Share

บทที่ 10

เยว่อวิ๋นนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าหัวไชเท้าน้อยที่นางกำลังคิดเลี้ยงดูนั้น กำลังวางแผนที่จะเลี้ยงดูนางในอนาคตเช่นกัน

เนื่องจากฟ้าด้านนอกยังสว่างไม่มากนัก ภายในห้องมีเพียงเแสงสว่างสลัวๆ เมื่อรวมกับกลิ่นอับชื้นอากาศจึงไม่น่าพิสมัยนัก เยว่อวิ๋นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะถือชามข้าวต้มเดินเข้าในห้อง

คนบนเตียงยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม ลมหายใจแผ่วเบายากจะสังเกตก็ยังไม่แปรเปลี่ยน ทว่าเยว่อวิ๋นกลับรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังหลับอย่างท่าทางที่แสดงออก

“ข้านำข้าวต้มมาให้” นางกล่าวพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง “ยาของเจ้าเล่า ไม่มีงั้นหรือ”

บนโต๊ะด้านนอกไม่มียาวางไว้ นางมองหาดูภายในห้องก็ไม่เห็น อาการของอีกฝ่ายย่ำแย่ขนาดนี้ อย่าบอกนะว่ามารดาใจดำของเขาไม่คิดเตรียมไว้ให้

คำถามถูกตอบกลับมาด้วยความเงียบ บุรุษบนเตียงไม่แม้แต่จะขยับลืมตาด้วยซ้ำ เยว่อวิ๋นเลิกคิ้วน้อยๆ ไม่กล่าวอะไรต่อ คนผู้นี้คล้ายมีกลิ่นอายต่อต้านผู้อื่นแผ่ออกมาให้สัมผัสได้

แต่เดิมนางก็ไม่มีนิสัยชอบเอาหน้าร้อนๆ ของตนไปนาบก้นเย็นๆ ของผู้อื่น [1] อยู่แล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าที่ไม่ยี่หระ ความคิดแวบแรกที่ผุดมาคือ หรือว่านางจะปล่อยให้คนผู้นี้ตายไปเช่นนี้เลยดีนะ…

นางแต่งเข้ามาแล้ว ถ้าอีกฝ่ายจากไปนางก็จะกลายเป็นภรรยาม่ายของเซี่ยฉงอวิ๋น บ้านเดิมที่น่ารังเกียจย่อมไม่อาจเข้ามายุ่มย่าม ส่วนทางบ้านเซี่ยเองก็ไม่มีใครอยากแบกรับภาระเลี้ยงดูหญิงม่ายกับบุตรเป็นแน่ สิ่งที่แม่สามีราคาถูกของนางจะทำคงเป็นการเตะส่งแยกบ้านไล่พวกนางสามแม่ลูกออกมา

ชีวิตแบบนั้น มันช่าง…น่าสนใจเสียจริง

ความคิดนี้เปรียบดังกระแสน้ำไหล ลอยผ่านมาแล้วก็ลอยผ่านไป เพราะเจ้าไชเท้าน้อยคู่นั้นไร้มารดาผู้ให้กำเนิด หากต้องมาเสียบิดาอีกคนก็คงจะน่าสงสารแย่

แม้การเป็นภรรยาม่ายสามีตายโดยทิ้งลูกเล็กไว้ให้จะน่าเย้ายวนใจเพียงใด แต่เยว่อวิ๋นก็ตระหนักได้ว่าการมีชีวิตอยู่ของเซี่ยฉงอวิ๋นก็ยังสามารถสร้างประโยชน์ให้นางได้มากกว่าการตายของเขาอยู่สักเล็กน้อย

คิดได้ดังนั้น เยว่อวิ๋นจึงไม่มัวมาคิดเล็กคิดน้อยกับอีกฝ่าย ก็แค่คนป่วยคนหนึ่งมิใช่หรือ ให้มันรู้ไปสิ ว่านางที่อดีตเป็นถึงผู้สืบทอดวิชาแพทย์ของเขาโอสถมีหรือจะจัดการเขาไม่ได้

เซี่ยฉงอวิ๋นยังคงนอนหลับตานิ่ง หูลอบฟังเสียงคนข้างกาย ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้ยินเสียงใดๆ คาดว่าคงจากไปแล้ว

