ความยุติธรรมจะสถิตอยู่กับผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น ไม่ใช่เพราะกฎหรือข้อบังคับใดๆ....

....เพราะไม่ว่าจะเป็นตัวบทกฎหมาย หรือบรรทัดฐานของแต่ละสังคม  มันก็เป็นแค่ข้อกำหนดไร้สาระของพวกคนที่เกิดมาก่อนใช้เป็นเป็นข้ออ้างในการสร้างผลประโยชน์และความปลอดภัยให้กับตัวเองเท่านั้นแหล่ะ.…

เพราะงั้น... เรื่องความเท่าเทียมสำหรับฉัน มันก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้นเอง

ส่วนไอ้เรื่องรู้สึกสงสาร มันก็สงสารอยู่หรอก... 

แต่ถ้ามัวเงียบกันอยู่แบบนี้ ก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า....  เพราะงั้นคงต้องทำใจยักษ์กันซักหน่อยแล้วหล่ะนะ... 

ไม่สิ... หรือว่าฉัน จะลองใช้ไม้อ่อนดูก่อนดีไหมนะ....

.

.

〝หืม... เป็นงั้นเองหรอกเหรอ?  ถ้างั้น... ปกติแล้ว ก็คงไม่มีใครคิดที่จะปฏิบัติกับทาสเหมือนเป็นคนหล่ะสินะ... แถมยังเป็นกบฏอีก...เลวร้ายสุดๆไปเลยนะเนี่ย! เพราะงั้น...  ถ้าเกิดฉันคิดจะ『ฆ่า』เธอขึ้นมาเนี่ย  ไม่ว่าใครก็คงไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกเลยสินะ…〞

〝!!!!!!!!!〞

          ต่อหน้าคำพูดอันโหดร้ายและน้ำเสียงที่เย็นชาของกร  เพราะคิดว่าถ้าเกิดกรคิดจะฆ่าเธอขึ้นมาจริงๆคงทำได้สบายๆแน่นอนจากความแข็งแกร่งที่เธอเห็นนั่น  ประกอบกับกรที่ยื่นมือขวาเข้ามาใกล้ตัวเธออย่างช้าๆราวกับจะทำอย่างที่พูด  มีอาที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่จึงทำได้เพียงแค่ตกตะลึงกับสถานการณ์ที่ว่าและหลับตาปี๋ลง เพราะความหวาดกลัวต่อความตายที่อาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น เพียงแต่ว่า...

หมับ!

〝!!!!!!!!!〞

          มือของกรที่ยื่นเข้าไปทางมีอาก็ไม่ได้ทำอันตรายใดๆต่อเธอทั้งสิ้น  เพราะเขาเพียงแค่วางมันลงบนศีรษะของเธอ แล้วก็ลูบไปทางซ้ายทีขวาทีอยู่ซักพักอย่างอ่อนโยนเท่านั้นเอง

〝คิดว่าฉันจะพูดแบบนั้นหล่ะสินะ.... น่าเสียดายละกันที่ไม่ใช่〞

〝ทำไม?〞

〝เฮ้อ!  ฉันมันเป็นพวกเกลียดเรื่องยุ่งยากน่ารำคาญซะด้วย... ฉันเอง... ถึงจะไม่หนักเท่าเธอ  แต่ก็พอเข้าใจความรู้สึกของการถูกเลือกปฏิบัติอยู่  ...แล้วฉันมันก็แค่พวกบ้านนอกเข้ากรุงหน่ะนะ เลยไม่มีใครสอนซะด้วยสิ ว่าต้องทำตัวยังไงกับทาสหน่ะ... 〞

〝กร..... ตะ แต่ว่า!〞

〝ไม่-มี-แต่!!! …..แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง  ฉันก็เคยพูดไปแล้วนะ  ว่าขอแค่เธอไม่มาขัดแข้งขัดขา.... จะยังไงฉันก็ไม่ทิ้งเธอ   บอกแล้วนี่ว่าฉันจะไม่ผิดสัญญา เพราะงั้น... ก็หยุดกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องซะที แล้วก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว!!! 〞

          แล้วพอกรพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปเรียบร้อยแล้ว  เขาก็ค่อยๆชักมือของตัวเองกลับออกมา  แล้วก็นั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามีอาทั้งอย่างงั้นด้วยระยะห่างเพียงหนึ่งช่วงแขน  ส่วนมีอาที่ได้ยินกรพูดแบบนั้นออกมาก็แทบจะทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีกรอบเพราะความรู้สึกหลายๆอย่างพรั่งพรูออกมาพร้อมกันเลยทีเดียว แต่เพราะถูกกรย้ำเตือนเสียก่อน  เลยทำให้น้ำตาของเธอปริ่มอยู่บนขอบตาเพียงเท่านั้น

〝ดีมาก!  แล้วก็...  ยังมีอีกเรื่องนึง  มีอา... ถือซะว่าเป็นการแลกเปลี่ยน  เธอต้องบอกเรื่องของเธอมาให้ฉันรู้ด้วย〞

〝!!!〞

〝ฉันเองก็อยากจะบอกเธอว่า 〝ถ้าไม่อยากเล่า ก็ไม่ต้องเล่าก็ได้ 〞อยู่หรอกนะ...  แต่ฉันไม่รู้เรื่องของเธอเลยซักนิดเดียว  ถ้านั่นเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้การเดินทางติดขัดในอนาคตขึ้นมาฉันคงลำบากแย่ เพราะงั้น ถึงจะฝืนใจ... แต่คงต้องเล่าให้ฉันฟังแล้วหล่ะ〞

          แล้วพอกรจัดท่านั่งของตัวเองจนเรียบร้อยดีแล้ว  กรก็เลือกคำพูดอ้อมๆที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้มีอาบอกเหตุผลที่ตัวเองกลายเป็นทาสให้ตัวเองฟัง พลางมองเข้าไปในดวงตาของเธอพร้อมๆกันเพื่อให้เห็นถึงความจริงจังของคำพูดนั่นเอง มีอาที่เห็นแบบนั้นก็ไม่พ้นที่จะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมองตากรกลับโดยไม่มีอาการลอกแลกแม้แต่นิดเดียว  เห็นได้ชัดเลยว่าเธอใส่ใจกับคำพูดของกรมากแค่ไหน

〝อืม!... เข้าใจแล้ว...  ถ้าเป็น...กรหล่ะก็...〞

          หลังจากที่กรพูดเป็นเชิงออกคำสั่งเล็กน้อยกับมีอา  เธอก็ตอบกลับกรในทันทีพลางใช้มือซ้ายปัดน้ำตาที่อยู่บนขอบตาออกอย่างรวดเร็วเพื่อปรับอารมณ์ให้พร้อมอีกครั้ง ก่อนที่จะบอกความจริงอันน่าตกตะลึงเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบกับกรอีกครั้ง

〝งั้นก็… 【จงออกมา !  สเตตัสวินโดว์ !!!】〞

〝เดี๋ยวก่อนสิ.... เธอกำลังจะทำอะไร?〞

          แล้วหลังจากที่มีอาจัดท่านั่งของตัวเองให้อยู่ในท่านั่งเทพธิดาเสร็จเรียบร้อย  เธอก็ใช้คำร่ายของสกิล『เรียกหน้าต่างสเตตัส』ออกมาต่อหน้ากร  เลยทำให้เขาตกใจขึ้นมาเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจเหตุผลที่มีอาทำแบบนี้

〝นาย...  ได้ใช้สกิลตรวจสอบกับฉันไปรึเปล่า?〞

〝หืม!  อา… ใช่แล้ว โทษทีล่ะ…  แล้วเรื่องนั้นมันเกี่ยวอะไรกันงั้นเหรอ?〞

          แล้วมีอาก็กลับเป็นฝ่ายถามกรก่อนซะอย่างงั้น แต่กรก็ตอบเธอไปตรงๆว่าทำเรื่องเสียมารยาทแบบนั้นไปแล้ว  แต่มีอาก็กลับส่ายหน้าให้กรเป็นเชิงบอกกับกรว่า  ไม่เป็นไร  กลับมา จากนั้นก็เริ่มการอธิบายต่อในทันที

〝ในนั้น....  มันไม่มีนามสกุล...  กับเผ่าพันธุ์ของฉันใช่รึเปล่า?〞

〝เห๋〜!  ใช่แล้วหล่ะ ถูกต้องตามนั้นเลย...  แล้วมัน.... เป็นเพราะอะไรหล่ะ?〞

〝.......เพราะตราทาส  จะทำให้นามสกุลของฉันไม่แสดงกับคนทั่วไป....  แล้วส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตราทาสพันธะนอกรีต เป็นเวทย์มนต์ระดับสูงเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถตรวจสอบได้〞

〝สูงกว่าฉัน... งั้นเหรอ?〞

โอ้ว... โลกนี้ช่างกว้างใหญ่จริงๆ

มีคน? ที่มีระดับพลังเวทย์สูงกว่ายอดมนุษย์อย่างฉันด้วย...  ไม่สิตอนนี้ตูไม่ใช่มนุษย์แล้วนี่หว่า ....ว่าแต่  แล้วทำไมเราต้องดีใจด้วยฟ่ะ!!!

