〝——สรุปแล้วก็คือ ...ไม่มีทางออกดันเจี้ยนได้ นอกจากจะใช้เวทย์มิติ ประเภทเซฟพิกัดเท่านั้นสินะ〞
〝อื้ม… ใช่แล้วหล่ะ!〞
〝แล้วเวทย์มิติที่ว่าเนี่ย หายากรึเปล่า?〞
〝อืม..... อย่าว่าแต่เวทย์มิติเลย ปกติแล้ว มนุษย์ที่มีคุณสมบัติในการเป็นจอมเวทย์หน่ะ หายากสุดๆไปเลยด้วยซ้ำ ถึงจะไม่น้อยขนาดนั้นก็เถอะ แต่ใน 1,000 คน ก็มีแค่ประมาณ 150 คนเท่านั้นแหล่ะ เพราะงั้นเวทย์มิติก็เลยหายากกว่านั้นซะอีก.... แต่เพราะงั้นก็เลยมีคนทดลองลงตราเวทย์จุดเซฟที่ว่า ลงไปในหินเวทย์มนต์ ผลก็คือ ทำให้เกิดไอเทมเวทย์มนต์ชนิดใหม่ที่สามารถใช้แทนเวทย์มิติได้ ชื่อของมันก็คือ 『ศิลาเวทย์เคลื่อนย้าย』 แล้วนอกจากจะใช้วาร์ปเข้า-ออกดันเจี้ยนในชั้นต่างๆ ได้ตามใจแล้ว ถ้าเป็นคณะเดินทางที่มีใบอนุญาตก็จะสามารถใช้เดินทางข้ามเมืองได้ด้วยนะ....〞
.
.
หลังจากที่กรยอมรับ『มีอา』เด็กสาวที่เขาช่วยเหลือไว้ได้ด้วยความบังเอิญในครั้งก่อน ให้เดินทางไปด้วยกันได้ โดยแลกกับข้อมูลของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนแห่งนี้ ก็ผ่านมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา กรได้ถามข้อมูลจากมีอามาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีเหนื่อยใจเพราะโดนยิงคำถามอย่างต่อเนื่องแต่อย่างใด ทั้งยังตอบทุกคำถามของกรกลับได้อย่างคล่องแคล่วและร่าเริง จนกรแทบจะเป็นฝ่ายรำคาญเสียเอง แต่กรก็ไม่ได้ต่อว่าเธอในจุดนั้นแต่อย่างใด และแม้จะเดินเท้ามาเกือบ 1 ชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่พวกกรก็ยังไม่ได้เข้าปะทะกับมอนสเตอร์เลยซักครั้งเดียว สาเหตุเป็นเพราะกรต้องการที่จะทราบข้อมูลทั้งหมดให้แน่ใจเสียก่อนเพื่อวางแผนการรบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เลยใช้สุดยอดการประมวลผลกับสกิลทั้งหมดหลีกเลี่ยงมอนสเตอร์มาโดยตลอด
และจากข้อมูลที่กรสอบถามมาจากมีอา ดูเหมือนว่าดันเจี้ยนในโลกนี้เองก็ถูกแบ่งระดับเช่นเดียวกับไอเทมเช่นเดียวกัน โดยดันเจี้ยนโดยทั่วไปนั้นจะอยู่ในระดับ B ซึ่งเหมาะกับนักผจญภัยทั่วไปที่มีกำลังทรัพย์ อาวุธและจำนวนคนพอสมควร ส่วนระดับ A ที่สูงกว่านั้น จะเหมาะกับนักผจญภัยที่มีกำลังอาวุธและความแข็งแกร่งระดับสูงขึ้น จำนวนคนที่ใช้ก็ต้องครบจำนวนคนสูงสุดในปาร์ตี้ที่เป็นไปได้ หรือก็คือส่วนใหญ่มักจะลุยกันเป็นปาร์ตี้ 7 คนนั่นเอง
แต่นอกจากสองระดับที่ว่ามานั้น ยังมีระดับที่สูงกว่านั้นก็คือ ระดับ S ที่แม้จะเป็นนักผจญภัยมือฉมังก็ยังไม่สามารถไปด้วยปาร์ตี้เดี่ยวๆได้ และจากที่กรถามมีอามาจนถึงตรงนี้ เลยทำให้กรทราบถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่า『กิลด์』 ซึ่งหากเปรียบเทียบให้เข้าใจโดยง่าย มันก็คล้ายๆกับปาร์ตี้ ที่มีความซับซ้อนและจำนวนคนมากกว่ากันโขนั่นเอง ปาร์ตี้ที่สร้างได้จากสกิล『ตั้งปาร์ตี้ขั้นสูง』นั้น สามารถมีสมาชิกได้มากสุดเพียง 7 คนรวมคนสร้างปาร์ตี้ด้วยเท่านั้น แต่กิลด์ที่ว่าสามารถสร้างกองกำลังได้มากกว่านั้นก็คือ สูงสุด 100 คนเลยทีเดียว เห็นได้ชัดเลยว่าแค่ความแข็งแกร่งนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะเอาตัวรอดในดันเจี้ยนระดับสูง
เพียงแต่ว่า นอกจากดันเจี้ยนระดับ S ที่ต้องใช้กลุ่มคนที่มีความแข็งแกร่งขนาดนั้นเข้าลุยแล้ว ยังมีดันเจี้ยนระดับ SS ที่ต้องใช้นักผจญภัยระดับ S ถึง 50 คน ในการบุกตะลุยอีกด้วย ทั้งยังต้องมีไอเทม อาวุธและเครื่องป้องกันในการเอาตัวรอดครบครันอีกด้วย
กรเองก็สงสัยอยู่บ้างว่า ถ้าต้องใช้คนจำนวนมากขนาดนี้ในการเข้าดันเจี้ยน มันจะไม่ดูวุ่นวายแย่เหรอ แต่จากที่มีอาเล่า ปกติแล้วในชั้นปกติก็จะใช้ปาร์ตี้ 7 คนในการปะทะกับมอนสเตอร์ เก็บเลเวลเท่านั้นแหล่ะ แต่หากมีการค้นพบห้องบอสใหม่ๆในดันเจี้ยนระดับ S ขึ้นไป ก็จะเป็นหน้าที่ของกิลด์ที่ต้องรวบรวมคนให้ได้มากที่สุดในการล้มบอส พอถึงตรงนี้กรก็เข้าใจได้ในทันที นั่นเพราะกรเจอเรื่องส่วนต่างความแข็งแกร่งของบอสมากับตัวเอง ทั้งที่มอนสเตอร์ปกติในดันเจี้ยนนั้นมีสเตตัสไม่ถึงล้านแท้ๆ แต่บอสมอนสเตอร์อย่างเคลเบรอสกับมีสเตตัสมากถึง 10 ล้าน เห็นได้ชัดเลยว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าปะทะได้ด้วยตัวคนเดียว กรเองนั้นถ้าไม่ได้สกิล『จิตวิญญานเหล็กกล้า』ช่วยในตอนสุดท้าย ก็คงจะตายอย่างสูญเปล่าไปเพราะเข้าปะทะกับบอสโดยไม่คิดไปแล้ว
แต่ไม่ใช่แค่นั้น.... เพราะจากที่มีอาเล่า ระดับความยากสูงสุดของดันเจี้ยนในโลกนี้ มันไม่ใช่ระดับ SS แต่ยังมีระดับสูงกว่านั้นอีก นั่นก็คือระดับ SSS ที่เป็นระดับความยากสูงที่สุดในโลก ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ『มหาดันเจี้ยนโบราณทั้ง 8』ตามตำราและตำนานที่สืบทอดกันมา ตอนนี้แม้จะถูกค้นพบแล้วเพียงครึ่งหนึ่งคือ 4 ใน 8 แห่งจากทั้งหมด แต่ตลอดเวลาตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีดันเจี้ยนใดใน 4 แห่งที่ถูกค้นพบแล้วนี้ ถูกเคลียร์ไปแล้วซักแห่งเดียว
พอกรรู้ว่ายังมีดันเจี้ยนระดับที่สูงกว่าอีก เขาเลยตะลึงเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน กรก็สงสัยว่าขนาดดันเจี้ยนระดับ SS ยังต้องใช้คนถึง 50 คน ในการสู้กับบอส แล้วระดับ SSS ที่สูงกว่าจะต้องใช้คนขนาดไหนในการเข้าปะทะ มีอาจึงเล่าให้ฟังว่า ในการเข้าปะทะกับบอสของดันเจี้ยนระดับ SSS นั้นต้องใช้กิลด์หลายแห่งรวมตัวกันเพื่อเข้าปะทะเลยทีเดียว เธอยังเล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อ 10 ปีก่อน มีการค้นพบห้องบอสของมหาดันเจี้ยนโบราณแห่งหนึ่ง ในครั้งนั้น ได้เกิดการรวมตัวของกิลด์ขนาดใหญ่ทั่วราชอาณาจักร มากกว่า 10 กิลด์ ผลก็คือในการเข้าปะทะกับบอสต้องใช้คนมากถึง 1,000 คนเลยทีเดียว แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเสียคนไปถึง 1 ใน 5 หรือเกือบๆ 200 คน เลยด้วยซ้ำ
พอมาถึงตรงนี้ กรเลยเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ดันเจี้ยนแห่งนี้มีระดับความยากเท่าไหร่กันแน่ ทั้งที่เกรงกลัวคำตอบอยู่หน่อยๆเพราะลางสังหรณ์บ้าๆทำงานไม่ถูกเวลา แล้วพอมีอาบอกว่า ดันเจี้ยนแห่งนี้ มีระดับความยากอยู่ในระดับ SSS หรือก็คือดันเจี้ยนแห่งนี้ เป็นหนึ่งใน『มหาดันเจี้ยนโบราณทั้ง 8』 นั่นเอง กรก็ตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด พลางบ่นอยู่ในลำคออย่างหน่ายๆว่า【ทำลงไปซะแล้วแฮะ...】เพราะตัวเองเพิ่งจัดการอัดบอสที่ต้องใช้นักผจญภัยระดับสูงในการเข้าปะทะถึง 1,000 คน ด้วยตัวคนเดียวนั่นเอง
และเพราะถามข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนแห่งนี้ กรจึงถามเกี่ยวกับที่ตั้งของดันเจี้ยนแห่งนี้กับมีอาไปพร้อมกันก็ได้ความว่า ดันเจี้ยนแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวอาณาจักรอาลันที่กรถูกส่งมาถึง 250 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทั้งที่ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงต้องวางกับดักวาร์ปไว้ไกลจากตัวดันเจี้ยนขนาดนี้ แต่กรก็คิดว่าถึงอยากรู้ก็ไม่มีใครตอบได้นอกจากฟรังซ์ ออลเดล ก็เลยหันไปถามเรื่องอื่นในทันที
