“โอ๊ย! ทำไมปวดหัวจัง” เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวจี๊ดที่แทบจะระเบิด
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่ฉันยังไม่ตาย? ฉันขับรถชนตอหม้อตายแล้วนี่น่า ทำไมยังมีเนื้อหนังเหมือนคนปกติแบบนี้ล่ะ”
ก่อนจะมีภาพความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอผุดเข้ามายิ่งกว่าการฉายภาพยนตร์ เธอรู้แน่ชัดแล้วว่าเธอทะลุมิติเข้ามาในร่างของชุยเหมยฮวา ร่างนี้แต่งงานแล้วสามีชื่อเซียวหย่งเสียน แต่งงานเมื่อสามเดือนก่อน เพราะความผิดพลาดบางอย่างจนทำให้ต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก
มีพ่อสามีชื่อเซียวจ้ายซวน และแม่สามีชื่อหลินหลาน ทั้งสองท่านแม้จะรู้ว่าชุยเหมยฮวาร้ายกาจแค่ไหน แต่เมื่อแต่งเข้ามาแล้วก็คือลูกสะใภ้คนหนึ่ง พ่อและแม่สามีจึงดีด้วยไม่น้อย
แต่เพราะความเลวของร่างเดิม พ่อและแม่สามีจึงค่อย ๆ หมดใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ ขนาดว่าบ้านแทบ ไม่มีกินลูกสะใภ้เอาของกลับไปให้แม่เลี้ยงที่บ้านเดิม ท่านทั้งสองคนก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ยอมกินน้ำข้าวต้มแทน เพราะว่าลูกสะใภ้คนนี้คือลูกสาวของสหายรุ่นน้องที่สนิทและรักไม่ต่างคนในครอบครัว
ส่วนเซียวหย่งเสียนเองก็ไม่พูดอะไร ต่อให้ไม่รักแต่แต่งมาแล้วเขาจึงพยายามทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เลว เลวมาก ฉันไม่เคยเห็นใครเลวขนาดนี้มาก่อน มีสามีแต่กลับยังเล่นหูเล่นตากับน้องสามี หากร่างนี้ถึงขั้นนอนแบให้อีตานั่นย่ำยีร่างกาย ฉันจะปาดคอตัวเองตายเสียตอนนี้เลย สรุปแล้วฉันต้องเข้ามาอยู่ในร่างของเธอ ใช่ไหม ชุยเหมยฮวา”
เธอพูดอย่างปลงตกกับตัวเอง ยังดีที่ต่อให้ร่างนี้ร้ายกาจแค่ไหน แต่ไม่เสียตัวให้คนอื่น ไม่งั้นเธอจะขอ ปาดคอตัวเองตายอีกครั้งแน่เพราะรับไม่ได้
เมื่อปรับความคิดและได้ความทรงจำมาครบแล้ว ชุยเหมยฮวาที่มีวิญญาณของสุมิตาจึงเดินออกมาสำรวจบ้าน
“โอ้โห นี่ถ้าเข้าหน้าหนาวแล้วหิมะตกหนัก หลังคาจะตกลงมาทับหัวตายอีกรอบแน่ นี่อะไร ข้าวสาร กรอกหม้อก็แทบไม่มี อาหารอย่างอื่นก็ไม่เหลือ เฮ้อ...เวรกรรมจริง ๆ ที่มีลูกสะใภ้เช่นนี้ เอาว่ะ ในเมื่อมาใช้ร่างนี้แล้วก็ต้องสู้ต่อไป”
เมื่อปรับความคิดและอารมณ์ตัวเองแล้ว จึงคิดว่าควรจะทำอะไรกินดีเพราะทั้งบ้านไม่มีวัตถุดิบให้เธอเลย ก่อนจะเห็นดอกเหมยที่ฝ่ามือ ทำให้เธอคิดว่าตัวเองน่าจะมีมิติเหมือนในนิยายที่เคยอ่านหรือเปล่า จึงหลับตาและตั้งสมาธิเพ่งมอง และแล้วเธอก็เห็นร้านอาหารของตัวเอง มีห้องเก็บของและห้องเย็นด้านหลังร้าน รวมถึงชั้นบนยังเป็นห้องนอนที่เธอใช้ในยุคก่อน
“ดีหน่อยที่มีมิติติดตัวมาด้วย แค่นี้ก็ไม่อดตายแล้ว”
เธอพูดอย่างดีใจ แม้ว่าจะจนหากมีสองมือสองเท้าและไม่ขี้เกียจเธอก็สามารถทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้นได้ ตอนนี้อย่างไรก็ไม่อดตายแล้ว ดีหน่อยที่ยังเช้าทุกคนยังไม่มีใครกลับมาจากไร่นาในที่ดินทำกิน เธอจึงกล้าที่จะเอาอาหารและข้าวสารรวมทั้งเครื่องปรุงต่าง ๆ ออกมาไว้ หากใครถาม ก็ค่อยบอกว่าซื้อมาจากอำเภอตอนที่ทุกคนไปทำงานก็แล้วกัน
จากนั้นจึงก่อไฟตั้งหม้อหุงข้าว วันนี้เธอตั้งใจจะทำอาหารเพียงสองสามอย่าง ในเมื่อพ่อแม่และสามีไปทำงานที่ไร่คงจะเหนื่อยไม่น้อย เธอจึงตั้งใจทำอาหารดี ๆ ให้กิน
เธอหยิบหมูสามชั้นออกมาและตุ๋นด้วยซีอิ๋ว ก่อนจะใส่เครื่องเทศลงไปเรียกง่าย ๆ คือสามชั้นตุ๋นพะโล้ จากนั้นจึงหยิบไก่ออกมาสับและทำแกงไก่อีกหนึ่งอย่าง สุดท้ายคือผัดกระหล่ำปลีใส่กุนเชียง คิดว่าสามอย่างคงพอให้ทั้งสามคนได้กินจนอิ่ม
หลังจากที่ทำทุกอย่างจนเสร็จชุยเหมยฮวาจึงเข้ามิติไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อที่จะเอาอาหารไปหาสามีและพ่อแม่สามีที่ไร่ในที่ดินทำกินอันน้อยนิดที่ทางรัฐแบ่งให้ เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะขอเช่าซื้อที่ดินเพิ่ม
ชุยเหมยฮวาเอากับข้าวทุกอย่างใส่ถ้วยและนำไปใส่ไว้ในตะกร้า พร้อมกับตักข้าวสวยร้อน ๆ ใส่หม้อใบเล็ก จากนั้นจึงเดินออกจากบ้านและปิดประตูอย่างแน่นหนาก่อนจะเดินไปในหมู่บ้านเพื่อไปหาสามีและทุกคน
ระหว่างเดินเธอไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร ในเมื่อนี่คือชีวิตเธอขอแค่ใครอย่ามาหาเรื่องก็พอ แม้ว่า ชุยเหมยฮวาคนนี้จะไม่ร้ายและกลับตัวกลับใจเป็นคนดีเพื่อสามีและครอบครัว แต่ใช่ว่าจะร้ายไม่เป็น
ถ้าจะไม่พูดถึงเซียวหมิงหย่วนก็คงไม่ได้ ตอนนี้เธอเองก็แต่งงานกับลู่จื่อฉี และกำลังท้องลูกคนแรก แต่กว่าที่ทั้งสองคนจะตกลงปลงใจกันได้ ชุยเหมยฮวาเธอทั้งช่วยเข็นช่วยดันไม่น้อยเพราะลู่จื่อฉีมักคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม อีกทั้งอาสะใภ้รองคอยกีดกันอยากให้ลูกสาวได้คนที่มีหน้ามีตากว่านี้ ส่วนเซียวเจี้ยนซูก็แต่งกับพนักงานของร้านเหมยฮวา เธอและสามีเคยบอกว่าจะให้สูตรอาหารเพื่อให้ทั้งสองคนได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่สองพี่น้องบอกว่าแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้วส่วนไร่ผลไม้ของสองตระกูลเริ่มผลิดอกออกผล แต่บางอย่างก็ต้องรอให้เต็มวัยก่อนจะเก็บผลผลิตไปขายได้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชุยเหมยฮวาพูดไว้ ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ไม่มีหนี้สินมีเพียงกิจการเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะนี่คือความสุขที่แท้จริง“ในที่สุดสองแสบก็หลับเสียที”เซียวหย่งเสียนแทบจะปาดเหงื่อเมื่อต้องเอาลูกน้อยทั้งสองคนเข้านอน หน้าที่นี้เขาขอทำเองตั้งแต่ลูกเกิด ชายหนุ่มรู้สึกว่าแค่ภรรยาต้องอุ้มทองและเจ็บท้องคลอดก็พอแล้ว อะไรที่ทำได้เขายินดีที่จะทำ“เหนื่อยไหมคะ ทำงานเสร็จกลับมาบ้านยังต้องช่วยหนูเลี้ยงลูกอีก” ไม่ใช่ไม่เห็นใจสามีที่เหนื่อยจากงานแล้วต้อ
การใช้ชีวิตใจฐานะของพ่อและแม่ดำเนินไปอย่างมีความสุข แม้ว่าเซียวหย่งเสียนจะต้องไปดูร้านทั้งสองแทนภรรยาก็ตาม เมื่อเสร็จงานเขาก็จะรีบกลับมาหาลูกและภรรยา จนภาพพวกนี้ชินตากับลูกน้องและคนในครอบครัวเด็กน้อยทั้งสองคนเติบโตทุกวันจนอายุครบสามขวบ ความซนและความแสบไม่มีใครเกินใครเหมือนกับวันนี้“แม่ฮะ วันนี้พ่อจีบฉาว” เซียวคุนหยางหรือว่าหยางหยางวิ่งตัวกลมเข้ามาฟ้องแม่คนสวยของตัวเอง“หยุดเลยนะหยางหยาง พ่อยังไม่ได้ทำอย่างที่ลูกพูดสียหน่อย