แต่แหม.... ก็มันให้อารมณ์แบบว่า...  มีคนลืมเอาสมุดการบ้านมาโรงเรียน  แล้วพอถึงเวลาที่ครูเก็บรวบรวม ก็กลับมีคนลืมเอามาแบบเดียวกันอยู่ด้วย  ตอนนั้นเนี่ยรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของคำว่าเพื่อนเลยเชียวนะ...  ใช่ๆแบบนั้นเลย อารมณ์แบบนี้แหล่ะที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้....

〝ดูเอาเอง... จะเข้าใจง่ายกว่านะ〞

ฟุบ!

〝!!!〞

          พอกรที่ได้ยินแบบนั้นเข้าไป เลยดีใจขึ้นมาเล็กน้อย เราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นตัวประหลาดอยู่คนเดียว  แต่มีอาที่พูดขัดจังหวะความคิดของกรอีกครั้งก็ดึงสติของกรกลับมา  แล้วมีอาก็ส่งหน้าต่างของตัวเองให้กรดูทันทีที่พูดจบ แล้วพอกรรับหน้าต่างของมีอามาดูในระดับสายตา ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นนี้...

     ข้อมูลสเตตัส

มีอาน่า  กาบริเอล』เพศ  หญิง   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  ครึ่งเทพ     

อาชีพ     นักดาบ              เลเวล     16

ฉายา     〘พลังแฝงเทพเจ้า〙, 〘พรสวรรค์เทพเจ้าแห่งดาบ〙

《พลังโจมตี》             1,500                         《พลังป้องกัน》                 1,000

《พลังเวทย์》              2,000                         《ความต้านทานเวทย์》          2,500

《ความว่องไว》           2,500                        《พละกำลัง》                  1,000

〝ครึ่งเทพ!?  เดี๋ยวดิเฮ้ย… นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!!!!〞

          แล้วกรที่เห็นแบบนั้นเข้าไปก็ไม่พ้นต้องตกใจกับเผ่าพันธุ์อันลึกลับของเธอ เพียงแต่ที่ตกใจยิ่งกว่า คือคน? ที่อยู่ข้างหลังกรต่างหาก เพียงแต่เป็นคนละเหตุผลกับกรเท่านั้นเอง

〖กะ โกหกน่า!!!  คุณหนู...  นี่มันอะไรกัน!!! ตระกูลของคุณหนู อย่าบอกนะว่า!!!〗

〝อ้าว!  ไม่ได้ตกใจเรื่องเผ่าของเธอหรอกเหรอเจ้าหมา ....ว่าแต่ ตระกูลที่ว่าเนี่ย มันหมายความยังไงอีกล่ะฟ่ะ!〞

〖จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันหล่ะเจ้าหนู!!!  ก็ตระกูล『กาบริเอล』หน่ะ...  เป็นหนึ่งใน 7 ตระกูลหลักของทูตสวรรค์ แล้วยังเป็นหนึ่งในตระกูลที่ปกครองสรวงสวรรค์เลยเชียวนะ!!!〗

.

.

.

.

.

〝เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞

          แล้วกรที่ได้ยินคำอธิบายของเคลเบรอสไปแบบนั้น ก็ไม่พ้นที่จะตกตะลึงถึงขีดสุด  จนพูดไม่ออกไปราวๆ 5 วินาที ก่อนที่จะตะโกนออกมาแบบนั้นอย่างสุดเสียงเสียจนดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณนั้นเลยทีเดียว....

❖❖❖❖❖

          หลังจากที่มีอานำหน้าต่างสเตตัสของตัวเองให้กรดูเรียบร้อยแล้ว เธอก็เริ่มเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเธอต้องประสบกับความเป็นจริงและความโหดร้ายของโลกเอาเน่าเฟะใบนี้

          ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน แม่ของเธอ หรือ 『ไดอาน่า กาบริเอล』 เป็นบุตรีคนที่สองของหัวหน้าตระกูลกาบริเอลในขณะนั้น ได้ถูกส่งลงมาตามคำสั่งของ『สภาสวรรค์ 7 ปีก』ซึ่งสภาที่ว่า มันมีลักษณะคล้ายๆกับองค์การการปกครอง โดยมีอำนาจในการควบคุมและกำหนดความเป็นไปของดินแดนบนท้องนภาหรือสรวงสวรรค์ รวมถึงดินแดนบางส่วนบนพื้นโลกแฟนตาซีแห่งนี้  ซึ่งแน่นอนว่ามีอิทธิพลยิ่งกว่าราชาหรือจักรพรรดิที่เป็นคนปกครองพื้นที่นั้นเองเสียอีก

          ส่วนคำสั่งของสภาที่ว่า ก็มีเนื้อความประมาณว่า ให้ลงมาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของหนึ่งในตระกูลของสภาสวรรค์ 7 ปีก ที่ลงมาเพื่อเผยแผ่คำสอนและปกครองพื้นที่บางส่วนของดินแดนมนุษย์ 

          เพียงแต่ขณะที่เธอตรวจสอบ เธอดันถูกลอบทำร้ายจากหนึ่งในพวกสภาที่เป็นคนละตระกูลจนบาดเจ็บสาหัส นั่นเพราะทั้งหมดเป็นเพียงแผนการเพื่อหลอกล่อให้เธอลงมายังดินแดนของมนุษย์ เพื่อที่จะทำลายและหลบซ่อนหลักฐานต่างๆได้อย่างแนบเนียน   แต่แม่ของเธอก็ไม่ได้เสียชีวิตทันที  ทั้งยังสามารถพาตัวเองหนีเข้าไปในป่าเขาของเมืองข้างๆได้  หนึ่งในพวกสภาก็ประมาทเพราะเห็นว่าบาดแผลของเธอสาหัสมากเกินกว่าจะเอาตัวรอดด้วยตัวเองได้  พวกมันจึงชะล่าใจ และไม่ได้ไล่ตามเธอต่อ 

          แต่แม่ของเธอที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวเช่นกัน เธอจึงหมดสติอยู่กลางป่าทั้งอย่างงั้น  จนกระทั่งมีชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่บนยอดเขานั้นตามลำพังมาพบเข้า เขาจึงรีบนำตัวเธอกลับมาดูแลที่กระท่อมของเขา จนกระทั่งเธอหายดี และแม้แม่ของมีอาจะหายดีแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้กลับสรวงสวรรค์ในทันที  สาเหตุหนึ่ง นั่นก็เป็นเพราะพลังส่วนใหญ่ของเธอสูญเสียไปเพราะอาการบาดเจ็บ บวกกับหากกลับไปตอนนี้ก็มีแต่จะเป็นเป้า เธอจึงอยู่ที่กระท่อมของชายหนุ่มตามคำแนะนำของเขา  และเพราะว่าเวลาได้ผ่านไปนานพอสมควร เลยทำให้ระยะห่าง ความใกล้ชิดและความสัมพันธ์ของทั้งสองคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นความรักไปในที่สุด

          แล้วหลังจากนั้น 1 ปี แม่ของมีอา ก็ให้กำเนิดมีอาออกมา เพราะมีพ่อเป็นมนุษย์กับเพราะมีแม่เป็นเผ่าเทพ เลยทำให้ตัวมีอามีสายเลือดของเทพอยู่เพียงครึ่งเดียวนั่นเอง

          แต่หลังจากที่คลอดมีอาออกมา  แม่ของเธอก็ไม่ได้กลับสรวงสวรรค์แต่อย่างใด นั่นเพราะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับมีอาและชายหนุ่มมันนานเสียจนทำให้เธอเลือกที่จะทิ้งหน้าที่ในฐานะเทพไป และอยากใช้ชีวิตในฐานะผู้หญิง... ในฐานะแม่คนนึงมากกว่า  เธอจึงตัดสินใจที่จะอยู่กับมีอาและชายหนุ่มบนกระท่อมหลังเขา 3 คนอย่างสงบตลอดไป.... 