แล้วจากนั้นกรก็ไม่พ้นที่จะถามเรื่องของมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน มีอาก็เล่าว่า มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนทุกแห่งนั้นจะความแข็งแกร่งขึ้นตามสเตตัสของคนที่เข้าปะทะเป็นคนแรก หรือไม่ก็จะยึดสเตตัสในตอนที่คนๆนั้นลงมายังชั้นใหม่สลับกันไปอย่างไร้หลักการ
และหากเข้าปะทะเป็นปาร์ตี้ ความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ก็จะเพิ่มขึ้นตามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในปาร์ตี้ และถึงแม้จะเข้าปะทะแบบธรรมดาโดยไม่ได้จัดปาร์ตี้ มอนสเตอร์ก็ยังแข็งแกร่งขึ้นตามคนที่มีสเตตัสสูงที่สุดในบริเวณนั้นๆอยู่ดี นั่นเลยทำให้มีแต่คนจัดปาร์ตี้เข้าสู้ทั้งนั้น นั่นเพราะนอกจากจะรู้ตำแหน่งของสมาชิกแล้ว ยังสามารถได้รับผลพิเศษบางอย่างอีกด้วย
และจากที่บอกไป มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนั้นแตกต่างจากมอนสเตอร์ที่อยู่นอกดันเจี้ยน เพราะมอนสเตอร์ประเภทนั้นจะมีค่าสเตตัสและความแข็งแกร่งคงที่นั่นเอง และดูเหมือนว่าจะมีเคสที่มอสเตอร์ในดันเจี้ยน มีสติปัญญาสูงขั้นตามด้วยเช่นกัน กรเองก็สะกิดใจถึงสติปัญญาของมันอยู่แล้วจากที่เจอการตั้งค่ายกลหลายๆแบบของกลุ่มมอนสเตอร์อยู่บ่อยๆ ก็เลยไม่ค่อยแปลกใจตรงจุดนี้นัก
แต่ช่วงห่างของความแข็งแกร่งกับขีดจำกัดสูงสุดของสเตตัสมอนสเตอร์เองก็ขึ้นกับระดับความยากของดันเจี้ยนเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ในดันเจี้ยนระดับ B มอนสเตอร์จะสามารถมีสเตตัสสูงสุดอยู่ที่ 1,000 จุดเท่านั้น หมายความว่าถ้าคนที่เข้าปะทะมีสเตตัสน้อยกว่านั้นมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นตามได้ หากแต่คนที่มีสเตตัส 5,000 จุดเป็นคนเข้าไปปะทะ สเตตัสของมอนสเตอร์ก็จะอยู่ที่ 1,000 เช่นเคย ส่วนในกรณีของดันเจี้ยนที่สูงกว่าระดับ S นั้น ยังไม่มีใครสามารถวัดขีดจำกัดได้ ทั้งนี้ก็คงเป็นเพราะยังไม่มีบุคคลที่สเตตัสสูงพอกับค่าสูงสุดของมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนั่นเอง
แม้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไม มอนสเตอร์ถึงได้แข็งแกร่งขึ้นตามคนที่เข้าปะทะ แต่ก็เคยมีคนเสนอทฤษฎีที่ว่า บางทีมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนอาจจะมีแกนเวทย์บางอย่างอยู่ภายในตัว โดนในแกนเวทย์จะมีพลังเวทย์สะสมอยู่ โดยปริมาณขึ้นกับอายุของดันเจี้ยน บ้างก็ว่ามันเป็นการล่อให้คนเข้ามาในดันเจี้ยนก็มี นั่นเพราะถ้ามอนสเตอร์แข็งแกร่งเกินไปก็คงไม่มีใครอยากเข้ามาในดันเจี้ยนแน่อยู่แล้ว ถึงยังไงก็ตามแต่....เพราะทั้งหมดที่ว่ามา มันไม่มีข้อพิสูจน์ ทั้งหมดจึงเป็นได้แค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น.....
.
.
.
〝 เป็นไงบ้าง ข้อมูล...เป็นประโยชน์รึเปล่า?〞
〝หืม... อา...ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อดีอยู่หรอก〞
〝งะ งั้นเหรอ! ค่อยยังชั่วหน่อย....〞
หลังจากที่มีอาได้เวลาพักครึ่ง จากที่กรยิงคำถามมาตลอดทางทั้งที่ยังเดินกันอยู่ เธอกลับเป็นฝ่ายถามกรเพื่อยืนยันว่าข้อมูลที่เธอให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วยใบหน้าที่ดูกังวลเล็กน้อย เห็นได้ชัดเลยว่าที่เธอถามกรออกไปแบบนั้น เป็นเพราะเธอกังวลที่จะโดนกรทิ้งอีกครั้งนั่นเอง พอกรบอกว่าข้อมูลของเธอมีประโยชน์เธอเลยทำสีหน้าโล่งอกออกมาอย่างชัดเจน ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆครั้งนึง
〝......เธอนี่ ....จะขี้กังวลไปถึงไหนกัน〞
〝กะ...ก็มัน!〞
แน่นอนว่ากรเองก็สังเกตเห็นความกังวลนั่นได้ มีอาที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งหวั่นไหวเข้าไปใหญ่
〝 เฮ้อ! ฉันไม่ผิดคำพูดของตัวเองหรอกน่า มีแต่เรื่องนี้เท่านั้นที่ฉันบอกเธอได้อย่างมั่นใจ เพราะงั้น...ถ้าเธอไม่มาขัดแข้งขัดขาตอนสู้ ยังไงฉันก็ไม่ทิ้งเธอหรอก.....〞
〝!!!〞
แล้วกรก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะบอกมีอาไปแบบนั้น พอได้ยินคำพูดของกรเข้าไปแบบนั้นมีอาก็ตกใจเล็กน้อยพลางหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ แน่นอนว่าเพราะความดีใจที่ถูกบอกว่าตัวเองจะไม่ถูกทิ้งอีก
แต่ที่กรพูดแบบนั้นออกไป ไม่ใช่เพื่อตัวมีอาเสียทีเดียว นั่นเพราะกรไม่อยากให้เธอกังวลจนวิตกจริตเกินไป ....เมื่อพบเจอเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ตัวเธอที่มัวแต่กังวลก็มีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงและพลาดพลั้งไปในที่สุด
『ความเยือกเย็นจำเป็นสำหรับทุกสถานการณ์』อันเป็นคติประจำใจของกรในตอนนี้ไปเสียแล้ว มันได้คอยย้ำเตือนกรอยู่เสมอว่า ตัวแปรรอบตัวทุกอย่างคือสิ่งสำคัญที่จะพลิกหมากบนกระดานได้อยู่เสมอ เพราะงั้นกรจึงต้องทำให้เธอสบายอกสบายใจ เมื่อถึงเวลาสำคัญที่ว่า จะได้เชื่อฟังที่ตัวเองบอกโดยที่ไม่หวั่นไหวไปกับสภาพแวดล้อมนั่นเอง
〖โห้! อะไรกันเนี่ยเจ้าหนู....พูดเรื่องดีๆก็เป็นเหมือนกันนี่!〗
〝 อย่าบ้าน่าเจ้าหมา! ฉันทำเพื่อตัวเองหรอกน่า〞
〖หึ....ปากไม่ตรงกับใจเอาซะเลยนะเจ้าหนู〗
〝 ชิ! หนวกหูน่า!〞
แต่ผลลัพธ์จากที่กรพูดออกไปแบบนั้นจากมุมมองของคนอื่นแล้ว ดูยังไงมันก็เป็นการปลอบใจมีอาอย่างเห็นได้ชัด นั่นเลยทำให้เคลเบรอสชื่นชมกรออกมา กรเองแม้จะแก้ตัวไปแบบนั้นก็ยังถูกเคลเบรอสหยอกกลับเช่นเคย เพราะเขาไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า ถ้าตัวเองไม่ห่วงมีอาจริงๆ ก็สามารถใช้คำพูดเย็นชาเป็นเชิงออกคำสั่งแทนก็ได้ แต่ที่ไม่ทำเช่นนั้นก็เป็นเพราะในเบื้องลึกของจิตใจ กรนั้นต้องการปลอบโยนมีอาที่เจอสถานการณ์คล้ายๆกันนั่นเอง เคลเบรอสที่เข้าใจจุดนั้นจึงได้ชอบหยอกล้อกรอยู่เรื่อย
〝อึก!〞
แล้วในขณะที่กรกับเคลเบรอสหยอกล้อกันตามปกติอยู่นั้น มีอาก็ร้องออกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย เพราะความเจ็บปวดที่เท้า แล้วการเดินของเธอก็กระตุกลงเล็กน้อย เลยทำให้กรหยุดเดินแล้วหันกลับมาหาเธอทันที
〝หืม... มีอะไร?〞
〝ปะ.... เปล่า〞
〝............〞
แล้วกรก็ถามมีอาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเคย เพียงแต่เจตนาของเขาคือความเป็นห่วง? และแม้มีอาจะบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ท่าทางกลับไม่ใช่แบบนั้น กรจึงสังเกตเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก็พบว่ารองเท้าหนังหุ้มส้นที่เธอใส่มาตั้งแต่แรกมันขาดซะไม่เหลือชิ้นดีจนเธอแทบจะเดินเท้าเปล่าอยู่แล้ว
〝เฮ้อ!〞
แล้วจากนั้น กรก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ก่อนที่จะหยิบรองเท้าบูทที่เป็นไอเทมดรอปจากมอนสเตอร์ระหว่างทางก่อนหน้านี้จาก『ดูอัลไดเมนชั่นริง』 เป็นจำนวน 1 คู่ออกมาพร้อมๆกัน
ชึบ!
