“ใครจะมองหนูอย่างไรแม่ไม่สนใจ ถึงบ้านใหญ่เซียวจะจน แต่ไม่เคยขอใครกิน ไม่เคยทำร้ายใคร เราก็อยู่แต่เราก็พอนะลูก แต่เมื่อไรที่พวกเรามีเหลือพอจะแบ่งปัน แม่ก็อยากให้หนูแบ่งให้พ่อและพี่ชายใหญ่ของหนู อย่างไรทั้งสองคนก็คือครอบครัวนะลูก”
เธอไม่อยากให้ลูกสะใภ้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนอกตัญญู อย่างน้อย ๆ ชุยหลายก็เป็นเพื่อนรุ่นน้องของสามีเธอ
“ขอบคุณมากนะคะแม่” ชุยเหมยฮวารู้สึกอิ่มเอมและอบอุ่นในหัวใจ เธอคิดไม่ผิดที่จะยืนหยัดอยู่กับครอบครัวของสามี
ชาวบ้านได้มองภาพนี้รู้สึกเกิดความสงสารชุยเหมยฮวาขึ้นมา เมื่อคิดว่าที่ว่าที่ผ่านมานั้นคงจะโดนแม่เลี้ยงและน้องต่างแม่กลั่นแกล้งจนต้องเผยนิสัยร้ายกาจให้เห็น
“เมื่อก่อนทำดีกับลูกเลี้ยงต่อหน้าคนอื่น ฉันก็เห็นเหมยฮวาคล้อยตามนางเมิ่งเสียตลอด สงสัยโดนขู่มาตั้งแต่เด็ก พอมีสามีและแม่สามีรักด้วยใจจริง จึงรู้ว่าที่ผ่านมานั้นเป็นความรักจอมปลอมของนางเมิ่งเสียมอบให้ ดีแล้วล่ะเหมยฮวา หล่อนมีแม่สามีที่ดี ฉันดีใจด้วย”
นางจื่อซื่อเห็นใจในโชคชะตาของชุยเหมยฮวาขึ้นมาดื้อ ๆ ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็ส่ายหน้าให้กับสองแม่ลูกอย่างนางเมิ่งเสียและชุยเผยหราน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปทำงานของตัวเองเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรร้ายแรง
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันหมดแล้ว ชุยเหมยฮวาจึงเดินเข้าหาสองแม่ลูกอีกครั้ง “อย่าคิดว่าเล่นละครเป็นคนเดียว ฉันร้ายแต่ร้ายต่อหน้าไม่เล่นลับหลังใคร แต่เพราะการกระทำของพวเธอทำให้ฉันเล่นละครเป็น ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ฉันจะนับหนึ่งถึงสามหากยังไม่กลับไป คราวนี้ทั้งสองคนได้โชคเลือดแน่ จำไว้!”
นางเมิ่งเสียและชุยเผยหรานกลัวแววตาของชุยเหมยฮวา ทั้งสองไม่ต้องรอให้เริ่มนับก็รีบวิ่งออกจากบ้านใหญ่เซียวแบบไม่เหลียวหลัง
“ฮ่า ๆ ๆ” ชุยเหมยฮวาและนางเมิ่งหลานสองแม่สามีกับลูกสะใภ้หันมามองหน้ากันและหัวเราะสุดเสียง
“สองคนนี้ต้องเจอแบบนี้แหละค่ะ”
“แล้วจิกมือตัวเองจนเลือดซิบขนาดนั้นเจ็บไหม ไปทำแผลก่อนดีกว่า” นางเมิ่งหลันห่วงลูกสะใภ้ ไม่น่า ทำให้ตัวเองเจ็บเลย
“ไม่เจ็บหรอกค่ะแม่ ฉันทายาและปิดแผลไม่นานก็หายแล้ว” ชุยเหมยฮวามีปลาสเตอร์ยาในมิติ ในห้องนอนและห้องทำงานของเธอนั้นมีอุปกรณ์ทำแผลทุกอย่างเพราะชาติก่อนเธอซุ่มซ่ามอย่าบอกใครเชียว
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นแม่ให้อาหารไก่ กับไปดูแปลงผักข้างบ้านก่อนนะ อย่าลืมทำแผลด้วยล่ะ” นางเมิ่งหลัน กล่าวจบจึงเดินไปทางเล้าไก่ข้างบ้าน ปล่อยให้ลูกสะใภ้เข้าไปทำแผลเอง ส่วนตัวเองกลับไปจัดการงานที่คั่งค้างต่อ
เวลาผ่านเลยมาจนเกือบเย็น ชุยเหมยฮวาจึงเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารให้กับทุกคน เธอตั้งใจทำผัดไทยแสนอร่อยสูตรของเธอ น้ำซอสนั้นเธอคิดค้นมาด้วยตนเอง อีกทั้งยังโรยด้วยกากหมูตบท้าย สูตรนี้อร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ นอกจากผัดไทยแล้วเธอยังทำหมูสามชั้นคั่วพริกเกลืออีกอย่าง รวมถึงผลไม้ตบท้ายเพื่อให้ทุกคนล้างปาก ในระหว่างที่กำลังปรุงรสชาติของผัดไทยแต่สิ่งที่เธอลืมหยิบออกมาจากมิติคือซอสสูตรพิเศษของเธอ