          หลังจากนั้น 15 ปี  เป็นช่วงที่มีอาอายุ 14 ปีพอดี  ในวันที่สั่นคลอนชะตากรรมของมีอาไปตลอดก าลนั้น ก็เป็นเพียงวันธรรมดาที่แสนสงบสุขอีกวัน...  ทั้งที่มันควรจะเป็นแบบนั้นไปตลอดแท้ๆ เพียงแต่...

          โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนหรือลางบอกเหตุใดๆทั้งสิ้น  จู่ๆกระท่อมของทั้ง 3 คน ก็ถูกสมาชิกจำนวนหนึ่งของสภา 7 ปีกเข้าจับกุม  และแน่นอนว่าชายหนุ่มเจ้าบ้านทำการขัดขืนอย่างที่สุด...  นั่นเลยทำให้ชายหนุ่มคนนั้น... หรือก็คือพ่อของมีอา ที่เอาตัวเข้าปกป้องทั้ง 2 คน ทั้งที่ไม่มีพลังอะไร  ถูกเหล่าสมาชิกทำการสังหารอย่างไร้ความปราณี โดนการบั่นคอเขาลงอย่างโหดร้ายต่อหน้าต่อตาของมีอา....  

          แม่ของมีอาเอง พอเห็นแบบนั้นเข้าไปต่อหน่าต่อตาเช่นเดียวกัน ก็ไม่พ้นที่จะโกรธแค้นพวกสภาเสียจนแทบคลั่งก็ไม่ปาน  แต่เธอก็ดันโดนเวทย์ผนึกพลังเข้าเสียก่อน นั่นเลยทำให้ทั้งเธอและมีอาถูกจับกุมไปคุมขังที่『ศาสนจักรแอสทอเรีย』ซึ่งเป็นศาสนจักรที่มีระดับความศรัทธาในตัวทูตสวรรค์มากที่สุดในดินแดนของมนุษย์  เป็นการชั่วคราวเพื่อรอรับการลงทัณฑ์อย่างที่ไม่อาจขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อย

         

          แล้วหลังจากนั้นซักพักก็ได้มีคำตัดสินลงมาจาก『สภาสวรรค์ 7 ปีก』  และในคำตัดสินนั่นก็คือ  การสั่งประหารชีวิตแม่ของมีอา ต่อหน้าสาวกทั้งหลาย โทษฐานทำผิดข้อบังคับของสรวงสวรรค์ นั่นก็คือ การห้ามมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์  แล้วสุดท้ายก็ถูกทางศาสนจักรตีตราให้เป็นคนนอกรีต  และถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในอาชญากรที่เลวร้ายที่สุด

          ส่วนมีอาที่เป็นลูก ก็ถูกเปลี่ยนสถานะจากประชาชนอิสระให้กลายเป็นทาส  แต่เพราะเป็นลูกของอาชญากรด้วย  จึงต้องเพิ่มการลงโทษขึ้นมาอีก เป็นการลงตราเวทย์นอกรีต  เพื่อไม่ให้เธอขัดขืน  รวมถึงเพื่อผนึกพลัง และเพื่อให้เธอถูกจองจำอยู่กับความมืดมิดในห้องขังใต้ดินไปตลอดกาล...

          แล้วหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนพอจะคาดเดาได้...  มีอาถูกใช้งานจากทางศาสนจักรเยี่ยงสัตว์สี่ขาไร้ซึ่งมนุษยธรรม หากขัดขืนตราทาสก็จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ร่างกายของเธอราวกับถูกไฟนรกโลกันต์แผดเผาทั้งเป็น ทั้งยังเจ็บปวดเหมือนกับถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลผ่านไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าจนแทบจะหมดสติในทันที  แถมยิ่งอยู่ห่างจากตัวศาสนจักรเท่าไหร่  ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเธอเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก  และแน่นอนว่าขณะที่กำลังเล่าอยู่นี้ เธอเองก็ยังคงเจ็บปวดร่างกายอยู่เช่นกัน...

          ถึงแม้จะถูกเฆี่ยนตีหรือถีบเตะร่างกายจนฟกช้ำไปทั่วร่างอย่างไร้เหตุผล  เธอก็ทำได้แค่ก้มหน้าลงอย่างหมองๆเท่านั้น ขนาดจะกัดฟันทนยังทำไม่ได้เพราะเป็นการหมิ่นผู้เป็นนายอีกต่างหาก เวลานอนเองก็มีไม่ถึง 1 ชั่วโมงต่อวันด้วยซ้ำ  ขนาดอาหาร เธอยังได้กินเพียงแค่ 3 วันครั้งเท่านั้นเอง  แน่นอนว่าปริมาณมันไม่เพียงพอที่จะให้มีแรงทำงานซักนิด แต่เธอเองก็มีพลังของเทพอยู่ เลยทำให้แม้จะไม่ได้กินข้าวหลายวันก็ยังพอทนได้บ้าง  แต่นั่นก็ทำให้เวลาทำงาน เธอจำต้องหมดแรงระหว่างทาง และถูกเฆี่ยนตีทุกครั้งไป  แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ใช่ว่าเธอจะทนรับภาระทางจิตใจที่ถูกทับถมมาตลอดตั้งแต่ที่สูญเสียครอบครัวที่มีอยู่ไปจนสิ้นได้

          วงจรอันแสนโหดร้ายและขมขื่นของมีอา ที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่เด็กสาวธรรมดาเท่านั้น กลับต้องถูกพายุจากความโลภและเห็นแก่ประโยชน์ตัวเองของพวกผู้ใหญ่จนหัวหมุนตาลาย ก็ดำเนินไปแบบที่ว่า เกือบๆ 3 ปีเลยทีเดียว

          และแล้ววันที่ว่าก็มาถึง....  วันที่มีอาต้องทำการเพิ่มเลเวลของตัวเอง เพื่อที่จะสร้างให้เธอเป็นทาสผู้ซื่อสัตว์ทำงานเบ็ดเตล็ดได้ดั่งใจ  ซึ่งแน่นอนว่านั่นก็เพื่อที่ศาสนจักรจะใช้ประโยชน์จากพลังเทพของเธอได้อย่างอิสระนั่นเอง

          และไม่รอช้า.... พอมีอาอายุครบ 17 ปี  ซึ่งเป็นวัยหนุ่มสาวที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป ทั้งยังเป็นช่วงที่สเตตัสจะเติบโตได้ดีที่สุดอีกด้วย  ทางศาสนจักรจึงทำการจัดเตรียมปาร์ตี้เพื่อปั่นเลเวลให้เธออย่างไว  แล้วผลการลงดันเจี้ยนในครั้งแรกก็น่าพึงพอใจมาก แม้ที่มีอาไปลงจะเป็นเพียงดันเจี้ยนระดับ B ก็ตาม

          แล้วพอผลลัพธ์เป็นแบบนั้น  ทางศาสนจักรก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่  พวกมันจึงได้ใช้『ศิลาเวทย์เคลื่อนย้าย』ในการวาร์ปเข้ายังชั้นที่ 32 ของดันเจี้ยนที่กรอยูในทันที  ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่กรจบศึกกับเคลเบรอส และกำลังสร้างปืนเวทย์มนต์อยู่พอดิบพอดีเลย

          แล้วหลังจากนั้นก็เป็นแบบที่มีอาเล่าในตอนแรก  หัวหน้าปาร์ตี้ของเธอเจอเข้ากับกล่องสมบัติ และถูกความโลภเข้าครอบงำ จนปาร์ตี้โดนกับดักและแตกเป็นเสี่ยงๆ.... ทั้งปาร์ตี้ถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายหมด  ส่วนเธอก็สามารถหลบเลี่ยงออกมาได้ด้วยทักษะและพลังของเธอเอง  ส่วนเรื่องต่อจากนี้ก็เป็นแบบที่เธอเล่าในครั้งก่อน จนกระทั่งมาเจอกับกรที่หัวมุมของสี่แยก และถูกกรช่วยไว้จากคองโซลเยอร์ แล้วเรื่องราวต่อจากนี้ก็เป็นอย่างที่รู้กัน....

.

.

.

.