〝 เดี๋ยวก่อน ว้ายๆ!〞
แล้วจากนั้น กรก็โยนรองเท้าที่ว่าไปทางมีอาในทันที นั่นเลยทำให้มีอาตกใจเพราะมีของลอยเข้ามาอย่างกะทันหัน แต่ก็ยังรับไว้ได้ทั้งสองข้าง ดูเหมือนปฏิกิริยาของเธอเองก็สูงพอสมควร กรที่เห็นแบบนั้นก็ดีใจนิดหน่อยที่เธอไม่ใช่ประเภทที่เฉื่อยชาเกินควร เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ในอนาคตคงแย่แน่ถ้าเกิดเธอตอบสนองคำสั่งของกรที่มีสุดยอดการประมวลผลไม่ทัน
〝…..ใส่ซะ〞
〝เอ๋!?〞
พอเธอรับรองเท้าบูทที่กรโยนให้แบบงงๆ เธอก็สงสัยในทันทีแต่ก็ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่ากรจะเอาให้เธอสวมแต่อย่างใด เพราะเห็นแต่นิสัยที่เย็นชาของกรมาตลอดทางนั่นเอง แต่พอกรดันบอกให้เธอใส่เข้าจริงๆ นั่นเลยทำให้เธอตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
〝ไม่ได้ยินรึไง....〞
〝ตะ แต่ว่า〞
〝นี่เป็นคำสั่ง..... ถ้าเกิดเธอเดินเท้าเปล่าก็มีแต่จะทำให้การเดินทางล่าช้า..... บอกแล้วนี่ ว่าอย่าขัดแข็งขัดขา.....〞
〝....เข้าใจแล้ว〞
และเพราะเห็นว่ามีอาไม่ใส่มันเสียที กรเลยบอกย้ำอีกครั้ง และดูเหมือนมีอาจะยังตะลึงไม่หาย กรก็เลยย้ำกับเธออีกครั้ง ว่าถ้าเป็นตัวถ่วงจะโดนทิ้ง เธอจึงรีบใส่มันในทันที
นะ นี่มัน สุดยอดเลย !
แล้วพอเด็กสาวสวมมันเสร็จแล้ว เธอก็ตกใจแบบนั้นอยู่คนเดียวในใจ นั่นเพราะพอสวมมันแล้ว เท้าของเธอดูนุ่มสบาย ทั้งยังเดินได้สะดวกขึ้นอีกมากโข แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ แผลถลอกและช้ำจากการเสียดสีที่เท้าของเธอ เพราะรองเท้าหุ้มส้นก่อนหน้าขาด เริ่มทำการรักษาตัวเองจนแผลของเธอแทบจะหายสนิทดี เห็นได้ชัดเลยว่า นั่นเป็นผลมาจากรองเท้าบูทของกรนั่นเอง
〝 ขอบคุณมากเลยนะ! 〞
〝………〞
แล้วเธอก็บอกขอบคุณกรในทันทีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจนดูน่ารักน่าชังไม่น้อยเลยทีเดียว แต่กรที่เห็นมีสวมรองเท้าเสร็จแล้วก็ไม่ได้ตอบเธอกลับไปแต่อย่างใด จากนั้นก็หันหลังให้เธอแล้วก็เดินต่อไปข้างหน้าในทันทีเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
〝【....ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา】〞
และถึงกรจะทำตัวเย็นชาแบบนั้นเช่นเคย แต่เพราะกรให้รองเท้าแก่เธอ ทั้งยังรักษาแผลถลอกให้โดนไม่ได้บอกเธอเพื่อทวงบุญคุณแต่อย่างใด จะเพราะเก้อเขินหรือไม่จำเป็นก็แล้วแต่ แต่นั่นก็ทำให้ทัศนคติของมีอาที่มีต่อกร เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย จาก『กรเป็นคนเย็นชา』 กลายเป็น 『กรอาจจะเป็นคนที่พยายามทำตัวเย็นชา』 เธอจึงพูดแบบนั้นอยู่ในลำคอเบาๆ ด้วยความดีใจพลางยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อย เพราะคิดว่าคนๆ นี้ไว้ใจได้จริงๆ นั่นเอง ก่อนที่จะรีบตามกรที่เดินไปก่อนหน้าในทันที แต่ทว่า
〝หยุดก่อน!!!〞
〝!!!〞
แต่ในขณะที่มีอากำลังวิ่งเข้าไปหากร กรกลับตะโกนขัดเสียก่อน มีอาที่แม้จะยังตกใจอยู่ แต่ก็ยังกดเท้าลงที่พื้นอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองคำสั่งของกรอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
〝กร! มะ มีอะไรเหรอ?〞
〝ทางข้างหน้า มีมอนสเตอร์ 5 ตัว ไม่มีทางเลี่ยงเลย.... มีแต่...ต้องเข้าปะทะอย่างเดียว〞
〝……………..〞
แล้วมีอาที่ยังตกใจกับคำสั่งกะทันหันของกร ก็ถามเหตุผลกับกรด้วยเสียงสั่นๆเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำตอบจากกร เธอกลับไม่ได้แสดงท่าทีตกใจเท่าที่ควร ทั้งยังเปลี่ยนสีหน้าเป็นขริงจังขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยอีกด้วย พอกรเห็นแบบนั้นก็ชื่นชมและยินดีเล็กน้อยที่มีอาไม่ได้ตกใจจนเกินควร แต่จะว่าไปแล้วเธอคนนี้ ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับกร ก็เข้าปะทะกับมอนสเตอร์มาหลายครั้งพอสมควร เพราะงั้นนี่คงเป็นปฏิกิริยาปกติของเธอละมั้ง กรที่พอจะเข้าใจเหตุผล ก็เลยเลิกคิดถึงเรื่องนั้น แล้วหันมาสนใจในตัวมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างหน้าแทนในทันที
อืม.... คองโซลเยอร์ 3 ตัว เกรทแอนท์ 2 ตัว.....
ถ้าแค่นี้ เราคงพอไหวอยู่หรอกมั้ง.....
แล้วพอกรใช้สกิล『ตาเหยี่ยว』กับ『มองเห็นในที่มืด』 ไปยังจุดที่ตัวเองสัมผัสถึงมอนสเตอร์ได้ ก็พบเข้ากับคองโซลเยอร์ ที่เป็นลิงสวมชุดเกราะเช่นเคย แต่ที่อยู่ด้วยกันนั้น เป็นมอนสเตอร์ชนิดใหม่ที่กรไม่เคยเจอมาก่อน นั่นก็คือ『เกรทแอนท์』 ซึ่งหากจะอธิบายให้เห็นภาพ มันก็เหมือนกับเซนทอร์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นคน ท่อนล่างเป็นม้า ส่วนเกรทแอนท์ที่ได้บอกไปข้างตนนั้นแตกต่างกับเซนทอร์ก็ตรงที่ร่างกายท่อนล่างเป็นมดสีแดงขนาดใหญ่นั่นเอง ท่อนบนก็คล้ายๆกับคองโซลเยอร์ เพียงแต่มีหัวเป็นมด และมีผิวสีแดงมันวาวเท่านั้นเอง
และเพราะจำนวนศัตรูมีน้อยกว่าที่คิด กรก็เลยคิดที่จะเข้าไปลุยเดี่ยวกับพวกนั้นเอง เพราะแม้มอนสเตอร์จะมีสติปัญญาสูงและสเตตัสจะสูงกว่ากร แต่กรก็สามารถทดแทนสิ่งเหล่านั้นด้วยสุดยอดการประมวลผลได้ ที่ผ่านมากรจึงสามารถสู้กับศัตรูที่มีโอกาสชนะน้อยๆมาได้ตลอก ทั้งที่ปกติกรควรจะแพ้ไปแล้วด้วยซ้ำ และพอกรตัดสินใจได้แบบนั้น เข้าจึงจะบอกกับมีอาให้รออยู่แถวๆนี้ในทันที
〝งั้นก็ช่วยไม่ได้.... เธอหน่ะ คอยอยู่ข้างหลังฉันซะ ไอ้พวกนั้นหน่ะเดี๋ยวฉัน——〞
〝ฉันจะสู้ด้วย!!!〞
แต่กรยังบอกกับมีอาได้ไม่ทันจบประโยคดี มีอาก็ตะโกนขัดจังหวะของกรเสียแล้ว
〝เฮ้ยๆ .....ก็บอกแล้วไง เธอหน่ะ...เป็นแค่ตัวถ่วงซะเปล่าๆ แล้วอีกอย่าง....เธอบอกเองนี่ ว่ามอนสเตอร์จะแข็งแกร่งขึ้นตามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มที่เข้าปะทะ เพราะงั้นสเตตัสของพวกนั้น.....มันมากกว่าไอ้ลิงที่ฉันอัดไปครั้งก่อนเกือบสิบเท่าเลยนะ〞
แล้วกรก็ชี้แจงให้เธอฟังอย่างละเอียดอีกที ถึงความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ เพื่อไม่ให้มีอาดื้อรั้นไปสู้กับพวกนั้น พร้อมกับพูดตัดพ้อมีอาแบบทุกที แต่ว่า.....