“แย่จัง ดันลืมซอสสุดพิเศษเสียได้ แล้วนี่จะเป็นผัดไทยได้อย่างไร”
ชุยเหมยฮวาเคาะหน้าผากหนึ่งครั้งให้กับความขี้หลงขี้ลืมของตน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้ซอส ดังนั้นจึงมองซ้ายมองขวา จนคนที่แอบมองอยู่ต้องรีบหลบ เมื่อเห็นว่าอยู่คนเดียวและไม่มีใครชุยเหมยฮวาจึงเอาซอสออกมาจากมิติ ทำให้เซียวหย่งเสียนที่มองอยู่ตกใจไม่น้อย แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้ และรู้ว่าหญิงสาวที่ทำอาหารอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ภรรยาตัวเองอีกแล้ว
เขาไม่รู้ว่าชุยเหมยฮวาคนเดิมนั้นไปไหน แม้ว่าจะไม่ได้ผูกใจรักใคร่ แต่อย่างไรก็คือภรรยาของเขา อย่างน้อยต้องสอบถามเพื่อความกระจ่าง แต่ถ้าหากเทียบกับภรรยาคนเดิม จะว่าเขาเห็นแก่ตัวหรือเป็นคนเลวก็ได้ ความรู้สึกลึก ๆ เขาอยากให้คนตรงหน้าเป็นภรรยาของเขาต่อไป
ชุยเหมยฮวาไม่รู้เลยว่าความลับของตนเองนั้นโดนเห็นพร้อมหลักฐานไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาหารด้วยรอยยิ้มและความสุขพร้อมกับร้องเพลงไปด้วยเหมือนที่เคยทำชาติก่อน
ถ้าจะไม่พูดถึงเซียวหมิงหย่วนก็คงไม่ได้ ตอนนี้เธอเองก็แต่งงานกับลู่จื่อฉี และกำลังท้องลูกคนแรก แต่กว่าที่ทั้งสองคนจะตกลงปลงใจกันได้ ชุยเหมยฮวาเธอทั้งช่วยเข็นช่วยดันไม่น้อยเพราะลู่จื่อฉีมักคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม อีกทั้งอาสะใภ้รองคอยกีดกันอยากให้ลูกสาวได้คนที่มีหน้ามีตากว่านี้ ส่วนเซียวเจี้ยนซูก็แต่งกับพนักงานของร้านเหมยฮวา เธอและสามีเคยบอกว่าจะให้สูตรอาหารเพื่อให้ทั้งสองคนได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่สองพี่น้องบอกว่าแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้วส่วนไร่ผลไม้ของสองตระกูลเริ่มผลิดอกออกผล แต่บางอย่างก็ต้องรอให้เต็มวัยก่อนจะเก็บผลผลิตไปขายได้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชุยเหมยฮวาพูดไว้ ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ไม่มีหนี้สินมีเพียงกิจการเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะนี่คือความสุขที่แท้จริง“ในที่สุดสองแสบก็หลับเสียที”เซียวหย่งเสียนแทบจะปาดเหงื่อเมื่อต้องเอาลูกน้อยทั้งสองคนเข้านอน หน้าที่นี้เขาขอทำเองตั้งแต่ลูกเกิด ชายหนุ่มรู้สึกว่าแค่ภรรยาต้องอุ้มทองและเจ็บท้องคลอดก็พอแล้ว อะไรที่ทำได้เขายินดีที่จะทำ“เหนื่อยไหมคะ ทำงานเสร็จกลับมาบ้านยังต้องช่วยหนูเลี้ยงลูกอีก” ไม่ใช่ไม่เห็นใจสามีที่เหนื่อยจากงานแล้วต้อ
การใช้ชีวิตใจฐานะของพ่อและแม่ดำเนินไปอย่างมีความสุข แม้ว่าเซียวหย่งเสียนจะต้องไปดูร้านทั้งสองแทนภรรยาก็ตาม เมื่อเสร็จงานเขาก็จะรีบกลับมาหาลูกและภรรยา จนภาพพวกนี้ชินตากับลูกน้องและคนในครอบครัวเด็กน้อยทั้งสองคนเติบโตทุกวันจนอายุครบสามขวบ ความซนและความแสบไม่มีใครเกินใครเหมือนกับวันนี้“แม่ฮะ วันนี้พ่อจีบฉาว” เซียวคุนหยางหรือว่าหยางหยางวิ่งตัวกลมเข้ามาฟ้องแม่คนสวยของตัวเอง“หยุดเลยนะหยางหยาง พ่อยังไม่ได้ทำอย่างที่ลูกพูดสียหน่อย