〝เป็นงั้น... เองเหรอ  โทษที... ดันทำให้นึกถึงเรื่องแบบนั้นเข้าซะได้〞

〝อื้ม! ….  อย่าใส่ใจเลยกร  ฉัน....ไม่ได้คิดมาก แล้วหล่ะ...〞

〝...............〞

          หลังจากที่มีอาเล่าเรื่องของตัวเองอย่าเศร้าๆมาตลอด  กรก็เลยถามเธอเล็กน้อยเพราะคิดว่าตัวเองได้ทำผิดมหันต์ที่ไปถามอดีตของเธอเข้าโดยไม่ตั้งใจ ที่ตอกย้ำความคิดของกรแบบนั้นก็เป็นเพราะน้ำเสียงของมีอาที่ตอบกรมันกลับสั่นอย่างรุนแรงจนคล้ายจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่ออีกครั้งทั้งที่บอกว่าไม่เป็นไรนั่นแหล่ะ

ให้ตายสิ... ดันไปถามเรื่องที่ไม่ควรถามเข้าซะได้

แต่อย่างน้อยก็รู้แล้วหล่ะนะ..  ว่ามีอาไม้ได้กลายเป็นทาสเพราะไปทำอะไรไม่ได้  กลับกัน...  อีแบบนี้มันถูกใส่ร้ายชัดๆเลยนี่หว่า...

แต่ว่า...  รู้สึกว่ามีอา... จะคล้ายๆกับเรานิดหน่อยนะ...

ใช่... แค่นิดหน่อยเท่านั้น!

เราสองคนสูญเสียพ่อแม่ไปตอนอายุ 14 ปีเหมือนๆกัน เลยคิดว่านะจะเข้าใจหัวอกกันดี  แต่หลังจากนั้น...

ให้ตายสิ! เรื่องที่มีอาเล่าออกมาเนี่ย  ทำให้เรื่องที่ไอ้เสือมันแกล้งตอนอยู่ที่โลกเดิมเป็นเรื่องขี้ประติ๋วไปเลย...  ก็ถ้าไม่นับเรื่องที่เสือมันใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อ แล้วทำให้ฉันตายหล่ะก็นะ....

ไม่น่าเลย....  รู้งี้น่าจะตัดความรู้สึกออกก่อนที่จะฟังเรื่องของมีอา 

ก็เพราะ... พอฟังเรื่องของเธอไปแบบนี้แล้ว... 

มันโคตรเศร้าเลยว้อยยยย!!!!!!!!!  อยากร้องไห้ชะมัด!!!

น่าสงสาร... น่าสงสารเกินไปแล้ววววววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ถ้าเป็นแค่ทาสจะไม่ว่าอะไรเลยแท้ๆ ...ชีวิตจริงมันเศร้ายิ่งกว่าในนิยายซะอีก...

พอเธอเล่าออกมาแบบนี้  มันทำให้ฉันคนนี้อยากช่วยนะเฟ้ย!!!!

เวลาแบบนี้สินะ...  ที่ต้องแสดงความเป็นลูกผู้ชายออกมา

เอาหล่ะสิ! ดูเหมือนเวลาที่จะใช้พลังมหาศาลให้เป็นประโยชน์จะมาถึงแล้วแฮะ

ถึงจะไม่มีเหตุผลให้ต้องช่วยก็เถอะ  แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ไม่ช่วยนี่หว่า

ฉันไม่อยากทำตัวไม่สนโลก หรืองอมืองอเท้าอีกต่อไปแล้ว!!!

ตัดสินใจไปแล้วนี่...  ว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และจะเผชิญหน้ากับทุกอย่างที่ขวางทาง

ตอนนี้... มีเรื่องที่ฉันทำได้  ไม่สิ...ไม่ใช่  ไม่เกี่ยวกับว่าต้องทำหรือเปล่า  แต่มันเป็นเรื่องที่ฉันอยากจะทำต่างหาก!!!!

.

.

ฉันจะ.....  ช่วยเธอให้ได้!!!!

〝มีอา...  『ตราทาสพันธะนอกรีต』นั่น...  มีทางเอาออกรึเปล่า?〞

〝เอ๋? หมายความว่ายังไงหน่ะกร〞

          แล้วหลังจากที่กรตัดสินใจที่จะช่วยมีอา  กรก็ถามหาข้อมูลของตราทาสที่ว่ากับมีอาในทันที  ส่วนมีอาที่ได้ยินกรถามขึ้นมาแบบนั้นอย่างกะทันหัน  ก็ไม่พ้นที่จะตกตะลึงปนความสงสัยในคำพูดของกรขึ้นมา จนถึงกับถามกรกลับไปอย่างติดๆขัดๆเลยทีเดียว

〝เอาน่า! ตอบคำถามของฉันมาก็พอแล้ว!!!〞

〝มะ ไม่มีหรอก  ตรานี่หน่ะจะถูกสลักบนร่างไปตลอดชีวิต  นอกจากความตายแล้ว ก็ไม่มีทางเอามันออกได้เลย!〞

〝แล้วถ้าเกิดฉันเอามันออกได้  จะมีผลข้างเคียงอะไรรึเปล่า?〞

〝คิดว่าไม่น่าจะมีหรอก เพราะมันเอาออกได้แค่ทางเดียวอย่างที่บอก เลยไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น...  เดี๋ยวนะ!! เอาออกงั้นเหรอ?  กร... นี่คงไม่ได้คิดจะ...〞

          หลังจากที่กรถามข้อมูลจากมีอาออกมาเรื่อยๆ  นั่นเลยทำให้เธอสงสัยกรขึ้นมา ว่าจะทำอะไร แต่ประโยคสุดท้ายของกร ก็แทบจะทำให้เธอเข้าใจในทันทีว่ากรต้องการอะไร บวกกับที่มีอามองดวงตาของกรอีกครั้ง ที่ดวงตาของกรก็มองมีอากลับอย่างแน่วแน่ นั่นทำให้มีอาเบิกตาโพลงเพราะคิดว่าเรื่องที่กรทำทันเป็นไปไม่ได้นั่นเอง

〝ถูกต้อง!  ฉันจะเอา... ตราทาสนี่ออกให้ แต่อย่าคาดหวังมากเกินไปก็แล้วกัน〞

〝มะ มันจะเป็นไปได้—— 〞

〝เป็นไปได้สิ! ฉันจะทำมันให้ดู….  ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่มีทางรู้ผลลัพธ์ของมันหรอกนะ! โอกาสสำเร็จหน่ะ มันมีอยู่เสมอนั่นแหล่ะ.... มันจะไม่มีทางเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเรายอมแพ้แล้วเท่านั้น! 

เพราะงั้น..... ให้ฉัน...  ช่วยเธอซะสิ!!! 〞

          แล้วกรก็ย้ำสิ่งที่ตัวเองจะทำให้มีอาเข้าใจตรงกัน  และแม้มีอากำลังจะบอกปฏิเสธอย่างเกรงใจ แต่ก็ไม่ปล่อยให้เธอปฏิเสธแม้แต่น้อยเพราะได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะช่วยให้ได้นั่นเอง แล้วพอกรบอกเจตนาของตัวเองกับมีอาไปตรงๆ  ด้วยท่าทีเก้อเขินเล็กน้อยในตอนที่บอกว่า〝 ให้ฉันช่วยเธอซะสิ〞นั่น  เลยทำให้มีอาดีใจจนถึงกับเอามือขึ้นมาปิดปากพร้อมกับมีน้ำตาปริ่มออกมาที่ขอบตาเลยทีเดียว 

          แล้วก็ไม่รอช้า  พอกรคิดได้แบบนั้น เขาก็เขยิบเข้าไปใกล้มีอาที่นั่งท่าเทพธิดาอยู่อย่างว่องไว ก่อนที่จะขออนุญาตเธอ เพื่อเปิดชุดคลุมบริเวณต้นขาขวาของเธอออกอย่างนุ่มนวล แล้วก็เริ่มใช้ปฏิบัติการณ์ที่ 1 ในการล้างตราทาสนอกรีตของมีอาออกไป

〝ฟู่!  งั้น.… ก่อนอื่นก็!!! 〞

วิ้ง!!!!!

          แล้วในทันทีที่กรใช้ความนึกคิดเป็นตัวเร่งให้สกิลทำงาน  อัญมณีบนหลังมือซ้ายของกรก็เปล่งแสงสีเขียวชอุ่มออกมาทั่วบริเวณอย่างงดงาม  แล้วจากนั้นกรก็เอามือซ้ายที่กำลังส่องแสงสว่างนั่นไปวางไว้บนตราทาสนอกรีตที่อยู่บนต้นขาของมีอา แล้วก็เร่งความนึกคิดเพื่อเป็นตัวแปรในการใช้สกิล『ดูดซับทุกสิ่ง』ไปพร้อมกัน  แล้วเสียงประกาศที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในหัวอีกครั้ง

【คำเตือน! สกิลไม่สามารถส่งผลได้.... ไม่สามารถใช้สกิลดูดซับได้เนื่องจากสิ่งที่ท่านกำลังดูดซับมีระดับสูงเกินไป!】

ไม่ไหวงั้นเหรอเนี่ย!!!

