Home / แฟนตาซี / ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย / ตอนที่ 39 :  การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของชายที่อ่อนแอที่สุดในโลก... สู่จุดเริ่มต้นของชายที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล

Share

ตอนที่ 39 :  การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของชายที่อ่อนแอที่สุดในโลก... สู่จุดเริ่มต้นของชายที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล

last update Last Updated: 2025-04-11 15:30:02

          หลังจากที่กรได้สติจากการหลับใหลในเวลาสมมติอย่างทรมานเกือบๆแสนปี ภายในหัวตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น...

〝อาวหล่ะทีนี้... จะจัดการยังไงดีน้า!?〞

กร๊อบ!

          กรหักนิ้วมือทั้งสิบของตัวเอง พลางคิดแผนการ ฆ่า ทศกัณฑ์อยู่ในหัว  มีอาและเมอร์ลินที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ขยับเข้ามาใกล้กร เพื่อที่จะปรึกษาแผนการ

〖แก... ท่าทางหยิ่งยโสแบบนั้นมันอะไร!? เจ้าหนุ่ม แกทำข้าโมโหนัก!!!!〗

          กับผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับที่หวังไว้ว่า กรที่โดนเวทย์เข้าไป ต้องจิตใจแหลกสลายแล้วกลายเป็นเจ้าชายนิทราตลอดกาล  นั่นเลยทำให้ทศกัณฑ์ตกตะลึงและหงุดหงิดถึงที่สุด

〝มีอาคุ้มกันด้วย.... เมอร์ลินยื่นหูมาทีสิ〞

          กรหันกลับไปด้านหลังทำเมินทศกัณฑ์อีกครั้ง แล้วกวักมือเรียกทั้งสองคนก่อนที่จะออกคำสั่งตามลำดับ

          มีอาขยับขึ้นมาข้างหน้าบังกรไว้ ส่วนเมอร์ลินก็ขยับหูเข้ามาใกล้ เพื่อที่กรจะได้แอบกระซิบอะไรบางอย่างได้สะดวก

〝นะ นี่นาย! แบบนั้นไม่ไหวหรอก!〞

〝!〞

          เมอร์ลินตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจทันทีที่กรกระซิบบอกแผนการ นั่นทำให้มีอาที่คอยดูท่าทีทศกัณฑ์อยู่เยื้องไปข้างหน้าเล็กน้อย ร่างกระตุกเบาๆเช่นกัน

〝ไม่ต้องห่วงหรอก... ด้วยวิธีนี้พวกเธอต้องไม่เป็นไรแน่นอน〞

〝ฉะ ฉันหมายถึงนายต่างหากเล่า! นายเพิ่งเจอเรื่องแบบนั้นมาไม่ใช่เหรอ!!? สภาพจิตใจของนาย... พลังเวทย์ของนาย... ยังไงก็ไม่ไหวหรอก!!! 〞

          เมอร์ลินตะคอกใส่กร เพราะแผนการที่มีความเสี่ยงสูงต่อตัวเขาเอง แต่กรนั้นไม่ได้เห็นความสำคัญในเรื่องนั้นเลย... พอมองไปทางมีอา เธอก็มองกลับมาแล้วบอกกรทางสายตา ประมาณว่า〝อย่าฝืนเด็ดขาดนะกร〞 เลยทำให้กรรู้สึกยอมแพ้ขึ้นมาเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้

          แต่ยังไงกรก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแผนการอยู่ดี... เขาเลยคิดแค่ว่าจะโน้มน้าวยังไงให้พวกเธอคิดว่าตัวเองจะไม่เป็นไร...

〝พวกเธอไม่ต้องห่วงหรอก... สกิลที่ฉันมีอยู่ต้องทำอะไรได้บ้างอยู่แล้ว... แถมเรื่องพลังเวทย์ก็มีสำรองไว้ที่เธออีก... เพราะงั้นขอร้องหล่ะ เชื่อใจฉันคนนี้ที...〞

〝〝!!! 〞〞

          กรก้มหัวให้เมอร์ลินในระดับอกของเธอเพื่อขอร้อง เลยทำให้มีอาและตัวเมอร์ลินเองตกใจมาก เป็นเพราะกรที่เป็นคนมีความทรนงถึงกับทิ้งทิฐิเพื่อแผนการ…

          แผนการนี้มันปลอดภัยก็จริง... แต่นั่นคือสำหรับมีอาและเมอร์ลินเท่านั้น คนที่เป็นคนแบกรับความเสี่ยงมีแค่กรคนเดียว... ถึงกรจะพูดออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ แต่ความเสี่ยงก็ไม่ได้หายไปอยู่ดี แถมตัวแปรสำคัญยังมาอยู่ที่เวทย์ของเมอร์ลินอีก เธอจะกดดันก็ไม่แปลกเลย

〖พวกเจ้า!!!! เมินข้าแบบนี้ ช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก!!!!!!!!!〗

〝ไม่มีเวลาแล้วเมอร์ลิน!!!!〞

〝โถ่เอ๊ย! เข้าใจแล้วน่า!!!〞

          ทศกัณฑ์ที่กักเก็บความไม่พอใจมาพอสมควร ระเบิดอารมณ์ออกมาทีเดียวด้วยการตะโกนใส่พวกกร พร้อมกับชูมือขึ้นเหนือหัว แล้วสะบัดลงอย่างแรงเพื่อสั่งให้เหล่าทหารทศกัณฑ์ขนาดเท่ามนุษย์เดินหน้าสังหารพวกกร

          พอสิ้นคำสั่งด้วยท่าทาง ทหารทศกัณฑ์ทั้งหมดก็กรูกันเข้ามายังจุดที่กรยืนอยู่ อันเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ยกที่สามซึ่งเป็นรอบสุดท้ายได้เริ่มขึ้นแล้ว

〝ใช้เวลาเท่าไหร่เมอร์ลิน!〞

〝ขอซัก 3... ไม่สิ 2 นาทีก็พอ!!!〞

〝เหลือเฟือ! มีอามากับฉัน... มาฝ่าไอ้พวกเวรนี่ไปด้วยกันเถอะ!〞

〝อื้ม! เข้าใจแล้วกร!〞

          หลังจากกรถามเวลาสำหรับอะไรบางอย่างกับเมอร์ลิน เมอร์ลินก็ลอยตัวขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้งพร้อมกับเร่งพลังเวทย์ในตัวเพื่อเพิ่มออร่าสีดำที่ล้อมรอบตัวเองให้หนาแน่นขึ้น พร้อมกับเติมพลังเวทย์สำรองให้กับกรและมีอาจนเต็ม

          จากนั้นกรและมีอาก็ให้สัญญาณการเข้าปะทะกันและกัน เพื่อเตรียมพุ่งตัวไปทันทีที่กรให้สัญญาณ ซึ่งในขณะเดียวกับที่สั่ง ในมือของกรทั้งสองข้างก็มีปืนพกเวทย์มนต์ 『Barrett』ในมือซ้าย และ『Taurus』ในมือขวาปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เสียแล้ว

〝ฝากตัวหลักก่อนที่ฉันจะเคลียร์ทางเสร็จทีนะเมอร์ลิน!〞

〝ไว้ใจได้เลย!〞

〝เอาหล่ะมีอา... เราไปไล่เตะก้นพวกลูกกระจ๊อกกันเลย〞

〝รับทราบ!〞

ตู้ม!

          กรและมีอาถีบพื้นดันเจี้ยนจนเกิดรอยแตกไปทั่วทุกสารทิศ มุ่งหน้าไปยังกองทัพทศกัณฑ์จิ๋วที่ตรงเข้ามาทางพวกตนโดยไม่มีอาการหวาดกลัวเลยซักนิด

เปรี้ยง!!!  เปรี้ยง!!!   เปรี้ยง!!!  เปรี้ยง!!!  เปรี้ยง!!! 

          ทั้งคู่พุ่งเข้าไปในดงศัตรูอย่างบ้าคลั่งไปตามพื้นดันเจี้ยนพร้อมกันเป็นเส้นตรง โดยไม่สนใจความเสี่ยง

          กรกระหน่ำยิงปืนใส่ทหารทศกัณฑ์ทันทีที่เข้าใกล้ สลับกับมีอาที่คอยปัดป้องการโจมตีของพวกที่เข้ามาประชิดตัวกรแต่ไม่ได้กำจัดมันไปแต่อย่างใด พอพวกมันเสียจังหวะกรก็จัดการยิงใส่ศีรษะของพวกมันจนระเบิดอย่างเลือดเย็นและแม่นยำในทันที  จนสามารถกำจัดไปได้แล้วมากกว่า 10 ตัวเลยทีเดียว

【เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว!———————】

          〝ฆ่าไอ้พวกนี้เลเวลก็อัพงั้นเหรอ... แหล่งฟาร์มชั้นดีเลยไม่ใช่เหรอว่ะเนี่ย?〞กรคิดแบบนั้นขึ้นมาชั่วพริบตานึง แต่ก็อดกลั้นความอยากเอาไว้ก่อน เพราะเป้าหมายจริงๆของเขาไม่ใช่การกำจัดพวกมัน แต่เป็นการจำกัดพวกมันไว้เพื่อก้าวแรกของแผนการต่างหาก

〝มีอา... ช่วยปัดการโจมตีเจ้าพวกนี้ให้หน่อย!〞

〝ไว้ใจได้เลย!〞

          ทั้งสองคนหันหลังให้กันก่อนที่จะเริ่มการเข้าปะทะอีกครั้งด้วยวีธีรบใหม่

          ระหว่างที่มีอาปัดป้องการโจมตีของทหารทศกัณฑ์ที่อยู่โดยรอบ กรใช้เวลา 1 วินาทีในการสับเปลี่ยนปืนในมือซ้ายและขวาเป็น『Uzi』และ『AK-47』ตามลำดับ และกระสุนเองก็เปลี่ยนเป็นอีกชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน

          จากนั้นกรก็ทำการกราดยิงใส่บริเวณลำตัวของทหารทศกัณฑ์อย่างรวดเร็ว พอกระสุนสัมผัสถูกตัวทหารทศกัณฑ์ พวกมันก็อ่อนแรงลง คุกเข่าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงราวกับตุ๊กตาเชิดหุ่นที่โดนตัดเชือกคุมออก ตัวที่อยู่นอกระยะการมองเห็นของกรก็ได้มีอาช่วยปัดป้อง แล้วก็ทำการยิงกระสุนสนับสนุนแทรกเข้าไปจนมันสลบไปอีกเป็นจำนวนมาก ด้วยกระสุน『Sleep』ที่ทำให้เป้าหมายสลบไสลเป็นเวลานานถึง 30 นาที

〖อย่าได้ใจให้มันมากนักเจ้าหนุ่ม!!!!!〗

          ทศกัณฑ์ที่อยู่ห่างออกไป เริ่มไม่พอใจกับสถานการณ์รบที่กลับตาลปัตร ด้วยจำนวนทหารของตัวเองที่ลดลงเรื่อยๆ มันจึงรีบพุ่งเข้ามาพร้อมกับพยายามฟาดทวนและง้าวในมือของมันลงไปยังจุดที่กรและมีอาอยู่

ตู้ม!!!!!