อยากให้พ่อโดนแม่ไล่มานอนนอกห้องหรือยังไง”คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วช่างหาเรื่องให้เขาเสมอ ไม่รู้ได้ความแสบมายังไง“ไหนหยางหยางลองเล่าให้แม่ฟังสิครับ ว่าพ่อของลูกจีบสาวที่ไหน”“จีบที่ร้านที่อาเจี้ยนซูดูแลอยู่ฮะ ฉาวสวยมาก”ชุยเหมยฮวาหันมองหน้าสามีตาเขียว ก่อนจะมาตั้งใจฟังลูกชายเล่าต่อ“ฉาวชื่อ ป้าเจียงเย่วฮะ ป้าเอาบัญชีมาให้พ่อแทนลุงฉงซาน ฮ่า ๆ”นั่นปะไร เชื่อได้ที่ไหนกับความกวนของลูกชาย ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นพ่อกับลูกหรือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันแน่“เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ร้านขนมตกแต่งเสร็จหรือยัง”นอกจากร้านอาหาร เธอเริ่มที่จะสร้างร้านขนมอีกด้วย ตอนนี้จึงเหลือเพียงตกแต่ง
บทส่งท้ายความสุขของครอบครัวเซียวหย่งเสียนมารอที่ห้องพักนานแล้ว ยังไม่เห็นภรรยารักตามเข้ามา ใจเขาเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง แต่ไม่นานพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข็นคนป่วยเข้ามา“ตอนนี้คนไข้ยังไม่ตื่นนะคะ รออีกสักหน่อย แต่ปลอดภัยแล้วค่ะ” ดูจากสีหน้าของคนเป็นสามีพยาบาลวัยกลางคนจึงบอกด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณมากครับ”เซียวหย่งเสียนหันมาขอบคุณพยาบาล ก่อนจะเดินไปยืนข้างภรรยารักที่กำลังนอนอยู่ สายตาที่มองช่างอ่อนโยน ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ จนนางหลินหลานอดที่จะปลื้มใจความรักของทั้งสองคนได้“เดี๋ยวแม่ขอไปดูหลานก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา ลูกจะไปด้วยไหม” ในเมื่อลูกสะใภ้ยังไม่ตื่น เจ้าหน้าที่คงยังไม่พาหลานทั้งสองคนมา เธอจึงขอไปดูด้วยตัวเองก่อน“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมขออยู่กับเสี่ยวฮวาดีกว่า เดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร”นางหลินหลานพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดูหลานรักทั้งสองคน“หิวน้ำ” เสียงอันอิดโรยของชุยเหมยฮวาดังขึ้น ทำให้เซียวหย่งเสียนตื่นตัวอีกครั้งและรีบไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาป้อนภรรยารัก“ค่อย ๆ กินนะครับ เดี๋ยวสำลัก”“ขอบคุณมากค่ะ หนูอิ่มแล้ว”เซียวหย่งเสียนวางแก้วไว้ตรงโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาแทรกตัวข
เจ้าใหญ่ นั่งก่อนเถอะ เสี่ยวฮวาอยู่กับหมอแล้วไม่เป็นอะไรหรอก” นางหลินหลานอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้ เธอมองตามไปมาตอนนี้เริ่มจะหน้ามืดแล้วเหมือนกัน“ผมเป็นห่วงครับแม่ เสี่ยวฮวาเข้าไปนานแล้ว หมอยังไม่ออกมาบอกเลย ผม...ผมกลัว”แค่ได้ยินเสียงที่เจ็บปวดของภรรยารัก เขาแทบจะไม่อยากให้คลอดลูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เขาขอเจ็บแทบดีกว่า แค่เห็นน้ำตาเธอเขาก็ใจสลายแทน“เจ้าใหญ่มานั่งนี่”เธอกวักมือเรียกให้ลูกชายมานั่ง เซียวหย่งเสียนไม่อยากขัดจึงเดินมานั่งข้าง ๆ นางหลินหลานจึงจับมือลูกชายมาตบหลังมือเบา ๆ และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน“ฟังแม่นะ ลูกผู้หญิงทุกคนเมื่อแต่งงานย่อมต้องเจอเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่เมื่อเห็นหน้าลูกย่อมหายเจ็บและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากหากเทียบกับความเจ็บที่เจอมา เสี่ยวฮวาคนนี้ย่อมต้องผ่านมันไปได้ เธอรู้ดีว่ามีครอบครัวและสามีที่ดีเช่นลูกรออยู่ เธอไม่มีทางไปไหนแน่นอน”เซียวหย่งเสียนได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของแม่ แผ่นหลังของชายหนุ่มเย็นไปหมด แม่พูดเช่นนี้เท่ากับท่านรับรู้มาตลอดว่าชุยเหมยฮวาไม่ใช่คนเดิม เขาจึงหันมองหน้าแม่อย่างตื่นตกใจ“แม่รู้...”“อย่าลืมว่าพ่อของลูกกับพ่อของเสี่ยวฮ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ท้องได้สองเดือนแล้ว” คุณหมอกล่าวหลังจากตรวจเสร็จ ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็มาเสียทีตอนนี้ครอบครัวเขาสมบูรณ์แล้วจากนั้นคุณหมอจึงบอกวิธีการดูแลคนท้องให้กับสองสามีฟังอย่างละเอียด แต่มีเหรอที่เซียวหย่งเสียนจะไม่ถามเรื่องการแสดงความรักกับภรรยา“ยังคงปฏิบัติได้เหมือนเดิมค่ะ เพียงแค่รอให้พ้นช่วงสามเดือนแรกไปก่อน แต่หลังจากนั้นยังคงต้องระวังความรุนแรงสักเล็กน้อย จนกว่าจะใกล้กำหนดคลอด”คุณหมอใบหน้าเกิดริ้วแดง ไม่คิดว่าสามีคนไข้ท่านนี้จะถามออกมาตรงๆหลังจากรับยาบำรุงสองสามีภรรยาจึงกลับมาที่ร้านเพื่อบอกข่าวดีแก่ทุกคน“เสี่ยวฮวา น้องกำลังท้องอยู่นะ เดินเหินระวังด้วยสิ” เซียวหย่งเสียนปวดหัวมากกับความดื้อรั้นของภรรยารัก“พี่หย่งเสียน หนูท้องนะไม่ได้ป่วยพี่จะไม่ให้หนูทำอะไรเลยไม่ได้ ฮือ...พี่ไม่รักหนูแล้วใช่ไหม พี่เลยดุหนูตลอด หนูแค่เดินมาหาทุกคนเท่านั้นเอง” ชุยเหมยฮวาน้ำเสียงสะอื้นตอบกลับ เธอไม่รู้อารมณ์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่โดนดุเล็กน้อยเธอก็น้ำตาซึมแล้ว“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ใช่พี่ไม่รักหนู แต่เพราะรัก พี่จึงเป็นห่วง ครั้
ชุยเหมยฮวายิ้มรับก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวหรอกป้า แต่ทุกคนต่างหากที่ร่วมด้วยช่วยกันจนมีวันนี้ ฉันเองก็ต้องขอบคุณพี่หย่งเสียนที่ยอมแต่งกับหญิงร้ายกาจเช่นฉัน พอวันหนึ่งที่ฉันคิดได้จึงรู้ว่าอะไรและใครสำคัญที่สุด ฉันเลยคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่รัก”ชาวบ้านได้แต่ยิ้มให้ จากนั้นชุยเหมยฮวาจึงเดินดูความเรียบร้อยในส่วนอื่น ๆ ก่อนจะเดินมาหาสามีที่ยังนั่งดื่มกินกับเจ้าบ่าวและกลุ่มของเพื่อนที่มาจากในอำเภอและในหมู่บ้าน“พี่หย่งเสียน หนูจะเข้าไปหาพี่สะใภ้ พี่เองก็อย่าแกล้งพี่ใหญ่มากล่ะ เดี๋ยวจะเมาแล้วไม่ได้เข้าหอ”“พี่ไม่แกล้งพี่สัญญา เพราะคืนนี้พี่ต้องเข้าหอด้วยเหมือนกัน”เมื่อเจอการหยอกล้อของสามีใบหน้าของหญิงสาวจึงแดงขึ้นเพราะความเขินอายและรีบเดินจากไปทันทีชุยเหมยฮวาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้อีกสักพักก่อนจะกลับไปจัดการอาหารที่บ้านใหญ่เซียวเพราะเดี๋ยวจะมีชาวบ้านมาขนไปที่บ้านชุย เพื่อนำไปแจกจ่าย และรอสามีรักกลับมาเข้าหอกับเธอเหมือนพี่ชายและพี่สะใภ้วันเวลาผ่านไปจนวันที่รอคอยของชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมาถึงเสียที ภัตตาคารเซียวเหมยเปิดทำการแล้ว พิธีเปิดในวันนี้เซียวจ้า