งั้นหน้าต่างตั้งค่า...  ไม่ได้...มันปรับค่าได้เฉพาะกับตัวฉันเท่านั้นนี่หว่า

วูม!!!!!

          แล้วกรก็คลายสกิลดูดซับในทันทีที่รู้ว่ามันไม่ได้ผล  ดูเหมือนว่าที่มีอาบอกว่า ตราทาสนี้มีระดับสูงจะเป็นเรื่องจริง  นั่นเลยทำให้กรต้องคิดแผนต่อๆไปอีก...

〝เจ้าหมา!  ตราทาสมันเป็นสกิลหรือว่าเวทย์มนต์กันแน่...  แล้วจัดอยู่ในประเภทไหน!?〞

〖หืม! ก็... ถูกจัดอยู่ใน『เวทมนต์พันธะ』ยังไงหล่ะ!〗

〝ใช่เลย! อันนี้แหล่ะที่ฉันต้องการ!!!〞

เสร็จโจรหล่ะ นั่นมันเวทย์ประเภทใหม่ที่เราพึ่งได้มาตอนจุติครั้งก่อนเลยนี่หว่า...  โชคดีจริงๆ  แถมดูเหมือนจะมีเวทย์ปลดผนึกอยู่จริงๆซะด้วยแฮะ..

ถึงจะอยู่แค่ระดับกลางก็เถอะ  แต่คงต้องลองลุยดูซักตั้งแล้วหล่ะนะ!!

〝งั้นก็ จะเอาแล้วนะ!!!  ข้าแต่เทพผู้ครองโลกา  ข้าขออำนาจแห่งท่านช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ของผู้คนจากโซ่ตรวนทั้งหลายด้วยเถิด

มิดเดิ้ล  ลิเบอร์เลท!!!】〞

ซู่ม!!!!!

          แล้วพอกรเอ่ยคำร่าย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของเวทย์สูงสุด  แสงสีเหลืองอ่อนก็เข้าคลุมมือทั้งสองข้างของกรในทันที  แล้วกรก็นำมือที่มีออร่าห่อหุ้มอยู่นั่นวางลงบนตราทาสของมีอาในทันที แต่ทว่าหลังจากเขาวางมันลงไปไม่นา เสียงที่ตามมากลับเป็นเสียงประกาศอีกครั้งหนึ่ง

【คำเตือน! เวทย์มนต์ไม่สามารถส่งผลได้....  ต้องการระดับของเวทย์ที่สูงกว่านี้!  หรือต้องใช้พลังเวทย์ในปริมาณที่เท่ากันทดแทน!】

          แล้วพอกรได้ยินแบบนั้นเข้าก็เริ่มคิดหาวิธีเพิ่มพลังเวทย์ทันที  แล้วก็นึกขึ้นมาได้อย่างนึง ถึงพลังใหม่ที่กรเพิ่งได้มาไม่นาน

〝【สัญลักษณ์แห่งความยิ่งยโสที่สลักอยู่บนร่างของข้าเอ๋ย  จงกลืนกินเลือดเนื้อของข้า แล้วจงมอบพลังที่จักทำลายล้างศัตรูของข้าให้สิ้นเสีย】!!!!!!〞

วูม !!!!!!

          แล้วพอกรใช้คำร่ายของสกิล『Ogre Arm』เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว แสงสีแดงโลหิตก็เปล่งออกมาจากแขนขวาของเขาเป็นตราเวทย์ทอดยาวตลอดแนวแขนตั้งแต่หลังฝ่ามือไปจนถึงหัวไหล่ส่องสว่างทะลุแขนเสื้อโค้ทของเขาออกมา  แล้วจากนั้นกรก็ส่งพลังเวทย์ที่เพิ่มขึ้นจากสเตตัสที่เพิ่มขึ้นไปยังมือทั้งสองข้าง ที่เวทย์ปลดผนึกยังคงอยู่

ซู่ม!!!!!

          และดูเหมือนว่าแผนนี้จะได้ผล  นั่นเพราะทันทีที่กรถ่ายพลังเวทย์ลงไป  ออร่าสีเหลืองอ่อนที่คลุมมือของเขาซึ่งตอนนี้วางอยู่บนต้นขาของมีอา มีขนาดขยายใหญ่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่....

【คำเตือน! เวทย์มนต์ไม่สามารถส่งผลได้....  ต้องการระดับของเวทย์ที่สูงกว่านี้!  หรือต้องใช้พลังเวทย์ในปริมาณ——】

〝บ้าเอ้ย!!!  ยังไม่พออีกงั้นเหรอ!!!!〞

〝กร… ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นหรอก...  ฉันหน่ะ...  มีสายเลือดของเทพอยู่ครึ่งหนึ่ง... เลยมีความต้านทานพลังเวทย์สูงกว่าคนทั่วไป เพราะงั้น...  ความเจ็บปวดพวกนั้น... ฉัน....ทนได้… 〞

〝!!!!!! 〞

          เพราะถูกความหวังของกรถูกขัดจังหวะด้วยเสียงประกาศในเชิงตัดพ้อ เลยทำให้กรโมโหและหงุดหงิดกับมันมาก  แต่มีอาที่เห็นกรทำสีหน้าเคร่งเครียดจนเหงื่อตกเพราะพยายามจะช่วยตนอย่างสุดกำลัง แม้นั่นจะทำให้มีอาดีใจและปลาบปลื้มอย่างที่สุด แต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกผิดด้วยเช่นกัน  จึงได้บอกกรไปแบบนั้นทั้งที่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงเจ็บปวดอยู่แน่ๆ

〝ไม่เอา!!!〞

〝กร! แต่ว่า...ฉันจะให้นายลำบากไปกว่านี้——〞

〝เงียบซะ!!!  นี่เป็นคำสั่ง....  บอกไปแล้วนี่ ว่าฉันจะช่วยเธอให้ได้  เธอหน่ะมีหน้าที่แค่ดีใจและก็บอกขอบคุณตอนฉันเอามันออกไปได้เท่านั้น  เพราะงั้นก็..... 

.....นั่งอยู่เงียบๆ แล้วก็เชื่อใจฉันซะ!!!!!!!!!〞

วูม !!!!!!

กึก!!!   กึก!!!   กึก!!!   กึก!!!   กึก!!!   กึก!!!  

〝!!!!!!! 〞

          และแน่นอนว่ากรปฏิเสธเสียงแข็ง  นั่นทำให้มีอาตกใจเพราะถูกตะคอกใส่อย่างกะทันหัน แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น  นั่นเพราะที่เธอตกใจยิ่งกว่า คือแสงสว่างสีแดงสดที่อยู่บนแขนขวาของกร มันส่องสว่างยิ่งขึ้นกว่าครั้งก่อน  ทั้งยังทำให้บรรยากาศโดยรอบสั่นไหวจนคล้ายกับว่าดันเจี้ยนกำลังจะถล่มยังไงอย่างงั้น…

.

.

.

.

แกร็ก!

〝!!!!!!! 〞

〝!!!!!!! 〞

          แล้วในที่สุดมันก็ได้ผล  พลังเวทย์ของกรที่ใช้เวลากว่า 10 นาทีในการเพิ่มเป็นหลายเท่าพันทวีจากสกิลแขนยักษา มันแสดงผลออกมาในที่สุด  และผลลัพธ์ของมันก็คือ  ตราเวทย์ที่ถูกสลักอยู่บนต้นขาของมีอา มันเริ่มปริแตกขึ้นมาราวกับแก้วยังไงอย่างงั้น

〝โกหก... น่า〞

〝ยังหรอก!!!  〞

          และต่อหน้าความจริงที่เป็นไปได้ยากตรงหน้า มีอาก็ไม่พ้นต้องสะบดออกมาด้วยความตกใจแบบนั้นเบาๆ

ขนาดผ่านไปตั้ง 10 นาที  พลังของมันต้องเพิ่มเป็นหลายร้อยเท่าแล้วแท้ๆ

แต่นี่ก็ยังทำได้แค่ทำให้เกิดรอยร้าวเท่านั้น  เพราะอย่างงั้น.....

〝ยังไม่พอ!  มากกว่านี้!!!! มากกว่านี้อีก!!!! มากกว่านี้!!!!  มากกว่านี้!!!!  มากกว่านี้!!!!  มากกว่านี้!!!! ……..

         

มากกว่านี้เซ่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  〞

          แล้วกรก็เพิ่มพลังเวทญ์ให้สูงมากยิ่งขึ้นไปอีก ทะลุปรอท  ทะลุขีดจำกัด  ทะลุถึงขีดสุดของความเป็นไปได้ของตัวเอง  แล้วจากนั้น....