〝ไม่ยอมหรอก!!!〞

          เมื่ออาวุธขนาดยักษ์ทั้งสองถูกฟาดลงมา ก็ได้ปะทะเข้ากับเกราะเวทย์ที่ทั้งมีขนาดใหญ่และหลากหลายชั้นของเมอร์ลินที่คอยป้องกันจากด้านหลังสุดเข้าอย่างจัง จนเกิดเสียงดังสนั่นลั่นทุ่งตามมาจากการที่ใช้ทั้ง【ละการร่าย】เพื่อสร้างเกราะในเวลาอันสั้น พร้อมกับทำการผสานเวทย์ป้องกันที่แกร่งที่สุดเข้ากับบาเรียสลายสสาร เลยสามารถสร้างโล่อากาศที่คล้ายกำแพงที่มีลักษณะหนาแบน สีน้ำเงินเข้ม ขึ้นมา เพื่อป้องกันการโจมตีสุดหนักหน่วงถึงตายได้

          แต่ว่านั่นก็ต้องใช้พลังเวทย์มากถึง 1 ใน 3 ของที่มีทั้งหมด แม้จะไม่รวมจำนวนที่เธอเก็บสำรองไว้ด้วย【เมจิคชาร์จ】ของ〘คลังพลังเวทย์〙ก็ตาม แต่ก็เป็นจำนวนที่มากกว่า 100 ล้านจุดเลยทีเดียว จึงบอกไม่ได้เสียทีเดียวว่าไม่เสียดายเลย  แต่ต้องขอบคุณเมอร์ลินที่ทำการป้องกันการโจมตีที่ว่าได้ เลยทำให้กรและมีอาในตอนนี้ จัดการพวกทหารทศกัณฑ์ทั้ง 285 ตัวเสียจนสลบไปหมดแล้ว

〝เรียบร้อยแล้ว เมอร์ลิน!!!〞

〝อีก 95 วินาที!!!〞

〝อื้ม! มีอาใช้สกิลของไอ้มังกรห้าหัวในตอนนั้นใส่ไอ้ยักษ์เวรนั่นเลย!〞

〝เอ๋! จะ จะลองดูนะ!!!〞

          ในขณะที่กรสั่งแบบนั้นออกไป เขาก็ทำการใช้สกิลเนตรทวิกาลเอ็กซ์ตร้าโหมด ในการอ่านการเคลื่อนไหวของทศกัณฑ์ล่วงหน้าไว้ก่อน ส่วนเมอร์ลินก็ยังคงใช้เกราะเวทย์สีน้ำเงินขนาดยักษ์ป้องกันการโจมตีสุดหนักหน่วงของทศกัณฑ์เพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ให้ได้อยู่

          ส่วนมีอาก็ทำการจินตนาการถึงพลังแบบเดียวกับที่มังกรห้าหัวทำให้กรและเธอลำบากในชั้นที่ 25 เพ่งสมาธิไปยัง『แบล็คเอสต็อคออฟเคออส』เพื่อตอบสนองความต้องการของกร ในขณะที่กรเองก็ทำการใช้สกิล『แขนยักษา』อีกครั้งโดยที่ไม่กลัวความเสี่ยง เพื่อที่จะเพิ่มพลังให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในเวลาจำกัด

วิ้ง!

          ดาบเอสต็อคในมือซ้ายของมีอา และแขนขวาของกรเปล่งแสงสีขาวและแดงออกมาตามลำดับเพื่อตอบสนองความต้องการล้มศัตรูของทั้งสองคน

          ในเวลาเดียวกับที่มีอาง้างเอสต็อคที่เปล่งแสงสีขาวออกมาไว้ข้างหลังในท่าเตรียมที่จะแทง ส่วนกรเองก็ชักเคลเบรอสซอร์ดที่อยู่ข้างหลังออกมาไว้ในมือขวาของตัวเองและง้างไปข้างหลังในท่าเตรียมฟันในแนวทแยงเช่นกัน แล้วจากนั้น....

〝【ไลท์นิ่งสเตรทแฟลช!!!!!!!!!!!】〞

〝【อัลติเมทเฮอร์ริเคนสแลช!!!!!!!!!!!】〞

ตู้ม!!!!!

          การโจมตีด้วยลำแสงทำลายล้างแบบเดียวกับที่มังกรห้าหัวเคยทำไว้ที่ชั้น 25 ถูกมีอาทำให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยการปล่อยลำแสงสีขาวออกมาจากปลายดาบสีดำขลิบราวกับเปิดสปอร์ตไลท์พุ่งตรงไปยังจุดที่ทศกัณฑ์ยืนอยู่ พร้อมด้วยสกิลใหม่ที่พัฒนาแล้วของกร ด้วยการสะบัดดาบในแนวนอนจนเกิดลมพายุลูกใหญ่หมุนวนเข้าไปปะทะกับร่างขนาด 150 เมตรของทศกัณฑ์ตรงๆ ด้วยการโจมตีขนาดใหญ่ของทั้งสองจนเกิดเสียงดังลั่นตามมา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้มันได้เช่นเคย

〖เป็นการโจมตีที่รุนแรง... แต่แค่นี้ไม่สามารถเจาะเกราะของข้าได้หรอก!!!〗

          ทศกัณฑ์พูดจาเยาะเย้ยอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานาน กรที่ยินก็หัวเราะอยู่ในลำคอเบาๆกับการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงความหยิ่งยโสและโง่เกินบรรยายในสายตาของตัวกร

〖ดูเหมือนคราวก่อนจะยังไม่เข็ดหลาบสินะเจ้าหนู งั้นลองลิ้มรสความเจ็บปวดแบบเดิมซ้ำอีกครั้งซักหน่อยเป็นยังไง!!!〗

          ทันทีที่ทศกัณฑ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ในมือขวาทั้งสิบของมันก็เปลี่ยนอาวุธจากทวนกลายเป็นคันธนู และมือซ้ายก็เปลี่ยนจากง้าวกลายมาเป็นลูกศรสีทองอร่ามเจ้าปัญหา ที่ทำให้กรตกนรกทั้งเป็นมาแล้ว

          แต่ทศกัณฑ์ก็ยิ้มออกมาได้แค่ไม่นานนัก เพราะการกระทำอันเด็ดขาดของกรต่อจากนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดแม้แต่น้อย….

〝กร อย่า!!!————〞

ฉั๊ว!!! ฉึก!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!!

〖เจ้าหนุ่มนี่เจ้า!!!!!〗

          ไม่ใช่แค่ทศกัณฑ์ที่เบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง แต่ทั้งมีอาที่อยู่ข้างๆก็ตะโกนห้ามอย่างสุดเสียง เมอร์ลินที่อยู่ข้างหลัง และเคลเบรอสที่อยู่ในมือขวาต่างก็ตกใจสุดขีดทั้งนั้น...

          นั่นเป็นเพราะกรทำการใช้เคลเบรอสในมือปาดไปที่คอของเขาเองอย่างหน้าตาเฉย แทงเข้าไปที่หัวใจของตัวเองอย่างเลือดเย็น เฉือนใต้รักแร้ด้านซ้ายและท้องน้อยตัวเองด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนและไม่ร้องโอดครวญออกมาเลยซักแอะ

          ผลจากการกระทำนั้นก็คือ มีเลือดจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากบาดแผลที่กรทำตัวเอง เลือดไหลนองเต็มพื้น เพราะจุดที่กรสร้างความเสียนั้น มันเป็นจุดตายสำคัญที่มีเส้นเลือดแดงไหลผ่านทั้งนั้น เรียกได้ว่าอาการสาหัสจนถึงตายเลยทีเดียว

〝กร ทะ ทำไมหล่ะ!!!〞

〝ตะ ตาบ้าเอ๊ย! นายคิดจะทำอะไรกันเนี่ย!!!〞

          กรเซไปเซมาทางซ้ายขวา ราวกับกำลังยืนอยู่บนเรือเพราะสูญเสียเลือดมากเกินไป ร่างกายไม่ยอมฟังคำสั่งเพราะเลือดเริ่มไม่ไปเลี้ยง ไม่สิ... ไม่มีเลือดให้ไปเลี้ยงต่างหาก มีอาที่อยู่ใกล้ๆจึงรีบเข้าไปประคองพร้อมกับร้องเรียกหาเขาทั้งด้วยความมึนงงและเจ็บปวดใจ และแม้จะไม่เท่า แต่เมอร์ลินที่อยู่ด้านหลังก็ถึงกับตะคอกใส่กรที่เริ่มไม่ได้สติด้วยอารมณ์หลายๆอย่างทับถมกันในอกจนรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กับมีอาเลยทีเดียว

ซู่ม!!!

〝ออร่า... สีทอง... นี่หรือว่านาย!!!〞

          หลังจากผ่านไปได้เพียง 5 วินาทีที่ทั้งดันเจี้ยนงุนงงกับสถานการณ์ที่กรสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองนี้  ทั่วทั้งร่างของกรก็ได้มีออร่าสีทองอร่ามพวยพุ่งออกมาจากทั่วทั้งตัวและปกคลุมร่างของเขาอย่างหนาแน่น  นั่นเลยทำให้มีอาและเมอร์ลินเข้าใจได้ในที่สุดว่ากรต้องการอะไร แต่คนที่พูดออกมาได้แบบนั้นมีแค่เมอร์ลินที่ใจเย็นกว่าเท่านั้น เพราะที่มีอาทำได้ตอนนี้ มีแต่การเจ็บปวด มึนงงและสับสนจนพูดไม่ออกเพียงเท่านั้นเอง

          『จิตวิญญานเหล็กกล้า』นั่นคือชื่อของสกิล ที่เป็นตัวแปรสำคัญในทุกๆศึกที่กรผ่านมา... แม้โอกาสชนะจะริบหรี่เพียงใด แต่ก็สามารถกู้คืนความหวังกลับมาได้ด้วยสกิลที่ไม่รู้ถึงขีดจำกัดนี้ทุกครั้งไป

          และแน่นอนว่าครั้งนี้เองก็เช่นกัน... หากสามารถทำให้สกิลนี้ทำงานได้หล่ะก็ โอกาสชนะจะทวีขึ้นอย่างมหาศาล... ซึ่งแต่เดิมหากกรไม่ได้รับการโจมตีจากทศกัณฑ์จนบาดเจ็บสาหัส เขาก็ตั้งใจจะทำให้ตัวเองสาหัสแทนเสียเองอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะพิจารณาดูแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชีวิตรอดด้วยสกิลเท่าที่มี... รวมถึงนี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนของแผนที่วางไว้เองก็ด้วย แต่เพราะความยุ่งยากของเงื่อนไขสกิล เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำมันเสียเอง

〖ขอชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวเจ้าหนุ่มเอ๋ย... แต่แค่นั้นมันจะเพียงพอแน่หรือ〗

〝หึ! มันก็ไม่แน่หรอก!〞

          ทศกัณฑ์ทำการนำลูกธนูสีทองอร่ามมาจรดที่คันธนูอีกครั้ง เพื่อเตรียมทำการโจมตี

          ในขณะเดียวกัน กรที่ถูกประคองโดยมีอาก็ตอบกลับไปแบบนั้น จากนั้นก็ทำการโอบเอวของมีอาจากด้านข้าง แล้วนำเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกเพื่อที่จะสามารถปกป้องเธอได้ตลอดเวลา ก่อนที่จะกล่าวโทษตัวเองสั้นๆกับเธอ

〝ขอโทษนะมีอา... แต่มันจำเป็นจริงๆ〞

〝กะ กร...〞

          แต่แน่นอนว่ามีอาพูดอะไรไม่ออกกับความเด็ดเดี่ยวของกรที่ไม่คิดหน้าคิดหลังนั่น รวมถึงความเขินอายที่ถูกดึงเข้ามาในอ้อมอกอย่างกระทันหัน แต่พอมองดูสีหน้าของกรที่มีทั้งความรู้สึกที่มั่นคง(ในการโค่นศัตรู)และไม่มั่นคง(ที่ไม่อยากทำให้มีอาเจ็บปวด)แล้ว เธอจึงฝืนกลั้นน้ำตาไว้แล้วก็กลับไปเพ่งสมาธิกับทศกัณฑ์อีกครั้ง

〖จงเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสในนรกนั่นอีกครั้งซะเถอะเจ้าหนุ่ม!!!!〗

ฟิ้ว!!!!!!!!

          ทศกัณฑ์ปล่อยศรออกมาจากคันธนู แล้วลูกศรนั่นก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก เมอร์ลินเองก็ทำการสร้างเกราะเวทย์แบบเดียวกันกับตอนที่ป้องกันโจมตีในครั้งก่อนแล้ว แต่ลูกธนูกลับทะลุผ่านเกราะแบบพิเศษที่เมอร์ลินเพิ่งสร้างขึ้นมานี้ได้อย่างหน้าตาเฉย และยังคงพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

〝ไม่ไหว! รีบหนีเร็วเข้ากร!〞

〝อืม.... โทษทีนะเมอร์ลิน แต่คงต้องขอปฏิเสธ〞

〝อะ อะไรนะ! นี่นายเพี้ยนไปแล้วรึไงกัน?〞

          ต่อหน้าอานุภาพที่แฝงเร้นอยู่ในลูกศรสีทองอร่ามนี้ เมอร์ลินคิดว่ากรที่เป็นคนโดนในครั้งก่อน น่าจะเข้าใจดีที่สุดแท้ๆถึงความร้ายกาจของมัน แต่กรกลับเลือกที่จะไม่หนีด้วยสาเหตุบางอย่าง…

วิ้ง!