〝ฉัน.... ต่อสู้ได้!〞
แต่กรก็ผิดคาดไปอย่างหนึ่ง เพราะลืมคิดไปว่า มีอาตามตัวเองมาตลอดก่อนหน้า ทั้งที่ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป เพราะนึกถึงความดื้อรั้นในตอนนั้นก็เพิ่งมาสังเกตเห็นว่า เธอคนนี้หัวแข็งจนใช้เหตุผลเข้าสู้ไม่ได้ และคิดจะดุเธอกลับในทันที
เพียงแต่... เมื่อกรมองไปที่ดวงตาของมีอา ดวงตาของเธอนั้นดูมุ่งมั่นยิ่งกว่าที่ตัวเธอสื่อออกมาด้วยคำพูดเสียอีก แววตาของเธอไม่สั่นไหวและลอกแลกแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบกรไปแบบนั้น เนื้อตัวก็ไม่ได้สั่นกลัว บวกกับความดื้อรั้นที่บอกไปข้างต้น กรเลยถอนหายใจออกมาหนักๆครั้งหนึ่งเพราะคิดว่าคงห้ามคนที่กำลังทำสีหน้าและท่าทางจริงจังและมุ่งมั่นแบบนี้ไม่ไหว
〝เฮ้อ! ให้ตายสิ... เธอนี่เอาแต่ใจชะมัด ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง!〞
〝นาย... จะปกป้องฉัน…〞
〝!!!〞
แล้วกรก็ตกใจอีกครั้งหลังจากที่มีอาตอบมาแบบนั้น พลางคิดอยู่ในใจอย่างหงุดหงิดเพราะถูกพูดเหมือนกับว่ารู้ใจตัวเองไปแบบนั้น และคิดอยู่ว่า ยัยนี่เอาอะไรมามั่นใจแบบนั้นฟ่ะ
แต่พอกรคิดดูดีๆ ก็เลยนึกขึ้นมาเล็กน้อยถึง ฉายา〘พลังแฝงเทพเจ้า〙กับ〘พรสวรรค์เทพเจ้าแห่งดาบ〙ที่สุดอลังการทั้งสองนี้ของมีอา กรเลยคิดว่าจะลองเสี่ยงกับยัยนี่ดูดีไหม
〖เจ้าหนู... ทำตามที่คุณหนูคนนี้บอกเถอะ〗
〝 คุณหมา 〞
แล้วพอเคลเบรอสที่เงียบมาตลอดพูดสนับสนุนมีอาออกมา เลยทำให้เธอตอบกลับเคลเบรอสด้วยน้ำเสียงสนิทสนม ทั้งยังเรียกเคลเบรอสด้วยชื่อเล่นว่า “คุณหมา” เสียจนน่ารักอีกต่างหาก เพราะก่อนหน้าที่กรถามข้อมูลกับมีอา กรก็ได้แนะนำกับเธอไปบ้างแล้วว่า เคลเบรอสเป็นอินเทเลเจนท์ซอร์ดที่มีจิตใจเป็นของตัวเอง และพอบอกว่ามันเคยเป็นบอสมาก่อนก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปใหญ่ แต่เพราะความเข้ากับคนง่ายของเคลเบรอส กับความร่าเริงของมีอา เลยทำให้ทั้งสองคนดูเหมือนจะถูกคอกันไม่น้อย
〖ถ้าคุณหนูคนนี้อยู่ในอันตรายก็ปกป้องซะสิ! ไม่มีอะไรต้องห่วงซักนิด〗
〝เฮ้ยๆ! นี่แกก็เอากับเขาด้วยเหรอ!?〞
แล้วกรที่ถูกขัดความคิดกระทันหันก่อนหน้านี้ก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ แต่ที่กรหงุดหงิดที่สุดก็คงเป็นตรงที่บอกว่า เขาจะปกป้องมีอาจากอันตรายแน่นอนนั่นแหล่ะ กรเลยไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่ถูกทำตัวสนิทสนมและพูดเหมือนรู้จักตัวกรดีนั่น แต่ก็อย่างว่า... ทั้งเพราะไม่มีเวลาบวกกับเถียงไปก็ไม่ชนะทั้งสองคน กรเลยต้องปล่อยเลยตามเลย
〝เฮ้อ! เอางั้นก็ได้... เธอหน่ะ ต้องทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่างนะ... เข้าใจไหม!!!〞
〝แน่นอน! ได้อยู่แล้ว!〞
〝อา! งั้นก็ ....เธอหน่ะเป็นนักดาบสินะ บอกแบบที่อยากได้มาเลย ...แล้วไม่ต้องเกรงใจด้วย มันเสียเวลา เอาแบบที่เข้ากับตัวเอง จะได้มีประสิทธิภาพที่สุด〞
〝งะ งั้น ดาบบางๆที่เน้นความเร็ว..... เอาเป็น『ดาบเอสต็อค』ก็แล้วกัน〞
แล้วกรก็ไม่พ้นต้องถอนหายใจหนักๆอีกครั้ง จนอากาศในปอดจะไม่เหลือให้หายใจอยู่แล้ว จากนั้นก็รวบรัดตัดความในทันที เพราะไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้แล้ว จึงได้บอกให้เธอขอในอาวุธที่เข้ากับตัวเองที่สุดในทันที มีอาเองก็ตอบกลับกรไปด้วยเสียงที่หนักแน่นเพื่อตอบสนองความจริงจังของกรเช่นกัน พอกรได้ยินแบบนั้นก็รีบเอาดาบแบบเดียวกับที่ว่าและที่มีพลังมากที่สุดออกมาจากแหวนแล้วมอบมันให้กับเธอในทันที
『เอสต็อคแห่งเจ้าสายลม』【S】
《 คำอธิบาย : ดาบเอสต็อคที่มีใบดาบเรียวบางลู่ลม เมื่อสวมใส่จะมีคุณสมบัติเพิ่มค่าสเตตัสพลังโจมตีและความว่องไวขึ้น 50% 》
〝เอาหล่ะ! เตรียมพร้อมได้แล้ว อีก 7 วินาทีจะเข้าปะทะ!〞
〝เอ๋! ขะ เข้าใจแล้ว〞
และพอกรเอา『เอสต็อคแห่งเจ้าสายลม』ออกมาให้กับมีอาในเวลาไม่ถึงวินาทีหลังจากที่เธอขอไป พอมีอาได้รับดาบจากกรก็ตกใจกับความวิจิตรของมัน ทั้งใบดาบที่มีขนาดความกว้างเพียง 10 เซนติเมตร ทั้งด้ามจับและที่กั้นดาบเองก็มีลวดลายอันงดงามสลักอยู่เช่นเดียวกัน แต่ที่มีอาตกใจนั้นเป็นเพราะคุณภาพของมันทั้งที่มองด้วยตาเปล่าก็ยังรู้ว่าสุดยอดต่างหาก
〝ฟังดูอ่อนแอชะมัด พูดใหม่ซะ!!!〞
〝รับทราบค่า!!!〞
และเพราะพูดติดๆขัดระหว่างตกใจ กรจึงกระตุ้นมีอาอีกครั้งด้วยการให้เธอตอบกลับมาอย่างแข็งขัน และนั่นก็ได้ผลดีทีเดียว แต่ถึงจะตะโกนแบบนั้นไปก็ดูเหมือนจะดังไม่มากพอให้มอนสเตอร์ที่อยู่ห่างออกไปมาสนใจเลยแม้แต่น้อย
〝ดีมาก!〞
แล้วกรก็พูดตอบด้วยเสียงเรียบๆ จากนั้นกรก็เริ่มทำการ『ตัดความรู้สึก』 อันเป็นกิจก่อนสู้ปกติของตัวเองในทันที
ชึบ!
〝!!!〞
แล้วจากนั้นกรก็ไม่รอช้าที่จะเรียกหนึ่งในอาวุธที่ตัวเองทำขึ้นมาเพื่อเริ่มการเข้าปะทะกับพวกมอนสเตอรืในทันที และที่กรเอาออกมาจากแหวนก็คือ ปืนไรเฟิลซุ่มยิง『Barrett』นั่นเอง
〝นั่นมันอะไรกัน.... ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย〞
แล้วมีอาที่ยังตกใจกับดาบเอสต็อคในมือไม่หาย ก็ยังต้องตกใจกับปืนไรเฟิลของกรอีกครั้ง ทั้งนั้นก็เป็นเพราะของที่กรถืออยู่ในมือนั้น เป็นของที่ไม่มีอยู่ในโลกนี้นั่นเอง
ชึบ!———แกร็ก!
〝อา! มันเป็นของ.... ที่ฉันสร้างเอง〞
ในขณะเดียวกับที่ตอบมีอากลับด้วยเสียงเรียบๆ กรก็เรียกแมกกาซีนบรรจุ『กระสุนเวทย์มนต์ประเภทเน้นการทำลายล้าง』ซึ่งเป็นแบบหัวรู นั่นก็เพื่อกำหนดเป้าหมายได้แน่นอนเพียงเป้าเดียว และก็เพื่อไม่ให้ไปโดนมีอาที่จะต้องเข้าปะทะด้วยกันนั่นเอง พอใส่มันเข้าไปในช่องใส่แล้วจัดการส่งกระสุนเข้ารังเพลิงเรียบร้อย กรก็นั่งลงในท่ายอง พร้อมกับเล็งไปที่ขาของคองโซลเยอร์ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งมีระยะอยู่ที่ประมาณ 200 เมตรในทันที แล้วจากนั้น....
เปรี้ยง!
พอกรทำการลั่นไกปืน กระสุนที่หลับไหลอยู่ในรังเพลิงก็ควงสว่านออกมาจากปากกระบอกปืนด้วยความเร็วเหนือเสียง 30 เท่า จนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว มีอาที่ได้ยินเสียงนั้นใกล้ๆก็ตกใจจนถึงกับต้องปิดหูแน่นเลยทีเดียว
ตู้ม!!!
เจี๊ยก!!!
แล้วเสียงที่ตามมาก็คือ เสียงร้องของคองโซลเยอร์ที่ถูกลูกกระสุนแบบหัวรูกระทบเข่าไปที่ข้อเท้าซ้ายด้วยความเร็วสุดยอด ผลลัพธ์ก็คือบริเวณที่ถูกกระทบนั่นเกิดระเบิดขึ้นมาเสียงดัง จนเท้าซ้ายของมันระเบิดเป็นเศษเนื้อหายไปเลย แล้วคองโซลเยอร์ตัวนั้นก็ล้มลงกับพื้นทั้งอย่างงั้นเพราะเสียสมดุลกระทันหัน
ชึบ!———แกร็ก!
〝ยังได้อีกนัด! เตรียมตัวซะ อีก 4 วินาที!〞
〝เข้าใจแล้ว!〞
และแน่นอนว่าพอกรทำการลอบโจมตีสำเร็จ มอนสเตอร์ในกลุ่มก็พุ่งความสนใจมายังตำแหน่งที่กรอยู่ในทันที แต่เพราะระยะที่มากกว่า 200 เมตรเลยทำให้ยังพอมีเวลายิงอีกซักนัด พอกรบอกเวลาที่เหลือในการเข้าปะทะกับมีอาอีกครั้ง กรก็ดีดปลอกกระสุนออก แล้วป้อนกระสุนอีกลูกเข้าไปในรังเพลิง จากนั้นก็เล็งคองโซลเยอร์ที่กำลังวิ่งเข้ามาเป็นตัวแรกในทันที แต่ทว่า....
เปรี้ยง!