แกร็ก!  แกร็ก!

เพล้ง!!!!

          แล้วในที่สุด... ความพยายามของกรก็สัมฤทธิ์ผลจนได้  นั่นเพราะพลังเวทย์ที่กรสั่งสมนาตลอดได้ทำให้ตราทาส ปริแตกเป็นกว้าง  รอยแตกขยายออกอย่างต่อเนื่องจากศูนย์กลางไปทั่ว แล้วปริแตกออกมาพร้อมกันจนแหลกสลายหายไปจนหมาดสิ้น เสมือนมันไม่ได้มีอยู่บนต้นขาของมีอามาตั้งแต่แรก

〝สำเร็จ...  งั้นเหรอ?〞

〝หึ! เป็นไงหล่ะ!!〞

〝กร.....〞

〝หืม...  ไม่ดีใจงั้นเหรอ?〞

〝ฮึก!.. ดี...ใจสิ  ที่สุดเลย....  แต่ว่า... ฉัน…〞

          แล้วพอกรเอาตราทาสออกได้สำเร็จ  มีอาก็มีน้ำตาปริ่มออกมามากยิ่งกว่าเดิมจนแทบจะไหลออกมาแล้ว  เพียงแต่เธอยังคงอดกลั้นไว้เพื่อไม่ให้กรลำบากใจนั่นเอง  และแน่นอนว่ากรก็เดาใจมีอาผู้แสนใสซื่อได้เช่นกัน  นั่นเลยทำให้กรลำบากใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

〖คุณหนู! ไม่ต้องอดทนอีกต่อไปแล้วหล่ะ...  คุณหนูอดทนมามากเกินพอแล้ว〗

〝ฮึก!...  แต่ว่า... ฉันหน่ะ...〞

〝............〞

          แต่ถึงแม้เคลเบรอสจะบอกกับมีอาให้เลิกอดทน  แต่เธอก็ยังรั้นเช่นเคย อาจจะเป็นเพราะเธอคิดว่าถ้าปล่อยตัวปล่อยใจ ก็จะทำให้กรลำบาก    หรือเพราะต้องการจะรักษาสภาพจิตใจของตัวเองโดยทำตัวให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ ก็ตามที  กรเองก็ฟังเรื่องราวอันโหดร้ายและขมขื่นของเธอมามากพอสมควร จะรู้สึกสงสารก็ไม่แปลก  ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจโดยที่ไม่จำเป็นต้องคิด และทำในสิ่งที่ลูกผู้ชายสมควรทำเมื่อผู้หญิงร้องไห้ออกมาในทันที 

ชึบ!

〝!!!!!!!!!〞

          แล้วจากนั้น กรที่นั่งอยู่ข้างๆมีอาจนถึงเมื่อครู่ ก็ขยับมือไปข้างหลังเธอ  เข้าสวมกอดจากด้านหน้า  แล้วก็ดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมอกอย่างรวดเร็วเสียจนเธอตั้งตัวไม่ทัน

〝มีอา...  ฉันจะยอมให้แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ  ไม่ต้องทนอีกแล้ว...  〞

〝ฮึก!... กร.... ฮึก!...  ไม่ได้หรอก... ก็ฉัน... หน่ะ...〞

          แต่ถึงแม้ฝ่ายที่พูดครั้งนี้จะเป้นกรก็ตาม  มีอาก็ยังรั้นอยู่ดี  แต่ถึงแบบนั้น ก็ยังทำให้มีอาเกิดอาการเกร็งไปทั่วทั้งตัว ทั้งยังบีบชายเสื้อโค้ทของกรไว้แน่นทั้งที่อยู่ในอ้อมอกของกรได้เลยทีเดียว  กรที่เห็นแบบนั้นเข้าก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป  ทั้งยังใช้คำพูดของตัวเองเพื่อลดระยะห่างของเธอให้มากยิ่งขึ้นไปอีก

〝 เธอทนเรื่องบ้าๆพวกนั้นมาเกินพอแล้วหล่ะ...  ฉันบอกไปหลายครั้งแล้วนะ... ว่าจะไม่ทิ้งเธอแน่นอน  เพราะงั้น... ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดซะ... ทั้งความเจ็บปวดของเธอ  ความเศร้าของเธอ  ความทุกข์ของเธอ ทั้งหมดนั่น... ฉันคนนี้จะเป็นคนรับมันไว้เอง〞

〝ฮึก!... กร.. ฉัน... ฮึก!...  ฉัน...〞

〝ฮือออออออออออออ!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞

          แล้วกำแพงการอดกลั้นต่อความขมขื่นอันแสนแน่นหนาของเธอก็พังทลายลงในที่สุด ด้วยคำพูดไม่กี่ปรโยคของกร จนถึงกับร้องไห้โฮออกมาชุดใหญ่เสียจนดังไปทั่ว พลางนำใบหน้าทีเปียกชื้นเพราะน้ำตาที่ไหลเป็นแม่น้ำสายใหญ่นั่น ซุกลงไปที่อกของกร แล้วก็เลื่อนมือทั้งสองข้างลงมากอดกรในระดับเอวเสียจนแน่นในท่านั่งเลยทีเดียว

〝ตลอดมา...  อยากได้ยินมาตลอด  อยากให้มีคนพูดแบบนั้นมาตลอด!!! 〞

〝อืม...  〞

〝มันทรมาน  เจ็บปวด... จนแน่นหน้าอกไปหมด  ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องมาเกิดกับฉันกัน!!!  ทำไม... ถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับฉันด้วย!!!  ฉันหน่ะ... ก็แค่อยากจะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ...อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเท่านั้นเอง แล้วทำไม!!!!  〞

〝อา.....  〞

〝ฉันกลัว... คนพวกนั้น  ....เจ้าพวกนั้น ฉัน... ทำอะไรไม่ได้เลย  ถึงจะมีชีวิตรอดออกไปได้  ก็คงถูกพวกนั้นจับไปอีกแน่ๆ〞

〝.........〞

มีอา... กำลังกลัว

ยัยนี่...  ถูกโลกภายนอกกำหนดให้เป็นชนชั้นที่ต่ำที่สุดไปแล้ว

แต่ที่เธอพูดมานี่ก็ไม่ผิดไปเลย...  เพราะ ถ้าออกไปสู่โลกภายนอก ก็จะต้องถูกตามล่าจากทั้งศาสนจักรและสภา 7 ปีก แน่นอน...

แต่ว่านั่น... มันมีเรื่องที่เธอพูดผิดอยู่อย่าง นึงนั่นก็คือ.....

เธอไม่ได่อยู่ตัวคนเดียวยังไงหล่ะ!

〝มีอา... ฉันจะปกป้องเธอเอง〞

〝ฮึก... กร...  แต่ว่า... ฉันหน่ะ... ทั้งถูกหาว่าเป็นกบฏ  แล้วยังเป็นลูกของอาชญากร...  ต้องถูกไล่ล่า... จากทุกที่แน่...  〞

〝แล้วคิดว่าฉันเป็นใครกันหล่ะ...  เธอก็รู้นี่... ว่าฉันแข็งแกร่งขนาดไหน〞

〝กร...  แต่ฉันไม่อยากลากนายมาลำบากด้วย!〞

〝ฉันไม่สน!  ไม่ว่าจะไอ้หน้าไหนก็ตาม  ถ้ามันเป็นศัตรูหรือมายืนขวางทางฉัน  ฉันจะจัดการมันให้หมด... ดังนั้นเธอ ไม่จำเป็นต้องกลัวซักนิด〞

〝กร...  ฮึก...〞

〝มีอา...  ฉัน『สัญญา』  ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต  ฉันก็จะปกป้องเธอให้ได้  เพราะงั้นเธอไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว... ตอนนี้เธอ หน่ะ... ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว!!!〞

〝 กร…. ฉัน...  ฉัน... ฮึก!  〞

.

.

.

.