          อัญมณีในมือซ้ายของกรเปล่งแสงสีเขียวมรกตขึ้นอีกครั้ง อันเป็นสัญญาณว่ากรกำลังใช้สกิล『ดูดซับทุกสิ่ง』นั่นเอง แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้เมอร์ลินเลิกอาการลนลาน กลับกันแล้วเธอก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่องตามแผนการที่กรวางไว้อยู่ดี แสดงให้เห็นว่าเธอก็เชื่อใจกรมากพอสมควรทีเดียว

〖เจ้าหนูเอ๋ย เจ้านี่ช่างขลาดเขลายิ่งนัก... สกิล『ดูดซับ』ของเจ้ามันใช้ไม่ได้ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วจำไม่ได้รึยังไง〗

〝ให้ตายสิ... คนที่โง่คือมึงนั่นแหล่ะ... ใครมันจะไปใช้วิธีเดิมทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ผลกันหา!〞

〖ว่าไงนะ!!!〗

         

แปล๊บๆ!!!

          หลังจากที่กรพูดข่มทศกัณฑ์กลับไปนั้น บริเวณหลังมือซ้ายตรงจุดที่มีอัญมณีสีเขียวมรกตฝังอยู่ ได้เกิดกระแกไฟฟ้าสปาร์คขึ้นตรงนั้นอย่างต่อเนื่องจนเห็นได้ชัด เพียงแต่สายฟ้าที่เกิดมันไม่ใช่สีเหลืองทองตามปกติที่ควร หากแต่เป็น...

          สีดำทมิฬ....

〝คราวนี้ฉันจะไม่『ดูดซับ』แกหรอกไอ้ยักษ์เวร... แต่คราวนี้ฉันหน่ะ....〞

วูม!!!!

          กระแสไฟฟ้าสีดำทมิฬที่ไหลเวียนอยู่รอบๆอัญมณีสีเขียว สปาร์คที่ขอบของอัญมณีและเริ่มหลอมรวมกับอัญมณี ตั้งแต่ปลายของอัญมณีสู่ศูนย์กลาง  มากขึ้น... มากขึ้น... และมากขึ้น... จนกระทั่งอัญมณีสีเขียวมรกตสีสดใสได้หายไป จนกลายเป็นอัญมณีสีหินออบซิเดียนดำทมิฬที่ดูลึกล้ำ

          แล้วชั่วพริบตาที่อัญมณีสีเขียวแปรเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างสมบูรณ์ ออร่าสีทองในมือซ้ายของกรก็เริ่มมีสีเข้มมากขึ้นจนกลายเป็นสีดำแบบเดียวกับอัญมณีก่อนหน้า แล้วกรก็ยกมือข้างที่ออร่ากลายเป็นสีดำสนิทนั่นขึ้นมาทางทศกัณฑ์ราวกับจะคว้ามันมาไว้ในมือ ก่อนที่จะพูดว่า

〝คราวนี้ฉันจะ... 『กลืนกิน』 แกซะ!!!〞

ซู่ม!!!

          ออร่าสีดำในมือซ้ายของกรขยายขนาดใหญ่ขึ้น จนมากกว่าขนาดลูกศรที่พุ่งเข้ามาเสียอีก แล้วพอการปรับรูปร่างเสถียรขึ้น รูปร่างที่ปรากฏออกมาก็คือ ปากของสัตว์ที่คล้ายกับหมาป่าที่กำลังหิวกระหาย ซึ่งเต็มไปด้วยเขี้ยวสีดำทมิฬขนาดใหญ่คลุมมือซ้ายของกรที่เป็นต้นกำเนิดพลัง แล้วจัดการกินลูกศรเข้าไปทั้งอย่างงั้นเลย

〖บะ บ้าหน่ะ!!!〗

          ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น... พอปากขนาดยักษ์ราวกับสัตย์ร้ายทำท่าเหมือนกลืนอาหาร ขนาดของมันก็ลดลงและหายไปกลายเป็นออร่าสีทองตามปกติราวกับจะบอกกับกรว่า อิ่มแล้ว! ยังไงอย่างงั้นเลย

          ผลลัพธ์ที่เกิดจากการกระทำของตนต้องสูญเปล่า ทศกัณฑ์จึงทำได้แค่ระบายอารมณ์ขุ่นเคืองนี้ออกมาในรูปของการสบถแต่เพียงเท่านั้น

〝มีอาตอนนี้แหล่ะ!!!!!〞

〝【ไลท์นิ่งสเตรทแฟลช!!!!!】〞

〖!!!〗

          โดยที่ไม่ปล่อยให้หยุดพัก กรก็ทำการส่งพลังเวทย์ที่มากขึ้นจากการใช้『จิตวิญญานเหล็กกล้า』ไปยังมีอาด้วย『พันธะสัญญานิรันดร์』เพื่อเพิ่มอานุภาพของสกิลของมีอาให้มากยิ่งกว่าเดิม

          แล้วมีอาก็ทำการสร้างลูกบอลสีขาวออกมาตรงหน้าด้วยสกิลติดตัวของ『แบล็คเอสต็อคออฟเคออส』ถึง 3 ลูกในคราเดียว ก่อนที่ปล่อยมันออกมาในรูปของลำแสงเป็นทางยาวเพื่อโจมตีทศกัณฑ์

         

          การโจมตีไม่มีทางทะลุผ่านเกราะไปได้หรอก... นั่นคือสิ่งที่ทศกัณฑ์คิดได้ จากการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของมีอา แถมในความคิดของมัน ยังคิดว่ามีอาอ่อนแอที่สุดในปาร์ตี้อีกด้วย... แม้นั่นจะเป็นความจริงบางส่วน แต่ไม่ใช่ในปัจจุบันแน่นอน

ตู้ม!!!  ตู้ม!!!  ตู้ม!!!

〖อ๊อก!!! อะ อะไรกัน!!!!!!!!〗

          หน้าอก... หัวไหล่ซ้าย... และท้องเยื้องไปทางขวาเล็กน้อยของทศกัณฑ์ กลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ แล้วเสียงระเบิดถึงตามมาทีหลังราวกับเกิดฟ้าร้องฟ้าแลบ โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง

          ด้วยความประมาทของทศกัณฑ์ที่คิดว่ามีอาสร้างความเสียหายให้มันไม่ได้ เลยไม่ได้เตรียมรับความเสียหาย แต่มันก็ไม่ได้ร้องโอดครวญออกมาแต่อย่างใด แถมสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของมันกลับเป็นความไม่พอใจเสียอีก...

          แต่ก็ไม่น่าแปลกที่มันจะไม่รู้... เพราะเคล็ดลับความแข็งแกร่งของมีอาในตอนนี้นั้น มาจากฉายา〘พลังแฝงเทพเจ้า〙ซึ่งมันไม่รู้โดยละเอียดนั่นเอง ซึ่งผลของมันอธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ ยิ่งมีจำนวนศัตรูมากเท่าใด สเตตัสด้านความเร็วของมีอาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เป็นร้อยเท่าพันทวีจากที่มีแต่เดิม

          นั่นถึงเป็นเหตุผลที่กรไว้ชีวิตเหล่าทหารทศกัณฑ์เอาไว้แทนที่จะฆ่า... เพราะหากทำให้สลบก็จะสามารถได้ทั้งบัพจากฉายาและลดจำนวนคู่ต่อสู้ได้ในเวลาเดียวกัน รวมถึงเวทย์พันธะที่กรและมีอาทำร่วมกัน 『พันธะสัญญานิรันดร์』ซึ่งมีผลทำให้กรถ่ายโอนพลังเวทย์ไปสู่ตัวมีอาได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องสัมผัสตัวเองก็ด้วยที่ทำให้พลังของมีอาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า... แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้มีเพียงพวกของกรที่รู้สกิลของกันและกันเท่านั้นที่รู้เรื่อง

          และอีกสาเหตุหนึ่งที่กรให้มีอาเป็นคนโจมตีด้วยเวทย์ที่รุนแรงที่สุด ก็เพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตัวเอง ที่ทศกัณฑ์เคยบอกไว้ว่า ถ้าโจมตีไม่ถึง 100 ครั้งจะไม่สามารถทะลวงเกราะได้นั่น ตีความหลักๆได้สองอย่าง คือ

          หนึ่ง... มันคือเกราะเวทย์แบบพิเศษเพียงชั้นเดียวที่มีคุณสมบัติอย่างที่ว่า ที่ถ้าไม่โจมตีถึง 100 ครั้งในเสี้ยววินาทีก็จะเจาะไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นคงลำบากแน่ เพราะกรมีความเร็วไม่มากพอ จึงอาจต้องให้มีอาไปรับการโจมตีแทน ซึ่งเรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในหัวกรเลยแม้แต่น้อย

          ส่วนสองก็คือ... เป็นไปได้ว่าเกราะที่ว่านั้น ก็คือเกราะเวทย์ ที่ทศกัณฑ์สร้างซ้อนทับกันมากกว่าร้อยชั้น เพื่อป้องกันการโจมตีที่จะมาถึง แล้วพอถูกทำลายไปชั้นนึง ก็จะสร้างชั้นใหม่ขึ้นมาแทน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่มันบอกว่า ถ้าโจมตีมาในเสี้ยววิเพื่อให้การโจมตีถึงตัวก่อนจะสร้างเกราะชั้นใหม่ไม่ได้ ก็จะสร้างความเสียหายไม่ได้

          และดูเหมือนที่กรพนันไว้ว่าเป็นข้อที่สองนั้นจะถูกต้อง เพราะการโจมตีอย่างรุนแรงเพียงครั้งเดียวในจุดต่างกันของมีอา สามารถทะลวงเกราะได้อย่างง่ายดายด้วยสเตตัสที่มากกว่าเดิมโขจากบัพของฉายาเธอเอง นั่นเลยทำให้ทุกอย่าง่ายขึ้นและทุกอย่างเริ่มเป็นไปตามแผนที่กรวางไว้ แต่ว่า...

〖น่าเสียดาย... แต่ด้วยความเร็วระดับเท่านี้ ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าสิ้นชีพหรอกนะ〗

          มันก็เป็นที่น่าเสียดายอีก... ที่ถึงแม้ดาเมจในครั้งนี้จะมากมายเพียงใด แต่ความเร็วในการฟื้นสภาพของทศกัณฑ์ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างกายของมันก็ฟื้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมเสียแล้ว

          แต่มีอาก็ยังคงกระหน่ำโจมตีใส่มันอยู่ดีทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ผล นั่นเป็นเพราะเหตุผลที่ทำการโจมตี ไม่ได้เป็นเพราะต้องการสังหาร แต่เพื่อถ่วงเวลาต่างหาก

วูม!!!!

〖!!!〗

〝เรื่องนั้นอยู่แล้วหล่ะ... เพราะงั้นแหล่ะ!!!〞

          เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่มีดาบสีดำสนิทแบบเดียวกับที่กรใช้กับบอสมังกรห้าหัวในชั้นที่ 50 ซึ่งเป็นดาบบางๆที่ไม่มีจุดเด่นแต่แฝงไว้ด้วยพลังที่ยากจะหยั่งอีกเล่มมาอยู่ในมือซ้ายของตัวเอง ได้มีออร่าสีชมพูอ่อนของมีอาคลุมอยู่ทั่วใบดาบจากการที่มีอายื่นมือไปจับมือซ้ายกรไว้  ส่วนเคลเบรอสซอร์ดในมือขวาของกรเองก็มีออร่าสีทองของตัวเขาอยู่ด้วยเช่นกัน แล้วจากนั้น....

ซู่ม!!!!

          ใบดาบของดาบในมือซ้ายของกร ขยายขนาดขึ้นจนยาวกว่า 100 เมตรด้วยออร่าสีชมพูอ่อนของมีอา ส่วนใบดาบของเคลเบรอสซอร์ดในมือขวาก็ขยายขนาดขึ้นจนเกือบ 130 เมตรด้วยออร่าสีทองของกรด้วยเช่นกัน

          หลังจากนั้นกรและเมอร์ลินก็ทำการบัพให้กับดาบทั้งสองเล่ม ทั้งด้วยเวทย์สนับสนุน เวทย์ธาตุ และเวทย์โลหะต่างๆ เท่าที่จะคิดออก เพื่อใช้เป็นหนึ่งในตัวหลักในการเข้าปะทะครั้งสุดท้าย

ตู้ม!!! 