ดูเหมือนว่าเจ้าสาวหมาดๆ ของเขา จะไม่มีความอดทนเลยสักนิด แค่แสร้งไม่ตอบนางก็ผละจากไปไม่รั้งรอ ไม่รู้ว่าในใจสั่งสมความไม่พอใจเอาไว้มากแค่ไหน

ก็จริง ต้องแต่งให้บุรุษป่วยหนักซ้ำร่างกายยังพิการ สตรีปกติที่ไหนจะยินดีกัน

ไม่สิ…ยังมีคนผู้หนึ่ง ที่ไม่ว่าอะไรก็มิอาจสั่นครอนความตั้งใจของนาง ทว่าน่าเสียดายที่เขาจะไม่มีวันได้พบหน้านางอีกแล้ว

เยว่อวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้ใบหน้าผู้ที่อยู่ตรงหน้านางจะถูกปกคลุมไปด้วยหนวดเครารุงรังจนยากจะมองเห็นได้ ทว่ากลิ่นอายบรรยากาศหดหู่ที่แผ่ออกมานั้นเห็นได้ชัด

เพียงแต่ไม่ว่าคนบนเตียงจะมีท่าทีอย่างไร ล้วนไม่กระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของเยว่อวิ๋น นางไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วยามโน้มตัวลงไปพยุงจัดท่าทางให้อีกฝ่ายนั่ง

นางนำหมอนมารองด้านหลังให้เขา หลังจากขยับดูจนแน่ใจว่ามั่นคง จึงหันไปหยิบชามข้าวกับไข่ที่ไม่ร้อนมากแล้วขึ้นมาป้อนเขา

เซี่ยฉงอวิ๋นแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่านางยังไม่จากไป ก่อนจะรู้สึกถึงปลายช้อนที่ยื่นมาจ่อริมฝีปากตัวเอง เขาอ้าปากรับช้าๆ ไม่ดึงดัน ด้วยรู้สึกได้ว่าตอนนี้ต่อให้ตนแสดงท่าทางเมินเฉยอย่างไร คนตรงหน้าก็ไม่สนใจเป็นแน่ ดีไม่ดีนางอาจจับเขาเงยหน้าบีบจมูกเทชามข้าวต้มกรอกเข้าปากแบบรวดเดียวด้วยซ้ำ

อย่าถามเลยว่าเขารู้ได้อย่างไร ก็ความรู้สึกมันบอกเช่นนั้น…

สองสามีภรรยา คนหนึ่งป้อน คนหนึ่งกิน ไม่นานข้าวต้มในชามก็ถูกตักกินจนหมด เยว่อวิ๋นก้มลงมองชามเปล่าในมือตัวเองแล้วเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบเฉย

“ยังต้องการอีกหรือไม่” เมื่อครู่ตอนจัดท่าทางให้เขา นางได้จับชีพจรไปด้วย ถึงรู้ว่ากระเพาะของอีกฝ่ายไม่ค่อยดีนัก

เซี่ยฉงอวิ๋นส่ายหน้า เขาลืมตามองฝ่าความมืดมิดไปยังทิศทางที่มาของเสียง ตอยกลับด้วยน้ำเสียงพึมพำ

“ไม่แล้ว ขอน้ำ”

เสียงทุ้มต่ำแหบพร่านั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เยว่อวิ๋นเหม่อลอยไปชั่วขณะ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเมื่อสังเกตได้ถึงบางอย่าง

“เจ้า… ตาของเจ้า…”

ดวงตาคู่เรียวที่ซ่อนอยู่ใต้ไรผมนั้นสามารถมองเห็นได้เลือนราง แต่เมื่อเพ่งอย่างละเอียดก็จะมองออกถึงความไม่ปกติ

“ใช่แล้ว เป็นอย่างที่เจ้าคิด เหตุการณ์บนเขาคราวนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ข้าไม่สามารถเดินได้ ดวงตาสองข้างก็ยังมองไม่เห็นอีกด้วย”