〝ฮือออออออออออออ!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞

          หลังจากนั้นมีอาก็ร้องไห้ออกมาแบบนั้นอีกพักใหญ่  ส่วนกรที่มอบอกของตัวเองให้มีอาใช้เป็นที่ซุกก็ทำการปลอบใจมีอาแบบนั้นอยู่ตลอดเช่นกัน  รวมถึงการที่เขาสัญญากับมีอาไปแบบนั้นก็ด้วย  โดยที่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า สัญญาในครั้งนี้แม้จะเป็นเพียงคำพูดก็ตาม แต่นั่นจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะผูกมัดตัวเขากับมีอาโดยที่ไม่มีอะไรจะสามารถตัดขาดหรือแยกออกจากกันได้ไปตลอดกาล...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 23 : ความก้าวหน้าของความสัมพันธ์

    ——— 1 สัปดาห์ต่อมา ณ ดันเจี้ยนชั้นที่ 49…เจี้ยกๆๆๆ!!!!!!! ท่ามกลางดันเจี้ยนใต้ดินดินอันแสนมืดมิด ไร้ซึ่งแสงสว่างหรือความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์สภาพแวดล้อมโดยทั่วไป มีลักษณะคล้ายถ้ำใต้ดิน มีผิวขรุขระสีน้ำตาลตลอดแนว แต่ที่แตกต่างก็คือ บนเพดานมีจุดแสงมากมายนับไม่ถ้วนกำลังส่องประกายอยู่เป็นจำนวนมาก จนคล้ายกับทางช้างเผือกที่ถูกสลักเสลาอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนยังไงอย่างงั้น กลับมีเสียงร้องแหลมๆเสียจนระคายหูดังขึ้นมาขัดจังหวะความสงัดของสถานที่อันแสนงดงามนี้ จนไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่า เสียงนี้มันช่างขัดกับบรรยากาศซะจริง แน่นอน〝มีอา... จัดการตัวซ้ายก่อน〞〝รับทราบ〞 และในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงของเด็กหนุ่มกระซิบแบบนั้นออกมาด้วยเสียงเรียบๆคล้ายกับจะออกคำสั่งกับใครบางคน แล้วเด็กสาวที่มีชื่อว่า มีอา ที่อยู่ข้างๆเด็กหนุ่มก็เป็นคนรับคำสั่งนั้นเอง ก็ตอบสนองคำพูดนั้นของเด็กหนุ่มในทันทีด้วยการถีบพื้นไปข้างหน้า เพื่อไปยังจุดกำเนิดเสียงที่คล้ายกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายนั่น… ....และไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งคู่เป็นใคร เด็กหนุ่มคนที่ออกคำสั่งเมื่อครู่ก็คือกรนั่นเอง ส่วนเด็กผู้หญิงที่

    Last Updated : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 24 : การต่อสู้ของสองคน〖เพียงลำพัง〗

    〝กร.... นะ...นั่นคือ... บอส... งั้นเหรอ?〞 หลังจากที่กรและมีอาเดินลงมาจนถึงชั้นที่ 50 แล้ว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของพวกเขาก็คือ บอสมอนสเตอร์รูปแบบมังกรห้าหัว สีดำสนิท กรงเล็บที่อยู่ตรงเท้าทั้ง 4 ก็ยาวกว่า 10 เมตรแลดูแหลมคมเป็นอย่างมาก แม้จะไร้ซึ่งปีกไว้โบยบินแต่ขนาดนั้นกลับสูงใหญ่มากกว่า 10 เมตรทั้งที่ยังไม่โผล่พ้นน้ำออกมาทั้งหมด ต่อหน้าความจริงที่ยากจะเชื่อและน่าหวาดหวั่นตรงหน้า มีอาจึงทำได้แค่ถามกรออกมาด้วยเสียงสั่นๆทั้งที่เธอก็รู้คำตอบอยู่แล้ว〝ถูกต้อง... เตรียมพร้อมซะ! ห้ามประมาทเด็ดขาด... แม้เสี้ยวของเสี้ยววินาทีก็ห้ามผ่อนคลายสภาวะต่อสู้เป็นอันขาด... เข้าใจไหม!〞〝อึ้ก! เข้าใจแล้ว!!!〞 แล้วกรก็ตอบคำถามของเธอในทันที และออกคำสั่งแก่มีอาในทันใดเพื่อให้เธอรีบตั้งรับและห้ามประมาทด้วยเสียงเรียบๆที่แสนเย็นชามากที่สุด แววตาก็ดูดุดันแต่ตาดำกลับมืดสนิทไร้ซึ่งแสงสว่างหรือประกายใดๆ มีอาเองก็เคยเห็นกรอยู่ในสภาวะ『ตัดความรู้สึก』ในตอนสู้มาแล้ว แต่ความเยือกเย็นและแรงกดดันจากตัวกรในตอนนี้แตกต่างกันมาก หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คงเหมือนกับปริมาณน้ำ ที่อยู่ในหนึ่งแก้วก

    Last Updated : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 25 : เหตุผลการคงอยู่ของสองคน〖ที่แตกต่างกัน〗

    〝มีอา!!!!!!!!! 〞ชึบ! หลังจากที่มังกรห้าหัว ซึ่งเป็นบอสประจำชั้นที่ 50 ปล่อยการโจมตีด้วยสกิลปริศนาใส่ทั้งกรและมีอาไป ฝ่ายที่ล้มลงไปทั้งยืนกลับเป็นมีอาเพียงคนเดียวเท่านั้น กรจึงตะโกนเรียกเธอด้วยความร้อนรน ทั้งยังเผลอคลายสภาพ『ตัดความรู้สึกสมบูรณ์』ออกโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก แต่แน่นอนว่ากรไม่ได้ปล่อยให้เธอล้มทั้งยืนจนกระแทกพื้นทั้งอย่างงั้น เพราะในจังหวะแทบจะทันทีที่มีอาเอนตัวลงไป ตัวกรก็เข้าไปรับและประคองเธอขึ้นทั้งที่ยืนอยู่ในทันที〝มีอา!!! เฮ้ยๆ!!! ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า... เวรเอ้ย!!! ไม่ไหว ไม่ตอบสนองเลยซักนิด... เจ้าหมา!!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับยัยนี่กันแน่ฟ่ะ!!!!!〞〖..........〗 แล้วพอกรรับตัวมีอาไว้ได้ เขาจึงรีบใช้ฝ่ามือ ตบที่แก้มของเธอเบาๆ เพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนอง แต่เธอกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยซักนิด เขาจึงถามเคลเบรอสออกมาในทันที เพราะที่อยู่ตรงนี้คงไม่มีใครรู้อีกแล้วนอกจากมันนั้นเอง แต่เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามของกรแล้วอย่างชัดเจนก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันทีแต่อย่างใด〝คะ.... คะ คุณ...〞〝มีอา!!!!〞 แล้วกรที่รอคำตอบของเคลเบรอสมาจนถึงเมื่อครู่ ก็ได้ยินเสียง

    Last Updated : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 26  : รังสรรค์ความหวังจากพลังของเราสอง〖ด้วยจิตใจที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว〗

    มืดสนิท.....โดดเดี่ยว..... เพียงลำพัง..... ว่างเปล่าจริงๆแฮะ.......นี่เรา..... ตายอีกแล้ว... งั้นเหรอ? หลังจากที่กรหมดสติไปได้พอสมควร กรก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่สิ่งที่พบกลับมีแต่ความมืดมิดในทัศนวิสัยของเขา และเพราะความรู้สึกที่กรกำลังเผชิญอยู่นี้มันเหมือนกับที่กรเคยสัมผัสมาแล้วเมื่อครั้งที่กรตายไปสองครั้งก่อนหน้าไม่มีผิด กรจึงคิดเป็นอย่างแรกเลยว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว〝——อย่า....〞!!!! แล้วหลังจากนั้น กรก็ได้ยินเสียงของใครบางคน ดังแว่วเข้ามาในสติอันเรือนรางเสียง? ผู้หญิงงั้นเหรอ? ....เสียงนี่ ....เป็นของ ....ใครกัน? แต่ถึงแม้กรจะได้ยินเสียงนั้นราวกับถูกกระซิบอยู่ข้างหู ความคิดของกรก็ยังคงเลือนลางและอ่อนล้าเต็มทีเช่นเดิม〝——คนเดียว....〞ไม่... เข้าใจ แต่ว่า...เป็นเสียงที่คุ้นเคยจริงๆ..... ทั้งยัง ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดอีก.....〝....ทิ้งฉัน——〞ทิ้ง... งั้นเหรอ?ก็บอกแล้วไง.... ว่าไม่เข้าใจ......〝——อย่าทิ้งฉัน.... ไว้คนเดียว...〞!!!!เสียง... นี่มัน.....〝อย่าตายนะกร!!! ได้โปรด! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว!!!!!!〞!!!!!!!!!!