          ทันทีที่การเตรียมการเสร็จสิ้น กรก็ทำการพุ่งตัวไปข้างหน้า ไปยังจุดที่ทศกัณฑ์ยืนอยู่พร้อมกับดาบที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองทั้งสองเล่มถึง 100 เท่า แต่กลับสามารถแบกทั้งสองเล่มได้ราวกับพวกมันไร้น้ำหนักเลยทีเดียว ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นเพราะใบดาบขนาดใหญ่นี้เป็นเพียงสิ่งจำลองที่สร้างจากออร่า น้ำหนักมันจึงยังเท่าเดิมนั่นเอง แต่อานุภาพที่ถูกเสริมแกร่งมาแล้วหาได้เท่าเดิมไม่

          และด้วยการโจมตีสนับสนุนจากมีอาเลยทำให้สามารถเข้าประชิดตัวได้โดยง่าย เพียงแต่ทศกัณฑ์กลับยังมีลูกไม่ซ่อนอยู่อีก แล้วกรก็กลับโดนเข้าเต็มๆ...

〖อย่าได้ใจให้มันมากนักเจ้าหนุ่ม!!!〗

วิ้ง!

〝กร อันตราย!!!〞

          ดวงตาทั้ง 2 ข้างของทศกัณฑ์เปล่งแสงออกมา แล้วจ้องไปยังดวงตาของกร ทำให้ดวงตาของทั้งสองประสานกันชั่วพริบตานึง  นั่นเลยทำให้มีอาสังเกตเห็นความผิดปกตินั่น เธอจึงตะโกนเตือนกรที่อยู่ห่างออกไปด้วยความเป็นห่วง

          จากนั้นกรกลับรู้สึกถึงความมืดมิด... ราวกับถูกปิดสวิตช์ไฟลงอย่างกะทันหัน แต่ไม่นานนักก็เข้าใจได้ด้วยการใช้สุดยอดการประมวลผลตรวจสอบร่างกาย นั่นเลยทำให้รู้แน่ชัดว่า... ดวงตาทั้งสองของเขาได้เสียแสงสว่างและบอดลงไปแล้วอย่างถาวรนั่นเอง…

〝แล้วไงว่ะ!!!〞

ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ——————————————

〖อ๊อก!!! เจ้า... ทำไมถึง!!!!!!!!〗

          กรตะโกนออกมาดังลั่นเพื่อข่มขวัญทศกัณฑ์ ก่อนที่จะสยายปีกสีขาวที่กลางจากสกิลปักษาสววรค์เพื่อเข้าประชิดตัว แล้วใช้ดาบขนาดยักษ์ทั้งสองที่สูงถึง 1 ใน 3 ของทศกัณฑ์ กระหน่ำฟันและแทงอย่างหนักหน่วง และเน้นฟันที่จุดตายได้อย่างแม่นยำราวกับจับวางในจุดที่มีอาโจมตีจนเกราะหายไปในเสี้ยวเวลานึง

          หนึ่งในความสามารถพิเศษอีกอย่างของเนตรทวิกาลก็คือ การย้ายจุดมองของดวงตา โดยความสามารถและจำนวนที่มองได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้ ซึ่งในที่นี้หากกรทำการเพิ่มจุดมองไปยังดวงตาทั้งสองของตัวเอง กรก็ยังคงมองเห็นได้อย่างสบายๆ แต่กรก็ไม่ทำอย่างงั้นแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะ….

〝ไร้สาระ... แค่นั้นไม่ทำให้การโจมตีของฉันอ่อนลงหรอก!〞

          ไม่รู้ทำไม.... แต่พอกรมองไม่เห็น เขากลับสัมผัสได้ถึงการไหลของกระแสพลังเวทย์และการเคลื่อนไหวของสิ่งแวดล้อมในระยะการมองเห็นเดิมของเนตรทวิกาลบนหน้าผาก  ทั้งที่ควรจะมองเห็นแค่ด้านหน้า แต่ทั้งมีอาและเมอร์ลินที่อยู่ด้านหลังเอง กรก็สัมผัสได้ทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องมองด้วยซ้ำ  

          ซึ่งเหตุผลที่เข้าใจได้ก็คือ เพราะประสาทสัมผัสถูกลบให้หายไปหนึ่งอย่าง เลยเกิดซิกซ์เซนส์อันมาจากความสามารถบางอย่างได้ตื่นขึ้นจากการเอาตัวรอดในดันเจี้ยนบวกกับประสบการณ์ในกระแสเวลาสมมติกว่าเกือบแสนปีคูณกับความสามารถสุดยอดการประมวลที่มีอยู่ กลั่นกรองออกมาเป็นสัมผัสที่ 6 นั่นเอง กรจึงหลับตาลงเพราะไม่จะเป็นต้องมองและทำการลับประสาทที่เหลือจนคมกริบเพื่อตอบสนองทุกการกระทำของยักษ์ตัวนี้

          และเพราะกรได้รับความสามารถนี้มา เลยทำให้กรมองเห็นเกราะเวทย์จำนวน 100 ชั้นที่อยู่ล้อมรอบตัวของทศกัณฑ์ได้อีกด้วย... ทุกๆชั้นดูเหมือนถูกเชื่อมด้วยเส้นใยบางๆขึงอย่างสะเปะสะปะระหว่างชั้น นั่นทำให้กรพอเข้าใจหลักการของมันมากขึ้นนิดหน่อย และจำมันไว้ในหัวอย่างอัตโนมัติขณะที่ยังคงพุ่งเข้าไปหาทศกัณฑ์ทั้งที่ยังหลับตาอยู่

〖ยอมไม่ได้!!!!!!!!!!〗

          ทศกัณฑ์ที่บันดาลโทสะ ทำการเรียกอาวุธทั้งหมดเท่าที่นึกออก มาไว้ในมือทั้งซ้ายและขวารวมแล้วถึง 20 อย่าง

          ใน 14 อันเป็นอาวุธมีคมประเภทดาบ หอก ง้าว ขวาน ทวน อีก 3 เป็นคันธนู และที่เหลืออีก 3 คือลูกดอกสีเงิน ที่มีสกิลเพิ่มจำนวนนั่นเอง

ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว!——————————————

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!——————————————

ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว!——————————————

          ธนูจำนวนมหาศาลราวกับห่าฝนและการโจมตีด้วยความเร็วที่ตามองไม่ทันจากดาบ ง้าว ทวน หอก ขวาน มีด รวมแล้ว 14 อัน พุ่งตรงมายังตัวกรที่มีเพียงดาบขนาดยักษ์ 2 เล่ม

          แต่กรหาได้หวาดหวั่นไม่... ชั่วพริบตาที่การโจมตีทั้งหมดเข้าประชิดตัว กรก็จะทำการปัดป้องมันออกไปด้วยดาบทั้งสองเล่ม ราวกับว่าความคล่องตัวในการกวัดแกว่งดาบไม่ได้ขึ้นกับขนาดของใบดาบเลยซักนิด เพราะกรสามารถใช้ทั้งสองเล่มฟาดฟันทศกัณฑ์ได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเลยทีเดียว

ฉึก!!!  ฉึก!!!  ฉึก!!!  ฉึก!!!  ฉึก!!!  ฉึก!!!

          แต่แน่นอนว่ากรไม่สามารถปัดป้องมันได้ทั้งหมด เพราะอีกฝ่ายเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดในด้านจำนวน ขนาดมีการยิงสนับสนุนจากมีอาแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถลดจำนวนความเสียหายที่กรต้องแบกรับต่อวินาทีได้เลย

〝กร!!! หนอยแก!!!!!〞 

          และที่โชคร้ายกว่าก็คือ การโจมตีทั้งหมดของทศกัณฑ์โดนจุดตายของกรแทบจะทั้งหมด จนเลือดสีแดงฉานท่วมตัวเขาอีกครั้งหนึ่ง นั่นเลยทำให้มีอาโกรธแค้นยักษ์สีเขียวเป็นอย่างมาก แต่ก็ขยับไปจากตำแหน่งเดิมไม่ได้ เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวของทศกัณฑ์ตามแผน เธอจึงทำได้แค้กัดฟันจนถึงขั้นเลือดออก เพราะทำอะไรไม่ได้และไม่อยากขัดเจตนาของกร...

          ตับ... ม้าม... ไต... ปอด... หัวใจ... ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วเพราะการโจมตีด้วยความเร็วและจำนวนที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

〖หึหึ! ไงหล่ะเจ้าหนุ่ม... หายใจหอบเลยเชียวนี่!!!!〗

ฉั๊ว!

〝กร!!!〞 

          มีอาร้องเรียกกรแทบสุดเสียงในจังหวะที่การโจมตีหนึ่งสะบั้น ขาซ้ายของกรกระเด็นแล้วก็ตกลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง เลือดที่มีน้อยอยู่แล้วก็ไหลออกจากร่างตรงบริเวณรอยตัดมากไปอีก อวัยวะสำคัญที่มีอยู่ก็ถูกทำลายลงไปเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่า แค่หายใจอยู่ได้ก็เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว แต่ว่า....

〝ไม่ยอม!!!!!〞 

〖บ้าน่า!!!!〗

          กรพูดตอบสั้นๆในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง  แต่นั่นกลับทำให้ทศกัณฑ์ตะลึงอีกครั้ง สาเหตุนั่นเป็นเพราะร่างกายของกรในส่วนที่ขาดถูกออร่าสีทองของตัวกรเองห่อหุ้มจากส่วนที่ถูกตัด ถอดยาวลงไป เกิดการประกอบขึ้นจากส่วนเล็กๆขึ้นเป็นสิ่งที่ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับตนในตอนที่ถูกโจมตีจนสาหัสไม่มีผิด...

รักษาปากแผล... และทำการมโนภาพ.... 

เริ่มทำการวิเคราะห์และทำการสร้างอวัยวะที่เสียไปด้วยการใช้ออร่าสีทอง โดยเริ่มจากส่วนเล็กก่อน...

จากนิวเคลียสไปสู่เซลล์...  จากเซลล์ไปสู่เนื้อเยื่อ...

กระดูก... กล้ามเนื้อ...

จำลองการเคลื่อนไหวและการทำงานด้วยจินตนาการและความนึกคิด... ทำการสร้าง จัดเรียงและควบคุมอวัยวะภายในใหม่ทั้งหมด...

          กรทำการเรียนรู้จากความสามารถฟื้นฟูร่างกายของทศกัณฑ์ในครั้งที่ผ่านมา แล้วทำการคัดลอกสกิลนั้น เพื่อมาปรับใช้กับตัวเอง... นั่นทำให้ทศกัณฑ์แสดงท่าทีหงุดหงิดอีกครั้ง เพราะถูกกรเลียนแบบสกิล

          อวัยวะทั้งหมดที่ถูกทำลายไปโดยทศกัณฑ์ ถูกกรจำลองขึ้นมาใหม่โดยการใช้ออร่าสีทองที่มีความบริสุทธิ์สูง  ไม่ว่าจะเป็นขาซ้ายหรืออวัยวะภายใน ถ้าเข้าใจหลักการกรก็สามารถจำลองขึ้นมาเพื่อทดแทนอันเก่าได้ง่ายๆ แต่กรกลับไม่สามารถสร้างตาจำลองขึ้นมาได้ เพราะสาเหตุบางอย่างซึ่งน่าจะเป็นเพราะผลสกิลต่อเนื่องของทศกัณฑ์มัน กรจึงทำไม่สนใจ แล้วเพ่งสมาธิกลับไปยังทศกัณฑ์ที่อยู่ข้างหน้าเพื่อทำการโจมตีมันต่อไป

ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว!——————————————

ไม่ว่ากี่ครั้ง… ฉันก็จะสร้างมันขึ้นมาใหม่

          การโจมตีอันหนักหน่วงยังคงมาถึงร่างของกรไม่เปลี่ยน และอวัยวะที่สร้างใหม่ก็ถูกทำลายลงไปอีก  เพราะความเร็วของกรยังคงเทียบกับจำนวนการโจมตีของทศกัณฑ์ไม่ได้ แต่ทว่า...

จนกว่าจะตาย... ฉันจะฟื้นขึ้นมาเรื่อยๆ... จะไม่ยอมตายเด็ดขาด...

เพราะงั้นไม่ว่ากี่ครั้ง... ฉันก็จะไม่ตาย... ทุกครั้งที่บาดเจ็บจนร่างนี้บอบช้ำและล้มลงเกลือกกลั้วกับบ่อโคลน ฉันก็จะลุกขึ้นมาสร้างมันใหม่ทั้งหมดและผงาดขึ้นอีกครั้ง.... 

          แล้วกรก็สร้างอวัยวะที่ถูกทำลายด้วยความเร็วที่สามารถสร้างความเสียหายต่อวินาทีได้มากกว่าของทศกัณฑ์ขึ้นมาอีก พอถูกทำลายอีก กรก็จะสร้างอีก.... ทำลาย.... สร้าง.... ทำลาย.... สร้าง....  จนกว่าจะเทียบเท่าหรือเหนือกว่าความเร็วในการโจมตีของทศกัณฑ์

จนกว่าแกจะตาย.... ไอ้ทศกัณฑ์... ฉันจะไม่ยอมตาย...