〝ชิ!〞
แต่โลกนี้ไม่มีอะไรง่ายดาย ในจังหวะเดียวกับที่กรกำลังจะลั่นไกปืน คองโซลเยอร์ตัวนั้นกลับเบี่ยงตัวหลบได้ราวๆ 2 เซนติเมตร และเพราะระยะห่างที่มากกว่า 150 เมตร นั่นเลยทำให้มันมีเวลามากพอจะหลบกระสุนได้ กรเองก็คิดว่ามันบ้าชัดๆ ที่หลบกระสุนเหนือความเร็วเสียง 30 เท่าได้ แต่เพราะในดันเจี้ยนมันมีแต่เรื่องเกินคาด กรก็เลยคิดเสียว่า เป็นปัญหาด้านสเตตัสที่พวกนั้นมีสูงกว่าตน
จากนั้นกรก็เก็บ『Barrett』 แล้วเอาปืนพก『Taurus』ออกมาถือในมือซ้ายพร้อมกับใส่แมกกาซีนไปพร้อมกันในทันที แล้วก็ชักเคลเบรอสซอร์ดที่อยู่ข้างหลังออกมาจากฝักพร้อมๆกัน
〝ฉันจะบุกเข้าไปก่อน!〞
〝เข้าใจแล้ว!〞
ตู้ม!!!
แล้วพอกรตะโกนบอกมีอาเสร็จ กรก็ถีบพื้นเพื่อเข้าประชิดตัวคองโซลเยอร์ตัวแรกในทันที พอกรก็ป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงด้วยเวทย์มนต์เสร็จ กรก็ใช้ปืนพกในมือซ้ายเล็งไปที่บริเวณลำตัวที่มีโอกาสโดนสูงที่สุดในทันที และไม่รอช้าที่จะลั่นไกในทันที
ปัง!
แต่กระสุนกลับแฉลบผ่านสีข้างด้านซ้ายที่มีชุดเกราะคลุมอยู่ของคองโซลเยอร์ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะแม้กระสุนของปืนพกจะเร็วกว่าปกติโข แต่ก็ไม่เท่ากับไรเฟิลที่มีความเร็วกว่า 30 มัค แต่ถึงเทียบกันแล้วมันก็ยังเป็นความเร็วที่ไม่น่าจะหลบได้อยู่ดี กรเลยคิดว่าถ้าไม่เข้าประชิดในระยะ 10 เมตรบวกลบ ก็คงไม่สามารถยิงโดนได้ แต่ที่กรยิงเฉียงไปทางขวาของตัวเอง หรือทางซ้ายของคองโซลเยอร์ เป็นสิ่งที่กรคาดไว้แล้ว นั่นจึงทำให้ตอนนี้คองโซลเยอร์ที่เบี่ยงหลบกระสุนเสียสมดุลเล็กน้อยจนอยู่ในแนวเดียวกับมือซ้ายของกรพอดี กรที่พุ่งตัวมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็ใช้เวลามานานพอสมควรแล้วจนเข้าประชิดตัวกับคองโซลเยอร์ในระยะ 5 เมตรในที่สุด กรจึงไม่รอช้าที่จะยิงกระสุนอีกนัดใส่ลำตัวของมันอีกครั้ง
ปัง!
ตู้ม!!!
และเพราะกรยิงมันในระยะประชิดจนแทบจะเผาขน คองโซลเยอร์ก็ไม่พ้นที่จะหลบได้จากระยะเท่านี้ คองโซลเยอร์ที่โดนกระสุนของกรเข้าไปที่กลางลำตัว จังหวะที่ลูกกระสุนกระทบ ตัวมันก็ระเบิดออกกลายเป็นเศษเนื้อในพริบตาจนไม่มีเวลาร้องออกมาเหมือนกับตัวก่อนเลยด้วยซ้ำ
〝สุดยอด...〞
แล้วมีอาที่เห็นการต่อสู้ของกรเข้าไป ก็ทำได้แค่พูดออกมาแบบนั้นด้วยสีหน้าชื่นชมจากใจเท่านั้น และแม้จะเห็นภาพที่กรทำให้มอนสเตอร์กลายเป็นเศษเนื้อ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวออกมาเลยด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่าเธอผ่านเรื่องแบบนี้มามากพอสมควร
〝ตามมา! เธอจัดการลิงที่เหลืออีก 2 ตัวซะ!〞
〝อืม เข้าใจแล้ว!!!!!〞
แล้วพอกรพูดแบบนั้นออกไป มีอาก็ตอบสนองด้วยการออกวิ่งมาหากรในทันที แล้วกรที่เห็นว่ามีอาวิ่งมาแล้วก็วิ่งหลบผ่านคองโซลเยอร์สภาพดีที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับตัวที่กรฆ่าไปก่อนหน้า จนมายืนเผชิญหน้ากับเกรทแอนท์ในระยะ 10 เมตร ซึ่งตัวกรไม่เคยสู้มาก่อน
และแม้เกรทแอนท์ที่ว่ามีอาจะเคยปะทะมาบ้างแล้ว แต่อย่างที่เคยบอกว่าเธอไม่ได้ต่อสู้จนจบ เธอเพียงแค่หาช่องว่างเพื่อหลีกพวกนั้นออกมาเท่านั้น นั่นเลยทำให้กรเองต้องสู้กับเกรทแอนท์เป็นครั้งแรก ทั้งที่ไม่มีข้อมูล แต่ถึงแบบนั้นก้ไม่ได้ทำให้ตัวกรที่『ตัดความรู้สึก』ไปแล้วกังวลได้ แล้วกรก็ไม่รอช้าที่จะลองของ โดยเล็งปืนพกที่อยู่ในมือซ้ายไปที่ตัวมันในทันที
ปัง!
กี้ๆ!!!
แต่ไม่รู้ว่ากรกังวลไปเองรึเปล่านั่นเพราะพอยิงมันไปนัดนึงที่ลำตัวท่อนบนของมัน มันก็ร้องโหยหวนออกมาและล้มลงไปอย่างง่ายดาย…
ปุด!!!!
แต่หลังจากที่มันล้มลง และร่างของมันหลอมละลายกลายเป็นของเหลวสีเขียวอมเหลืองน่าสะอิดสะเอียน สิ่งที่เหลืออยู่นั้นก็คือ สิ่งที่มีรูปทรงวงรีสีขาวขุ่นผิวเรียบมันวาว ขนาดเท่ากันกับลำตัวท่อนล่างของมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นคือ ไข่ของเกรทแอนท์นั่นเอง
แกร็ก!!!!
กี้ๆๆๆ!!!!!!!
กี้ๆๆๆ!!!!!!!
〝!〞
แล้วในเวลาไม่นาน ไข่สีขาวขุ่นนั่นก็ถูกกะเทาะออกมาจากภายในในทันที แล้วสิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือ เกรทแอนท์ จำนวน 2 ตัวที่มีขนาดเท่ากับตัวแม่ราวกับถอดแบบกันออกมา
ตึงๆๆๆ!!!!!!
และไม่ปล่อยให้หยุดพัก เกรทแอนท์ทั้ง 3 ก็กรูกันเข้ามายังตำแหน่งที่กรอยู่โดยพลัน กรในตอนนี้ก็คิดถึงความเป็นไปได้ในการล้มเกรทแอนท์หลายๆอย่าง แต่ที่เข้าที่สุดคือ การใช้ดาบแทนปืนในการสู้ เพราะถึงแม้จะใช้ปืนยิงมันไปก่อนก็ตาม ก็จะเหลือไข่อีก ซึ่งกรก็ไม่รู้ว่าถ้ายิงเข้าไปในไข่ทั้งแบบนั้น เกรทแอนท์ที่อยู่ข้างในทั้งสองตัวจะตกลูกมาอีกอย่างละ 2 กลายเป็น 4 ตัวรึเปล่า ทั้งนี้เพราะไม่มีเวลาทดลองกับมีความเสี่ยงมากเกินไป กรเลยเลือกที่จะใช้ดาบที่ตัวเองถนัด และนั่นก็เพื่อที่จะใช้เวทย์ของเคลเบรอสนั่นเอง
【กรดเดือดหลอมละลาย!!!!!!!】
ก๊าซซซซ!!!!!!!