    Last Updated : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 27 :  มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง มีครั้งที่สองก็ต้องมีครั้งที่สาม

    【ไอ้หนู เจ้าเชื่อในเรื่องของโชคชะตาหรือชะตากรรมบ้างหรือเปล่า?】……………อะไรอีกหล่ะเนี่ย? ภาพหลอนก่อนตายอีกแล้วงั้นเหรอ? ไม่สิ... นี่มันมีแต่เสียงไม่ใช่เหรอ แต่เดี๋ยว.... ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนกันเล่า!! ในขณะที่สติของกรกำลังดำดิ่งลงสู่หลุมลึกไร้ก้นบึ้งเพราะผ่านความตายมาแล้วอยู่นั้น กลับมีชายวัยกลางคนเอ่ยถามกรขึ้นมาในสถานการณ์แปลกๆนี่ ด้วยคำถามที่ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ กรจึงทำได้แค่มึนงงกับมันเท่านั้นเอง【เชื่อหรือเปล่า? 】ถามซ้ำอีกแล้ว! ที่ไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่ได้ยินเฟ้ย! แต่เพราะตกใจอยู่ต่างหาก…...ว่าแต่ นี่เรากำลังจะตาย.... หรือคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่รึไง?เรานี่ก็ยังมีอารมณ์มาตบมุขอีกนะ น่าโมโหกับตัวเองจริงๆ นี่หรือว่าจะชินกับความตายเข้าให้แล้ว.... หวา〜 ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่ากลัวพิลึกเลยนี่หว่า【เชื่อ-รึ-ป่าว〜? 】เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ตอบก็ได้!!! หยุดลากเสียงแบบนั้นทีเถอะได้โปรด...เอ่อ....ถ้าตอบตรงๆหล่ะก็.... ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หน่ะ【โอ้! งั้นหรอกเหรอ ทำไมหล่ะ?】....ผลลัพธ์จากเหตุการณ์ต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำที่ตัวเราเป็นคนก่อ ซึ่งมีเหตุมี

    Last Updated : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 28 :  สารภาพ

    〝กร... โอเคแล้วใช่ไหม?〞〝อะ อา... ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะดีมากเลยหล่ะ〞 หลังจากที่กรทำการสำเร็จโทษตัวเองด้วยการเอาศีรษะเขกพื้นในท่าหมอบกราบนานกว่า 10 นาที จนกิเลส(ส่วนใหญ่)ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาทางมีอาทั้งที่ยังหันหลังให้เธออยู่ จนมานั่งอยู่ใกล้ๆกับเธอเช่นเดิม〖เจ้าหนู ข้าคิดมาตลอดเลยว่าเจ้าเป็นคนประเภทขี้อาย... แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วหล่ะ ก็เจ้าหน่ะ——— 〗〝หยุดเลย! ขอทีเถอะเจ้าหมา!〞〝หืม?〞 และแม้มีอาที่นั่งอยู่ใกล้ๆจะยังคงเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเช่นเดิมเพราะยังไม่เข้าใจเหตุผลในการกระทำของกร แต่ถึงเคลเบรอสจะไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ แต่ก็ยังพอเดาได้ว่ากรไปเห็นอะไรเข้า นั่นจึงทำให้กรร้อนรนเข้าไปใหญ่ ทั้งยังระวังตัวเคลเบรอสให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมโข พลางคิดอยู่ในใจว่า〝เจ้าหมา... แกนี่มันน่ากลัวจริงๆ〞อะ... เอาเถอะ เรื่องเจ้าหมานั่นเอาไว้ก่อนดีกว่า...ประเด็นคือ ไอ้สกิลที่มีแต่เครื่องหมายดอกจันตรงคำอธิบาย... ตั้งแต่สกิลก่อนหน้าอย่าง『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』กับ『Ogre Arm(ต้นฉบับ)』ทั้งสองอันหน่ะ.... พอใช้ไปครั้งนึงแล้ว คำอธิบายก็จะปรากฏออกมา นี่ต

    Last Updated : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 29 :  ความหวังที่เหลืออยู่ของเหล่าเพื่อนสนิท

    ———ย้อนกลับไป ในเวลาเดียวกับที่กรพบกับมีอาเป็นครั้งแรกที่ชั้น 33 … หลังจากเหตุการณ์ที่กลุ่มของรินและเสือเข้าปะทะกันด้วยวาจาอย่างรุนแรงที่หน้าค่ายพักผ่อนเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากที่ปาร์ตี้ของฮาวลี่ถูกวาร์ปเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างกะทันหันนั่น หลังจากที่ทุกคนรวมถึงกลุ่มของเสือและรินกลับเข้าไปในค่ายแล้ว ฮันซี่ก็ทำการประกาศเหตุฉุกเฉินให้ทหารทุกนายรวมถึงเหล่านักเรียนผู้กล้าทุกคนรีบกลับไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน โดยอ้างว่าช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้เส้นทางกลับอาจมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกพัดผ่านอย่างหนัก ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดความล่าช้าและอันตรายที่คาดไม่ถึงได้ ส่วนตัวฮันซี่นั้นไม่สามารถกลับไปพร้อมกันได้ โดยใช้ข้ออ้างอีกอย่างหนึ่งว่าตนเองและเหล่าทหารคนสนิทได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ไปปฏิบัติภารกิจฉุกเฉิน จึงต้องรอคำสั่งต่อไปที่หมู่บ้านใกล้ๆนี่ ด้วยเหตุที่ว่าจึงร่วมเดินทางกลับกับทุกคนไม่ได้ แม้จะฟังดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆก็ตาม แต่นักเรียนผู้กล้าทุกคนก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีบิดพลิ้ว แน่นอนว่าสาเหตุที่แท้จริง

    Last Updated : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 30 :  เป็นธรรมดาที่ก่อนสอบจะต้องอ่านหนังสือและเป็นธรรมดาที่ข้อสอบมักออกไม่ตรงกับหนังสือที่อ่านมา

    ก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องแหลมๆแสบแก้วหูคล้ายกับของสัตว์เลื้อยคลานเช่นกิ้งก่า ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของดันเจี้ยนชั้นที่ 75 ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเป็นถ้ำหินแกรนิตสีน้ำตาล ผิวขรุขระไม่สม่ำเสมอกันตลอดแนว ส่วนพื้นเองก็ทำจากวัสดุแบบเดียวกัน แต่ที่แตกต่างก็คือ มันเรียบเนียนตลอดจนสุดสายตาราวกับถูกปูด้วยกระเบื้องอย่างประณีตเลยทีเดียว ซ้ำยังไม่มีรอยต่อให้เห็นราวกับมันเป็นเนื้อเดียวจริงๆอีกต่างหากก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องโหยหวนอันแสดงถึงอาการบาดเจ็บสาหัสของมอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่ยังคงร้องลั่นอย่างต่อเนื่องเพราะมันได้เสียแขนขวาไป และที่มาของเสียงร้องนั้นก็คือ『 ครอกโคแมน 』 ซึ่งเป็นมอนสเตอร์รูปร่างจระเข้ผิวสีเขียวขี้ม้าสูงกว่า 2 เมตร มีรอยตะปุ่มตะป่ำอยู่ทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดกว่าจระเข้ทั่วไปคือ ครอกโคแมนที่ว่ามันยืนสองขา สวมชุดเกราะหนักอย่างรัดกุมโดยโผล่ส่วนที่เป็นเนื้อหนังให้เห็นแค่บริเวณลำคอและใบหน้าเท่านั้น ทั้งยังถือขวานเหล็กขนาดใหญ่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างอีกต่างหาก เพิ่มเติมคือเจ้าจระเข้เดินสองขาตัวนี้มันสวมหมวกกันกระแทกและแว่นกันลมแบบเดียวกับนักบินของเยอรมันในสงครามโลกครั้ง

    Last Updated : 2025-04-10

Latest chapter

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 215 : สาวน้อยธรรมดา?เองก็อยากสร้างคุณค่าของตัวเองเหมือนกัน (Rachel and Rita have a Date)

    ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 214 : สาวน้อยธรรมดา?เองก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือนกัน (Lilith and Karen have a Date)

    หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 213 : สาวน้อยอ่อนประสบการณ์เองก็มีเรื่องที่อยากลองเหมือนกัน (Mine and Rebecca have a Date)

    เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 212 : สาวน้อยผู้ร่าเริงเองก็มีเรื่องที่คิดมากเหมือนกัน (Flora and Umina have a Date)

    หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 211 : สาวมากประสบการณ์เองก็มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากเหมือนกัน (Jenny and Helena have a Date)

    ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 210 : สาวมั่นเองก็มีเวลาที่อยากจะอ้อนเหมือนกัน (Silvia and Fiona have a Date)

    ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 209 : สาว ๆ ก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน (Cordiria has a Date)

    “ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 208 : หลังออกกำลังย่อมต้องการการพักผ่อน

    ————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 207 : ประกายแสงสีรุ้ง

    ————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status