จนกว่าจะมั่นใจว่าลมหายใจสุดท้ายของแกจะถูกแย่งชิงไป...  ฉันขอสาบาน... ว่าจะลุกขึ้นมายืนหยัดอีกเสมอ... จะสยายปีก และจะฟาดฟันแกไปเรื่อยๆ  

จนกว่าชีวิตของแกจะหาไม่!!!!

ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว!——————————————

〝มากกว่านี้.... มากกว่านี้.... มากกว่านี้.... มากกว่านี้....〞

          การโจมตีของกรเริ่มรุนแรงมากขึ้น และรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆทั้งยังมีสเตตัสที่เพิ่มขึ้นจากแขนยักษาอีก... จากตอนแรกที่โต้ตอบอาวุธได้เพียง 5 ชิ้น ก็ทำได้ถึง 7 ชิ้น... 10 ชิ้น... 12 ชิ้น... และก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

          ด้วยความมุ่งมั่นที่มากเกินธรรมดา ทั้งที่ร่างกายในตอนนี้ ถูกยื้อชีวิตด้วยอวัยวะเทียมจากออร่าสีทอง สาหัสมากถึงมากที่สุด แต่พลังของกรกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย...

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!————————————

ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว!——————————————

〝มากกว่านี้!!! มากกว่านี้!!! มากกว่านี้!!! มากกว่านี้!!! มากกว่านี้!!!

มากกว่านี้!!! มากกว่านี้!!! มากกว่านี้!!! มากกว่านี้!!!——————

          เสียงตะโกนของกรเพื่อข่มขวัญและกระตุ้นยังคงโห่ร้องอย่างต่อเนื่อง

          หนึ่งมัค... สองมัค... สี่มัค... ความเร็วในการโจมตีแต่ละครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ทุกๆการเหวี่ยงดาบของกร เกิดเสียงดังลั่นจากโซนิคบูมราวกับอยู่กลางดงระเบิด แล้วก็สร้างความเสียหายให้กับทศกัณฑ์ด้วยดาเมจและความเร็วต่อวินาทีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

มากกว่านี้!!!!!!!!〞

〖อ้ากกกกก!!!!〗

          แล้วในที่สุด ความอดทนของกร ในการเจาะเกราะของมันก็สัมฤทธิ์ผล...  ทศกัณฑ์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีที่กรโจมตีได้เร็วกว่าจำนวนเกราะที่มันสร้างได้  แต่ถึงจะไม่สามารถลดอัตราการฟื้นฟูของทศกัณฑ์ได้เลยซักนิดก็ไม่เป็นไร  เพราะจุดประสงค์หลักของกรคือการทำลายเกราะที่น่ารำคาญของมันต่างหาก...

〝เมอร์ลิน เวลาหล่ะ!!!!〞 

〝เสร็จไปตั้ง 10 วินาทีแล้ว!!!〞

〝เยี่ยม! …ถ้างั้นหล่ะก็!!!〞          

          กรส่งสัญญาณไปยังมีอาด้วยการหันหน้าไปหาเธอทั้งที่ยังหลับตาอยู่ แล้วพยักหน้าให้เพื่อบอกว่าแผนจริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ให้เตรียมตัวไว้ให้ดี มีอาที่พยักหน้าตอบกลับทั้งกรและเมอร์ลินก็รีบวิ่งไปอยู่หลังกรห่างออกไปเกือบ 100 เมตร แต่ก็ยังไม่ได้เลิกโจมตีสนับสนุนแต่อย่างใด กลับกัน จากตอนแรกที่มีอาใช้การโจมตีจากลำแสง 3 ครั้ง ตอนนี้กลับเพิ่มเป็น 6 ครั้งโดยไม่กลัวสิ้นเปลืองพลังเวทย์

          กรเป็นคนโจมตีทศกัณฑ์โดยไม่ให้มันสร้างเกราะได้ทัน กับมีอาที่คอยโจมตีร่างกายและทำลายเกราะของมันไปพร้อมๆกัน ด้านหลังกร และเมอร์ลินที่ร่ายเวทย์บางอย่างมาตลอดอยู่ด้านหลังทั้งสองคน  จนทั้งสามคนอยู่ในแนวเดียวกันเป็นเส้นตรงหมด

          พอจัดขบวนอย่างที่ว่าได้แล้ว กรจึงตะโกนบอกทั้งสามคนอีกครั้งเพื่อเริ่มแผนการขั้นสุดท้ายในทันทีว่า

〝เริ่มได้เลยเมอร์ลิน!!!!〞 

〝ตามคำขอ!!!! 【ห้องพันธนาการนิรันดร์】....ทำงาน!!!!!!!〞

วูม!!!!

          แสงสว่างส่องขึ้นมาจากพื้นที่ทศกัณฑ์เหยียบ เสียจนมีอาแสบตาเลยทำให้ความเร็วในการโจมตีตกนิดหน่อย แต่กรที่มองไม่เห็นแล้วสัมผัสถึงแสงสว่างนั้นไม่ได้ จึงยังคงสามารถต้านทศกัณฑ์ไว้ได้ด้วยการโจมตีอันหนักหน่วงของดาบยักษ์ทั้งสองอยู่

          พอแสงสว่างจางลง สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนก็คือ กล่องสีขาวขนาดใหญ่โดยมีทศกัณฑ์ถูกใส่ไว้ข้างในพร้อมกับเหล่าทหารที่เหลือของมันทั้งหมด แต่ทศกัณฑ์ไม่สามารถขยับไปไหนเลยเพราะถูกกรตรึงอยู่ด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง 

          เพราะกล่องที่ว่านั่น คือหนึ่งในเวทย์ที่เมอร์ลินเพิ่งสร้างขึ้นมา โดยมีผลก็คือ ทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ในกล่องไม่สามารถเล็ดรอดออกมาได้  แต่ทุกสิ่งที่อยู่ข้างนอกสามารถเข้ามาได้ ซึ่งหลักการมันก็คล้ายๆกับห้องบอสของดันเจี้ยนที่เข้าได้แต่ออกไม่ได้นั่นแหล่ะ ดังนั้นกรจึงสามารถโจมตีทะลุผ่านกล่องได้ โดยที่ทศกัณฑ์ออกมาไม่ได้

          ใช่แล้ว... ทั้งการที่กรเข้าไปรับการโจมตี ตรึงการเคลื่อนไหว และดึงดูดความสนใจ พร้อมกันนั้นก็พิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตัวเอง เป็นสิ่งที่กรคิดไว้อยู่แล้ว

          เมอร์ลินถูกกรขอร้องให้ทำอยู่สองอย่าง นั่นคือการสร้างกำแพงที่ต้านไม่ให้ทุกอย่างแม้แต่อากาศเล็ดรอดออกมาได้เพื่อขังทศกัณฑ์และลูกน้อง แต่ถึงกระนั้น ก็เป็นไปได้อยู่ดีว่ามันจะพังออกมาได้ กรจึงต้องเข้าไปรับการโจมตีทั้งที่อันตรายและด้วยเวลาถึง 2 นาที ทั้งที่ไม่น่าอยู่รอด แต่กรก็ทำได้จริงๆ ถึงจะต้องบาดเจ็บสาหัสแบบสุดๆก็ตาม เลยทำให้เมอร์ลินดีใจมาก

〝เตรียมใจตายไว้ได้เลยพวก!!! จัดการเลยเมอร์ลิน〞

          แล้วพอกรเห็นว่ากำแพงที่สร้างขึ้นเป็นห้องปิดตายนี้สมบูณณ์แล้ว กรก็ตะโกนบอกเมอร์ลินดังๆ ทั้งที่ตัวเองก็กำลังง่วนอยู่กับการตรึงทศกัณฑ์ไว้ในกล่องอย่างบากลำบาก

〝เข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็!!! 【เวทย์อัญเชิญระดับสูง———————————〞

〝【เวทย์อัญเชิญระดับสูง———————————〞

          เมอร์ลินที่ได้ยิน ก็สูดหายใจเข้าหนักๆ ทันที ก่อนที่จะตะโกนเฉลยเวทย์ไม้ตายปริศนาที่เหลืออีกหนึ่งไว้ออกมาพร้อมกับกรที่ยังโจมตีอยู่ ด้วยเสียงที่ดังจนลั่นห้องบอสในชั้นสุดท้ายนี้ ว่ามันคือ...

〝———————ระเบิดไฮโดรเจน!!!!】〞

〝———————ระเบิดไฮโดรเจน!!!!】〞

ฟุบ!!!!

          แท่งเหล็กทรงกระบอกหัวท้ายมนกลมขนาดยาวกว่า 10 เมตร ปรากฏขึ้นในกล่องสีขาวด้วยจำนวน 5 อัน และถูกซ้อนทับกับร่างของทศกัณฑ์อยู่อีก 4 ลูก ด้วยเหตุที่เมอร์ลินสร้างมันไว้ก่อนล่วงหน้า แล้วสร้างเวทย์อัญเชิญไว้ข้างในกล่องสีขาวก่อนล่วงหน้าอีกที เพื่อที่จะเคลื่อนย้ายมันเข้าไปได้ทุกเมื่อ...

 

          หรือง่ายๆก็คือ... กรทำการยัดระเบิดที่แรงกว่าปรมณูหลายร้อยเท่าเข้าไปทั้งในห้องปิดตายและในตัวของทศกัณฑ์ที่ทำการเจาะเกราะไว้แล้วนั่นเอง

          พอร่างกายของทศกัณฑ์เป็นรูโหว่ จะมีช่วงเวลาสั้นที่มันเปิดโล่งเป็นโพรงจนกว่าจะกลับเป็นเหมือนเดิม กรจึงแอบทดสอบด้วยการเอาเศษเหล็กของดาบที่จงใจทำให้หักคาไว้ในนั้นแล้วโจมตีใส่ที่เดิม ก็ปรากฏว่าเศษเหล็กไม่ได้หายไปไหน กรจึงสามารถสร้างแผนการที่เหนือกว่าตอนแรกขึ้นมาได้

          ในตอนแรก... กรมีแผนที่จะเจาะเกราะของมันไม่ให้มีเวลาสร้างใหม่ และอาศัยจังหวะที่เกราะถูกทำลายหมด เพื่อใช้ระเบิดไฮโดรเจนเป่าทศกัณฑ์ให้ไม่เหลือซาก แต่ถ้าถึงกับทำลายจากภายในได้ด้วย ชัยชนะก็ตกเป็นของกรอย่างแน่นอนไปแล้ว แต่ว่า...

〖แค่ห้องขังพรรค์นี้มิทำให้ข้าคนนี้สิ้นท่าหรอกนะ!!!!〗

          ทศกัณฑ์พยายามกระเสือกกระสนออกมาจากการโจมตีอันหนักหน่วงของกรราวกับสัตว์ป่าที่กำลังจนมุมซึ่งทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองรอดยังไงอย่างงั้น กรที่เห็นแบบนั้นก็หยุดการโจมตีไปชั่วขณะนึงเพื่อเปลี่ยนไปกระทำการอย่างอื่นที่ดีกว่าแทน..

          แล้วจากนั้นทศกัณฑ์ก็พยายามกระทืบเท้าเพื่อต้องการทำลายห้องพันธนาการของเมอร์ลิน แต่ทว่า...

กึก!

          การกระทืบเท้าของทศกัณฑ์กระทบเข้ากับกำแพงล่องหนจนเท้าหยุดนิ่งไม่ไหวติงกลางอากาศ แล้วพอทศกัณฑ์มองลงไปที่เท้าก็พบกับเกราะเวทย์ที่มีลักษณะคุ้นๆเหมือนกับที่เคยเห็นมาก่อน... ใช่แล้ว มันก็คือเกราะเวทย์จำนวนร้อยชั้นแบบเดียวกับที่ตัวเองใช้เลยนั่นเอง

〖เจ้าหนุ่ม แก... เลียนแบบสกิลของข้าถึงสองครั้ง!!! บังอาจนัก!!!〗

          และแน่นอนว่าคนที่ทำแบบนั้นก็คือกรไม่ใช่ใครอื่น...