แล้วกรก็ไม่รอช้าที่จะใช้สกิลที่น่าจะได้ผลมากที่สุดออกไป และนั่นทำให้เกรทแอนท์ทั้ง 3 ตัวที่โดนกรดที่ปล่อยออกมาจากดาบเคลเบรอสไปเต็มๆ จนร้องโอดครวญออกมาดังลั่นไปทั่ว และไม่นานเสียงของพวกมันก็แน่นิ่งไป? อันเป็นสัญญานว่าพวกมันได้หมดสภาพเรียบร้อยแล้ว
และพอกรจัดการภาระของตัวเองเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึง 30 วินาที กรจึงรีบหันกลับไปดูฝั่งของมีอาที่กำลังต่อสู้อยู่กับคองโซลเยอร์อีกตัวก็ต้องตกตะลึงเธอขึ้นมาในหลายๆความหมาย
ในจังหวะเดียวกับที่คองโซลเยอร์วาดดาบไปข้างหลัง ในขณะที่พุ่งตัวเข้าหามีอา มีอาก็เงื้อดาบของเธอไปข้างหลังเช่นเดียวกัน และพอทั้งสองเข้าประชิดกัน ดาบของคองโซลเยอร์ที่มีสเตตัสมากกว่าจึงควรจะเข้าถึงตัวของมีอาก่อน
แต่ทว่า... ที่ได้รับบาดเจ็บดันเป็นคองโซลเยอร์เสียเอง นั่นเพราะจังหวะที่เข้าปะทะกันเพียงชั่วพริบตา มีอาเอี้ยวตัวหลบดาบของคองโซลเยอร์ได้อย่างฉิวเฉียด ระยะห่างของตัวเธอกับดาบของมันนั้นมีช่องว่างน้อยกว่ากระดาษแผ่นเดียวเสียอีก แล้วพอมีอาหลบการโจมตีนั่นได้อย่างคล่องแคล่ว เธอก็ทำการโจมตีด้วยดาบของเธอกลับในทันที ทั้งด้วยการฟันและแทงไปที่กลางลำตัวของมัน แต่ที่น่าตกใจไม่ใช่ปฏิกิริยาตอบสนองที่สุดยอดของเธอเท่านั้น นั่นเพราะการโจมตีของเธอ มันรวดเร็วมากจนคล้ายกับกระสุนปืนเลยทีเดียว เพราะเท่าที่กรสังเกตจากการใช้สุดยอดการประมวลผล เธอก็โจมตีเข้าไปแล้วเกือบๆ 50 ครั้งในเวลาเพียง 1 วินาทีเท่านั้นเอง
แต่น่าเสียดาย เพราะการกระหน่ำโจมตีราวกับพายุคลั่งที่ว่านั่น ยังไม่มากพอที่จะล้มคองโซลเยอร์ได้ ในทันทีที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง มันก็เงื้อดาบไปข้างหลังอีกครั้งเพื่อเตรียมฟันมีอาในแนวขนานกับพื้น กรที่เห็นแบบนั้นเลยคิดว่าเธอต้องหลบไม่พ้นแน่ๆ ก็เลยเตรียมที่จะยิงไปที่หัวไหล่ของคองโซลเยอร์ในทันที เพียงแต่ในเวลาเดียวกับที่กรกำลังจะยิง มีอาก็ย่อตัวลงพร้อมกับดีดตัวเองขึ้นบนอากาศ เพื่อผ่านไปข้างหลังและหมุนตัวไปพร้อมกันราวกับล้อเกวียนที่กำลังหมุนอยู่ยังไงอย่างงั้น แต่ที่มีอาทำมันไม่ใช่แค่นั้น นั่นเพราะจังหวะที่ลอยผ่านศีรษะของคองโซลเยอร์ เธอก็จัดการฟันต้นคอของมันไปด้วยจากแรงเหวี่ยงเลยสร้างความเสียหายให้มันได้มากพอสมควร แล้วพอเธอลงถึงพื้นเรียบร้อย เธอก็หันหลังกลับไปทางคองโซลเยอร์อีกครั้ง จากนั้นก็ใช้ดาบเอสต็อคในมือกระหน่ำแทงเข้าไปที่ลำคอของมันจากด้านหลัง จนคอหนาๆของมันเกิดรูโหว่เล็กๆมากมายจนคล้ายกับรังผึ้งไปเลย แล้วคองโซลเยอร์ที่โดนแบบนั้นเข้าไป ก็ไม่พ้นต้องล้มลงไปนอนหมดสภาพทั้งแบบนั้น แล้วมีอาที่เห็นแบบนั้นก็ทำสีหน้าโล่งอกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้าไปทางคองโซลเยอร์ที่เท้าขาดเพราะกรในตอนแรก แล้วจัดการบั่นคอมันด้วยการโจมตีหลายๆครั้ง จนขาดกระเด็นในทันที และเพราะคิดว่าการต่อสู้ทั้งหมดจบลงแล้ว เลยทำให้กรนำความรู้สึกกลับมาโดยอัตโนมัติ แล้วเก็บเคลเบรอสเข้าฝักในทันที
เด็ดเดี่ยว แต่ก็...งดงาม
ไม่มีคำไหนเหมาะกับมีอาในตอนนี้อีกแล้ว...
ทั้งที่คิดว่ายัยนี่เป็นแค่ ผู้หญิงซื่อบื้อและเซ่อซ่าแท้ๆ ...แต่พอเวลาสู้จริงแล้วยังกับคนละคน
ทั้งเยือกเย็นแล้วก็ไร้ความปราณี....
แล้วที่น่าตกใจกว่าก็คือ...ความเร็วในการตอบสนอง ความเร็วในการโจมตีที่เหนือกว่าของคองโซลเยอร์ที่สเตตัสน่าจะมากกว่าตัวเธอเองถึง 10 เท่า แล้วยังเชิงดาบกับความชำนาญนั่นอีก....
〝แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! ……กร สะ...สำเร็จแล้ว〞
และพอเธอทำตามคำสั่งของกร ในการจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เธอก็รีบตะโกนบอกกรที่ทำการต่อสู้เสร็จไปก่อนแล้วในทันที ทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ และใบหน้าแสดงความเหนื่อยอ่อนออกมาอย่างชัดเจน
〝อา.... พยายามได้ดีมาก〞
〝งะ...งั้นเหรอ ฮะฮ่ะ!〞
กรที่เห็นสภาพเหนื่อยอ่อนของเธอ ก็ตระหนักได้ในทันทีว่าที่เธอทำทั้งหมด เป็นการฝืนเกินตัวอย่างเห็นได้ชัด นั่นเลยทำให้กรรู้สึกขอบคุณและดีใจอยู่นิดหน่อย มีอาเองที่ได้ยินกรชมตัวเองก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง ประกอบกับที่พูดแบบนั้นออกพลางหัวเราะออกมาเบาๆไปพร้อมกันด้วยใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดู ราวกับจะลืมความเหนื่อยอ่อนก่อนหน้าไปชั่วขณะยังไงอย่างงั้น และเพราะกรคิดว่าการต่อสู้จบลงแล้ว เลยจะเดินเข้าไปหามีอาเพื่อตรวจสอบสภาพของเธออยู่นั้น
แกร็ก!
ในขณะที่กรเดินเข้าไปทางมีอา ก็ได้มีเสียงปริศนาดังขั้นมาจากทิศตรงข้าม หรือก็คือ มันมาจากทิศที่กรทำการกำจัดเกรทแอนท์ไปนั่นเอง กรจึงรีบหันหน้าไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
〝!!!!!!!!!!〞
แล้วสิ่งที่กรพบเข้า เมื่อมองไปยังแหล่งกำเนิดเสียงปริศนานั่นก็คือ ไข่ของเกรทแอนท์จำนวน 1 ใบถ้วน กำลังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับที่พวกมันตายไป แต่ที่กรตกใจยิ่งกว่าก็คือ ไข่ที่ว่ามันไม่ได้มีสีขาวขุ่นแบบเดียวกับก่อนหน้า แต่มันมีสีแดงโลหิตราวกับเลือด แถมผิวของไข่ทั่วทั้งใบ ยังมีหนามแหลมๆสีเดียวกันโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวมากมาย
แกร็ก!
แล้วพอเสียงที่ว่าดังขึ้นอีกครั้ง หนามที่อยู่บนผิวของมันก็โผล่ขึ้นมาอีกจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว กรที่เห็นภพอันแปลกประหลาดนั่นเข้า จึงเกิดลางสังหรณ์แย่ๆขึ้นมาอีกครั้ง
〝หลบเร็วเข้า!!!!!!!!〞
แล้วกรที่เห็นแบบนั้นก็เกิดตอบสนองไปด้วยสัญชาตญาน โดยการตะโกนเตือนมีอาที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตร และในขณะเดียวกันกรก็วิ่งไปทางที่มีอาอยู่ด้วยความรีบร้อนในทันที แต่ทว่า.....
แกร็ก!!!!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
กรยังวิ่งไปไม่ทันที่จะถึงมีอา หนามที่ฝังอยู่กับไข่สีแดงนั่น ก็หลุดออกมา... ไม่สิ...มันพุ่งออกมาจากตัวไข่ทั้งอย่างงั้นเลยต่างหาก จำนวนก็เกินกว่า 100 แท่ง มาทางที่กรและมีอายืนอยู่
〝เวรเอ้ย! 【Ogre Shield Form!!!!!!!】〞
แล้วทันทีที่กรประกาศใช้สกิล ก็มีโล่สีแดงฉานถูกสลักด้วยลวดลายอันงดงามออกมา อันเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนของสกิล『Ogre Armor Form』นั่นเอง ซึ่งขนาดของมันใหญ่พอๆกับตัวของกรเองเลยทีเดียว
แต่ทิศที่กรนำโล่ไปวางเพื่อป้องกันไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นตัวมีอาต่างหาก ทั้งนี้นั่นเพราะตัวกรมีฉายา〘เหนือฟ้าใต้หล้า ทนทานทุกสิ่ง〙 ที่ทำให้สถานะผิดปกติทุกอย่างไร้ผลเลยไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเองซักนิด เลยเลือกที่จะใช้มันเพื่อปกป้องมีอาก่อนตัวเอง แต่กรที่ความคิดกำลังหมุนอยู่อย่างรวดเร็วเพราะอยู่ในช่วงหน่าสิ่วหน้าขวานก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า ความคิดที่ว่ามีอาจะเป็นอันตรายจึงต้องปกป้องเธอก่อนนั้น มันมาก่อนความคิดที่ตัวเองสามารถป้องกันสถานะผิดปกตินั่นเสียอีก
แต่เพราะระยะห่างระหว่างโล่ของกรกับจุดที่ปล่อยหนามพวกนั้นออกมามีอยู่มาก เลยทำให้หนามเหล่านั้นกระจายออกมาเป็นวงกว้างจนเล็ดลอดไปได้บางส่วน มีอาเองก็สามารถหลบได้บางส่วนเช่นเดียวกัน แต่มันก็มากเกินไปสำหรับเธอที่กำลังเหนื่อยหอบ เลยทำให้มีหนามแท่งหนึ่งแฉลบผ่านต้นขาขวาของเธอไปจนเสื้อคลุมของเธอบริเวณนั้นขาดออกไปเลย
〝อ้าย!!!!!〞
〝มีอา!!!!!!!〞
แล้วพอกรเห็นแบบนั้น ก็รีบวิ่งไปหามีอาที่อยู่ในท่านอนหงายในทันที โดยไม่สนเลยว่าหนามพวกนั้นมาโดนตัวเองและไม่สังเกตุเลยว่าพวกมันหยุดพุ่งมาเมื่อไหร่ เลยทำให้มาถึงตัวมีอาอย่างรวดเร็ว
〝อึก! กร..ฉัน รู้สึก....ร้อน!!!〞
〝ร้อนงั้นเหรอ! หรือว่า...จะเป็นพิษจากเหล็กใน〞
แล้วพอกรเข้าถึงตัวมีอาก็ใช้มือพยุงท้ายทอยเธอขึ้นมา จากนั้นมีอาก็บอกสภาพของตัวเองใก้กรรับรู้ในทันที นั่นเลยทำให้กรวินิจฉัยอาการและหาเวทย์ขจัดพิษในหัวอย่างรวดเร็ว
〝ตรงที่โดนคือต้นขาตรงนี้สินะ!〞
〝อะ...เอ๋! กร... อย่าพึ่ง! หยุดก่อน!!!〞
〝อย่าพึ่ง อะไรกันฟ่ะ! ...นี่มันไม่ใช่เวลามาอายนะเฟ้ย!!!〞
แล้วพอกรชี้ตำแหน่งที่มีอาถูกพิษเข้าไป มีอาที่ยังโดนพิษจนปวดแสบปวดร้อนและทรมานไปทั้งตัวกลับตอบกลับกรว่า ห้ามตรวจสอบบริเวณที่ว่าด้วยความร้อนรนและกังวลอย่างที่สุดราวกับจะไม่สนความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับอยู่ กรที่คิดว่าบางทีเธอคงจะอาย ก็ไม่ได้รู้เลยว่า การที่ทำแบบนั้นลงไปจะทำให้เธอรู้สึกแย่และสลดขึ้นมาด้วยสาเหตุอื่น
แคว็ก!!!