อยากให้พ่อโดนแม่ไล่มานอนนอกห้องหรือยังไง”คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วช่างหาเรื่องให้เขาเสมอ ไม่รู้ได้ความแสบมายังไง“ไหนหยางหยางลองเล่าให้แม่ฟังสิครับ ว่าพ่อของลูกจีบสาวที่ไหน”“จีบที่ร้านที่อาเจี้ยนซูดูแลอยู่ฮะ ฉาวสวยมาก”ชุยเหมยฮวาหันมองหน้าสามีตาเขียว ก่อนจะมาตั้งใจฟังลูกชายเล่าต่อ“ฉาวชื่อ ป้าเจียงเย่วฮะ ป้าเอาบัญชีมาให้พ่อแทนลุงฉงซาน ฮ่า ๆ”นั่นปะไร เชื่อได้ที่ไหนกับความกวนของลูกชาย ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นพ่อกับลูกหรือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันแน่“เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ร้านขนมตกแต่งเสร็จหรือยัง”นอกจากร้านอาหาร เธอเริ่มที่จะสร้างร้านขนมอีกด้วย ตอนนี้จึงเหลือเพียงตกแต่ง
บทส่งท้ายความสุขของครอบครัวเซียวหย่งเสียนมารอที่ห้องพักนานแล้ว ยังไม่เห็นภรรยารักตามเข้ามา ใจเขาเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง แต่ไม่นานพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข็นคนป่วยเข้ามา“ตอนนี้คนไข้ยังไม่ตื่นนะคะ รออีกสักหน่อย แต่ปลอดภัยแล้วค่ะ” ดูจากสีหน้าของคนเป็นสามีพยาบาลวัยกลางคนจึงบอกด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณมากครับ”เซียวหย่งเสียนหันมาขอบคุณพยาบาล ก่อนจะเดินไปยืนข้างภรรยารักที่กำลังนอนอยู่ สายตาที่มองช่างอ่อนโยน ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ จนนางหลินหลานอดที่จะปลื้มใจความรักของทั้งสองคนได้“เดี๋ยวแม่ขอไปดูหลานก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา ลูกจะไปด้วยไหม” ในเมื่อลูกสะใภ้ยังไม่ตื่น เจ้าหน้าที่คงยังไม่พาหลานทั้งสองคนมา เธอจึงขอไปดูด้วยตัวเองก่อน“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมขออยู่กับเสี่ยวฮวาดีกว่า เดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร”นางหลินหลานพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดูหลานรักทั้งสองคน“หิวน้ำ” เสียงอันอิดโรยของชุยเหมยฮวาดังขึ้น ทำให้เซียวหย่งเสียนตื่นตัวอีกครั้งและรีบไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาป้อนภรรยารัก“ค่อย ๆ กินนะครับ เดี๋ยวสำลัก”“ขอบคุณมากค่ะ หนูอิ่มแล้ว”เซียวหย่งเสียนวางแก้วไว้ตรงโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาแทรกตัวข
เจ้าใหญ่ นั่งก่อนเถอะ เสี่ยวฮวาอยู่กับหมอแล้วไม่เป็นอะไรหรอก” นางหลินหลานอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้ เธอมองตามไปมาตอนนี้เริ่มจะหน้ามืดแล้วเหมือนกัน“ผมเป็นห่วงครับแม่ เสี่ยวฮวาเข้าไปนานแล้ว หมอยังไม่ออกมาบอกเลย ผม...ผมกลัว”แค่ได้ยินเสียงที่เจ็บปวดของภรรยารัก เขาแทบจะไม่อยากให้คลอดลูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เขาขอเจ็บแทบดีกว่า แค่เห็นน้ำตาเธอเขาก็ใจสลายแทน“เจ้าใหญ่มานั่งนี่”เธอกวักมือเรียกให้ลูกชายมานั่ง เซียวหย่งเสียนไม่อยากขัดจึงเดินมานั่งข้าง ๆ นางหลินหลานจึงจับมือลูกชายมาตบหลังมือเบา ๆ และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน“ฟังแม่นะ ลูกผู้หญิงทุกคนเมื่อแต่งงานย่อมต้องเจอเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่เมื่อเห็นหน้าลูกย่อมหายเจ็บและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากหากเทียบกับความเจ็บที่เจอมา เสี่ยวฮวาคนนี้ย่อมต้องผ่านมันไปได้ เธอรู้ดีว่ามีครอบครัวและสามีที่ดีเช่นลูกรออยู่ เธอไม่มีทางไปไหนแน่นอน”เซียวหย่งเสียนได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของแม่ แผ่นหลังของชายหนุ่มเย็นไปหมด แม่พูดเช่นนี้เท่ากับท่านรับรู้มาตลอดว่าชุยเหมยฮวาไม่ใช่คนเดิม เขาจึงหันมองหน้าแม่อย่างตื่นตกใจ“แม่รู้...”“อย่าลืมว่าพ่อของลูกกับพ่อของเสี่ยวฮ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ท้องได้สองเดือนแล้ว” คุณหมอกล่าวหลังจากตรวจเสร็จ ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็มาเสียทีตอนนี้ครอบครัวเขาสมบูรณ์แล้วจากนั้นคุณหมอจึงบอกวิธีการดูแลคนท้องให้กับสองสามีฟังอย่างละเอียด แต่มีเหรอที่เซียวหย่งเสียนจะไม่ถามเรื่องการแสดงความรักกับภรรยา“ยังคงปฏิบัติได้เหมือนเดิมค่ะ เพียงแค่รอให้พ้นช่วงสามเดือนแรกไปก่อน แต่หลังจากนั้นยังคงต้องระวังความรุนแรงสักเล็กน้อย จนกว่าจะใกล้กำหนดคลอด”คุณหมอใบหน้าเกิดริ้วแดง ไม่คิดว่าสามีคนไข้ท่านนี้จะถามออกมาตรงๆหลังจากรับยาบำรุงสองสามีภรรยาจึงกลับมาที่ร้านเพื่อบอกข่าวดีแก่ทุกคน“เสี่ยวฮวา น้องกำลังท้องอยู่นะ เดินเหินระวังด้วยสิ” เซียวหย่งเสียนปวดหัวมากกับความดื้อรั้นของภรรยารัก“พี่หย่งเสียน หนูท้องนะไม่ได้ป่วยพี่จะไม่ให้หนูทำอะไรเลยไม่ได้ ฮือ...พี่ไม่รักหนูแล้วใช่ไหม พี่เลยดุหนูตลอด หนูแค่เดินมาหาทุกคนเท่านั้นเอง” ชุยเหมยฮวาน้ำเสียงสะอื้นตอบกลับ เธอไม่รู้อารมณ์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่โดนดุเล็กน้อยเธอก็น้ำตาซึมแล้ว“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ใช่พี่ไม่รักหนู แต่เพราะรัก พี่จึงเป็นห่วง ครั้
ชุยเหมยฮวายิ้มรับก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวหรอกป้า แต่ทุกคนต่างหากที่ร่วมด้วยช่วยกันจนมีวันนี้ ฉันเองก็ต้องขอบคุณพี่หย่งเสียนที่ยอมแต่งกับหญิงร้ายกาจเช่นฉัน พอวันหนึ่งที่ฉันคิดได้จึงรู้ว่าอะไรและใครสำคัญที่สุด ฉันเลยคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่รัก”ชาวบ้านได้แต่ยิ้มให้ จากนั้นชุยเหมยฮวาจึงเดินดูความเรียบร้อยในส่วนอื่น ๆ ก่อนจะเดินมาหาสามีที่ยังนั่งดื่มกินกับเจ้าบ่าวและกลุ่มของเพื่อนที่มาจากในอำเภอและในหมู่บ้าน“พี่หย่งเสียน หนูจะเข้าไปหาพี่สะใภ้ พี่เองก็อย่าแกล้งพี่ใหญ่มากล่ะ เดี๋ยวจะเมาแล้วไม่ได้เข้าหอ”“พี่ไม่แกล้งพี่สัญญา เพราะคืนนี้พี่ต้องเข้าหอด้วยเหมือนกัน”เมื่อเจอการหยอกล้อของสามีใบหน้าของหญิงสาวจึงแดงขึ้นเพราะความเขินอายและรีบเดินจากไปทันทีชุยเหมยฮวาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้อีกสักพักก่อนจะกลับไปจัดการอาหารที่บ้านใหญ่เซียวเพราะเดี๋ยวจะมีชาวบ้านมาขนไปที่บ้านชุย เพื่อนำไปแจกจ่าย และรอสามีรักกลับมาเข้าหอกับเธอเหมือนพี่ชายและพี่สะใภ้วันเวลาผ่านไปจนวันที่รอคอยของชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมาถึงเสียที ภัตตาคารเซียวเหมยเปิดทำการแล้ว พิธีเปิดในวันนี้เซียวจ้า