          จากที่กรสามารถมองเห็นและอ่านวงจรเวทย์และสกิลของทศกัณฑ์ได้ เลยทำให้เข้าใจหลักการของมันตั้งแต่ตอนที่พุ่งเข้าไปปะทะเมื่อครู่แล้ว

         

          หลักการของเกราะทศกัณฑ์นั้น คล้ายกับการผลัดเซลล์ผิว... หากสามารถสัมผัสวงจรเวทย์อย่างละเอียดได้ ก็จะรู้ว่าหลังจากชั้นในสุดหรือชั้นที่ 100 ของเกราะ มันจะมีเกราะบางๆที่มีรูปร่างคล้ายกัน 50  ชั้นซ่อนอยู่ และใต้เกราะบางๆนี้ก็จะมีเกราะที่ยังไม่เป็นรูปร่างซ่อนอยู่อีก 30 ชั้น แล้วใต้เกราะที่ยังไม่ก่อตัวเป็นรูปร่างนี้ก็ยังมีพลังเวทย์ที่ลอยอย่างสะเปะสะปะเพื่อเตรียมก่อเป็นรูปร่างอีก 20 ชั้นอีกต่างหาก

          เมื่อชั้นนึงถูกทำลาย เกราะบางๆจะเข้ามาแทนที่ทันที ส่วนที่หายก็จะถูกแทนที่ด้วยเกราะที่ยังไม่เป็นรูปร่างและพลังเวทย์ที่สะสมไว้ แทนที่อีกชั้นนึงโดยอัตโนมัติตามลำดับ

          พอเป็นอย่างที่ว่า... ขอแค่ใส่พลังเวทย์จำนวนมหาศาลทิ้งไว้ ชุดคำสั่งสร้างเกราะสี่แบบดังกล่าวก็จะทำงานอย่างเป็นระบบโดยอัตโนมัติราวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็มิปาน

          ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องง่าย... แต่การเขียนวงจรเวทย์นั้นไม่เหมือนโปรแกรม... หากกรอ่านมันไม่ได้ก็ไม่สามารถใช้ได้เพราะงั้นครั้งนี้จึงต้องถือว่าโชคเข้าข้างแบบสุดๆ ที่กรดันได้ความสามารถในการอ่านวงจรเวทย์มาแบบถูกที่ถูกเวลาพอดี

〝มันจบแล้วทศกัณฑ์... เมอร์ลินเริ่มได้เลย〞

〝เข้าใจแล้ว!!!!〞

          กรที่ยังคงใส่พลังเวทย์ลงไปในเกราะร้อยชั้น พูดตัดพ้อกับทศกัณฑ์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มทำการจุดระเบิด

          เมอร์ลินนั้นมีความรู้จากโลกเดิมของกรมากกว่าที่เขาคิด จากการที่ได้คุยกันในไพรเวทไดเมนชั่น... นั่นจึงทำให้กรคิดว่าเธอคงรู้จักระเบิดไฮโดรเจนเหมือนกัน แล้วเธอก็รู้จริงๆ แถมยังสามารถสร้างได้จริงตามที่เขาหวังอีกด้วย

          เวทย์โลหะที่กรยังใช้ไม่คล่อง ถูกเมอร์ลินสังเคราะห์ธาตุโลหะ และทำการแปรธาตุให้ได้มาซึ่งธาตุกัมมันตรังสีเพื่อใช้เป็นแกนกลาง สามารถสร้างไฮโดรเจนที่เป็นตัวหลักในการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น และที่เหนือกว่าคือสามารถทำให้มันรวมกันเป็นฮีเลียมได้อีกด้วยความรู้ของเมอร์ลิน ทำให้ได้ระเบิดที่รุนแรงที่สุดที่เคยมีในโลกเดิมของกรเสียอีก

          แกนกลางถูกสั่งระเบิดด้วยความคิดของเมอร์ลินในทันที... เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชั่นแบบลูกโซ่ขึ้นที่ใจกลางของระเบิดไฮโดรเจนแต่ละลูก นำไปสู่การเกิดปฏิกิริยาแบบฟิวชั่นกับไฮโดรเจนที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆระเบิดปรมาณูนี้ อะตอมของไฮโดรเจนเกิดการรวมตัวกันเป็นฮีเลียม มวลที่หายไปกลายเป็นพลังงานมหาศาลดังเช่นที่เกิดในแกนกลางของดวงอาทิตย์ถูกปลดปล่อยออกมาตามสมการ E=mc2 แล้วจากนั้น...

ตู้ม!!!ตู้ม!!!ตู้ม!!!ตู้ม!!!ตู้ม!!!ตู้ม!!!ตู้ม!!!ตู้ม!!!ตู้ม!!!

        เกิดการระเบิดเสียงดังสนั่นขึ้นภายในกล่องสีขาวของเมอร์ลินอย่างต่อเนื่องด้วยระเบิดที่มีอานุภาพขนาดทำลายประเทศ ไม่สิ... ทำลายล้างโลกทั้งใบจนพินาศได้ในลูกเดียว แต่ในที่นี้กลับมีถึง 9 ลูก อย่างไม่มีหยุดหย่อนราวกับว่าโลกที่อยู่ข้างในกำลังล่มสลายเลยทีเดียว

          แต่พวกกรที่ยืนอยู่นอกกล่องนั้นไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงซักแอะ... เพราะดูเหมือนนอกจากความเสียหายแล้ว ทั้งเสียงและอากาศก็ถูกตัดขาดราวกับเป็นโลกคนละใบตามที่กรสั่งไว้ไม่มีผล

          ...แม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่การระเบิดภายในกล่องมันช่างรุนแรงและน่าหวาดผวา จนมีอาถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว

ฉ่า!!!

          แล้วพอการระเบิดสิ้นสุดลง ภาพที่ปรากฏในกล่องสีขาวก็กลับมีแต่ความว่างเปล่า...

          เมื่อมองด้วยตาเปล่า... ทั้งทศกัณฑ์ก็ไม่มี... ทหารของมันที่นอนสลบอยู่ก็ไม่มี... ไม่มีอะไรเลยอยู่ในนั้น  พอเมอร์ลินมองดูห้องบอสเพื่อตรวจสอบว่าเวทย์ที่ใช้สำหรับกักขังคนที่เข้ามาในห้องบอสไม่ให้หนีหายไปแล้วจริง อันเป็นสัญญานว่าการต่อสู้จบลงแล้ว เธอก็ทำการวาร์ปกล่องเจ้าปัญหาไปในมิติอื่นแล้วจัดการทำลายทิ้งทันที

〝กรสำเร็จแล้ว!!!〞

〝ให้ตายสิจบซักที! นายนี่มันคิดแผนแต่ละอย่างไม่ห่วงตัวเองบ้างเลยนะ!!!〞

          ทั้งสองคนตะโกนออกมาด้วยความดีใจทันทีที่การต่อสู้จบลง พร้อมๆกับปลดออร่า ปีกและอักขระออกจากสถานะต่อสู้อย่างสมบูรณ์

          โดยเฉพาะเมอร์ลินที่เหมือนปลดภาระหนักอึ้งลงจากบ่าไปได้ จึงเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจด้วยการบ่นกรที่รับภาระอยู่แทบจะฝ่ายเดียวจนถึงตอนท้ายสุดนั่นเอง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากกรแต่อย่างใด

〝กร???〞

          มีอาที่สังเกตถึงความผิดปกติเป็นคนแรก ก็รีบหันไปหาร่างของกรที่นอนหงายท้องกับพื้นโดยทันที  นั่นเลยทำให้ทั้งสองคนรีบวิ่งไปยังจุดที่กรนอนอยู่อย่างเร็ว โดยลืมความดีใจที่เพิ่งเอาชีวิตรอดผ่านมาได้เสียสนิทเลยทีเดียว

〝กะ โกหกใช่ไหมเนี่ย!!!〞

〝กร ไม่นะ!!!〞                       

          ร่างของกรที่นอนอยู่เบื้องหน้าทั้งสองคนช่างดูน่าสังเวช

          ดวงตาทั้งสองข้างว่างเปล่าเพราะถูกทำลายหรือถูกชิงไป...

          ขาทั้งสองข้างตั้งแต่หัวเข่า... แขนซ้ายตั้งแต่ข้อศอก และแขนขวาตั้งแต่หัวไหล่หายไป...

          ลำตัวถูกเปิดทั้งช่องอกและช่องท้อง... แต่สิ่งที่ควรมีอย่างอวัยวะภายในกลับไม่มี...

          เพราะออร่าสีทองที่เป็นตัวจำลองอวัยวะภายในของกรดับมอดลงไปแล้ว... เลยทำให้เกิดช่องว่างขึ้นทดแทน จนเกิดสภาพที่ย่าเวทนาแบบนี้ขึ้น  มีอาและเมอร์ลินจึงทำได้แค่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาป้องปากไว้พร้อมกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจสุดขีด แต่กลับไม่ได้แสดงอาการคลื่นไส้ออกมาซักนิดเดียว

〝มะ ไม่มีทางหรอก... ไม่ปล่อยให้ตายหรอก!!!〞     

          เมอร์ลินนั่งคุกเข่าลงข้างซ้ายของกรที่นอนอยู่อย่างรวดเร็วเพื่อหวังว่ากรยังไม่ตาย ทั้งที่ดูยังไงก็ตายไปแล้ว... จากนั้นเมอร์ลินก็ทำการสร้างออร่าขึ้นอีกครั้ง แล้วก็ทำการจำลองอวัยวะของกรเหมือนกับที่กรเคยทำ แต่ต่างกันตรงที่ใช้ออร่าของตัวเองเพื่อพยายามยื้อชีวิตของเขา

〝ฮึก! เมอริลิน ขอร้องหล่ะ!!! ช่วยกร... ช่วยกรให้ได้ทีเถอะ!!!〞      

〝อือ....〞                               

          มีอาคุกเข่าลงข้างๆเมอร์ลินทั้งน้ำตา เพื่อขอร้องเมอร์ลินที่กำลังพยายามช่วยจนเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าหลายเม็ด เพราะรู้ตัวดีว่าไม่มีสิ่งที่ตัวเองทำได้ ทั้งความชำนาญในการใช้ออร่าหรือเวทย์มนต์ เพื่อรักษาอวัยวะภายในเธอไม่มีความรู้ซักอย่าง... เธอจึงทำได้แค่อ้อนวอนเมอร์ลินเท่านั้น

          เมอร์ลินที่ได้ยินมีอาร้องไห้เสียงกระเส่าจึงตอบกลับสั้นๆเท่านั้นเอง แล้วก็ทำการสร้างอวัยวะทั้งหมดต่อ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่ากรจะฟื้นซักนิด…..

ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!

          ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองคนเรื่อยๆ แต่คนที่พูดออกมาก่อนกลับเป็นเมอร์ลินที่กำลังรักษากรอยู่ราวกับสนิทชิดเชื้อกับบุคคลปริศนานี้

〝มาช้านะฟรังซ์!!!〞

〖แหมๆ ต้องขอโทษจริงๆครับ... ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้นเลย... 〗

          บุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังของเมอร์ลินนั้นก็คือฟรังซ์ ออลเดล ที่เป็นเด็กหนุ่มผมสีขาวสวมชุดองค์ชายของชาวยุโรป... ทั้งยังเป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ของดันเจี้ยนแห่งนี้อีกนั่นเองไม่ใช่ใครอื่น

          การที่เค้าปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน ยังไม่สามารถดึงความสนใจทั้งสองคนได้ เขาจึงยักไหล่เบาๆให้กับเมอร์ลินที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง กับมีอาที่ชำเลืองมองเขาด้วยหางตา แล้วกัลบไปจ้องร่างของกรอีกครั้งในทันที

          แต่แม้เด็กชายคนนี้จะพบร่างที่น่าเวทนาของกรนี้เข้า ก็กลับไม่ได้ตกใจ ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ราวกับไม่สนใจอยู่อีก... แต่แน่นอนว่าใจจริงไม่ใช่แบบนั้น...

〖สาหัสมาก... 〗

〝ถ้ารู้ก็มาช่วยกันหน่อยสิยะ!!!〞

〖น่าๆ... ขอเวลาผมหน่อยสิ! 〗

          เด็กชายวินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมาด้วยใบหน้าจริงจังต่างกับเมื่อครู่ แล้วพอถูกเร่งเร้าโดยเมอร์ลิน เขาก็ทำการสร้างออร่าสีขาวโปร่งแสง ลอยผ่านอากาศไปยังร่างของกรเพื่อสมทบกับเมอร์ลินที่กำลังรักษาอยู่

〝อึก! ไม่ไหวเหรอเนี่ย... บ้าจริง!!!〞

〝มะ ไม่จริง... ไม่จริงใช่ไหม!!!〞

          ด้วยความที่อวัยวะทั้งหมดยกเว้นดวงตากลับคืนมาแล้ว แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยา ชีพจรหรือหายใจเลยซักนิด จนเมอร์ลินถึงกับคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงเพราะถอดใจ มีอาที่ได้ยินก็น้ำตาไหลพราก เพราะยอมรับความจริงไม่ได้...