หลังจากดื่มน้ำ สุ้มเสียงที่แหบพร่าของเซี่ยฉงอวิ๋นก็กลับคืนมาหลายส่วน น้ำเสียงทุ้มเนิบช้ารวมกับท่าทางสบายๆ ของเจ้าตัว สื่อให้รู้สึกถึงความเอื่อยเฉื่อยดุจเมฆาที่เคลื่อนคล้อยกลางสายลมอบอุ่น ราวกับว่าคำที่กล่าวออกมาเมื่อครู่นั้นไม่ใช่เรื่องของคนพูดแต่อย่างใด

หากเป็นสตรีทั่วไปได้ยินแบบนี้ ในใจย่อมไม่ยินยอม ต้องแสดงความโกรธเคืองขุ่นข้อง หรือกระทั่งร่ำไห้ตีโพยตีพายออกมาให้เห็น ทว่าที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมิใช่เยว่อวิ๋น

สิ่งแรกที่นางคิดถึงหลังจากได้ยินเขาบอก ก็คือ เซี่ยฉงอวิ๋นผู้นี้เป็นสามีที่ฟ้าประทานมาให้นางชัดๆ

ก่อนหน้าก็เคยคาดการณ์ไว้แล้วว่าคนผู้นี้จะกลายเป็นคนพิการ ในใจเยว่อวิ๋นที่ต้องการเพียงสามีในนามจึงยอมรับได้การแต่งงานนี้ แม้การดูแลผู้ป่วยที่ต้องนอนบนเตียงจะลำบากไปบ้าง แต่นางก็มีความมั่นใจอยู่หลายส่วน

มายามนี้เมื่อได้ยินว่าเขาตาบอด เยว่อวิ๋นก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องปล่อยให้อีกฝ่ายพิการนอนไปตลอดชีวิต เพราะเทียบกันแล้วคนตาบอดที่ทำกิจวัตรประจำวันได้เอง ย่อมดูแลได้ง่ายกว่าคนป่วยที่นอนขยับตัวไม่ได้มากนัก อนาคตขอเพียงเขาสงบเสงี่ยมอยู่ในที่ของตัวเอง นางก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องไปวุ่นวายด้วย

ใช้เวลาไม่นาน เยว่อวิ๋นก็ครุ่นคิดจนแตกฉานถึงผลได้ผลเสียของเรื่องราว ยิ่งคิดนางก็ยิ่งอารมณ์ดี เบิกบานเสียจนวาจาที่กล่าวปลอบใจสามีในนามยังอ่อนลง ทั้งเจือความจริงใจถึงสองส่วน

“ไม่เป็นไรนะ เหตุการณ์ไม่คาดคิดเหล่านั้นผ่านพ้นไปแล้ว ต่อไปก็นับได้ว่าเป็นดั่งฟ้าหลังฝน มนุษย์เราขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่ไม่ว่าอะไรล้วนเป็นไปได้ ไม่ต้องห่วง ข้าจะหาหมอมารักษาเจ้าให้หายเป็นปกติเอง” แน่นอนว่าหมอที่ว่านั่นย่อมไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวนางเองนี่แหละ

เซี่ยฉงอวิ๋นฟังแล้วอึ้งไปเล็กน้อย เดิมทีที่เขาจงใจเปิดเผยเรื่องอาการป่วยก็เพื่อบีบให้เยว่อวิ๋นเป็นฝ่ายยอมถอยออกไป คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะรับได้ไม่เอะอะโวยวาย มิหนำซ้ำยังเอ่ยวาจาปลอบใจตนอีก

ดูจากการกระทำของนางก็มั่นใจได้แล้วว่านิสัยแตกต่างจากสตรีในบ้านเซี่ยที่เขาพบมา คิดดูแล้วเขาช่างใจแคบ เอาน้ำใจวิญญูชนไปวัดใจคนถ่อย [2] เสียได้

“ขอบคุณ” ความซาบซึ้งปะปนสำนึกผิดแล่นผ่านความคิดเซี่ยฉงอวิ๋น ในประโยคที่กล่าวออกมาจึงลดทอนกลิ่นอายความเหินห่างที่ผลักไสผู้คนให้ออกไปหลายส่วน

เยว่อวิ๋นฟังคำขอบคุณอันเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ พลันนึกกระดากอายอยู่ในใจ หากอีกฝ่ายรู้ว่าเดิมทีนางมีความคิดที่จะปล่อยบิดาตายแล้วแย่งชิงบุตร คำพูดขอบคุณนี้จะยังถูกกล่าวออกมาอีกไหมนะ

“เอ่อ… อา… อ๋อ! ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง”

ไม่ได้! อย่างไรก็ให้รู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรเลยจริงๆ นะ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 344

    “เสี่ยวอวี้ตัวอุ่นมากเลยนะเจ้าคะ ถ้าได้กอดตอนนอนรับรองว่าจะไม่หนาวเลย ถ้าท่านย่าไม่เชื่อก็ลองถามท่านอาคนงามดูได้เจ้าค่ะ”คำพูดไร้เดียงสาของเจ้าตัวเล็กเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าผู้เป็นย่า ทว่ากลับทำให้หลีจวินหน้าแดงกว่าเดิม สุดท้ายเจ้าตัวจึงถูกท่านอาคนงามหิ้วออกไปก่อนจะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น“ฉิงฮวน เจ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 343

    อวิ๋นเอ๋อร์ของนางเป็นถึงฮูหยินน้อยจวนองค์หญิงแท้ๆ กลับไม่มีแม้แต่เครื่องประดับให้สวมใส่สักชิ้น อย่าว่าแต่ตระกูลขุนนางชนชั้นสูงเลย แม้แต่ตระกูลพ่อค้าชนชั้นทั่วไปก็ยังไม่อัตคัดเช่นนี้“ดูจากปิ่นทองนี่ก็รู้แล้วว่าเครื่องประดับที่ขายในตำบลห่างไกลแบบนี้ ทั้งคุณภาพและความสวยงามสู้ที่ขายในเมืองหลวงไม่ได้เล

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 342

    แม่สามีมาเยือนทั้งที แทนที่เขาจะให้สือจิ่วมาบอกนางล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวสักหน่อย กลับปล่อยให้นางหอบเอาสภาพดูไม่ได้มาเจอคน ดูสิคราวนี้นางเลยไม่มีหน้าจะไปเผชิญหน้ากับใครแล้ว “ท่านไม่รู้หรือไงว่าความประทับใจแรกพบมันสำคัญแค่ไหน”เซี่ยฉงอวิ๋นถูกโยนความรับผิดชอบให้อย่างไม่ทันตั้งตัว เขาไหนเลยจะรู้ได้เล่าว

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 341

    “ถึงอย่างไรคุณชายใหญ่ก็เป็นถึงทายาทของท่าน เยว่ซื่อนางเป็นเพียงหญิงในชนบทที่ไร้การศึกษา...” สตรีเช่นนี้จะคู่ควรกับผู้สืบทอดจวนองค์หญิงได้อย่างไรกันมู่หรงเซียนไม่ได้ตอบกลับประโยคของแม่นมเซียง นางครุ่นคิดถึงท่าทางของลูกสะใภ้ที่เพิ่งพบหน้าเมื่อครู่ ในดวงเนตรหงส์พลันเปล่งประกายวาววับเด็กสาวคนนั้นภายนอ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 340

    ก่อนหน้านี้เซี่ยฉงอวิ๋นได้เคยเล่าให้เยว่อวิ๋นฟังไว้ก่อนแล้ว ถึงฐานะที่แท้จริงของบิดามารดาในชาตินี้ของเขา แน่นอนว่าผ่านชีวิตมาชาติหนึ่ง เยว่อวิ๋นผู้เคยรับพี่ชายรูปงามที่เคยช่วยเหลือเพราะถูกใจในหน้าตาของเขาย่อมไม่รู้สึกคัดค้านอะไรในตัวตนสามีเพียงแต่...เหตุการณ์นี้มันคนละกรณีกันนะ!เห็นภรรยาส่งสายตาค

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 339

    “ในเมื่อบิดากับมารดาหย่ากัน ท่านก็ต้องคืนสินเดิมให้ท่านแม่ข้าด้วยสิ” อย่างไรเสียหลิวอิงก็เป็นบุตรสาวคนเดียวของสามีภรรยาบ้านรอง ตอนที่นางแต่งงานลุงของนางจึงได้มอบสินเดิมให้ติดตัวมาจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งข้าวของเหล่านั้นหลังจากแม่เฒ่าเยว่รู้ก็ได้ยึดเอาไปเป็นของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้เยว่อวิ๋นสอบถามกับหลิวอิง

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status