〝เอาหล่ะนะ!!! 【Poison Break!!!】〞
แล้วจากนั้นกรก็ทำการฉีกผ้าบริเวณต้นขาของเธอออก จนเห็นผิวอันเนียนนุ่มของเธอ แต่กรในตอนนี้สนใจเพียงแต่แผลกับพิษของเธอเท่านั้น ก็รีบร่ายเวทย์ให้เธอทันทีที่เห็นแผล
พอกรร่ายเวทย์แก้พิษขั้นสูงกับมีอาแล้ว บริเวณที่ต้นขาของเธอที่ถูกพิษก็มีแสงสีเหลืองอ่อนเข้าปกคลุม แล้วแผลก็เริ่มสมานกันอย่างรวดเร็ว สีหน้าของมีอาที่แสดงอาการเจ็บปวดจนถึงเมื่อครู่เองก็หายไปแล้ว ดูยังไงก็รู้ว่าการรักษานั้นได้ผล
〝เรียบร้อย! เป็นไงบ้าง!〞
〝อืม.... คิดว่า...น่าจะหายแล้วหล่ะ!〞
แล้วหลังจากการรักษาจบลง กรก็ถามอาการมีอาในทันที แต่พอเธอคลายสีหน้าเจ็บปวดลง เธอกลับทำสีหน้าเศร้าๆและดูกังวลใจขั้นมาแทน ทั้งที่ยังถูกกรประคองขึ้นมาให้อยู่ในท่านั่งพับเพียบ พร้อมกลับตอบกรด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวราวกับจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
〝ให้ตายสิ! อย่าทำให้เป็นห่วง——〞
แล้วพอการรักษาผ่านไปแล้ว กรเองก็เป็นฝ่ายเริ่มคลายความกังวลบ้าง เลยทำให้กรที่จนถึงตอนนี้ใช้สมาธิไปกับแผลของมีอา เริ่มที่จะสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่ตรงต้นขาขวาของเธอเข้าเพราะเหลือบไปมองที่ๆเคยมีแผลอีกครั้งเพื่อดูอาการซ้ำอีกครั้งเข้า
〝เอ๋ .....นี่มัน ตราเวทย์? สัญลักษณ์? .....〞
〝…….......〞
และที่อยู่บนต้นขาของมีอาก็คืออักขระที่คล้ายกับวงเวทย์สีแดงสดขนาดเท่าฝ่ามือ รูปร่างและการจัดเรียงก็ดูซับซ้อน นั่นเลยทำให้กรสงสัยขึ้นมาว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่กรที่ถามมีอาไปแบบนั้นก็ไม่ได้คำตอบแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ความคิดของเธอที่ถูกกรเห็นสัญลักษณ์นั่น มันแทบจะขาวโพลนจนมองไม่เห็นอะไรไปแล้ว
〖คุณหนู.... นี่มัน!〗
〝เจ้าหมา..... แก....รู้จักงั้นเหรอ!?〞
แต่เสียงที่ตอบกรกลับมาแทนก็คือ ดาบที่กรเก็บเข้าฝักไปแล้วอย่างเคลเบรอสนั่นเอง แล้วพอเคลเบรอสพูดออกมาเหมือนกับรู้ตัวจริงของวงเวทย์นั่น เลยทำให้มีอามีน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อย
〖....................〗
〝เฮ้ยเจ้าหมา!!! สรุปแล้วยังไงกันแน่!?〞
แล้วเพราะเคลเบรอสไม่พูดออกมาซักที เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบ้างอย่างอยู่ เลยทำให้กรที่สงสัยอยู่แล้วยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
〝ฮึก!〞
〝มีอา!?〞
แล้วมีอาก็กลั้นน้ำตาที่อัดอั้นอยู่นี้ไม่ไหว จนสะอื้นออกมาในที่สุดแต่เธอก็รีบใช้มือทั้งสองข้างเช็ดในทันทีทั้งที่กำลังถูกกรประคองในท่านั่งพับเพียบเช่นเดิม โดยที่ไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้น้ำตามันไหลออกมามากยิ่งกว่าเดิม กรที่รอฟังคำตอบจากเคลเบรอสก็ยิ่งสงสัยและงงเข้าไปใหญ่เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ตัวเองไม่เข้าใจ แต่กรเองก็รู้ว่าเวลาแบบนี้ไม่ควรพูดอะไรจึงได้แต่เรียกชื่อเธอ
〖เจ้าหนู.... ตรานี่หน่ะ มันเป็น....ตราเวทย์ของ.....〗
〝...........〞
แล้วกรที่ได้ยินคำตอบเข้าหลังจากนี้ ก็ทั้งตกใจและโทษตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะว่านั่น...มันเป็นการทำให้ มีอาหลังจากนี้ต้องนึกถึงความหลังอันแสนเจ็บปวดที่เธอตัดสินใจว่าจะลืมมันให้ได้ อีกครั้ง....
.
.
.
.
.
〖คนที่เป็น....『ทาส』ยังไงหล่ะ...〗
〝ทาส... งั้นเหรอ?〞เดี๋ยวก่อนสิเฮ้ย!!ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดหล่ะก็....ความเข้าใจของฉันตามที่เรียนมาในวิชาประวัติศาสตร์... ความหมายของคำๆนี้ก็คงประมาณว่า เป็นพวกคนที่ถูกผู้เป็นนายกดขี่ ข่มเหงอย่างไร้ความเป็นธรรม.... ถูกใช้งานอย่างหนักโดยไม่ให้พักผ่อน แบบเดียวกับสัตว์แรงงาน ทั้งยังไม่ได้รับผลตอบแทน แล้วยังถูกเลือกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ เป็นเพียงแค่สิ่งของเพื่อใช้งานจนตายเท่านั้น....ที่โลกนี้ ก็มีของแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?...แต่จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่มาที่โลกนี้ เราก็อยู่แต่ในที่ปลอดภัยกับในปราสาทมาตลอดเลยนี่นา ยกเว้นในดันเจี้ยนบ้าๆนี่หล่ะนะ...แถวเขตชายแดนหรือห่างจากตัวเมืองหลวงก็คงจะมีสินะ ไอ้พวกประมาณว่า พวกเขตสลัม... การค้ามนุษย์หรือการค้าของเถื่อน...แต่เอาเถอะ... ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนหรือที่โลกไหน ก็ต้องมีเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว... ก็ความต้องการของมนุษย์มันไม่มีที่สิ้นสุดนี่นา ความสงบสุขไม่มีทางอยู่คู่กับกิเลสของมนุษย์... ไม่สิ...กับสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจอยู่แล้ว...〝ฮึก...〞〝........〞 หลังจากที่กรรู้ความจริงของ『ตราทาส』จากปากของเคลเบรอส ทำให้เขาครุ่นคิดเล็กน้อย แต่เพราะเสี
——— 1 สัปดาห์ต่อมา ณ ดันเจี้ยนชั้นที่ 49…เจี้ยกๆๆๆ!!!!!!! ท่ามกลางดันเจี้ยนใต้ดินดินอันแสนมืดมิด ไร้ซึ่งแสงสว่างหรือความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์สภาพแวดล้อมโดยทั่วไป มีลักษณะคล้ายถ้ำใต้ดิน มีผิวขรุขระสีน้ำตาลตลอดแนว แต่ที่แตกต่างก็คือ บนเพดานมีจุดแสงมากมายนับไม่ถ้วนกำลังส่องประกายอยู่เป็นจำนวนมาก จนคล้ายกับทางช้างเผือกที่ถูกสลักเสลาอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนยังไงอย่างงั้น กลับมีเสียงร้องแหลมๆเสียจนระคายหูดังขึ้นมาขัดจังหวะความสงัดของสถานที่อันแสนงดงามนี้ จนไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่า เสียงนี้มันช่างขัดกับบรรยากาศซะจริง แน่นอน〝มีอา... จัดการตัวซ้ายก่อน〞〝รับทราบ〞 และในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงของเด็กหนุ่มกระซิบแบบนั้นออกมาด้วยเสียงเรียบๆคล้ายกับจะออกคำสั่งกับใครบางคน แล้วเด็กสาวที่มีชื่อว่า มีอา ที่อยู่ข้างๆเด็กหนุ่มก็เป็นคนรับคำสั่งนั้นเอง ก็ตอบสนองคำพูดนั้นของเด็กหนุ่มในทันทีด้วยการถีบพื้นไปข้างหน้า เพื่อไปยังจุดกำเนิดเสียงที่คล้ายกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายนั่น… ....และไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งคู่เป็นใคร เด็กหนุ่มคนที่ออกคำสั่งเมื่อครู่ก็คือกรนั่นเอง ส่วนเด็กผู้หญิงที่
〝กร.... นะ...นั่นคือ... บอส... งั้นเหรอ?〞 หลังจากที่กรและมีอาเดินลงมาจนถึงชั้นที่ 50 แล้ว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของพวกเขาก็คือ บอสมอนสเตอร์รูปแบบมังกรห้าหัว สีดำสนิท กรงเล็บที่อยู่ตรงเท้าทั้ง 4 ก็ยาวกว่า 10 เมตรแลดูแหลมคมเป็นอย่างมาก แม้จะไร้ซึ่งปีกไว้โบยบินแต่ขนาดนั้นกลับสูงใหญ่มากกว่า 10 เมตรทั้งที่ยังไม่โผล่พ้นน้ำออกมาทั้งหมด ต่อหน้าความจริงที่ยากจะเชื่อและน่าหวาดหวั่นตรงหน้า มีอาจึงทำได้แค่ถามกรออกมาด้วยเสียงสั่นๆทั้งที่เธอก็รู้คำตอบอยู่แล้ว〝ถูกต้อง... เตรียมพร้อมซะ! ห้ามประมาทเด็ดขาด... แม้เสี้ยวของเสี้ยววินาทีก็ห้ามผ่อนคลายสภาวะต่อสู้เป็นอันขาด... เข้าใจไหม!〞〝อึ้ก! เข้าใจแล้ว!!!〞 แล้วกรก็ตอบคำถามของเธอในทันที และออกคำสั่งแก่มีอาในทันใดเพื่อให้เธอรีบตั้งรับและห้ามประมาทด้วยเสียงเรียบๆที่แสนเย็นชามากที่สุด แววตาก็ดูดุดันแต่ตาดำกลับมืดสนิทไร้ซึ่งแสงสว่างหรือประกายใดๆ มีอาเองก็เคยเห็นกรอยู่ในสภาวะ『ตัดความรู้สึก』ในตอนสู้มาแล้ว แต่ความเยือกเย็นและแรงกดดันจากตัวกรในตอนนี้แตกต่างกันมาก หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คงเหมือนกับปริมาณน้ำ ที่อยู่ในหนึ่งแก้วก