〖ไม่หรอก... 〗

          แต่ฟรังซ์ยังไม่ยอมแพ้  เขาพยายามเปิดช่องลมให้เลือดไหลเวียนในตัวกร พร้อมกับใช้เวทย์มนต์สร้างเลือดให้กับกรอีกด้วย แต่ถึงแบบนั้นกรก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอยู่ดี....

〝จะ จริงสิ... ฟรังซ์!!! ไอ้นั่นไง... รีบใช้มันเร็วเข้า!!!〞

〖หืม... แต่นั่นมันของสำคัญมากนะครับ... 〗

〝ใครสนเล่า!!!〞

          เมอร์ลินที่นึกอะไรออก คะยั้นคะยอให้ฟรังซ์ทำอะไรบางอย่างที่รู้กันแค่สองคน

          กับฟรังซ์ที่พูดเป็นเชิงเสียดายกับของชิ้นที่ว่า ก็ถูกเมอร์ลินตะหวาดใส่อย่างรุนแรง พร้อมกัยส่งสายตาบอกไปว่า “ยังจะมีอะไรสำคัญไปกว่าหมอนี่อีกรึไงกัน!!!” ฟรังซ์จึงทำหน้าเหมือนกับจะบอกว่าช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะยักไหล่เบาๆอีกครั้ง แล้วแบมือขวาออกมา พร้อมกับมีของสิ่งหนึ่งปรากฏออกมาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

〖เข้าใจแล้วครับ... ผมผิดเองที่ชั่งน้ำหนักชีวิตของเขาตามอำเภอใจ... แต่จริงๆผมก็กะจะใช้อยู่แล้วนะครับ 〗

〝ชะ ใช้!? นายจะทำอะไรกับกร!!!〞

          มีอาถามฟรังซ์ออกมาถึงสิ่งที่อยู่ในมือของเขา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ไว้ใจและเตรียมพุ่งเข้าไปขวาง ด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ปกติบวกกับเพราะเธอคิดกับฟรังซ์เป็นเพียงแค่บุคคลปริศนาที่ไม่น่าไว้ใจแม้จะเป็นเด็กก็ตาม แต่ก็ถูกเมอร์ลินเอามือขวางไว้ เธอจึงอยู่เฉยๆแต่โดยดี แล้วก็จ้องมองของที่ฟรังซ์นำออกมาไม่วางตา...

          มันคือไม้กางเขนสีทองทั้งอัน ตรงกลางมีรูปสลักรูปหัวใจสีแดงสดนูนขึ้นมาและถูกโซ่พันเอาไว้เฉพาะหัวใจสีแดงนั่น

〖ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณแฟน... นี่หน่ะ คือ 『อุปกรณ์ชุบชีวิต』ยังไงหล่ะครับผม... โอกาสสำเร็จร้อยเปอร์เซนต์ด้วยนา〗

〝ชุบชีวิตงั้นเหรอ!!!! จริงๆงั้นเหรอ!!!?〞

〝ใช่แล้วหล่ะ เพราะงั้นสงบสติอารมณ์หน่อยนะ!〞

          ใบหน้าของมีอากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งในทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เมอร์ลินเองก็ค่อนข้างโล่งใจที่ฟรังซ์ยอมช่วย  แล้วพอทั้งสองคนรู้สึกโล่งใจ ทั้งสองก็ต่างพากันนั่งแบะขากับพื้นในทันที

〖ทั้งสองคนไม่เห็นต้องกังวลแบบนั้นเลยนี่นา... ผมหน่ะจริงๆแล้วไม่อยากให้เขาตายเลยนะ......〗

          ขณะที่ฟรังซ์พูดแบบนั้นออกไป กางเขนในมือของเขาก็ลอยออกไป แล้วไปทาบตรงอกของกรในตำแหน่งที่หัวใจเดิมของเขาอยู่ ซึมลงไปในหัวใจเทียมที่ถูกสร้างโดยออร่าสีขาวดำของเมอร์ลินและฟรังซ์

          ชั่วพริบตานั้น ก็เกิดสายลมหมุนวนขึ้นรอบตัวของกรอีกครั้ง พร้อมกับออร่าสีทอง สีขาวขุ่นและสีดำพวยพุ่งออกจากร่างของเขา แล้วทำการโอบล้อมเขาไว้ทั่วทั้งตัวจนมองไม่เห็นร่าง

          แล้วซักพักนึงที่ออร่าทั้งสามสีหายไปจนปรากฏร่าง... ร่างของกรก็เปล่งแสงสีสายรุ้งสดใสออกมาจนทั้งห้องสว่างไสว แต่ทั้งสามคนก็ไม่ได้เบือนหน้าหรือหรี่ตาลงเลยซักนิด โดยเฉพาะเมอร์ลินและฟรังซ์... เพราะสิ่งที่กำลังเกิดนี้ มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะยอมรับได้นั่นเอง      

〝ฟรังซ์... นายเห็นเหมือนฉันใช่ไหม?〞

〖แน่นอนครับ... 〗

〝กรกำลัง... เกิดการจุติ ครั้งที่ 4〞

          แสงสว่างหลากสีจางลง แต่ตัวของกรยังคงมีแสงสีต่างๆคลุมตัวอยู่ราวกับไข่ที่กำลังจะฟักตัว

〝หมอนี่ทำเรื่องเหลือเชื่ออีกแล้ว!!! ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนเลยแท้ๆ...〞

〖ดูเหมือนผมจะถูกแจ็คพ็อตเข้าแล้วนะครับ... 〗

〝อืม.... ตามที่นายว่ามาเลย... หมอนี่หน่ะ... กรหน่ะ...〞

          เมอร์ลินขยับเข้าไปใกล้กรที่ยังคงนอนหงายท้องหลับตาอยู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พร้อมกับมีอาที่ขยับเข้าใกล้ด้วยความเป็นห่วง แล้วเมอร์ลินก็พูดบางอย่างออกมาจากใจ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับดวงอาทิตย์ที่จะไม่มีวันมอดดับว่า

〝เป็นความหวัง... เป็น『วีรบุรุษ』ที่เรากำลังตามหา!!!!!〞

❖❖❖❖❖

【เริ่มการตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อยืนยันระบบพิเศษ.......】

          เสียงประกาศที่คุ้นเคยได้ดังขึ้นในสติของกรเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ตัวกรที่อ่อนแอที่สุดจะจบชีวิตลง  และเป็นตอนก่อนที่ตัวกรที่แข็งแกร่งที่สุดจะคืนชีพขึ้นมา...

.

.

【ร่างกายเข้าสู่สภาวะการสลายตัวเรียบร้อย.......เข้าเงื่อนไขปกติ】

【ยืนยันเลเวลที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 ซึ่งเป็นขีดจำกัดของเผ่าเทพเจ้า.......เงื่อนไขเสร็จสิ้น】

【โค่นบอสได้ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย.......เงื่อนไขเสร็จสิ้นพร้อมกับเป็นแบบพิเศษ】

【ได้รับความสามารถในการอ่านวงจรเวทย์ก่อนตาย.......เงื่อนไขเสร็จสิ้นพร้อมกับเป็นแบบพิเศษ】

【คัดลอกเวทย์ที่บอสใช้ได้อย่างสมบูรณ์ก่อนตาย.......เงื่อนไขเสร็จสิ้นพร้อมกับเป็นแบบพิเศษ】

【สามารถจำลองร่างกายและรักษาดุลยภาพของร่างกายไว้ได้ในการต่อสู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตาย.......เงื่อนไขเสร็จสิ้นพร้อมกับเป็นแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง】

.

.

.

【ได้รับออร่ามากกว่าสองอย่าง ....ตรงกับเงื่อนไขแบบพิเศษ???】

【สามารถสร้างและผสานศาสตร์หลากชนิดจากศัตรูได้อย่างดีเยี่ยม ....ตรงกับเงื่อนไขแบบพิเศษ???】

【จากความเป็นจริง... สู่ความเป็นจริง... ....ตรงกับเงื่อนไข??????】

.

.

【ตรวจสอบเงื่อนไขทุกข้อเสร็จสมบูรณ์ ....ตรงกับเงื่อนไขแบบ??????】

.

.

【มีการพัฒนาเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว  จึงจะดำเนินการต่อยอดพลังที่มีอยู่ก่อนโดยอัตโนมัติ】

.

.

【การพัฒนาซ้อนเป็นครั้งที่ 3 เสร็จสิ้น!】

.

.

.

.

【เริ่มทำการ『จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง?????? ครั้งสุดท้าย』ได้!】

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 40 :  การเสวนาของเหล่าเพื่อนสนิท

    สายลมฤดูร้อนพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ผ้าม่านในห้องพยาบาลสำหรับทหารในกองอัศวินโบกสะบัด แล้วพอลมสงบ ก็ปรากฏร่างของเด็กสาวนั่งเหยียดขาตรงอย่างเรียบร้อยอยู่ใต้ผ้าห่ม เอนหลังพิงกับหัวเตียง มองออกไปทางหน้าต่างที่เพิ่งมีลมพัดผ่านโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตาซักนิด เด็กสาวที่แม้จะเพิ่งตื่นจากการหลับใหล อยู่ในชุดเดรสติดระบายสีขาวหลวมๆ แต่เนื้อผ้าไม่ได้โปร่งถึงขนาดจะส่องเห็นเนื้อหนังมังสาได้ เด็กสาวที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ถึงจะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่เดิมที่ขี้อาย ก็ค่อนข้างเงียบขรึมและเยือกเย็นขึ้นมา แม้ลมจะพัดเข้ามาเป็นครั้งที่สองของวัน มากระทบกับเปลือกตา แต่เธอก็ยังไม่ยอมหลับตา และจ้องมองออกไปยังอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า เพื่อรอคอยการกลับมาของชายที่ตัวเองรักด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างทับถมกันอยู่ในอก อย่างกระวนกระวายและทรมานก๊อกๆๆ!〝ริน! พวกเราเข้าไปนะ! 〞〝อื้ม!〞 หลังสิ้นคำขออนุญาตด้วนน้ำเสียงที่ฟังแล้วสุภาพและค่อนข้างเป็นทางการ ชาญที่เป็นต้นเสียง อลิซและโชตก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาลส่วนตัวที่มีแค่รินอยู่ข้างในตามลำดับ แ

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 41 :  ขั้วอำนาจทั้งสองในหมู่นักเรียนผู้กล้า

    หลังจากกองทหารของฮันซี่กลับมาจากภารกิจค้นหาตัวกรที่ถูกวาร์ปเข้าไปในมหาดันเจี้ยนโบราณ ก็ผ่านมาแล้วถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่กรชนะทศกัณฑ์และเคลียร์ดันเจี้ยนสุดหฤโหดได้พอดิบพอดี... หากปล่อยไว้นานนักเรียนผู้กล้าทุกคนจะยิ่งระสับระส่าย ดังนั้นพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ฮันซี่จึงเรียกรวมตัวทุกคนแล้วประกาศเรื่องที่กรเสียชีวิตไปแล้วในดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการในทันที และแน่นอนว่านั่นทำให้ทุกคนช็อคมาก แต่ไม่ได้หมายความถึงว่าตกตะลึงเมื่อเพื่อนร่วมโรงเรียนอย่างกรตาย เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบกรมากนัก... แต่เป็นความตกตะลึงจากการที่มีคนตายจากอุบัติเหตุในการฝึก ทำให้ตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกที่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว และกำลังถูกฝึกเพื่อเป็นทหารไปสู้รบกับเผ่าอื่น เนื่องจากนั่นเป็นทางเดียวที่จะได้กลับบ้าน แถมนั่นยังเป็นแค่เรื่องแต่งของพระราชาอีกต่างหาก นั่นจึงทำให้ทุกคนหดหู่ไปนานมากเลยทีเดียว แต่ฮันซี่ก็ไม่ใจร้ายไส้ระกำขนาดที่จะบังคับนักเรียนที่ไม่มีกระจิตกระใจฝึก เขาจึงปล่อยให้ทุกคนจัดการความคิดของตัวเองอยู่นานพอสมควร จนกว่าที่งานศพของกรจะจบลง...❖

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 42 : ความจริงของโลก... ชะตากรรมของจักรวาล...

    ในชั้นลึกสุดของดันเจี้ยนใต้ชั้นที่ 100... มันคือพื้นที่กว้าง มีลักษณะเป็นป่าโปร่ง ที่มีต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจีเรียงรายกันอยู่นับไม่ถ้วน มีแม่น้ำ ลำคลองเล็กใหญ่แซมอยู่ระหว่างทาง ลึกเข้าไปอีกพอประมาณก็จะพบเข้ากับรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าโปร่งรอบด้านราวกับใช้แทนป้อมปราการ ถัดจากรั้วเข้าไป มันคือสวนหย่อมที่ถูกประดับด้วยดอกไม้นานาชนิด และสิ่งปลูกสร้างมากมายไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ รูปปั้น หรือมีแม้กระทั่งโต๊ะน้ำชากลางแจ้งที่มีม่านจากต้นไม้บดบังแสงอาทิตย์ดูร่มรื่นไม่ใช่น้อย และลึกเข้าไปอีกในคฤหาสน์ ทางเดินถูกปูด้วยพรมสีแดงราวกับพระราชวัง มีโคมระย้าแขวนห่างกันเป็นช่วงๆ และไม่ดูรกเกินไป อีกฝั่งหนึ่งคือกระจกบานยักษ์ที่ใช้มองดูวิวนอกคฤหาสน์ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งมีประตูห้องต่างๆ เรียงเป็นแนวยาวตามปกติ ราวกับห้องเรียนที่อยู่ชิดติดระเบียงยังไงอย่างงั้น จนถึงสุดทางเดิน มีประตูของห้องๆหนึ่ง เปิดแง้มออกมา โดยมีแสงอาทิตย์ยามเช้าเล็ดรอดออกมาพร้อมกัน ภายในนั้นได้รับการตกแต่งอย่างโอ่อ่า ไม่ว่าจะโคมระย้าสีทองอร่ามที่แขวนอยู่กลางห้อง หรือว่าจะเป็นพวกเครื่องเรือ

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 43 : คนจนจะยิ่งจน คนรวยจะยิ่งรวย

    หลังจากที่กรสามารถเคลียร์หนึ่งในมหาดันเจี้ยนโบราณ ที่มีระดับความยากสูงที่สุดในโลกได้สำเร็จ กรจึงได้รับรู้ถึงความจริงของโลก.... ไม่สิ ของจักรวาลจากปากของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรงซึ่งก็คือฟรังซ์ ออลเดลที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนแห่งนี้ จอมมารยังคงมีชีวิตอยู่ และถูกผนึกไว้เท่านั้น แถมผนึกที่ว่ายังอยู่ได้อย่างน้อยอีกแค่ 6 เดือน... นั่นคือ ความเป็นจริงที่น่าหวาดหวั่น... พลังของจอมมารนั้น มีมากมายมหาศาลถึงขนาดที่ว่าทำให้ดวงดาวหลายสิบดวงแตกสลาย รวมถึงยังทำให้ดาวของพวกเทพล่มสลายลงได้อีก... แทบจะไม่ต้องคิด... เมื่ออยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว กรจึงตัดสินใจที่จะปกป้องสิ่งสำคัญที่อยู่ในมือก่อนเหนือสิ่งอื่นใด และตัดสินใจเป็นคนรับหน้าเพื่อปราบจอมมารในทันที เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ทุกอย่างที่สำคัญรวมถึงจักรวาลแห่งนี้ คงจะล่มสลายลงด้วยน้ำมือของจอมมารเป็นแน่.......ผั๊ว! ผั๊ว! ผั๊ว! ผั๊ว!——————— เสียงแปลกๆที่เกิดจากวัตถุบางอย่างกระทบกัน ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากชั้นใต้ดินของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางชั้นที่ 101 ซึ่งเป็นอยู่พักอาศัยข

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 44 : สวรรค์ในห้องอาบน้ำ

    〝『ค่าสิทธ์』 เหรอ?〞 พอกรเลื่อนหน้าต่างที่ดูน่าสงสัยนี้มาอยู่ตรงกลางทัศนวิสัย เมอร์ลินที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะถูกเลื่อนมาอยู่ในขอบเขตที่เธอมองเห็นได้ จึงถามออกมาด้วยความสงสัยเช่นกัน แล้วไม่รอช้า... กรรวมถึงมีอาและเมอร์ลิน... แม้แต่เคลเบรอสและฟรังซ์ที่ยื่นหน้าเข้ามาดูจากทางด้านหลังเองก็ทำการอ่านรายละเอียดที่เขียนอยู่บนหน้าต่างนี้ในทันทีเช่นกัน... หน้าต่างค่าสิทธ์1 - ???????????2 - ?????, ดาวเคราะห์3 - พระเจ้า ดันเจี้ยนมาสเตอร์ มอนสเตอร์และบอสในดันเจี้ยน (ระดับ SS ขึ้นไป)4 – เผ่าเทพเจ้าและตัวตนระดับสูง (เช่น เทพตกสวรรค์ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ปีศาจ)5 – มอนสเตอร์ในดันเจี้ยน (ระดับ A ขึ้นไป แต่ไม่ถึงระดับ SS)6 - มอนสเตอร์และบอสนอกดันเจี้ยนทั้งหมด (ระดับ A ลงไป)7 - ผู้ปกครองแผ่นดิน8 - สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาทุกประเภท9 – ทาสและสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญา*หมายเหตุ : การตั้งค่าทุกอย่าง ถูกขยายขอบเขตให้สามารถตั้งค่าบุคคลอื่นในแบบเดียวกับที่ตั้งค่าให้กับตัวเองได้ทุกอย่างปล. สีเขียว คือ กลุ่มที่มีค่าสิทธิ์ต่ำกว่าผู้ใช้ เป็นกลุ่มที่สามารถตั้งค่าได้ทุกอย่าง

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 45 : การปฏิเสธตัวเองในอดีต ก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธตัวเองในตอนนี้ด้วยเช่นกัน

    เรื่องราวของแม่ทัพคนที่ 7 งั้นเหรอ?จะว่าไปแล้ว เรื่องที่ฟรังซ์ ออลเดลเล่าครั้งแรกนั่นก็มีกล่าวถึงเหมือนกันนี่... ถึงจะพูดถึงแค่ครั้งเดียวเองก็เถอะถ้าจำไม่ผิด... เจ้านั่นบอกว่าแม่ทัพที่สู้กับจอมมารหน่ะมี 7 คน แล้วต่อมา 6 ใน 7 คน ได้กลายเป็นมหานักปราชญ์....เราเองก็คาใจมาตลอดว่าอีกคนนึงคือใคร... เพราะจาก 6 คน ก็มีพระเจ้าคนนึง กับดันเจี้ยนมาสเตอร์อีก 5...เราเองก็หาหนังสือแบบเดียวกันมาตลอด แต่ไม่มีถูกกล่าวถึงเลยซักนิด เหมือนกับมีคนจงใจลบข้อมูลส่วนนั้นออกไปเลย...แต่ถือวิสาสะเอามาอ่านเองแบบนี้นี่ ยัยนั่น.... เมอร์ลินจะโกรธรึเปล่าเนี่ย... แถมในส่วนลึกของจิตใจ เรากลับรู้สึกว่า ไม่ควรไปแตะต้องมันซะนี่... กรที่กำลังลังเล พยายามก้าวเท้าขวาเข้าไปข้างในห้องแต่ก็ต้องชักเท้ากลับออกมาเพราะรู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็เข้าครอบงำอีกครั้งเขาจึงก้าวเท้าเข้าไปอีก แล้วพอมาคิดดูว่าเมอร์ลินจะรู้สึกยังไงที่โดนรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาติ กรก็ชักเท้าหนีอีกจนไม่ได้เข้าไปเสียที จนแม้จะผ่านไปถึง 5 นาทีเขาก็ยังคงทำแบบนั้นอยู่ด้านหน้าห้องของเมอร์ลิน จนกระทั่ง...〝ทำอะไร

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 46 : ออกเดินทาง (จบบทที่ 1)

    ——— 3 วันต่อมา กิจวัตรประจำวันเมื่ออยู่คฤหาสน์ของกรยังคงดำเนินต่อไป ด้วยตารางการฝึกของฟรังซ์เพื่อ『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』 ด้วยความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วของกร... บัดนี้เขาสามารถควบคุมจินตนาการได้จนเกือบสำเร็จแล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ส่วนผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ....ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! 〝อ้าว ๆ !!! คราวนี้ลองรับดาบข้าดูเจ้าหนู!〞 กรในตอนนี้กำลังต่อสู้กับวิชาดาบสุดร้ายกาจของเคลเบรอสในร่างลุงวัยกลางคนสวมชุดพ่อบ้านเช่นเคย สเต็ปการก้าวเท้าหลบของกรนั้นช่างลื่นไหลราวกับกำลังเต้นลีลาศด้วยการกระหน่ำโจมตีของเคลเบรอส แต่ด้วยความร้ายกาจของเคลเบรอสทำให้มีวิถีดาบจำนวนหนึ่งเล็ดรอดออกมาได้ กรจึงใช้มือปัดป้องออกอย่างง่ายดาบราวกับเป็นเพียงของเล่น กรที่อยู่ในชุดฝึกนั้นเรียกได้ว่าไร้อาวุธอย่างแท้จริง จะมีก็แต่ร่างกายที่ถูกคลุมด้วยออร่าสีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น ที่ใช้แทนกันได้... แม้จะเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งก็ยังพอสูสีได้ เพียงแต่ว่า...ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! 〖อย่าลืมว่าย

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 47 : เริ่มใช้ชีวิตแบบตัวเอกในนิยายแฟนตาซีเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาซักที (เริ่มบทที่ 2)

    บทที่ 2 『 Basilius Kingdoms Crisis 』วิกฤตบาซีเลียส❖❖❖❖❖ครืด!——— ครืด!——— ครืด!——— ท่ามกลางความร่มรื่นของบรรยากาศยามบ่ายที่ไม่ร้อนเกินไปนักของถนนลูกรังสีน้ำตาลอ่อนซึ่งมีผืนหญ้ายาวสุดลูกหูลูกตาและมีไม้ยืนต้นขนาดปานกลางแซมอยู่เป็นพักๆ ได้มีเสียงของอะไรบางอย่างกำลังถูกลากไปตามทางของด้วยเสียงประหลาดๆแฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! เสียงหายใจหอบของคนที่เป็นต้นเสียงดังอย่างต่อเนื่องมาได้พักใหญ่ๆ... เมื่อโฟกัสไปยังต้นเหตุดังกล่าว ก็จะพบเข้ากับเด็กหนุ่มที่เป็นสาเหตุคนนั้นกำลังเดินลากเท้าไปตามพื้น แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มเดินลำบากนั้นมาจากหญิงสาวที่กำลังเหนื่อยอ่อนเพราะเป็นลมแดด? ซึ่งเขากำลังแบกอยู่ด้านหลังต่างหาก เหงื่อของเด็กหนุ่มไหลลงมากองที่คอด้วยความร้อนจากทั้งแรงกดทับของหญิงสาวและความร้อนจากแสงอาทิตย์ เลยทำให้ความร้อนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ท่าทีของทั้งสองคนนั้นเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะเรียกว่ากำลังเดินทางเข้าเมือง เพราะใบหน้าทรมานของทั้งสองคนมันเหมือนกับกำลังเดินทางไปสู่นรกมากกว่า(ฮาๆ) แตกต่างจากเด็กสาวที่เดินอยู่ข้

    Last Updated : 2025-04-11

Latest chapter

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 215 : สาวน้อยธรรมดา?เองก็อยากสร้างคุณค่าของตัวเองเหมือนกัน (Rachel and Rita have a Date)

    ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 214 : สาวน้อยธรรมดา?เองก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือนกัน (Lilith and Karen have a Date)

    หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 213 : สาวน้อยอ่อนประสบการณ์เองก็มีเรื่องที่อยากลองเหมือนกัน (Mine and Rebecca have a Date)

    เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 212 : สาวน้อยผู้ร่าเริงเองก็มีเรื่องที่คิดมากเหมือนกัน (Flora and Umina have a Date)

    หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 211 : สาวมากประสบการณ์เองก็มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากเหมือนกัน (Jenny and Helena have a Date)

    ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 210 : สาวมั่นเองก็มีเวลาที่อยากจะอ้อนเหมือนกัน (Silvia and Fiona have a Date)

    ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 209 : สาว ๆ ก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน (Cordiria has a Date)

    “ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 208 : หลังออกกำลังย่อมต้องการการพักผ่อน

    ————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 207 : ประกายแสงสีรุ้ง

    ————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status