〝มีอา!!!!!!!!! 〞ชึบ! หลังจากที่มังกรห้าหัว ซึ่งเป็นบอสประจำชั้นที่ 50 ปล่อยการโจมตีด้วยสกิลปริศนาใส่ทั้งกรและมีอาไป ฝ่ายที่ล้มลงไปทั้งยืนกลับเป็นมีอาเพียงคนเดียวเท่านั้น กรจึงตะโกนเรียกเธอด้วยความร้อนรน ทั้งยังเผลอคลายสภาพ『ตัดความรู้สึกสมบูรณ์』ออกโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก แต่แน่นอนว่ากรไม่ได้ปล่อยให้เธอล้มทั้งยืนจนกระแทกพื้นทั้งอย่างงั้น เพราะในจังหวะแทบจะทันทีที่มีอาเอนตัวลงไป ตัวกรก็เข้าไปรับและประคองเธอขึ้นทั้งที่ยืนอยู่ในทันที〝มีอา!!! เฮ้ยๆ!!! ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า... เวรเอ้ย!!! ไม่ไหว ไม่ตอบสนองเลยซักนิด... เจ้าหมา!!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับยัยนี่กันแน่ฟ่ะ!!!!!〞〖..........〗 แล้วพอกรรับตัวมีอาไว้ได้ เขาจึงรีบใช้ฝ่ามือ ตบที่แก้มของเธอเบาๆ เพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนอง แต่เธอกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยซักนิด เขาจึงถามเคลเบรอสออกมาในทันที เพราะที่อยู่ตรงนี้คงไม่มีใครรู้อีกแล้วนอกจากมันนั้นเอง แต่เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามของกรแล้วอย่างชัดเจนก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันทีแต่อย่างใด〝คะ.... คะ คุณ...〞〝มีอา!!!!〞 แล้วกรที่รอคำตอบของเคลเบรอสมาจนถึงเมื่อครู่ ก็ได้ยินเสียง
มืดสนิท.....โดดเดี่ยว..... เพียงลำพัง..... ว่างเปล่าจริงๆแฮะ.......นี่เรา..... ตายอีกแล้ว... งั้นเหรอ? หลังจากที่กรหมดสติไปได้พอสมควร กรก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่สิ่งที่พบกลับมีแต่ความมืดมิดในทัศนวิสัยของเขา และเพราะความรู้สึกที่กรกำลังเผชิญอยู่นี้มันเหมือนกับที่กรเคยสัมผัสมาแล้วเมื่อครั้งที่กรตายไปสองครั้งก่อนหน้าไม่มีผิด กรจึงคิดเป็นอย่างแรกเลยว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว〝——อย่า....〞!!!! แล้วหลังจากนั้น กรก็ได้ยินเสียงของใครบางคน ดังแว่วเข้ามาในสติอันเรือนรางเสียง? ผู้หญิงงั้นเหรอ? ....เสียงนี่ ....เป็นของ ....ใครกัน? แต่ถึงแม้กรจะได้ยินเสียงนั้นราวกับถูกกระซิบอยู่ข้างหู ความคิดของกรก็ยังคงเลือนลางและอ่อนล้าเต็มทีเช่นเดิม〝——คนเดียว....〞ไม่... เข้าใจ แต่ว่า...เป็นเสียงที่คุ้นเคยจริงๆ..... ทั้งยัง ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดอีก.....〝....ทิ้งฉัน——〞ทิ้ง... งั้นเหรอ?ก็บอกแล้วไง.... ว่าไม่เข้าใจ......〝——อย่าทิ้งฉัน.... ไว้คนเดียว...〞!!!!เสียง... นี่มัน.....〝อย่าตายนะกร!!! ได้โปรด! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว!!!!!!〞!!!!!!!!!!
【ไอ้หนู เจ้าเชื่อในเรื่องของโชคชะตาหรือชะตากรรมบ้างหรือเปล่า?】……………อะไรอีกหล่ะเนี่ย? ภาพหลอนก่อนตายอีกแล้วงั้นเหรอ? ไม่สิ... นี่มันมีแต่เสียงไม่ใช่เหรอ แต่เดี๋ยว.... ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนกันเล่า!! ในขณะที่สติของกรกำลังดำดิ่งลงสู่หลุมลึกไร้ก้นบึ้งเพราะผ่านความตายมาแล้วอยู่นั้น กลับมีชายวัยกลางคนเอ่ยถามกรขึ้นมาในสถานการณ์แปลกๆนี่ ด้วยคำถามที่ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ กรจึงทำได้แค่มึนงงกับมันเท่านั้นเอง【เชื่อหรือเปล่า? 】ถามซ้ำอีกแล้ว! ที่ไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่ได้ยินเฟ้ย! แต่เพราะตกใจอยู่ต่างหาก…...ว่าแต่ นี่เรากำลังจะตาย.... หรือคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่รึไง?เรานี่ก็ยังมีอารมณ์มาตบมุขอีกนะ น่าโมโหกับตัวเองจริงๆ นี่หรือว่าจะชินกับความตายเข้าให้แล้ว.... หวา〜 ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่ากลัวพิลึกเลยนี่หว่า【เชื่อ-รึ-ป่าว〜? 】เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ตอบก็ได้!!! หยุดลากเสียงแบบนั้นทีเถอะได้โปรด...เอ่อ....ถ้าตอบตรงๆหล่ะก็.... ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หน่ะ【โอ้! งั้นหรอกเหรอ ทำไมหล่ะ?】....ผลลัพธ์จากเหตุการณ์ต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำที่ตัวเราเป็นคนก่อ ซึ่งมีเหตุมี
〝กร... โอเคแล้วใช่ไหม?〞〝อะ อา... ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะดีมากเลยหล่ะ〞 หลังจากที่กรทำการสำเร็จโทษตัวเองด้วยการเอาศีรษะเขกพื้นในท่าหมอบกราบนานกว่า 10 นาที จนกิเลส(ส่วนใหญ่)ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาทางมีอาทั้งที่ยังหันหลังให้เธออยู่ จนมานั่งอยู่ใกล้ๆกับเธอเช่นเดิม〖เจ้าหนู ข้าคิดมาตลอดเลยว่าเจ้าเป็นคนประเภทขี้อาย... แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วหล่ะ ก็เจ้าหน่ะ——— 〗〝หยุดเลย! ขอทีเถอะเจ้าหมา!〞〝หืม?〞 และแม้มีอาที่นั่งอยู่ใกล้ๆจะยังคงเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเช่นเดิมเพราะยังไม่เข้าใจเหตุผลในการกระทำของกร แต่ถึงเคลเบรอสจะไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ แต่ก็ยังพอเดาได้ว่ากรไปเห็นอะไรเข้า นั่นจึงทำให้กรร้อนรนเข้าไปใหญ่ ทั้งยังระวังตัวเคลเบรอสให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมโข พลางคิดอยู่ในใจว่า〝เจ้าหมา... แกนี่มันน่ากลัวจริงๆ〞อะ... เอาเถอะ เรื่องเจ้าหมานั่นเอาไว้ก่อนดีกว่า...ประเด็นคือ ไอ้สกิลที่มีแต่เครื่องหมายดอกจันตรงคำอธิบาย... ตั้งแต่สกิลก่อนหน้าอย่าง『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』กับ『Ogre Arm(ต้นฉบับ)』ทั้งสองอันหน่ะ.... พอใช้ไปครั้งนึงแล้ว คำอธิบายก็จะปรากฏออกมา นี่ต
———ย้อนกลับไป ในเวลาเดียวกับที่กรพบกับมีอาเป็นครั้งแรกที่ชั้น 33 … หลังจากเหตุการณ์ที่กลุ่มของรินและเสือเข้าปะทะกันด้วยวาจาอย่างรุนแรงที่หน้าค่ายพักผ่อนเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากที่ปาร์ตี้ของฮาวลี่ถูกวาร์ปเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างกะทันหันนั่น หลังจากที่ทุกคนรวมถึงกลุ่มของเสือและรินกลับเข้าไปในค่ายแล้ว ฮันซี่ก็ทำการประกาศเหตุฉุกเฉินให้ทหารทุกนายรวมถึงเหล่านักเรียนผู้กล้าทุกคนรีบกลับไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน โดยอ้างว่าช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้เส้นทางกลับอาจมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกพัดผ่านอย่างหนัก ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดความล่าช้าและอันตรายที่คาดไม่ถึงได้ ส่วนตัวฮันซี่นั้นไม่สามารถกลับไปพร้อมกันได้ โดยใช้ข้ออ้างอีกอย่างหนึ่งว่าตนเองและเหล่าทหารคนสนิทได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ไปปฏิบัติภารกิจฉุกเฉิน จึงต้องรอคำสั่งต่อไปที่หมู่บ้านใกล้ๆนี่ ด้วยเหตุที่ว่าจึงร่วมเดินทางกลับกับทุกคนไม่ได้ แม้จะฟังดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆก็ตาม แต่นักเรียนผู้กล้าทุกคนก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีบิดพลิ้ว แน่นอนว่าสาเหตุที่แท้จริง
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า